พวกเรากำลังอยู่ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในเครื่องมือการทำงานทุกประเภท รวมถึงแพลตฟอร์มอย่าง Asana ที่เพิ่มฟีเจอร์ Asana Intelligence (Asana AI) เพื่อช่วยให้ทีมทำงานเร็วขึ้น มีข้อมูลครบและตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น
แต่หัวใจสำคัญของการใช้งาน AI ให้ได้ผลจริง ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว มันอยู่ที่สิ่งที่เราสั่งให้ AI ทำหรือที่เรียกว่า Prompt นั่นเอง การเขียน Prompt ที่ดี จะทำให้ AI ทำงานให้เราได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของเรามากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเคล็ดลับ การเขียน Prompt สำหรับ Asana AI ให้ได้ผลลัพธ์ที่ชาญฉลาดและการตอบสนองที่ดีขึ้น
Note: Asana AI และ AI Studio สามารถใช้งานได้สำหรับแพ็กเกจ Asana Starter ขึ้นไปเท่านั้น ผู้ใช้งานแบบ Personal (ฟรี) ไม่สามารถใช้งาน AI ได้ ดูรายละเอียดแพ็กเกจเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ทำไมการเขียน Prompt ถึงสำคัญกับ AI?
Prompt คือ “ข้อความคำสั่ง” ที่บอกให้ AI รู้ว่าเราต้องการอะไรและอยากให้ AI ทำอะไร เช่น
- “ช่วยสรุปโน้ตการประชุมให้สั้นใน 3 บรรทัด”
- “ตั้งชื่อโปรเจกต์ใหม่จากรายละเอียดด้านล่างให้เหมาะกับการตลาด”
ยิ่งคุณเขียนคำสั่งได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ AI ก็จะเข้าใจและตอบกลับได้ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น
สำหรับ Asana การเขียน Prompt ที่ดีจะช่วยอะไรบ้าง?
- สร้างหรือจัดการ Task ได้แบบอัตโนมัติ ให้ AI ช่วยสร้างงานใหม่ หรืออัปเดตข้อมูลใน Task ได้ทันทีตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้
- วิเคราะห์ข้อมูลหรือสรุปงานให้ ไม่ต้องเสียเวลาอ่านข้อมูลทั้งหมด AI จะช่วยย่อยสาระสำคัญให้ภายในไม่กี่วินาที
- ช่วยตัดสินใจใน Workflow ได้อย่างแม่นยำ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกัน ทำให้ทีมเห็นภาพรวมก่อนตัดสินใจ
- ทำงานร่วมกับ Automation และกฎ (Rules) ได้อย่างลื่นไหล ผสาน AI กับระบบอัตโนมัติของ Asana เพื่อให้ Workflow ฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. เข้าใจบทบาทของ AI ในแพลตฟอร์ม Asana
Asana AI ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการงานที่ซ้ำซ้อน เช่น ตั้งชื่อ Task, ตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล, สรุปรายการ หรือแม้แต่จัด Routing ของงานโดยอัตโนมัติ
ใน AI Studio คุณสามารถสร้างกฎ (Rules) ที่มีขั้นตอน AI อยู่ตรงกลาง (Trigger → AI → action) ซึ่งจะทำให้ Workflow ของคุณฉลาดขึ้นกว่าการใช้ Automation แบบเดิม ๆ
ข้อสำคัญ: AI ไม่ได้แทนการตัดสินใจของมนุษย์ทั้งหมด คุณควรตรวจสอบผลลัพธ์เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ทีมและโปรเจกต์นั้นต้องการอยู่เสมอ
2. โครงสร้างพื้นฐานของ Prompt ที่ดีสำหรับ Asana AI Studio
Asana แนะนำโครงสร้างการเขียน Prompt แบบ 4 ขั้นตอน สำหรับการสร้าง Workflow ใน AI Studio ดังนี้:
- Job to be done
- Context
- How to do it
- Examples
ตัวอย่างคำแนะนำสำหรับการเขียน Prompt เพื่อสร้าง Workflow อัจฉริยะโดย Asana AI ในการวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้า จะช่วยให้คุณเริ่มต้นสร้าง Workflow ได้ทันที แม้จะยังไม่มีประสบการณ์ในการสร้าง Prompt มาก่อน
1. Job to be done
เริ่มต้นด้วยการระบุให้ชัดเจนว่า AI ทำหน้าที่อะไร ช่วยให้ AI เข้าใจบทบาทของตัวเอง ซึ่งมักจะเริ่มต้นด้วย “Your job is to…”
เช่น “Your job is to summarize customer feedback into actionable insights”.
2. Context
อธิบายข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับงาน เช่น ทำเพื่อใคร และมีความสำคัญอย่างไร เพื่อช่วยให้ AI Studio เข้าใจวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เช่น “This is for our product team’s monthly review meeting. These insights help the team prioritize feature development.”
3. How to do it
ให้ระบุคำแนะนำอย่างเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับวิธีที่ AI Studio ควรดำเนินการกับงาน และลักษณะของผลลัพธ์ที่คุณต้องการ
เช่น “Categorize feedback by feature area, highlight recurring themes, and quantify sentiment when possible. Focus on actionable feedback rather than general praise or complaints.”
4. Examples
แสดงตัวอย่างผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้ Asana AI เข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้ระบบสร้างคำตอบได้ตรงตามเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่มีความซับซ้อนหรือต้องอาศัยการตีความอย่างละเอียด
เช่น “Here’s what a good insight looks like: ‘27% of users mentioned difficulty finding the export function. Sample quote: I spent 10 minutes looking for the export button before giving up.”
การให้ตัวอย่างในลักษณะนี้จะช่วยให้ AI เข้าใจรูปแบบ รายละเอียด และระดับความลึกของข้อมูลที่คุณคาดหวังจากผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- ใช้ภาษาที่ธรรมดาเข้าใจง่าย ไม่ต้องซับซ้อน
- เขียน Prompt ให้สั้นและกระชับ (ไม่ควรเกิน 2 บรรทัดต่อคำสั่ง)
- ระบุรูปแบบผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น จำนวนบรรทัดหรือประเภทข้อความ (List, Summary หรือ Table)
- ถ้ามีข้อมูลจาก Task หรือ Field ควรระบุให้ชัด เช่น “Use the task description and subtasks as reference.”
3. กระบวนการ “ทดลอง–ปรับปรุง–เรียนรู้”
แม้จะมีแนวทางที่ดี แต่ไม่มี Prompt ไหนที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ครั้งแรก การทดลองและปรับปรุงคือหัวใจของการใช้งาน Asana AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- เริ่มจาก Prompt เบื้องต้นที่สั้นและชัด
- ทดสอบผลลัพธ์ใน Workflow จริง โดยการสร้าง Task ทดสอบ แล้วดูว่า AI ตอบเป็นอย่างไร?
- วิเคราะห์ว่า AI ตอบตรงตามที่ต้องการหรือไม่? มีจุดบกพร่องตรงไหน?
- ปรับคำสั่ง Prompt ทีละจุด เช่น เพิ่มหรือลบเงื่อนไข ระบุรูปแบบผลลัพธ์ที่ต้องการให้ชัดเจนหรือใส่ตัวอย่าง
- ทดสอบซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
⚠️ ข้อควรระวัง
- อย่าเขียน Prompt ยาวและซับซ้อนเกินไป อาจทำให้ AI งงและหลงทาง
- หลีกเลี่ยงภาษาคลุมเครือ เช่น “ช่วยจัดการให้เรียบร้อย”
- ถ้ามีหลายขั้นตอน (Multi-step) ควรแยก Prompt เป็นช่วง ๆ
- ควรตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ก่อนนำไปใช้จริงเสมอ
- ในบาง Template อาจมี UI ที่ไม่แสดงช่อง Prompt ตรวจสอบก่อนใช้งาน
- การใช้ Prompt ใน AI Studio จะใช้ “เครดิต” ทุกครั้งที่รัน ควรบริหารอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองเครดิต
สรุปและคำแนะนำ
การเขียน Prompt บน Asana AI ไม่ใช่เรื่องของเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่มันคือ “ศิลปะของการสื่อสารกับ AI” ให้เข้าใจความต้องการของเรามากที่สุด
เมื่อคุณเริ่มเขียน Prompt ด้วยความเข้าใจ ไม่เพียงแต่จะทำให้ AI ทำงานแทนคุณได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้ทีมของคุณทำงานอย่างมีระบบ คิดเป็นขั้นตอน และใช้เวลาไปกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์มากกว่างานซ้ำซ้อนในแต่ละวัน
3 หลักคิดสำคัญ:
- เขียนให้ชัดเจน มีเป้าหมาย (ไม่พูดกว้างเกินไป)
- ใช้โครงสร้าง 4 ขั้นตอน — Job to be done, Context, How to do it, Examples
- ทดลอง ปรับปรุง และเรียนรู้จากผลลัพธ์
เมื่อคุณเข้าใจหลักคิดทั้ง 3 ข้อนี้ คุณจะสามารถเปลี่ยน Asana จากเครื่องมือช่วยอัตโนมัติ ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่เข้าใจงานและทีมของคุณอย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง: Asana Article, Asana Resources
Writer
Panuruj Rujikanokkanjana
Writer
Panuruj Rujikanokkanjana
ซอฟต์แวร์บริหารทีม โปรเจค และประสานงานบนคลาวด์
บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด - Your Business Transformation Partner
ผู้ให้บริการ Asana ในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ
LINE : @dmit
