หากใครที่กำลังจะเริ่มทำงานเป็นทีมอยู่นั้น ลองดู How to ใช้ Google Drive เพื่อการทำงานร่วมกันกับทีมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย 5 วิธีง่าย ๆ ดังนี้ 1. เริ่มจากอัปโหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ใน Google Drive เริ่มต้นง่าย ๆ เพียงคลิกที่ปุ่ม “New” เพื่ออัปโหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ (สามารถรองรับไฟล์ได้มากกว่า 100 ประเภท รวมถึงไฟล์ Microsoft Offices) หรือจะลากและวางไฟล์ลงในไดรฟ์ได้โดยตรง โดยที่ไฟล์ทุกอย่างที่อัปโหลดลงไปจะอยู่บนคลาวด์และซิงค์กับทุกอุปกรณ์ของคุณแบบอัตโนมัติ 2. สร้าง Shared Drive เพื่อให้ทีมเข้าถึงข้อมูล ทางด้านซ้ายของหน้าต่างจะเห็นว่ามีไอค่อนสำหรับ Shared Drive (มีเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน Google Workspace แพคเกจ Business และ Enterprise เท่านั้น) ซึ่งเอาไว้สำหรับให้ทีมของคุณนั้นสร้าง แก้ไข อัปโหลดหรือแชร์ไฟล์ร่วมกันนั่นเอง ทำให้ทุกคนในทีมเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ๆ ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้งานรันต่อได้ไม่มีสะดุด 3. สื่อสารและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ในทีมของคุณสามารถดูการอัปโหลดไฟล์ สร้าง หรือแก้ไขเอกสารอย่าง Docs, Sheets, Slides ได้อย่างเรียลไทม์ รวมถึงคอมเมนต์งานไม่ว่าจะเป็นไฟล์ PDF หรือรูปภาพ และสามารถแท็กคนในทีมให้มาแก้ไขหรือแชร์คอมเมนต์ก็ทำได้ ทั้งนี้ทุกการคอมเมนต์ก็จะแจ้งเตือนไปยังอีเมลของคุณอย่างทันที และทุกการทำงานจะเห็นเอกสารที่ถูกแก้ไขหรืออัปเดตไปพร้อม ๆ กัน 4. ไฟล์ Microsoft Office ก็ทำงานร่วมกับไดร์ฟได้ คุณรู้หรือไม่ว่าในไดรฟ์สามารถซัพพอร์ตไฟล์ได้ถึง 100 ประเภท ซึ่งก็รวมไฟล์ Microsoft Office อยู่ด้วย โดยที่ไม่ต้องแปลงไฟล์ สามารถอัปโหลดเพื่อแชร์ให้กับทีม และแก้ไขงานร่วมกันได้ทันที ซึ่งรูปแบบเอกสารข้างในก็ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้อีกด้วย 5. ไม่ต้องห่วงเรื่องย้อนกลับไป ดูการแก้ไขได้นาทีต่อนาที ไม่ต้องห่วงเรื่องการแก้ไขแล้วกลับไปยังข้อมูลเดิมไม่ได้ ในไดร์ฟที่เก็บข้อมูลในระบบคลาวด์สามารถย้อนดูประวัติการแก้ไขได้ และดูได้ว่าใครแก้ไขอะไรไปนาทีต่อนาที หรือจะกู้คืนไฟล์ก็ไปย้อนดูที่ Trash ของไดร์ฟได้ Google Drive จะช่วยให้ทีมของคุณทำงานร่วมกันได้เร็วขึ้น ด้วยวิธีง่าย...
Continue readingขยายตลาดให้ปังในจีนผ่าน WeChat Mini Program
หัวข้อการจัดสัมมนาออนไลน์ เรื่อง Wechat Mini Program ช่องทางการการขายออนไลน์ในประเทศจีน ช่องทางการขายออนไลน์ที่ธุรกิจต่างชาติสามารถใช้ได้ (Cross Border e-Commerce) พฤติกรรมผู้บริโภคบนออนไลน์ในจีน สินค้าอะไรที่ขายดีแบบ Cross Border e-Commerce WeChat Mini-Program ช่วย Cross Border e-Commerce ได้อย่างไร วิธีการเปิดร้านบน WeChat Mini-Program สินค้าที่ขายได้บน WeChat Mini-Program Speaker : ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ (CEO & Founder of Demeter ICT)ถาม-ตอบ ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ ขยายตลาดให้ปังในจีนผ่าน WeChat Mini Program วันพุธที่ 26 สิงหาคม2563 เวลา 13:30 – 15:00 น. บรรยายผ่านช่อง Youtube Live *งานสัมมนาออนไลน์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนสัมนาฟรี...
6 ขั้นตอนก็สามารถดู Report อย่างมืออาชีพได้ด้วย Zendesk
วันนี้ Demeter ICT มีวิธีการดู Report ง่ายๆ ที่หลายๆคนสงสัยมาบอก เพื่อเวลาที่เราจะต้องสรุปงานหรือประมวลผลลัพธ์ต่างๆ เราทุกคนจะได้ทำมันได้อย่างง่ายดาย สะดวก และดูมืออาชีพมากขึ้น ด้วยเจ้า Zendesk Explore ซึ่ง Zendesk Explore เป็นการทำ Data Analysis เกี่ยวกับทิกเก็ตในระบบ Zendesk ที่เข้ามาทั้งหมด โดยจะมี 2 แบบ คือ Lite version และ Professional version แต่วันนี้เราจะพูดถึงพื้นฐานกันก่อนก็คือแบบ Lite Version ที่จะมี Dashboard ที่เป็น Built-in สำหรับ Product ตัวอื่นๆที่เราเชื่อมไว้กับ zendesk ในตัวเลย คือสามารถดู Report ได้เลยในทันที การดู Report เบื้องต้นด้วย Zendesk Explore มีเพียง 6 ขั้นตอนดังนี้ คลิกปุ่ม Zendesk Products 2. แล้วเลือกที่ Explore 3. จะมาที่หน้า Dashboard เลือกแดชบอร์ดที่เป็น Built-in ด้านซ้ายที่เราต้องการจะดู เช่น Zendesk Support, Zendesk Chat, Zendesk Guide หรือ Zendesk Talk 4. เลือกช่วงเวลาของของข้อมูลที่เราต้องการจะดูได้อย่างละเอียด 5. สามารถเลือกกรองหัวข้อต่างๆเฉพาะที่เราต้องการจะดูได้ เช่น ช่องทางที่ลูกค้าติดต่อมา, กลุ่มลูกค้าที่ติดต่อมา เป็นต้น 6. เลือกแทปต่างๆ เพื่อดูข้อมูลในแต่ละหมวดหมู่ เช่น Tickets, Assignee activity หรือ Satisfaction...
Continue reading5 สุดยอดเคล็ดลับใน Gmail
5 สุดยอดเคล็ดลับใน Gmail ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และเคล็ดลับเหล่านี้จะปลดล็อกฟังก์ชันการทำงานที่รวดเร็วให้กับการส่งอีเมลของคุณ 1. ตั้งเวลาส่งอีเมล (Schedule an Email) บางครั้งคุณต้องการส่งข้อความอีเมลหลังจากที่คุณเขียน สิ่งที่คุณสามารถทำได้ คือ การเปิดใช้คุณสมบัติการตั้งเวลาส่งอีเมล ( Schedule send ) ซึ่งวิธีนี้อีเมลจะถูกส่งตามวัน เวลาที่คุณกำหนดไว้ 2. ยกเลิกอีเมลที่ส่งไปแล้ว (Undo Send an Email) คุณเคยส่งอีเมลไปผิดหรือลืมแนบไฟล์หรือไม่? หนึ่งในเคล็ดลับ Gmail ของเราคือ การยกเลิกการส่งอีเมลโดยใช้ฟีเจอร์ Undo Send ซึ่งสามารถลบอีเมลที่ส่งออกไปแล้วโดยตั้งเวลาให้ยกเลิกได้เริ่มต้นที่ 5 วินาที นานสุด 30 วินาที 3. ตอบกลับอีเมลอัตโนมัติ (Vacation Responder) อีกฟีเจอร์หนึ่ง คือ ฟังก์ชันตอบกลับอัตโนมัติ (Vacation Responder) ตามระยะเวลาที่กำหนด คุณสามารถตอบกลับโดยอัตโนมัติไปยังผู้ส่ง วิธีนี้จะช่วยในกรณีที่คุณไม่ว่างตอบกลับข้อความระยะเวลาหนึ่ง 4. คัดกรองอีเมลสแปม (Use a Spam Filter) Spams อาจเป็นหนึ่งในข้อความอีเมลที่น่ารำคาญที่สุดในกล่องจดหมายของคุณ โชคดีที่ Gmail ย้ายอีเมลที่เป็นสแปมไปยังโฟลเดอร์สแปมของคุณ ดังนั้นคุณจะไม่ถูกรบกวน การตั้งค่าตัวกรองสแปม (Customize Spam Filter) ในแบบของคุณจะทำให้ Gmail ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น 5. แจ้งเตือนอีเมลภายหลัง (Snooze Gmail notifications) เมื่อคุณได้รับอีเมลจำนวนมากเกินไป Gmail Snooze จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอีเมลให้แจ้งคุณทางอีเมลในเวลาที่คุณต้องการเท่านั้น สามารถติดตามและเรียนรู้ฟีเจอร์อื่น ๆ ของ G Suite ได้ที่นี่ G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...
4 เช็คลิสต์ ก่อนจะเป็น Omnichannel ต้องมีอะไรบ้าง?
“Omnichannel is the New Norm” เมื่อโควิด19 เป็นตัวเร่งให้เกิด Omnichannel เร็วขึ้น หากพูดถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ให้แบรนด์ต้องตามหลังคู่แข่งแล้วล่ะก็ การอัพเดทและรู้เท่าทันเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอถือเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก เรื่องของ “Omnichannel” คือหนึ่งในนั้น เดิมทีการค้าปลีกรูปแบบ Omni-channel หรือ O2O หรือก็คือการประสานระหว่าง Offline to Online และ Online to Offline ถูกพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเกิดวิกฤต COVID-19 จะเห็นได้ว่าโมเดล Omnichannel ปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในไทย เมื่อไม่อาจพึ่งพาช่องทางการขายจากหน้าร้านเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป หลายแบรนด์ดังจึงหันมาให้ความสนใจการให้บริการที่หลากหลายในแพลตฟอรม์อื่นมากยิ่งขึ้น เรามาดูเช็คลิสต์ 4 ข้อ ก่อนจะเป็น Omnichannel ต้องใช้อะไรบ้างกัน 1. ช่องทางที่เชื่อมโยงถึงกัน Omnichannel (การตลาดแบบบูรณาการ) ต่างจาก Multichannel (การตลาดหลายช่องทาง) ตรงที่ไม่เพียงแต่ต้องมีช่องทางที่หลากหลายเท่านั้น แต่ช่องทางเหล่านั้นต้องสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงถึงกันได้ด้วย เช่น การส่งคูปองพิเศษเฉพาะลูกค้าบางกลุ่ม โดยลูกค้าจะสามารถนำคูปองนั้นไปใช้ในช่องทางไหนก็ได้ เพราะทุกช่องทางถูกเชื่อมกันไว้หมดแล้ว และทุกช่องทางรู้จักคูปองนั้น หรือลูกค้ากลุ่มนั้น 2. ให้ความสำคัญแก่ลูกค้า จุดประสงค์ของ Omnichannel คือ ลูกค้าจะสามารถเลือกช่องทางไหนก็ได้ และช่องทางนั้นก็ต้องพร้อมที่จะเข้าใจลูกค้าคนนั้น ดังนั้นการทำความเข้าใจใน Customer Journey และวิเคราะห์ทุก Stage อารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า ยังคงเป็นอะไรที่สำคัญเสมอ เพื่อที่จะดีไซน์ถึงการบริการที่ตอบโจทย์ที่สุด แบรนด์จะต้องมีความเข้าใจเชิงลึกเสียก่อนว่าลูกค้าของตัวเองเป็นใคร จะรู้จักสินค้าได้อย่างไร หาข้อมูลได้จากที่ไหน ขั้นตอนการซื้อตั้งแต่ต้นจนจบ บริการจัดส่ง บริการหลังการขายมีอะไรบ้าง ทำอย่างไรถึงจะสร้าง Loyalty ให้เป็นลูกค้าประจำและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้ 3. เน้นที่การสื่อสารแบบ Personalization สื่อสารให้รู้ใจ ก่อนลูกค้าจะรู้ตัว การมี Omnichannel ทำให้แบรนด์สามารถพัฒนาการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในแบบที่เฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคลมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างคุณเพิ่งจะใช้บริการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ชำระเงินเรียบร้อยผ่านแอปพลิเคชันหนึ่ง แล้วเกิดนึกสงสัยว่า “ทุกอย่างมันจะเรียบร้อยจริงๆ น่ะเหรอ?” จึงได้กดโทรเข้าไปถามที่แอปพลิเคชันนั้น แต่ว่าพนักงานรับสายกลับพูดชื่อนามสกุลของคุณได้ถูกต้องตามที่ลงทะเบียนไว้ และถามถึงปัญหาเกี่ยวกับสินค้าที่คุณเพิ่งกดสั่งซื้อ โดยที่คุณยังไม่ทันจำเป็นต้องแนะนำตัวก่อนเลย หรือถ้าคุณไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว และคุณได้ห้องพักที่วิวสวยที่คุณนึกอยากกลับไปพักยังห้องนั้นอีกครั้ง...
Continue readingWeChat Pay สามารถทำธุรกรรมอะไรในจีนได้บ้าง
ปัจจุบัน เชื่อว่าคนไทยส่วนมากจะรู้แอปพลิเคชั่นของจีนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือนามมานาน สำหรับการใช้จ่ายเงินหรือทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ หรือ สังคมไร้เงินสด นั้นก็คือ เเอพกระเป๋าเงินออนไลน์ E-Wallet ที่คนจีนใช้งานกันมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งแอปพลิเคชั่นที่คนจีนนิยมใช้ในชีวิตประจำวันในทุกๆวัน คือ WeChat pay เพื่อนๆคิดว่า WeChat pay สามารถทำอะไรได้บ้างตามมาดูกันเลย 1. ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร ตอนนี้ถ้าได้มีโอกาสเดินทางไปเมืองจีน เเล้วได้เข้าไปกินอาหารตามภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า เเม้เเต่อาหารริมทางเเละ สตรีทฟู้ดก็จะเห็นว่าทุกที่จะมี QR Code สำหรับให้สแกนเพื่อจ่ายเงิน นอกจากนี้เเล้ว ร้านในเขตที่ไกลจากตัวเมืองก็ยังมีการจ่ายเงินผ่าน WeChat Pay ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบัน การจ่ายเงินเเบบออนไลน์ได้ครอบคลุมทั่งพื้นที่ของจีนเเล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมี ผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนในระบบของ WeChat Pay ราว 222 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 67 จากประชากรจีนทั้งหมด ในเขตชานเมือง 2. การช็อปปิ้ง หลังจากที่ลูกค้าช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าเเล้วลูกค้ามาตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงิน จะเห็นได้เลยว่ามีการติดตั้ง QR Code สำหรับการจ่ายเงินผ่าน WeChat Pay ไม่เพียงเเต่ในห้างเท่านั้น เเม้เป็นเพียงร้านค้าขายส่ง ขายปลีก ร้านค้าทั่วไป เเละรวมถึงการช้อปปิ้งผ่านออนไลน์ WeChatPay ก็มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อให้สิทธิรับผลประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดจากการใช้แทนบัตรเครดิต หรือการคืนเงินต่างๆ 3. การทำวีซ่า คนจีนที่มี WeChat Pay สามารถทำเรื่องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้ เเละประเทศไทยก็มีให้ความรวมมือด้วย ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่าง ตม.ของไทย กับจีน โดยจะเชื่อมต่อกับบริการขอวีซ่า E-VOA (Visa on Arrival) ทำให้ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจีนจะสามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบายขึ้นมาก เเค่โหลดโหลด WeChat Pay ไว้ในมือถือ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับ ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้าถึงตลาดของนักท่องเที่ยวจีน ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ WeChat Pay เพื่อยเพิ่มโอกาสในการทำตลาดกับกลุ่มคนชาวจีนมากยิ่งขึ้น 4. ธนาคาร เเละ ธุรกรรมการเงิน มีการคิดค้นการจ่ายเงินผ่านระบบสเเกนใบหน้าสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อให้ครอบคลุมการโอนเงิน จ่ายเงินเเละชำระค่าบริการต่างๆ ดังนั้นเเสดงให้เห็นว่าหลังจากนี้ประชากรจีนเเทบไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเรย เเละไม่จำเป็นต้องพกมือถือเพื่อว่าทำธุรกรรมที่ธนาคารเเละไม่ต้องมีบัตร...
Continue readingดึงข้อมูลที่ต้องบันทึกซ้ำ ๆ ด้วยฟังก์ชัน Filter และ Match บน Google Sheets
หากใครที่มีการทำงานในลักษณะที่ต้องบันทึกข้อมูลแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้เราต้องเสียเวลาในการบันทึกข้อมูลไปมากในแต่ละครั้ง และมีโอกาสผิดพลาดได้สูง วันนี้ทาง Demeter ICT มีเทคนิค Google Sheets มาแชร์สำหรับการสร้างลิสต์รายการเพื่อใช้ในการดึงข้อมูลตามรายการที่เราเลือกโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาในการบันทึกข้อมูลเดิม ซ้ำ ๆ อีกต่อไป โดยฟังก์ชันที่ใช้มีเพียงแค่บรรทัดเดียวเท่านั้น ตัวอย่างชุดข้อมูลที่บันทึกยอดขายสินค้าของพนักงานแต่ละคน ข้อมูลชุด A เป็นข้อมูลเดียวกันกับข้อมูลชุด B ซึ่งหากเป็นการบันทึกในรูปแบบปกติที่ไม่มีการดึงข้อมูล ในส่วนของข้อมูลชุด A จะต้องบันทึกข้อมูลทั้งหมด 4 ช่อง ด้วยกัน คือ Categories, Cost, Price, และ Margin ทำให้ต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก และโอกาสผิดพลาดสูง ดังนั้น เราจะแนะนำวิธีการดึงข้อมูลจากรายการที่เราเลือก โดยใช้ฟังก์ชัน Filter และ Match บน Google Sheets โดยทั้ง 2 ฟังก์ชัน จะมีโครงสร้าง ดังนี้ FILTER(range, condition1, )MATCH(search_key, range, ) ขั้นตอนที่ 1 เราต้องสร้างลิสต์รายการขึ้นมาก่อน โดยจะนำข้อมูลชุด B มาสร้างเป็นลิสต์รายการ ในส่วนของข้อมูลชุด A โดยมีวิธีการสร้าง ดังนี้ คลิกขวาช่องที่ต้องการทำลิสต์รายการ > เลือก Data validation ในส่วนของ Criteria ช่อง 1 กำหนดเป็น List from a range ช่อง 2 คลิกที่สี่เหลี่ยมท้ายช่อง จากนั้น เลือกข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างลิสต์รายการ เป็นอันเสร็จสิ้นในขั้นตอนที่ 1 ในขั้นตอนถัดไปจะพาทุกท่านไปดูวิธีการดึงข้อมูล ซึ่งเป็นจุดสำคัญในบทความนี้ ขั้นตอนที่ 2 เราจะทำการดึงข้อมูลจากรายการที่เลือกขึ้นมาแสดง จากชุดข้อมูลตัวอย่างจะเห็นว่า เมื่อเลือก Apple Care จะทำการดึงชุดข้อมูลฝั่งขวามือทันที โดยใช้ฟังก์ชัน Filter...
Continue readingฟีเจอร์ลับ! Google Docs ที่คุณไม่ควรพลาด
ฟีเจอร์ลับ Google Docs ที่คุณไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาทั้งเอกสาร สั่งพิมพ์งานด้วยเสียง แปลงข้อความในภาพเป็นตัวหนังสือ หรือทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ได้พร้อมกันสูงสุด 100 คน! 1. แปลภาษาได้ทั้งเอกสาร คุณรู้หรือไม่ว่า Google Docs สามารถแปลเอกสารของคุณได้ทั้งหมด เพียงแค่กด Tools > Translate Document เลือกภาษาที่ต้องการ เพียงเท่านี้เอกสารของคุณทั้งหมดก็จะกลายเป็นภาษานั้น ๆ ปรับอีกนิดหน่อยก็จะได้งานแปลแบบ สวย ๆ ถือว่าเป็นการรวมฟีเจอร์ Google Translate ไว้ใน Docs เพื่อที่ง่ายต่อการทำงานนั่นเอง 2. สั่งพิมพ์งานด้วยเสียง คุณสามารถสั่งให้ Google Docs พิมพ์งานโดยที่คุณไม่ต้องพิมพ์เองให้เมื่อยมือใด ๆ โดยกดที่ Tools > Voice Typing หรือ Ctrl + Shift + S เลือกภาษาและพูดประโยคที่ต้องการจะพิมพ์ลงไป เพียงเท่านี้ Google Docs ก็จะพิมพ์ตามที่คุณพูด ถือว่าสะดวกสุด ๆ 3. เปลี่ยนข้อความในภาพเป็นตัวหนังสือใน Docs เข้าไปที่ Google Drive เลือกภาพที่ต้องการจะแปลงเป็นตัวหนังสือ คลิกขวา > Open With > Google Docs คุณก็จะได้ข้อความในภาพมาเป็นตัวหนังสือใน Docs ไม่ต้องเปิดไฟล์แล้วพิมพ์ตามให้เสียเวลา 4. เสิร์ชข้อมูลและหาภาพในกูเกิ้ลได้ไม่ต้องสลับหน้าต่าง หากคุณกดปุ่ม Explore ที่อยู่มุมขวาล่าง คณจะสามารถเสิร์ชข้อมูลจาก Google ได้โดยตรง แค่คุณพิมพ์คำที่ตรงการจะเสิร์ชลงไปและกดที่ WEB จะขึ้นข้อมูลต่าง ๆ ใน Google และสามารถเลือกรูปที่ IMAGES เพื่อแทรกลงในเอกสารได้เลยทันที ไม่ต้องกดเซฟ ไม่ต้องสลับหน้าต่างให้ยุ่งยากอีกต่อไป 5. ตรวจคำผิดด้วย Spelling and Grammar...
Continue readingเชื่อมต่อ LINE OA เข้ากับ Zendesk ด้วย Social Messaging
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คำถามยอดฮิตของลูกค้าคือ จะเชื่อมต่อบัญชี LINE OA เข้ากับ Zendesk Support ได้ไหม? เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้แอปพลิเคชันไลน์ในการสื่อสารกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นช่องทางยอดฮิตอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ทางเราก็จะตอบกลับลูกค้าไปตลอดว่าไม่ได้เนื่องจากติดปัญหาและมีข้อจำกัดของไลน์เอง แต่มาวันนี้คำตอบได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะ Zendesk ได้ออกตัว Connector ที่จำหน่ายแยกเป็น Add on ออกมาใหม่ เรียกว่า “Social Messaging” ที่จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยมอย่าง LINE OA (Official Account), Facebook Messenger, WhatsApp, WeChat และ Twitter Direct Messages (DMs) เข้ากับ Zendesk Support และ Zendesk Support Suite เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างง่ายดายไร้รอยต่อ ด้วย Social Messaging Add on นี้จะทำให้ทุกข้อความที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาจากช่องทางโซเชียลที่กล่าวไปข้างต้นถูกเปิดเป็น Ticket ใน Zendesk Support รวมถึงพนักงานหรือ Agents ก็สามารถตอบกลับจากหน้า Interface ของ Zendesk Support ได้เลย อีกทั้งยังสามารถสร้าง Business Rule ต่าง ๆ เช่น triggers, automations และ macros รวมถึงการเก็บข้อมูลการสนทนาซึ่งช่วยให้สามารถติดตามเคสของลูกค้าได้ แก้ปัญหาเคสหลุดและข้อความตกหล่นได้เหมือนกับ ticket ทั่วไป รายละเอียดจำนวน Account ของช่องทางต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อได้มีดังนี้LINE OA, WhatsApp และ WeChat = ไม่จำกัดจำนวน AccountFacebook Messenger = 15 pagesTwitter Direct Messages...
Continue reading