Customer Service Improvement in The New Normal

ปี 2020 ปีที่หลายๆ องค์กรต่างก็พูดว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดต่อการดำเนินและการเติบโตของธุรกิจ ทั้งวิกฤตโควิด-19ที่ทำให้หลายบริษัทต้องหาแนวทางหรือวิธีการต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การปรับเปลี่ยนองค์กรให้รับกับรูปแบบการทำงานแบบดิจิตัล และการมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ รับฟังลูกค้า ยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สมควรให้ความสำคัญอย่างมาก Customer Service หรือฝ่ายบริการลูกค้า เป็นฝ่ายที่รับหน้าที่ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง เปรียบเสมือนภาพตัวแทนของแบรนด์ และเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ได้ การมีบริการทั้งก่อนและหลังซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ และเป็นการสร้างจุดเด่นด้านความแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การแข่งขันสูงนี้ ในงานสัมมนาออนไลน์นี้คุณจะได้ร่วมฟังประสบการณ์ในการมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับลูกค้า รวมถึงวิธีการพัฒนาการบริการขององค์กรที่จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถดำเนินและเติบโตต่อได้แม้ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนไป พร้อมทั้งแนวทางปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการลูกค้าให้เข้าสู่ New Normal ด้วยซอฟต์แวร์สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้อย่าง Zendesk ให้องค์กรของคุณพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง เหตุการณ์ไม่คาดฝัน และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างภาคภูมิ  ลงทะเบียน Agenda 10:00 – 10:10 Opening & Welcoming Speech 10:10 – 10:25 Leading your company during a pandemic 10:25 – 10:40 How to improve your customer service in the new normal 10:40 – 10:50 Introducing Zendesk 10:50 – 11:20 Zendesk Demo 11:20 – 11:30 Q&A Speakers ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ CEO & Founder of Demeter ICT ชัยธวัช เยาว์พรหมสิริ Vice President of Zendesk Business รายละเอียด บรรยายผ่านช่องทาง Google Meetวันที่: 17 กันยายน 2563เวลา:...

Continue reading

ทำไมต้อง Upskill และ Reskill

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคของดิจิตอล เกือบทุกองค์กรจะต้องมีการปรับตัวหรือปรับการทำงานเพื่อให้อยู่รอด และด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรต้องมี Upskill และ Reskill เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานและพัฒนาทักษะพนักงานเพื่อให้เกิดความรู้ ความสามารถที่เท่าทันกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น  ซึ่ง The World Economic Forum ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในอนาคตจะมีการโยกย้ายงาน หรืองานอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ 75 ล้าน ตำแหน่งภายในปี 2565 ใน 20 ประเทศเศรษฐกิจหลัก และในขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการสร้างหรือเพิ่ม 133 ล้าน บทบาทหรือตำแหน่งใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและดิจิตอล (The World Economic Forum, 2018) ทั้ง 2 เหตุผลนี้เองทำให้เกิดคำว่า ทำไมต้อง Upskill และ Reskill Upskill และ Reskill คืออะไร ? และทำไม ? ต้องมี Upskill คือ เป็นการเสริมและพัฒนาทักษะของพนักงานจากงานเดิม เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงาน และส่วนใหญ่เป็นการนำเทคโนโลยีหรือดิจิตอลมาปรับใช้ให้เข้ากับการทำงาน เช่น เรียนรู้เทคโนโลยีเพิ่มเติม เมื่อบริษัทนั้นนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานใหม่ Reskill คือ การสร้างทักษะใหม่ที่แตกต่างไปจากงานเดิมที่ทำอยู่ เป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อนำไปใช้กับบริบทอื่นของตำแหน่งงาน และเพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับการทำงานในยุคที่เทคโลโนโลยีและดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  ทำไมต้อง Upskill และ Reskill 1. การทำงานที่เปลี่ยนไป (หมดยุคกระดาษอย่างชัดเจน) บริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในเรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้กับกระบวนการทำงานเดิม เช่น จากเดิมคุณอาจจะต้องบันทึกข้อมูลลงกระดาษและส่งต่อให้แผนกอื่น ๆ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปสิ่งใหม่ ๆ ก็สามารถเข้ามาแทนที่ได้ อย่างเช่น Google Workspace ที่คุณสามารถสร้างเอกสารออนไลน์และแชร์ให้กับคนอื่น ๆ ในบริษัทได้โดยที่คุณไม่ต้องพิมพ์เอกสารออกมาเพื่อนำไปวางไว้ที่โต๊ะแผนกอื่น ๆ ความจำเป็นที่ต้องใช้กระดาษหรือแฟลชไดรฟ์ ก็ลดน้อยลงไป การเรียนรู้ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและคลาวด์ก็จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นทักษะใหม่ที่ต้อง Upskill และ Reskill กับแทบทุกคน 2. เพิ่มคุณค่าในพนักงานและองค์กร สร้างโอกาสในการทำงานใหม่ ๆ และพัฒนาทุกคนในองค์กรให้เท่าทันโลกและคู่แข่ง...

Continue reading

5 เคล็ดลับชนะใจลูกค้า ด้วยกลยุทธ์บริหารแบบ Customer Centric

ในบางครั้งสิ่งที่ต้องคำนึงในการบริการลูกค้า ก็ไม่ใช่การจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้ลูกค้ารู้สึกมีความสุขเสมอไป แต่เป็นการมอบสิ่งที่ใช่ที่สุดที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาและสร้างความเชื่อใจระหว่างกันขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิตัลที่เรื่องของฟังก์ชัน คุณภาพ ราคา การบริการได้กลายเป็นเรื่องพื้นฐานในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการไปแล้ว ดังนั้นการมุ่งโฟกัสไปยังลูกค้าหรือให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่าง Customer Centric จึงเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก เรามาดู 5 เคล็ดลับในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นแบบ Customer Centric กัน 1. ตั้งให้เป็นหนึ่งในพันธกิจขององค์กร ข้อแรกที่สำคัญก็คือการหาพนักงานที่มีใจรักบริการให้ได้เสียก่อน เพราะพวกเขาเหล่านี้จะเป็นผู้ที่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรง การทำให้แน่ใจว่าพนักงานจะไม่เหวี่ยงวีนและบริการลูกค้าอย่างมืออาชีพจึงสำคัญมาก การตั้งพันธกิจขององค์กรให้มุ่งเน้นถึงลูกค้าอย่างแท้จริงก็ด้วยเช่นเดียวกัน  ยกตัวอย่างเว็บไซต์ขายรองเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Zappos ที่ยึดถือเรื่องวัฒนธรรมองค์กรแบบ Customer Centric อย่างจริงจัง ต่างจากบริษัทอื่นที่มักมี Target ให้พนักงานเป็นจำนวนเป้ารายวัน หรือมักจะกำหนดระยะเวลาถือสายสำหรับการบริการลูกค้าแต่ละคน Zappos จะอนุญาตให้พนักงานคุยกับลูกค้านานเท่าไหร่ก็ได้ และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการบริการที่สร้างความประทับใจถึงขั้นที่ลูกค้ารู้สึก ‘ว้าว’ ที่สุด 2. ทลายการทำงานแบบไซโล คุณเคยติดต่อสอบถามไปยังบริษัทหนึ่ง เพียงเพื่อจะถูกโอนเรื่องไปยังแผนกอื่นแล้วก็ต้องบอกเล่าปัญหาซ้ำๆ หรือเปล่า? และหลายครั้งที่มันก็พาลให้อารมณ์เสียขึ้นมาได้ ลูกค้าก็เป็นเช่นเดียวกับคุณ อ้างอิงจาก Zendesk CX Trends Report 2020 68% ของลูกค้าจะรู้สึกรำคาญใจเมื่อถูกโอนปัญหาไปมาแล้วก็ต้องคอยบอกข้อมูลซ้ำๆ และสาเหตุก็เพราะการบริหารจัดการของบริษัทที่ยังไซโลล่าช้า หรือยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ การมีข้อมูลมหาศาลให้ต้องบริหารจัดการ ทำให้หลายบริษัทแบ่งเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้แยกกัน แต่มันก็นำไปสู่การสร้างประสบการณ์ด้านลบแก่ลูกค้าได้ ดังนั้น การมีระบบ CRM (Customer Relationship Management) ที่ตอบโจทย์และจัดระเบียบข้อมูลเหล่านี้ให้เข้าถึงกันได้ก็สำคัญไม่แพ้กัน 3. มอบประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นรายบุคคล ผลวิจัยจาก Forrestor พบว่า 77% ของลูกค้ามีแนวโน้มจะเลือก แนะนำบอกต่อ หรือจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้กับแบรนด์ที่มีการบริการหรือมอบประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นรายบุคคล การสร้างประสบการณ์แบบ Personalize หรือการมุ่งเจาะจงไปที่ความต้องการที่แท้จริงหรือความสนใจของแต่ละคนหรือกลุ่มของลูกค้า ยังช่วยให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีกับแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการเป็นลูกค้าประจำได้อีกด้วย 4. รับฟัง Feedback / วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการรับฟังฟีดแบคของลูกค้า ตัวอย่างที่น่าสนใจคือแบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดังอย่าง Levi Strauss & Co ที่เดิมทีผลิตแต่กางเกงยีนส์ประเภท shrink-to-fit เท่านั้น แต่เมื่อกางเกงประเภทเน้นความสะดวกสบายอย่างกางเกงโยคะได้รับความนิยมขึ้นมา Levi ก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ รับฟังฟีดแบคและสังเกตการณ์พฤติกรรมการใส่กางเกงยีนส์ของลูกค้า ยึดถือการออกแบบที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น และพบว่าในบรรดาลูกค้าของตนนั้นมักมีพฤติกรรมที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานสูง...

Continue reading

Google Meet ตัดเสียงรบกวนระหว่างประชุม

Google Meet ใช้ระบบ Cloud-based AI ตัดเสียงรบกวนระหว่างคุณพูดประชุม เพื่อให้การทำงานของคุณนั้นมีประสิทธิภาพและโปรมากขึ้น สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ เช่น เสียงเปิด-ปิดประตู เสียงแป้นพิมพ์ เป็นต้น ทำให้ระหว่างที่คุณพูดประชุมเสียงชัดและไม่มีเสียงรบกวนอีกต่อไป  ตอนนี้รองรับแพ็คเกจ G Suite Enterprise, G Suite Enterprise for Education customers*  Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ 02 030 0066...

สร้าง Brand Loyalty อย่างไร? ในยุคที่ Content ล้นตลาด

เรากำลังอยู่ในยุคที่สินค้ามุ่งตรงหาลูกค้ามากกว่าลูกค้ามุ่งตรงหาสินค้าแล้ว มีผลวิจัยจาก วิทยาลัยการจัดการของมหาวิทยาลัยมหิดล(CMMU) ว่า มีแบรนด์หรือโฆษณาต่างๆ วิ่งเข้าหาผู้บริโภคผ่านสื่อออนไลน์มากกว่า 80% ของประชากรในประเทศไทย จึงทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “Content Shock” หรือก็คือ Content มีมากเกินกว่าความสนใจของผู้บริโภคที่มีจำกัด ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถลองสิ่งใหม่ๆหรือของใหม่ๆได้อยู่เสมอ ทำให้การสร้าง Brand Loyalty ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ยากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ไปซะทีเดียว แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับคำว่า Brand Loyalty ก่อน โดยที่แบ่งออกมาเป็น 3 ประเภท แต่ละบริษัทก็จะต้องงัดกลยุทธ์ จุดเด่น หรือเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้มาสู้กัน เพื่อให้ลูกค้าสนใจ และซื้อสินค้าเรามากที่สุด แต่มันก็มีปัจจัยอื่นๆในการตัดสินใจของผู้บริโภค มีอะไรบ้างมาดูกัน.. อันดับ 1 เลยก็คือ ความคุ้มค่า (Value) ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะมองเรื่องนี้เป็นหลักเลย ว่าซื้อไปแล้วจะคุ้มค่าไหม สิ่งที่เขาจะได้รับหลังจากการซื้อสินค้าไปแล้วมีอะไรบ้าง? อันดับ 2 คือ การบริการ (Service) คนขายพูดกับเราดีไหม ดูแลเราดีรึเปล่า? ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะต่อให้สินค้าของเราจะคุ้มค่าแค่ไหน แต่ถ้าเจอการบริการ หรือการดูแลที่ไม่ดี เราที่เป็นผู้บริโภคก็คงยอมที่จะเปลี่ยนไปบริโภคของที่อื่นเช่นกัน อันดับ 3 คือ ความสะดวกสบาย (Convenience) สามารถซื้อสินค้าได้ง่าย หรือ มีให้ซื้อหลากหลายช่องทางไหม สำหรับในยุค Digital และ New Normal แล้วข้อนี้ถือเป็นสิ่งที่ร้านค้าทุกร้านควรจะมี เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นถ้าร้านค้าสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค และยังรวมถึงทั้ง 3 ข้อที่พูดมานี้ได้ ก็สามารถสร้าง Brand Loyalty ให้แก่ลูกค้าได้ และยังสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่มาได้อีกอย่างแน่นอน แล้วเราทำยังไงให้ครบได้ทั้ง 3 ข้อล่ะ? วันนี้ Demeter ICT มีตัวช่วยที่จะทำให้คุณสามารถเพิ่ม Brand Loyalty ให้กับลูกค้าของคุณได้ด้วย Zendesk Software คือ Customer Service Software ที่จะช่วยให้คุณสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ และมีประสิทธิภาพที่สามารถวัดผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคุ้มค่า ที่สามารถดูประวัติ หรือข้อมูลต่างๆของลูกค้าได้ตลอดเวลา เผื่อในเวลาที่ลูกค้ามีปัญหาหรือข้อสอบถามเพิ่มเติม...

Continue reading

รู้หรือไม่? Google Sheets แปลภาษาได้

คุณรู้หรือไม่ว่า Google sheets สามารถแปลภาษาได้ เพียงใช้ฟังก์ชันสั้น ๆ ใน sheets คุณก็สามารถแปลคำศัพท์หรือแปลประโยคได้โดยที่ไม่ต้องสลับหน้าต่างไปที่ Google Translate เป็นทริคง่าย ๆ ที่หลายคนนั้นไม่เคยรู้มาก่อน เพียงใส่ฟังก์ชันตามนี้!   =GOOGLETRANSLATE(คอลัมน์ของคำต้นฉบับ, “รหัสภาษาของคำต้นฉบับ”, “รหัสภาษาที่ต้องการแปล”) ตัวอย่าง แปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย =GOOGLETRANSLATE(A2,”en”,”th”) ขั้นตอน เปิด Google Sheets ขึ้นมา ในคอลัมน์แรกหรือคอลัมน์ A จะใส่เป็นคำหรือประโยคที่ต้องการจะให้แปล 3. ในคอลัมน์ที่สองหรือคอลัมน์ B ถัดจากคำที่เราต้องการจะแปล ใส่ฟังก์ชัน =GOOGLETRANSLATE(A2,”en”,”th”) ซึ่งในที่นี้หมายถึงว่า ต้องการจะแปลคำในช่อง A2 ที่เป็นคำว่า Home แปลเป็นภาษาไทย  4. เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น และยังสามารถคลิกที่มุมล่างขวาเพื่อลากลงมาแปลคำอื่น ๆ ได้อีกด้วย 5. หรือจะแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ก็ทำได้ เพียงเปลี่ยนจาก th เป็นรหัสภาษาอื่น ๆ ดูได้ที่ลิงก์นี้  เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ง่ายและทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ อย่างไรก็ตามในการใช้ Translate ของ Google ศัพท์ที่ขั้นสูง หรือประโยคที่ซับซ้อน คงจะยังใช้ได้ไม่ดีมาก หากเป็นคำศัพท์ทั่วไป คำสั้น ๆ ถือว่าเป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว ลองนำไปใช้ดูกันเลย! Google Sheets G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...

The New Normal Inventory Management with G Suite: การบริหารคลังสินค้ายุคใหม่ด้วย G Suite

การจัดการคลังสินค้า (Inventory Management) เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยต้นทุนที่ต่ำ เป็นกิจกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเกือบทุกประเภท อีกทั้งยังเป็นต้นทุนพื้นฐานที่สำคัญซึ่งกระทบต่อต้นทุนรวมของผลิตภัณฑ์และการบริการ The New Normal ยุคความปกติใหม่เข้ามามีอิทธิพลและส่งผลในทุกบทบาทของธุรกิจ ในยุคที่โลกบีบให้เราต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น องค์กรสมัยใหม่จึงต้องมีการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบบูรณาการทั้งระดับกลยุทธ์ และระดับปฏิบัติการ โดยอาศัยระบบการทำงานที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย และบุคคลากรที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ต้องทำงานสอดประสานกัน เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการทำงาน พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง สามารถแข่งขันและขับเคลื่อนสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในงานสัมมนานี้ Demeter ICT ขอถ่ายทอดความรู้ในการนำเครื่องมือต่าง ๆ ของ G Suite มาประยุกต์ใช้ในการบริหารคลังสินค้า การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงาน การทำรายงานสรุปผลในแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการประยุกต์การใช้งานขั้นสูงในการสร้างแอปพลิเคชันขององค์กรได้ด้วย G Suite โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรม เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารคลังสินค้ายุคใหม่ที่ต้องมีความรวดเร็ว ยืดหยุ่น แม่นยำ ประหยัดต้นทุน และต้องสามารถนำไปปรับใช้กับการจัดการคลังสินค้าขององค์กรของท่านให้เท่าทันกับยุค New Normal ได้ ลงทะเบียน Speakers วิชชญา จงเจริญ Vice President of Google Solution Consulting อนุชา แจ่มแจ้ง Business Change Consultant Agenda 10.00 – 10.10 : 10.10 – 10.40 : 10.40 – 10.55 : 10.55 – 11.25 : 11.25 – 12.30 : Use case of online inventory management Demo: how to use Google Form, Sheets, Data Studio...

Continue reading

จาก Start Up วันนั้นสู่แบรนด์ดังในวันนี้ OnePlus กับการก้าวสู่ Omnichannel Solution ระดับโลก

ย้อนกลับไปในปี 2013 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย การแข่งขันของตลาดสมาร์ทโฟนดุเดือดอย่างที่เรียกได้ว่าเป็น ‘มหาสงคราม’ หากพูดถึงสมาร์ทโฟนในยุคนั้น คำตอบก็คงจะมีเพียง IPhone VS Samsung หรือ IOS VS Android ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาได้ แต่ทว่าท่ามกลางการแข่งขันของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ OnePlus ก็ได้สร้างชื่อตัวเองขึ้นมาได้อย่างน่าจดจำ ทั้งดีไซน์หรูหรา สเปคไม่แพ้ใครและราคาย่อมเยาที่ให้ความคุ้มค่า พร้อมสโลแกน “Never Settle” พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ล่าสุด OnePlus ได้จับมือกับ Zendesk ในการก้าวเข้าสู่ Omnichannel ประสานระบบจากทุกสาขาทั่วโลก ยกระดับการซัพพอรต์ลูกค้าแบบครบวงจร “เราอยากจะนำเสนอช่องทางที่มากกว่านี้ และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือใช้ Zendesk ให้หมดสำหรับทุกอย่าง” Tom Bruno (OnePlus Service Strategy and Operations Lead ) กล่าว “การดำเนินงานต่างๆ เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น และยังมีความยืดหยุ่น หากว่าเราต้องการนำเข้าข้อมูลจากระบบอื่นหรือประสานการใช้งานร่วมกับเครื่องมือจากบุคคลที่สาม” โดยส่วนใหญ่นั้น ลูกค้าของ OnePlus มักเลือกใช้ช่องทาง Live Chat ในการติดต่อเข้ามา พิจารณาจากคำร้องกว่า 60% ที่เข้ามานั้นล้วนมาจากช่องทาง Live Chat ซึ่ง OnePlus มีการสนับสนุนระบบภาษาทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาอิตาเลียน ภาษาสเปน และภาษาฝรั่งเศส “หลังจากที่เราเปิดให้ใช้ช่องทางแชท ปริมาณของคำร้องก็ทะยานขึ้นสูงค่อนข้างมากทีเดียว มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้าที่จะติดต่อสื่อสารผ่านทางแชท เพราะว่าพวกเขาจะได้รับการตอบกลับทันที” กล่าวโดย Maria Kozlova, Data Analyst Expert ด้วยความที่เริ่มจากการเป็น Start Up เดิมที OnePlus มีโมเดลธุรกิจที่เน้นสร้างสินค้าให้ดี เชิญชวนให้มีการแนะนำบอกต่อเยอะๆ การรักษาฐานลูกค้าจึงเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก OnePlus จึงให้ความสำคัญในการซัพพอรต์ลูกค้าเป็นพิเศษ ด้วยเข้าใจดีว่าทั้งตัวเองและแฟนๆ มือถือ มีความชอบ ความหวัง และความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้นพวกเขาเองก็ไม่มีวันพึงพอใจกับสินค้าของตัวเองในวันนี้ หวังที่จะพัฒนาแก้ไขไปเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า OnePlus...

Continue reading

ทำงานได้ในแบบที่คุณต้องการ ด้วย G Suite

G Suite  คอยพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับทุกอุปกรณ์ในการเข้าใช้งาน ทำให้คุณสะดวกสบายมากขึ้น ทำงานได้ในแบบที่คุณต้องการ ซึ่ง G Suite ได้พัฒนา Docs, Sheets, Slides บนอุปกรณ์โทรศัพท์อย่าง Android และ IOS ที่จะช่วยให้คุณดูเอกสารและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม Concept “ดูเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ทุกอุปกรณ์” คุณต้องการอ่านเอกสารหรือตรวจสอบงานขณะเดินทางหรือไม่? ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณเข้าถึงเอกสารได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ ดูสไลด์การนำเสนอได้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้เห็นภาพของงาน ส่วนใหญ่มักจะนำเสนองานผ่านการทำสไลด์ซึ่งจะทำให้ทีมเห็นภาพและสามารถตกลงกันได้ชัดเจน วันนี้คุณสามารถดูสไลด์ที่เลื่อนในแนวตั้งและสามารถซูมได้ มุมมองใหม่นี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบสไลด์ได้เร็วขึ้นและสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย Preview ลิงก์ที่ดูสะดวกมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีการแปะลิงก์ไว้เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารของเรา แต่ตอนนี้ไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอเพื่อกดดูข้อมูลที่อยู่ในลิงก์นั้นแล้ว เพราะตอนนี้สามารถคลิกลิงก์ที่แปะอยู่ในเอกสารและปรากฎข้อมูลที่อยู่ในลิงก์บนหน้าเดียวกัน ทำให้คุณอ่านเอกสารได้อย่างไม่ติดขัด ถนอมสายตาและเซฟแบตเตอรี  Docs, Sheets, Slides สามารถใช้โหมด Dark Theme ได้แล้วบนโทรศัพท์คุณได้แล้ว ทำให้คุณสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยได้ง่ายขึ้นและรักษาแบตเตอรี่ได้นานขึ้น Concept “สร้างเอกสารเข้าถึงจากทุกที่” ทีมคุณสามารถทำงานเสร็จได้เร็วมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ของ G Suite เหล่านี้  Docs เขียนได้เร็วขึ้นและมีข้อผิดพลาดน้อยลง Google AI สามารถเดาประโยคหรือคำที่คุณจะพิมพ์ต่อไปได้ และจะช่วยให้คุณสามารถพิมพ์เอกสารได้เร็วขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการสะกดและไวยากรณ์  แก้ไขไฟล์ Microsoft Office ได้อย่างง่ายดาย เมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวการแก้ไขไฟล์ Microsoft Office ที่สามารถอัปโหลดและแก้ไขได้เลยแบบไม่ต้องแปลงไฟล์ ซึ่งอีกไม่นานบนโทรศัพท์ก็จะสามารถทำได้เช่นเดียวกัน แสดงความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น G Suite ได้ปรับอินเทอร์เฟซการแสดงความคิดเห็นที่ใหญ่และชัดเจนขึ้นทำให้เลื่อนดูและตอบกลับความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น มีปุ่มเข้าถึงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบกลับและ @ กล่าวถึงคนอื่น ๆ ในทีม ทำให้การแสดงความคิดเห็นง่ายยิ่งขึ้น ตอบกลับความคิดเห็นได้โดยตรงจาก Gmail คุณจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนทาง Gmail เมื่อมีการคอมเมนต์งานหรือกล่าวถึงคุณให้แชร์ไอเดียในงานนั้น ๆ คุณสามารถตอบกลับหรือแก้ไขความคิดเห็นนั้นได้โดยตรงใน Gmail เพื่อช่วยให้คุณและทีมประหยัดเวลาและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานก็ตาม G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ...

Continue reading