สำหรับองค์กรที่เปลี่ยนมาใช้งาน Google Workspace คงได้สัมผัสถึงสไตล์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ด้วยประโยชน์ของเครื่องมือชุดแอปพลิเคชันต่างๆที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันในองค์กรให้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บไฟล์และการแชร์ไฟล์ร่วมกันได้อย่างเรียลไทม์ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงการทำงานได้ทุกที่และทุกเวลา รวมถึงระบบ Privacy ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ณ ขณะนี้ Google Workspace ได้นำเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง Generative AI เข้ามาเพิ่มความสามารถให้กับการทำงานไปได้อีกขั้น ในชื่อ ”Duet AI with Workspace” ที่จะช่วยต่อยอดผลงานด้วยไอเดียอัจฉริยะ เพียงแค่คุณบอกความต้องการผ่านฟีเจอร์ “Help me …” จากนั้น AI ก็จะสร้างไอเดียใหม่ๆให้คุณได้เลือกสรรได้อย่างนับอนันต์ Duet AI จะช่วยให้การทำงานดีขึ้นได้อย่างไร? บทความนี้อ้างอิงข้อมูลจากคุณ Michael Brenzel- Chief Workspace Evangelist, Google Workspace ที่ได้ให้การสัมภาษณ์ไว้ในบทความ “Can AI help us play nice at work?” ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งในหน้าที่เป็นผู้เผยแพร่นวัตกรรมองค์กร เขามักจะได้พบปะพูดคุยกับลูกค้าเสมอๆ โดยหนึ่งในคำถามที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุดเกี่ยวกับ Duet AI นั่นก็คือ Duet AI จะช่วยให้การทำงานของเขาดีขึ้นได้อย่างไร? โดยคุณ Michael ได้ให้คำตอบพร้อมด้วยการยกตัวอย่างเคสเพื่อให้เห็นภาพที่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนี้ ณ บริษัทที่ให้บริการสร้างแอปพลิเคชันแห่งหนึ่ง ได้มีโปรเจกต์สร้างแอปพลิเคชันให้กับลูกค้า แต่ด้วยทีมงานที่ร่วมโปรเจกต์นี้ได้กระจายกันอยู่ในหลายประเทศ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำงานร่วมกัน เนื่องด้วยภาษาและช่วงเวลาการทำงานที่แตกต่างกัน หัวหน้าทีมจึงได้นำ Duet AI เข้ามาช่วยลดปัญหาเหล่านั้น ซึ่งผลก็คือทำให้การทำงานของทีมดีขึ้น ดังนี้ Duet AI ช่วยทลายข้อจำกัดในการทำงาน หัวหน้าทีมเริ่มต้นโปรเจกต์ด้วยการใช้ Duet AI ผ่านฟีเจอร์ “Help me write” บน Google Docs เพื่อช่วยร่างแผนงาน กำหนดเป้าหมาย แบ่งหน้าที่ รวมถึงวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงต่างๆ จากนั้นสมาชิกในทีมก็ได้เข้ามาแก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูลร่วมกันโดยการใช้ @mentions (ฟีเจอร์ smartchips) ร่วมด้วย ทุกครั้งที่ต้องมีการประชุมออนไลน์...
Continue readingซื้อ Google Workspace ก็สามารถลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy E-Receipt 2567 ได้นะ !
ข่าวดีสำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังวางแผนซื้อบริการ Google Workspace รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ ! เพราะนี่เป็นเวลาเดียวที่คุณจะได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 50,000 บาท ! Demeter ICT ได้เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 2567 มาตรการที่จะช่วยให้คุณสามารถรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็น Google Workspace, AppSheet, Duet AI, Zendesk, Braze, Asana, Freshservice, คอร์สอบรมการใช้งาน Google Workspace & AppSheet และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ (ดูเพิ่มเติม คลิก) เพียงแค่คุณซื้อบริการในนามผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็สามารถใช้ใบกำกับภาษีลดหย่อนกับโครงการ Easy E-Receipt สำหรับปี 2567 เพื่อยื่นในช่วงต้นปี 2568 นี้ได้เลย ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ Google Workspace (ผู้ใช้ใหม่) ก็ยิ่งคุ้ม ! เพราะช้อปกับ Demeter ICT รับสิทธิพิเศษสุดคุ้มถึง 3 ต่อ ! ต่อที่ 1 License ราคาพิเศษ สำหรับผู้ใช้งานใหม่ ลดได้สูงสุดถึง 20 บัญชี เริ่มต้นเพียง 113.50 บาท /ผู้ใช้งาน/เดือน เท่านั้น คลิกเพื่อดูแพ็กเกจและราคา ต่อที่ 2 รับฟรี AppSheet core ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ต่อที่ 3 สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ตามที่จ่ายจริง ใช้ใบกำกับภาษีแบบ E-Tax Invoice/ E-Receipt จาก Demeter ICT เงื่อนไขการรับสิทธิ์โครงการ Easy E-Receipt ต้องซื้อบริการในนามของผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น นอกเหนือจากนี้จะไม่สามารถลดหย่อนภาษีในโครงการนี้ได้ ต้องซื้อบริการและชำระในระหว่างวันที่ 1...
Continue readingสรุป 10 Marketing Trends in 2024 จาก Forbes
โลกการตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ปี ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวทางการทำการตลาดทั้งสิ้น ซึ่งในปี 2024 นี้ ทาง Forbes ได้รวบรวม Marketing Trends ใหม่ ๆ รวมถึงเทรนด์ที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ๆ ในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจของคุณ และเป็นกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริงสำหรับธุรกิจ เพื่อรักษาความสามารถทางการแข่งขันในปี 2024 นี้ได้ จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน! เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! 1. AI Marketing Automation การผสานเอา AI มาปรับเข้ากับการตลาดหรือที่เรียกว่า AI Marketing จะช่วยยกระดับวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ของบริษัท ตัวอย่างเช่น แชทบอทรับส่งข้อความที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโต้ตอบกับลูกค้าด้วยการมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว (Personalization) ซึ่งช่วยสร้างการเชื่อมต่อกับลูกค้าที่แท้จริงมากขึ้น เท่ากับว่านักการตลาดในปี 2024 จะต้องมีทักษะด้าน AI Management ต้องเป็น AI Manager หรือ AI Director ทำหน้าที่บริหารจัดการ AI ในฐานะเป็นหัวหน้าของ AI เพื่อจัดการกระบวนการทำงานระหว่างมนุษย์กับ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด 2. Augmented Reality (AR) & Virtual Reality (VR) เทคโนโลยีสมจริงอย่าง AR และ VR ช่วยให้การเล่าเรื่องแบรนด์สมจริงมากยิ่งขึ้น และเพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค ในปี 2024 นี้ คาดหวังว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะประสานเข้ากับความพยายามทางการตลาดเชิงกลยุทธ์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ร้านค้าแนวเทคโนโลยีสามารถยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้ และเพิ่มมูลค่าให้แก่แบรนด์ของพวกเขาได้โดยการเสนอประสบการณ์การลองใช้งานสินค้าแบบเสมือนจริงแก่ลูกค้า 3. Hyper-Personalization ด้วยความก้าวหน้าของ AI และการเรียนรู้ความสามารถของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ส่งผลให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าจำนวนมากได้ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงประสบการณ์และปรับแต่งเนื้อหาคอนเทนต์ แคมเปญการตลาด และออกแบบข้อเสนอให้กับลูกค้าได้ตรงใจมากยิ่งขึ้น เช่น มีลูกค้าชื่อว่า...
Continue reading5 เทรนด์แห่งการทำงาน มาแรงปี 2024 ยืนยันแล้วจาก Forbes !
จากอดีตสู่ปัจจุบันโลกของเราก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย แนวความคิดที่ว่าต้องเดินทางไปทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หรือการคิดว่างานคือทุกอย่างของชีวิต วันนี้คงถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องทิ้งสิ่งเหล่านี้ไว้แค่เพียงในอดีตนับจากนี้เป็นต้นไป… ในปี 2024 เทรนด์การทำงานต่าง ๆ จะมีการพัฒนาในรูปแบบใหม่ จะเกิดการปรับเปลี่ยนแนวคิดอย่างมากมาย กระทบไปถึงการใช้ชีวิตและพฤติกรรมการทำงานของคนทั่วไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นผลมาจากการที่เทคโนโลยี AI เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นและจะทวีคูณไปอีกหลายเท่าตัวในอนาคต ซึ่งการมาของ AI นี้เองไม่เพียงแต่กระทบวิถีการทำงาน แต่ยังทำให้เกิด Business Transformation ที่ส่งผลต่อธุรกิจทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจที่อยู่นอกอุตสาหกรรม High-tech ก็ต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเทรนด์ที่ Demeter ICT ได้คัดเลือกมาจาก Forbes และจะมาบอกเล่าให้ทุกท่านในวันนี้ จะมุ่งเน้นไปที่เทรนด์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและกระทบต่อการทำงานของท่านในแต่ละวัน ซึ่งเจ้าของธุรกิจและเจ้าหน้าที่ระดับบริหารสามารถศึกษาเทรนด์เหล่านี้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 นี้ได้ 5 เทรนด์การทำงาน ปี 2024 1. Generative AI นี่ถือว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะตั้งแต่เทคโนโลยี AI เริ่มเข้ามาผู้คนก็ต่างพูดถึงเรื่องความกังวลที่ AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ ซึ่งในปี 2024 ความคิดนี้จะต้องถูกเปลี่ยนแปลงสู่แนวคิดที่ว่า “ใครใช้ AI ไม่เป็น คนนั้นจะถูกแทนที่ไปโดยปริยาย” ณ ปัจจุบัน AI นั้นถูกดัดแปลงให้มาเป็นเครื่องมือช่วยซัพพอร์ตการทำงานของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยงานต่าง ๆ ของมนุษย์ได้เกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ แต่ทว่ามนุษย์ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อจำกัดและประโยชน์ของการนำ AI มาใช้ให้เหมาะสมกับงานของตนเองด้วย ซึ่ง AI ของแต่ละแพลตฟอร์มนั้นก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น Duet AI ของ Google Workspace ที่มีความสามารถในการช่วยสร้างสรรค์ผลงานใน Gmail, Docs, Slides, Meet, Sheets หากท่านใช้ Google Workspace อยู่แล้ว การใช้งาน AI จาก Google ก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมอย่างมาก หากต้องการศึกษารายละเอียดของ Duet AI คลิกที่นี่ 2. Employee Experience...
Continue readingเทียบชัด Google Workspace VS Zimbra ใครจะเป็นที่หนึ่งในวงการ Collaboration Platform! รีวิวจริงจาก Gartner
หากจะพูดถึงการทำงานแบบ Collaboration ก็คงนึกถึงแพลตฟอร์มอื่นไปไม่ได้เลย นอกจาก Google Workspace และ Zimbra เมื่อไม่นานมานี้ทาง Zimbra ได้ประกาศ End of Life Free version หรือที่เราเรียกกันว่า Zimbra Open source ซึ่งข่าวการยกเลิกนี้ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากจำเป็นต้องอัปเกรดหรือมองหาแพลตฟอร์มเพื่อการทำงานจากค่ายอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับคุณที่อาจจะกำลังใช้งาน Zimbra และจะถูกยกเลิกการใช้งานฟรีในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2023 นี้ เราจึงได้จัดทำบทความเปรียบเทียบ Zimbra กับ Google Workspace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนเรื่องการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์เช่นเดียวกัน เปรียบเทียบในแง่ของแอปพลิเคชันต่าง ๆ และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น เพื่อให้คุณได้หาโซลูชันที่เหมาะสมและคุ้มค่าให้กับองค์กรของคุณได้มากที่สุด อีกทั้ง Demeter ICT ยังได้นำรีวิวจากองค์กรผู้ใช้จริงและ rating บางส่วนจาก Gartner มาเผยแพร่ให้คุณได้เห็นภาพรวมกันของการใช้งานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เปรียบเทียบ Google Workspace และ Zimbra เจ้าของผลิตภัณฑ์ (บริษัทแม่) Google Synacor แอปพลิเคชันที่ได้รับ (อ้างอิงจากแพ็กเกจเริ่มต้น) Gmail Drive Docs Slides Sheets Forms Calendar Meet Site Chat Email Calendar Briefcase (งานเอกสารและการจัดการ Drive) Office (งานตารางและงานนำเสนอ) Chat and Video หมายเหตุ: อ้างอิงหมวดหมู่แอปพลิเคชันตามหน้า Official Website ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2023 พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ / บัญชี 30 GB 3 GB ราคาเริ่มต้น / บัญชี / เดือน...
Continue reading6 Steps สร้าง Data-Driven Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
บทความก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงนิยามของการทำ Data-Driven รวมถึงความสำคัญและข้อดีของการทำ Data-Driven Marketing ไปแล้ว ใครอยากอ่านบทความ ‘ไขกุญแจสู่ความสำเร็จ สร้างการตลาดที่ตรงใจลูกค้าด้วยกลยุทธ์ Data-Driven’ สามารถคลิก ที่นี่ ในวันนี้เราจะมาบอกขั้นตอนการสร้างกลยุทธ์ Data-Driven Marketing แบบ Step by Step ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงใจและยังช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อีกด้วย ซึ่งการสร้างกลยุทธ์ Data-Driven Marketing มีด้วยกัน 6 ขั้นตอนดังนี้ เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! 1. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Culture) ก่อนอื่นการที่องค์กรจะสามารถสร้างกลยุทธ์ Data-Driven Marketing ได้นั้น สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับข้อมูล (Data-Driven Organization) ทุกคนในองค์กรต้องตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลและเห็นประโยชน์ของการใช้ข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจหรือกระบวนการทำงานต่าง ๆ การจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลนั้น ต้องได้รับการส่งเสริมจาก CEO หรือฝ่ายบริหาร ด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้และวิเคราะห์ข้อมูลในการทำงาน รวมถึงแสดงประสิทธิภาพของการทำ Data-Driven โดยอาจจะเริ่มจากสิ่งที่ทำได้ง่าย รวดเร็วและเห็นผลลัพธ์ได้เร็วที่สุด เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการขับเคลื่อนกระบวนการทำงานด้วยข้อมูลนั้นมีประโยชน์อย่างแท้จริง 2. การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมาย (Data Objectives) การกำหนดวัตถุประสงค์ของการทำ Data-Driven Marketing เพื่อให้นักการตลาดทราบว่าเราต้องการใช้ข้อมูลอะไรบ้าง? และเราจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไร? พร้อมกับการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPIs) เพื่อติดตามความคืบหน้าและประเมินความสำเร็จของการทำ Data-Driven Marketing ว่าตรงกับเป้าหมายที่องค์กรต้องการหรือไม่? ยิ่งเป็นการช่วยให้นักการตลาดสามารถทำงานได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายของการใช้ Data-Driven Marketing สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ เป็นเป้าหมายระยะยาว เช่น การเพิ่มยอดขาย การเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ หรือการลดต้นทุนให้องค์กร เป้าหมายเชิงปฏิบัติการ เป็นเป้าหมายระยะสั้น เช่น การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ การส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย หรือการกระตุ้นยอดขายจากแคมเปญการตลาด 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำ Data-Driven Marketing สามารถเก็บได้จากหลากหลายแหล่ง เช่น ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าที่เราเก็บมาเอง ข้อมูลจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ข้อมูลจากอีเมลหรือข้อความบนมือถือ ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย...
Continue readingHow to: แสกนเอกสารได้ง่ายๆ ผ่าน Google Drive
รู้หรือไม่ Google Drive มีฟีเจอร์ที่ช่วยสแกนเอกสารต่างๆได้! เมื่อคุณต้องการถ่ายรูปและอัปโหลดขึ้นไดรฟ์ โดยเฉพาะไฟล์ที่เป็นเอกสารที่ต้องอาศัยภาพถ่ายที่คมชัดให้เห็นตัวอักษรที่ชัดเจน หลายคนคงยังใช้วิธีถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็แสกนจากเครื่อง Scanner แล้วค่อยนำไปอัปโหลดขึ้น Google Drive วันนี้เรามีวิธีที่ง่ายแบบรวบรัดให้อยู่ในขั้นตอนเดียว แค่ทำผ่าน Google Drive แอปเดียวจบ จากเมื่อปีที่ผ่านมาแอปพลิเคชัน Google Drive บน Android สามารถให้ผู้ใช้งานได้ใช้ฟีเจอร์ Drive scanner เพื่อแสกนเอกสารต่างๆ เพื่อบันทึกเป็นไฟล์ PDF ไว้บนไดร์ฟได้เลยทันที และล่าสุด Google ก็ได้พัฒนาฟีเจอร์ Drive scanner เอาใจสาวก iOS ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานบนโทรศัพท์หรือแท็ปเล็ตให้ได้ใช้งานด้วยเช่นกัน ความสามารถของ Drive Scanner ผู้ใช้งานสามารถเลือกระบบจับภาพอัตโนมัติ เพื่อให้การแสกนรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่องมองภาพจากกล้องมุมมองกว้าง ทำให้แสกนภาพได้สะดวก ครอบตัดเฉพาะส่วนที่เป็นเอกสารได้ สามารถนำเข้าภาพจากอัลบั้มรูปในโทรศัพท์ได้ ปุ่มแสกนสามารถเข้าถึงการแสกนได้อย่างรวดเร็ว แนะนำการตั้งชื่อไฟล์ PDF ด้วยการเรียนรู้จาก Machine learning (ปัจจุบันมีให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น) วิธีการใช้งาน Drive Scanner เปิดแอป Google Drive บนสมาร์ทโฟน แตะที่ปุ่มแสกน ถ่ายภาพเอกสารที่ต้องการสแกน สามารถเลือกได้ว่าต้องการถ่ายแบบกำหนดเอง หรือจับภาพอัตโนมัติ เมื่อแสกนเรียบร้อย สามารถเลือกจัดการรูปภาพเพิ่มเติมได้ เช่น ครอบตัด ปรับแสงและสีถ่ายใหม่ หรือ ถ่ายเพิ่มเติม เป็นต้น หากได้ภาพที่ต้องการแล้วให้แตะ เสร็จสิ้น ตั้งชื่อไฟล์ และเลือกพื้นที่จัดเก็บ แตะ บันทึก เพื่อบันทึกไฟล์ เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ไฟล์ที่แสกนเป็น PDF บน Google Drive ที่สามารถแชร์ต่อให้บัญชีอื่นได้เลย...
6 อัปเดตกับ Google Chat ฟีเจอร์ใหม่น่าสนใจเพียบ
ยังคงทยอยอัปเดตฟีเจอร์ใหม่กันมาเรื่อยๆสำหรับ Google Chat บอกเลยว่ารวมอัปเดตรอบนี้มีฟีเจอร์น่าสนใจมากมายที่จะทำให้การสื่อสารในองค์กรของคุณดีขึ้น รวมถึงการเตรียมเปลี่ยนโฉมไอคอน Google Chat ใหม่เร็วๆนี้ สำหรับใครที่พลาดรวมอัปเดตก่อนหน้านี้ สามารถดูได้ที่นี่ 1. แถบ Main menu ที่ย่อขยายได้ สำหรับ Google Chat บน Desktop ในส่วนของแถบ Main menu ที่รวบรวม Direct message และ Spaces ทั้งหมด สามารถย่อและขยายได้อัตโนมัติเมื่อนำเม้าส์ไปชี้ ทำให้เราได้หน้าต่างของห้องแชทที่ขยายกว้างขึ้นนั่นเอง แต่หากใครไม่ถนัดหรือไม่ชินกับรูปแบบนี้ก็สามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้ โดยการคลิกที่ปุ่ม Main menu ที่ด้านซ้ายบน ใน Spaces จะ Thread เยอะแค่ไหนก็ไม่พลาด สามารถเรียกดู Thread หรือชุดข้อความ/กระทู้ทั้งหมดที่มีอยู่ใน Spaces ได้ ให้คลิกที่ปุ่ม Active threads จากนั้นจะปรากฎ Thread ทั้งหมด สามารถโต้ตอบและกดติดตาม Thread ที่ต้องการผ่านตรงนี้ได้เลย ค้นหาแชทได้ง่ายขึ้นด้วย Shortcut ที่แถบ Main menu จะปรากฎฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่นั่นก็คือ Shortcut เพื่อเป็นทางลัดให้ผู้ใช้งานค้นหาแชทได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยใน Shortcut สามารถแบ่งเป็นอีก 3 ฟีเจอร์ดังนี้ Home– ปรากฎห้องที่มีการสนทนาทั้งหมดรวมไว้ในที่เดียว และสามารถกรองข้อความที่ยังไม่ถูกเปิดอ่านได้ Mentions– แสดงข้อความแชทที่มีการกล่าวถึงคุณเท่านั้น Starred– แหล่งรวบรวมข้อความที่มีการบันทึกหรือติดดาว จากการกด Star บนข้อความที่สำคัญ รับแจ้งเตือนจาก Google Drive ผ่านแชทได้โดยตรง สามารถรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการกระทำใดๆต่อไฟล์บน Google Drive ผ่าน Google Chat ได้เลย เพียงแค่ติดตั้งแอป Google Drive ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์หรือโฟลเดอร์ใหม่ที่แชร์กับคุณ ความคิดเห็นใหม่หรือรายการการทำงานที่มอบหมายให้คุณ คำขอเข้าถึงไฟล์ที่คุณเป็นเจ้าของ การแจ้งเตือนสำหรับพื้นที่เก็บข้อมูล 5. ใส่คำค้นหาในแชทได้เร็วขึ้นกับ...
Continue readingกรองข้อมูล (Filter) ใน Google Sheets อย่างไรไม่ให้คนอื่นเห็นและไม่กระทบไฟล์ต้นฉบับ
การใช้ฟังก์ชัน Filter ใน Google Sheets กรองข้อมูลเพื่อหาเซลล์หรือข้อมูลที่คุณต้องการนั้นเป็นฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์อย่างมาก แต่ในบางครั้งที่คุณและเพื่อนร่วมงานต้องการดูข้อมูลคนละชุดในไฟล์เดียวกัน การที่คุณ Filter ข้อมูลแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งไฟล์อาจไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก เพราะอาจทำให้เพื่อนร่วมงานที่กำลังใช้งานไฟล์เดียวกันกับคุณอยู่เกิดความสับสนได้ เนื่องจากข้อมูลที่กำลังถูกใช้งานอยู่นั้นอาจจถูกซ่อนไว้และจะถูกจัดเรียงใหม่ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน Filter Views แทนการกรองข้อมูลแบบปกติ ซึ่งฟังก์ชัน Filter Views จะช่วยให้คุณสามารถกรองข้อมูลในไฟล์ได้โดยไม่กระทบต่อข้อมูลต้นฉบับนั่นเอง วิธีสร้าง Filter Views ใน Google Sheets เปิดไฟล์ Google Sheets คลิกที่เซลล์หรือคอลัมน์ที่ต้องการกรอง ไปที่แท็บ Data แล้วคลิก Filter Views ตั้งชื่อ Filter ของคุณ คลิก Create วิธีนี้เป็นวิธีที่แนะนำมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบทำงานร่วมกันแบบ Online & Real-Time Collaboration เพราะหากคุณใช้ฟังก์ชัน Filter Views ทีมของคุณจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด Google Sheets จะโชว์เพียงข้อมูลต้นฉบับ เท่านั้น ซึ่งหากคุณมีการใช้งานไปแล้วและต้องการกลับมาใช้งาน Filter ที่คุณสร้างไว้อีกครั้ง คุณก็เพียงแค่ต้องกลับไปที่แท็บเมนูเดิม คือ Data >> Filter Views จากนั้นเลือกชื่อ Filter ที่คุณได้ตั้งไว้ในตอนแรกได้เลย ใช้ Filter Views ดีอย่างไร ? หากมีผู้ใช้อื่นกำลังใช้งานไฟล์นั้นอยู่ ข้อมูลต้นฉบับในไฟล์นั้นจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงใด ๆ ผู้ใช้อื่นไม่สามารถมองเห็น Filter ที่คุณกำลังใช้งานอยู่ได้ นอกจากว่าผู้นั้นจะกำลังใช้งาน Filter เดียวกันกับคุณ คุณสามารถแบ่งการมองเห็นของข้อมูลได้ เช่น Filter สำหรับฝ่ายขาย หรือ Filter สำหรับฝ่ายบัญชี เนื่องจากทุกฝ่ายมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้นการสร้าง Filter สำหรับแต่ละฝ่ายเพื่อให้ดูชุดข้อมูลที่ต่างกันจึงเป็นประโยชน์อย่างมาก วิธีลบ Filter Views ไปที่ Data ในแท็บเมนูด้านบน...
Continue reading