what is different line oa and botbonnie

LINE OA vs BotBonnie จากการสื่อสารสู่การสร้างกำไร เครื่องมือไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่ากัน?

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! LINE OA ทำอะไรได้บ้าง? และเหมาะกับใคร? LINE Official Account (LINE OA) คือ บัญชีทางการของแบรนด์บนแพลตฟอร์ม LINE ที่ใช้สื่อสารกับลูกค้าโดยตรง ฟีเจอร์ของ LINE OA: แชทบน LINE แบบ 1:1 Broadcast ส่งข้อความถึงผู้ติดตาม Rich Menu / Rich Message Step Message (ส่งข้อความอัตโนมัติตามลำดับวัน) ฟีเจอร์ Step Message เหมาะสำหรับทำ Drip Marketing แบบง่าย ๆ เช่น ตั้ง Trigger เมื่อมีคนเพิ่มเพื่อน แล้วส่งข้อความอัตโนมัติใน Day 0 / Day 1 / Day 3 เพื่อให้ข้อมูลหรือโปรโมชัน โดยสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายตามเพศ อายุ ระบบมือถือ หรือพื้นที่ได้ จุดเด่นของ LINE OA: คนไทยนิยมใช้ไลน์เป็นช่องทางการสื่อสารหลักกว่า 56 ล้านบัญชีหรือคิดเป็น 78.2% ของประชากรทั้งหมด ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ติดตั้งและพร้อมใช้งานได้ทันที เหมาะสำหรับร้านค้า SME ที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าอย่างรวดเร็วและเป็นระบบผ่านช่องทาง LINE ข้อจำกัดของ LINE OA: ใช้งานได้เฉพาะบน LINE เท่านั้น ข้อมูลที่ได้รับค่อนข้างอยู่ในระดับพื้นฐาน เช่น เพศ อายุ ประเภทมือถือที่ใช้ พื้นที่ เน้นการส่งข้อความตามช่วงเวลา มากกว่าเหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่ซับซ้อนของลูกค้า หากต้องการ Automation หรือ Segmentation ที่ซับซ้อนขึ้น ต้องใช้ API หรือเครื่องมือเสริม LINE OA เหมาะกับ: ทีมขนาดเล็กหรือกลางที่ต้องการระบบอัตโนมัติแบบแค่ตั้งข้อความแล้วส่งอัตโนมัติ สำหรับลูกค้ากลุ่มกว้างบน...

Continue reading
Xiaomi & Botbonnie - Appier Customer Story

กรณีศึกษา Xiaomi ไต้หวัน ใช้ BotBonnie เพิ่ม Engagement บน Instagram ถึง 98%

แบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลก “Xiaomi” ให้ความไว้วางใจ Appier เพื่อพลิกโฉมการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย ผ่านเครื่องมือ Automation ของ BotBonnie) ที่ช่วยเพิ่มยอดไลค์ถึง 5 เท่า และดันอัตราการร่วมกิจกรรมสูงสุดถึง 98% ภาพรวมของโปรเจกต์ Xiaomi x BotBonnie จาก Appier ในยุคที่ผู้บริโภคใช้เวลาส่วนใหญ่บนโซเชียลมีเดีย แบรนด์ต่างๆ ต้องคิดหาวิธีสร้าง “ปฏิสัมพันธ์จริง” กับลูกค้าให้ได้มากกว่าการโพสต์คอนเทนต์ทั่วไป Xiaomi Taiwan มองเห็นโอกาสนี้และได้ให้ความไว้วางใจ Appier เพื่อนำ BotBonnie เครื่องมือ Marketing Automation บน LINE, Facebook, Instagram มาช่วยยกระดับการสื่อสารกับแฟนคลับในกิจกรรม Xiaomi Fan Festival 2024 และแคมเปญ “Heartbeat” กับ “The Moment” ผลลัพธ์คือ Engagement เพิ่มขึ้นกว่า 100+ ผู้ใช้ใหม่ ยอดไลก์เฉลี่ยมากขึ้น 5 เท่า อัตราการทำกิจกรรมจบครบ 98% ทำความรู้จักแบรนด์ Xiaomi Xiaomi Corporation ก่อตั้งในปี 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (1810.HK)บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Devices) ที่เชื่อมต่อกันผ่าน IoT Platform วิสัยทัศน์ของ Xiaomi “Make friends with users and be the coolest company in the users’ hearts.” ปัจจุบัน Xiaomi เป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ติดอันดับ 3 อันดับแรกของยอดขายทั่วโลก โดยข้อมูล ณ มีนาคม 2024 ผู้ใช้งานประจำต่อเดือน (MAU)...

Continue reading
botbonnie mini cdp

BotBonnie จาก Appier เปลี่ยน LINE OA ให้เป็น Mini-CDP และ Customer Engagement สำหรับยุค OMO

ในยุคที่พฤติกรรมของลูกค้าไม่ได้อยู่แค่ “ออนไลน์” หรือ “ออฟไลน์” อีกต่อไป ลูกค้าอาจเห็นสินค้าใน LINE หรือ Social Platform อื่น จากนั้น ไปลองที่ร้าน แล้วกลับมาซื้อผ่านออนไลน์นี่คือโลกของ OMO (Online-Merge-Offline) ซึ่งแบรนด์ที่สามารถ เชื่อมโยงประสบการณ์ของลูกค้าในทุกช่องทางจะเป็นผู้ชนะในยุคใหม่ของการตลาด แต่ความท้าทายคือ — LINE OA ที่หลายแบรนด์ใช้อยู่ทุกวันนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะ “เข้าใจลูกค้า” และ “สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement)” ได้ลึกพอ นี่คือเหตุผลที่แบรนด์ชั้นนำ เช่น Xiaomi Samsung Gogoro Heineken Audi ฯลฯ เลือกใช้ BotBonnie จาก Appier BotBonnie คืออะไร หลายคนรู้จัก BotBonnie ในฐานะ “Chatbot Platform” ที่ทำงานร่วมกับ LINE OA ได้ดีที่สุดกว่าทุกโซลูชั่นส์ โดยได้รับความนิยมสูงสุดในไต้หวัน (เป็นสังคม LINE เหมือนไทย) ในต้นทุนที่จับต้องได้ แต่จริงๆ แล้ว BotBonnie ทำได้มากกว่านั้น นั่นคือ BotBonnie เป็นแพลตฟอร์ม Conversational Marketing & Engagement Platform ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้าง บทสนทนาอัตโนมัติ (Smart Chatbot) กิจกรรมการตลาด (Engagement Campaigns) การสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Automation) และ การเก็บข้อมูลลูกค้า (Customer Data) บน LINE OA, Facebook, Instagram, Whatsapp หรือเว็บไซต์ — โดยไม่ต้องเขียนโค้ด ดังนั้น BotBonnie ไม่ได้เป็นแค่ “บอทตอบแชท” แต่เป็น “ศูนย์กลางของข้อมูลและการสื่อสารกับลูกค้า” สำหรับแบรนด์ที่ต้องการขับเคลื่อนการตลาดในยุค...

Continue reading
cdp airis

ทำความรู้จัก CDP คืออะไร? และเหตุผลที่นักการตลาดควรรู้จัก AIRIS

CDP หรือ Customer Data Platform เป็นหนึ่งในคำที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในแวดวงนักการตลาด เพราะปัจจุบันทุกธุรกิจต้องรับมือกับข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาลจากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือแม้แต่ข้อมูลออฟไลน์ (หน้าร้าน) ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ข้อมูลกระจัดกระจาย (Data Silos) และไม่สามารถมองเห็นข้อมูลลูกค้าทั้งหมดในภาพรวมเดียวกันได้อย่างครบถ้วน คำถามคือ แล้วจะทำอย่างไรให้ข้อมูลลูกค้าที่กระจัดกระจายเหล่านี้ถูกรวมไว้ที่เดียว เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้จริงๆ? คำตอบก็คือ Customer Data Platform หรือ CDP นั่นเอง CDP หรือ Customer Data Platform คืออะไร? CDP หรือ Customer Data Platform คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางของธุรกิจแบบ Real-time เพื่อจะได้นำข้อมูลทั้งหมดมาสร้างเป็นโปรไฟล์ลูกค้าแบบ 360° ในที่เดียว คุณลองนึกภาพว่า ลูกค้าคนเดียวกันคลิกเข้าเว็บไซต์คุณจากมือถือ ลงทะเบียนอีเมลไว้ และต่อมาอาจดาวน์โหลดแอปมาใช้งาน หากว่าคุณไม่มีระบบ CDP คุณอาจคิดว่านี่คือลูกค้า 3 คน แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนเดียวกันทั้งหมด CDP จะทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกัน และสร้างเป็นโปรไฟล์ที่แม่นยำว่า “นี่คือลูกค้าคนเดียวกัน” พร้อมทั้งเก็บพฤติกรรม การซื้อ ความสนใจ และประวัติการสื่อสารกับแบรนด์ไว้อย่างครบถ้วน ยกระดับ CDP ของคุณไปอีกขั้น ด้วยการขับเคลื่อนจาก AI ของ AIRIS แม้ว่า CDP จะช่วยแก้ปัญหาข้อมูลกระจัดกระจาย และเปิดโอกาสให้นักการตลาดเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น แต่ CDP แบบเดิมยังมีข้อจำกัด คือ นักการตลาดต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเอง ซึ่งอาจช้าเกินไปสำหรับยุคที่ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว และนี่คือจุดที่ AI เข้ามาเสริมพลังให้ CDP ก้าวไปอีกขั้น ทำความรู้จัก AIRIS คืออะไร? AIRIS คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Appier เพื่อช่วยให้การทำงานของนักการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Appier ได้เปิดตัว AIRIS ในปี 2022...

Continue reading
omo

OMO คืออะไร? แนวคิดการผสานโลกออนไลน์–ออฟไลน์ (O2O) และกลยุทธ์การตลาดแบบ LINE OMO

OMO คืออะไร? แนวคิดการผสานโลกออนไลน์–ออฟไลน์ (O2O) และกลยุทธ์การตลาดแบบ LINE OMO ในยุค “New Retail” การหลอมรวมระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ หรือที่เราเรียกว่า OMO (Online-Merge-Offline) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันทางธุรกิจยุคใหม่ รายงาน State of the Consumer 2025 (ตีพิมพ์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2025) โดยบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง McKinsey สะท้อนภาพที่น่าสนใจของผู้บริโภคทั่วโลก ที่ผู้บริโภคทั่วโลกไม่ได้เป็นเพียงแค่ “นักช็อปดิจิทัล” อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมซับซ้อนกว่าที่เคยเป็นมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือ “ความอ่อนไหวต่อราคา” ที่ยังคงสูง ขณะที่ “ความภักดีต่อแบรนด์” กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้บริโภควันนี้เดินข้ามเข้าถึงไปมาระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างเป็นเรื่องปกติ เพื่อค้นหาทั้ง “ความคุ้มค่า” และ “ประสบการณ์ที่เป็นของตนเอง” ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้จึงไม่ใช่เพียงยุคของการขายสินค้า แต่เป็นยุคที่แบรนด์ต้องเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ที่ผสานระหว่างข้อมูล เทคโนโลยี และอารมณ์อย่างแท้จริง ในตลาดที่ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางตามพฤติกรรมข้างต้น คำถามจึงมีว่าแบรนด์และธุรกิจต้องทำอย่างไรเพื่อเอาชนะใจลูกค้าอย่างยั่งยืน คำตอบของหลายแบรนด์ได้ชี้ไปที่กลยุทธ์ที่มีนักการตลาดพูดถึงมากที่สุดอันหนึ่งนั่นก็คือกลยุทธ์ OMO (Online-Merge-Offline) หรือการผสานโลกออนไลน์–ออฟไลน์ บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านเจาะลึก โมเดลธุรกิจ OMO ปี 2025 เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง OMO และ O2O ในแต่ละด้าน และอธิบายว่า กลยุทธ์ในการใช้ LINE สำหรับ OMO จะช่วยแบรนด์เชื่อมต่อข้อมูลสมาชิกและจัดการฐานข้อมูลลูกค้าอย่างไร พร้อมแบ่งปันกรณีศึกษา Zenyum X Appier BotBonnie ที่ประสบความสำเร็จในไต้หวัน เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจ “รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ของลูกค้า” ในยุค OMO อีกด้วย อ่านเพิ่มเติม Appier คืออะไร? OMO คืออะไร? ไม่ใช่แค่ O2O แต่เป็นการผสานโลกจริง–โลกดิจิทัลแบบ “ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง” OMO (Online-Merge-Offline) คือแนวคิดการผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างแนบสนิท แตกต่างจาก O2O ที่เป็นเพียงการนำลูกค้าออนไลน์มาที่หน้าร้าน OMO คือการ ทำลายกำแพงระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์...

Continue reading