สำรวจ 8 เทรนด์การทำงานปี 2025 จาก Forbes รู้ก่อนได้เปรียบ! 

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของประชากรในตลาดแรงงาน และความคาดหวังของพนักงานที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างก็สร้างความกังวลใจให้เจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารอยู่ไม่น้อยเลย การทำความเข้าใจและตั้งรับกับเทรนด์หรือทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  ดังนั้น Demeter ICT จึงได้นำบทความจาก Forbes มาให้ทุกท่านได้สำรวจ ศึกษา และเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเทรนด์การทำงานในปี 2025 นี้ไปพร้อมกัน 1. Reskilling และ Upskilling: กุญแจสำคัญสำหรับอนาคต AI ได้เข้ามามีอิทธิพลและเปลี่ยนแปลงการทำงานไปในหลายแง่มุม ทำให้การพัฒนาทักษะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งในปี 2025 ทักษะบางอย่างอาจกลายเป็นล้าสมัยไป แต่ในขณะเดียวกันโอกาสมากมายก็กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นบริษัทที่สนับสนุนและมอบโอกาสการเรียนรู้ให้พนักงานจะสามารถดึงดูดบุคลากรชั้นนำเข้ามาร่วมพัฒนาบริษัทได้ นำไปสู่ความสำเร็จทั้งในด้านบุคลากรเองและบริษัทด้วย 2. ทำงาน 4 วัน กระตุ้น Productivity และ Work-Life Balance ได้ดี การทำงาน 4 วัน/สัปดาห์กำลังได้รับแรงผลักดันจากบริษัทหลายแห่ง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายโครงสร้างการทำงานแบบดั้งเดิมอย่างมากเลยทีเดียว ในปี 2025 บริษัทต่างๆ จะเริ่มมีการนำโมเดลนี้มาใช้มากขึ้น โดยจะยกระดับการเป็นอยู่ของพนักงานให้มี work life balance ที่ดี เพราะการมีชั่วโมงทำงานที่เข้มข้นและได้รับการพักผ่อนที่เหมาะสมจะสามารถเพิ่ม Productivity ได้ในทุกอุตสาหกรรม 3. The Gig Economy 2.0: จากงานเสริมสู่เส้นทางอาชีพ เศรษฐกิจแบบ Gig (การทำงานแบบอิสระ) จะได้รับความนิยมมากขึ้น คนที่เคยทำงานประจำก็อาจต้องการความยืดหยุ่น ความอิสระ และความท้าทายในการทำงาน คำว่า “Job for life” ก็อาจจะไม่มีอีกต่อแล้ว ฉะนั้นการทำงานแบบ Gig จึงกลายมาเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรง ซึ่งในปีหน้าจะมีบุคลากรมากความสามารถสนใจการทำงานรูปแบบนี้อย่างแน่นอน ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรประจำในสาขาต่าง ๆ เช่น บุคลากรด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare), ด้าน AI, และด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น  ด้วยเหตุนี้บริษัทเองจึงต้องปรับตัวด้วยการมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสในการทำงานแบบโปรเจกต์ที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถสูงในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 4. พลังแห่งการผสมผสาน มนุษย์และ AI ปลดล็อกศักยภาพใหม่ AI กำลังเปลี่ยนจากการทดแทนมาเป็นการเสริมศักยภาพมนุษย์ ส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเมื่อ AI...

Continue reading

สร้างรูปภาพงานนำเสนอในไม่กี่คลิกด้วย Gemini for Google Slides

Gemini สำหรับ Google Slides เป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ด้วยความสามารถในการสร้างรูปภาพของ Gemini จะทำให้คุณสามารถลดระยะเวลาในการสร้างสรรค์งานนำเสนอได้อีกหลายเท่า ช่วยพรีเซนต์งานได้แบบน่าดึงดูดและเป็นมืออาชีพ วิธีสร้างรูปภาพด้วย Gemini ใน Google Slides เปิด Google Slides แล้วเลือกงานนำเสนอที่คุณต้องการหรือสร้างใหม่ ไปที่สัญลักษณ์ Gemini ที่มุมขวาบน เลือก Ask Gemini หรือ Help me create an image Ask Gemini Help me Create an Image Ask Gemini สำหรับการสร้างสรรค์สไลด์ รูปภาพ และเนื้อหาอื่น ๆ บนสไลด์ 3. เลือก Ask Gemini คุณสามารถใช้คำแนะนำจาก Gemini แบบด้านล่างนี้ได้เลยทันที หรือจะใส่ prompt เพื่อกำหนดเนื้อหาด้วยตัวเองก็ได้ หรือหากคุณต้องการนำเข้าไฟล์อื่นเพื่อให้ Gemini สร้างสรรค์สไลด์โดยอ้างอิงจากไฟล์นั้นก็เพียงแค่พิมพ์ @ ในช่องใส่ Prompt ตัวอย่างเช่น Help me Create an Image​ สำหรับการสร้างรูปภาพเท่านั้น โดยคุณสามารถปรับแต่งสไตล์ของรูปภาพได้ เลือก Help me create an image แล้วอธิบายลักษณะของรูปภาพที่คุณต้องการได้เลย เช่น Create a picture of coffee with the word “Coffee Break” on topผลลัพธ์ที่ได้ ปรับแต่งสไตล์รูปภาพ แจกไอเดียในการสร้างรูปภาพงานนำเสนอ พร้อม Prompt ที่ใช้ Building in the construction process Travel...

Continue reading

แอปแบบนี้ AppSheet ก็สร้างได้! แชร์ไอเดียและตัวอย่างแอปพลิเคชันจาก AppSheet

สำหรับใครที่มีการใช้งาน Google Workspace อยู่แล้ว และได้รับ AppSheet ฟรี อยากสร้างแอปพลิเคชันช่วย Workflow การทำงานในองค์กร แต่ยังไม่มีไอเดียว่าจะสร้างแอปอะไรดี มาหาไอเดียไปพร้อมกัน ! Demeter ICT จะขอยกตัวอย่างแอปพลิเคชันจากผู้เชี่ยวชาญของเราที่ได้มีการ Brainstorm และ Consult กับลูกค้าจนกลายมาเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริงและเป็นประโยชน์กับหลายองค์กร ซึ่งในบทความนี้คุณได้เห็นภาพว่า AppSheet สามารถสร้างแอปประเภทไหนได้บ้าง พร้อมแสดง Workflow การทำงานของแอปแบบเบื้องต้นเพื่อให้คุณได้เข้าใจการทำงานของ AppSheet มากยิ่งขึ้น Demeter ICT ขอแบ่งประเภทของแอปพลิเคชันใน AppSheet ออกเป็น 3 ประเภท 1. แอปประเภท ‘บันทึกและจัดเก็บข้อมูล’ การสร้างแอปประเภทนี้นับว่าเป็นการสร้างแอปแบบง่ายที่สุด เพราะคุณเพียงต้องกำหนดหัวข้อของข้อมูลที่คุณต้องการ ให้ผู้ใช้งานแอปใส่ข้อมูลส่งไป แล้วดูข้อมูลได้จาก Google Sheets หรือ AppSheet ได้เลย แต่! สิ่งนี้เป็นเพียงต้นแบบของแอปประเภทนี้เท่านั้น คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชันพิเศษหรือ Customize ฟังก์ชันเพิ่มได้อีกตามความต้องการ ตัวอย่างแอปพลิเคชัน Registration Apps: แอปสำหรับการเก็บข้อมูลแบบสอบถาม การลงทะเบียนงานสัมมนา และอื่น ๆ Workflow: ➡️ ผู้ทำแบบสอบถามกรอกข้อมูลลงใน AppSheet➡️ เข้าสู่ระบบเก็บข้อมูล (ข้อมูลจะถูกเชื่อมต่อไปยัง Google Sheets โดยอัตโนมัติ)➡️ (Customized) AppSheet ดึงข้อมูลมาใช้เพื่อเชื่อมต่อ Automation Flow ส่งอีเมลไปยังคนที่กรอกข้อมูลเข้ามาสำหรับการประชาสัมพันธ์ในลำดับถัดไป Clock-in & Out Apps: แอปสำหรับการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน พร้อมระบุสถานที่แบบ Real-Time Workflow: ➡️ พนักงานกด Clock in ที่แอป ➡️ AppSheet ระบุเวลาให้อัตโนมัติ ➡️ AppSheet ตรวจจับ Location ที่มีการใช้งานอยู่ในขณะนั้นทันที Area Inspection Apps: แอปสำหรับการตรวจเช็กพื้นที่ซ่อมแซม Workflow: ➡️ พนักงานเช็กจุดที่ต้องการให้ซ่อมแซมผ่านแอป ➡️ อัปโหลดรูปก่อนซ่อม➡️ ทำการซ่อม ➡️...

Continue reading

ลาขาดปัญหาเอกสารค้าง! ขออนุมัติลายเซ็นได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย Google Docs และ AppSheet

หากต้องรอหัวหน้าเซ็นเอกสารนานๆ ลองใช้วิธีนี้สิแล้วจะไม่บั่นทอนกำลังใจในการทำงานแน่นอน! Demeter ICT ได้คัดมาแล้วว่า 2 วิธีนี้จะช่วยให้การขออนุมัติลายเซ็นจากหัวหน้านั้นมีความรวดเร็วมากขึ้นจริง อนุมัติจากที่ไหนก็ได้เลย สะดวกมาก ๆ ขออนุมัติลายเซ็นบนเอกสารด้วย eSignature จาก Google Docs  ขออนุมัติลายเซ็นบนแอปพลิเคชันจาก AppSheet ซึ่งสองวิธีนี้คุณสามารถกำหนดข้อมูลได้เองเลยไม่ว่าจะเป็น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ ลายเซ็น วันที่ หรืออื่น ๆ จากนั้นส่ง Request แล้วรออนุมัติได้เลยทันที ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน มีวิธีทำอย่างไร ไปดูกัน! วิธีที่ 1 การตั้งค่า E signature บน Google Docs เปิดหน้าเอกสารบน Google Docs แล้วนำเมาส์คลิกไปที่ส่วนที่คุณต้องการจะให้มีลายเซ็น ไปยัง Insert ในแท็บเมนูด้านบน คลิก eSignature fields 4. หากเริ่มใช้งานครั้งแรก ให้คุณตั้งชื่อเจ้าของลายเซ็นที่คุณต้องการขออนุมัติ (ชื่อหัวหน้า) หากเคยใช้งานแล้วก็สามารถเลือกชื่อที่คุณเคยสร้างไว้ได้เลย 5. เลือกรูปแบบข้อมูลที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น ในเอกสารนี้คุณต้องการ ‘ลายเซ็นและวันที่’ จากนั้นกด Request eSignature และในเอกสารของคุณจะขึ้นแบบนี้ 6. เมื่อมีหน้าต่างปรากฏขึ้นดังภาพ ให้คุณใส่อีเมลของผู้อนุมัติลงไป (อีเมลของหัวหน้า) ซึ่งคุณยังสามารถใส่คำอธิบายเกี่ยวกับเอกสารนั้นเพิ่มเติมได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณทำตามขั้นตอนด้านบนเรียบร้อยแล้วอีเมลของคุณจะถูกบันทึกเป็นไฟล์ PDF แล้วส่งไปยังผู้อนุมัติซึ่งหลังจากนี้คุณจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลใดๆ ของเอกสารได้ และเมื่ออีเมลได้ถูกส่งไปยังหัวหน้าของคุณ เขาจะสามารถใส่ข้อมูลตามที่คุณได้ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งเมื่อหัวหน้าทำการเซ็นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก่อนกดตกลง Google Docs + PDF จะขอยืนยันอีกครั้งว่าเจ้าของลายเซ็นอนุญาตให้ใช้ลายเซ็นนี้เพื่อเอกสารฉบับนี้ใช่หรือไม่ จากนั้นกดตกลง ตัวอย่างเอกสารที่จะปรากฏที่ผู้อนุมัติ เมื่อหัวหน้าของคุณกด Complete คุณจะได้รับเอกสารที่เป็นไฟล์ PDF ส่งกลับมายังอีเมลของคุณเป็นอันเสร็จเรียบร้อย วิธีที่ 2 การสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการขออนุมัติลายเซ็นบน AppSheet สร้างไฟล์บน Google Sheets แล้วกำหนดชื่อคอลัมน์ตามต้องการ (เช่น...

Continue reading

Google Workspace Exclusive Talks: The Secrets to Transforming Your Business to Success

Exclusive Talks: THE SECRETS TO TRANSFORMING YOUR BUSINESS TO SUCCESS Highlight! เจาะลึกกลยุทธ์ Google Workspace แพลตฟอร์มน่าจับตา เอาชนะคู่แข่งอย่างไรให้เอาอยู่ทุกยุคสมัย พิเศษ! เผยเคล็ดลับทรานส์ฟอร์มองค์กรให้สำเร็จจริงไปกับบริษัท Supalai และ Cloud and Ground เทคนิคต่อยอดการทำงานแบบจัดเต็มด้วย Google’s Generative AI ตัวใหม่ล่าสุด และโซลูชันอื่น ๆ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานตอนนี้ ที่นั่งจำนวนจำกัด ลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์สำรองที่นั่ง วันที่ 17 กันยายน 2024 เวลา 13.30 – 16.30 น. สถานที่ Thai CC Tower Sathorn “เมื่อ AI ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คืออนาคตของธุรกิจยุคใหม่ที่อยากจะประสบความสำเร็จทางการแข่งขัน” แล้วคุณล่ะ ตระหนักรู้เกี่ยวกับ AI มากน้อยแค่ไหน?การประยุกต์ใช้ AI ให้คุ้มค่าและเหมาะสมกับธุรกิจอย่างชาญฉลาดทำอย่างไร? หาคำตอบได้ที่งานสัมมนานี้ “Google Workspace Exclusive Talks: The Secrets to Transforming Your Business to Success“ ภายในงานคุณจะได้ทำความรู้จักกับ Gemini Generative AI เวอร์ชันใหม่ล่าสุดจาก Google – AI ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดและกำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ตัวช่วยอัจฉริยะที่จะช่วยลดต้นทุนด้านทรัพยากร และช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับพนักงานและองค์กรมากถึง 331% พร้อมไขความลับทางกลยุทธ์และปลดล็อกศักยภาพธุรกิจด้วยประสบการณ์การทำงานรูปแบบใหม่ที่เหนือความคาดหมายจาก Google Workspace และ AppSheet และพิเศษสุด ๆ กับ คุณ Susan Chong, Google Workspace Specialist Strategic Account...

Continue reading

มีบัญชี Google Workspace สามารถใช้ Gemini ตัวไหนได้ฟรี?

หลังจากที่ Google ได้เปิดตัว Gemini Generative AI เวอร์ชันล่าสุดออกมา ก็มีหลายท่านได้เข้ามาสอบถามกับทาง Demeter ICT ถึง Gemini ตัวนี้ว่าหากมี Google Workspace อยู่แล้วใช้ Gemini ได้ฟรีหรือไม่? มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Gemini กันก่อน Gemini สำหรับ Google Workspace จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ Gemini Chat Experience for Google Workspace Gemini for Google Workspace  ซึ่งหากท่านมีบัญชี Google Workspace อยู่แล้วจะสามารถใช้งาน Gemini ทั้งสองประเภทได้ฟรี  แล้ว Gemini Chat Experience for Google Workspace คืออะไร? Gemini Chat Experience คือ Gemini ที่คุณใช้เสิร์ชหาข้อมูล ถามคำถาม ปรับแต่งประโยค หรือขอคำแนะนำต่าง ๆ บนเว็บไซต์นี้ Gemini.google.com  ซึ่งหากคุณเข้าใช้งานผ่านบัญชีของ Google Workspace Gemini Chat Experience จะถูกอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Pro ให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งเวอร์ชันนี้ผู้ใช้งาน Gmail ฟรีจะไม่สามารถเข้าใช้งานได้ Gemini Chat Experience เวอร์ชัน Pro ต่างจากเวอร์ชันปกติอย่างไร? Gemini Chat Experience เวอร์ชัน Pro สำหรับ Google Workspace นั้นจะมีความสามารถมากกว่า คุณสามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลอัปเดตล่าสุด และสามารถปรับแต่งข้อมูลภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ...

Continue reading

รวมฟีเจอร์ Google Meet 2024 ปรับการประชุมให้ดูมืออาชีพ สนุก และเพิ่มการมีส่วนร่วมกันมากขึ้น

Google นั้นได้มีการคิดค้นและพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งเมื่อได้ประกาศปล่อย Gemini AI ออกมาแล้วก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะ Google Meet เองก็ได้รับฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ ๆ จาก AI ของ Google เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ปรับแต่งแสง สี และเสียง หรือว่าจะเป็นฟีเจอร์เพิ่มสีสันเพื่อให้การประชุมมีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น เป็นต้น  ซึ่งฟีเจอร์ที่เราได้รวบรวมมาให้คุณในวันนี้ไม่เพียงแต่มาจาก Gemini เท่านั้น แต่เป็นฟีเจอร์ทั้งหมด ทั้งฟรีและพรีเมียม ดังนั้นไม่ว่าใครก็สามารถทำความรู้จักฟีเจอร์จาก Google Meet ที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ได้ที่บทความนี้เลย  ฟีเจอร์สำหรับการปรับแต่งคุณภาพการประชุมโดยรวม ฟีเจอร์ คุณสมบัติ Portrait touch-up ปรับแต่งรูปลักษณ์ของคุณให้ดูดีและพร้อมสำหรับการประชุม เช่น การปรับแต่งผิวเนียน การปรับแต่งดวงตา และการเพิ่มความสว่างให้กับใต้ตาของคุณ Studio look* ปรับความคมชัดของการประชุมให้ดีขึ้นได้แม้ความละเอียดกล้องต่ำ Studio lighting* ปรับแต่งแสง ตำแหน่งหน้าจอ ความสว่าง และสี Automatic frame หากในกล้องนั้นมีจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนผ่านเฟรมเดียวกัน คุณสามารถปรับตำแหน่งหรือซูมหน้าจอเพื่อให้ผู้เข้าร่วมคนอื่นสามารถมองเห็นทุกคนได้อย่างชัดเจน ฟีเจอร์สำหรับการปรับแต่งเสียง ฟีเจอร์ คุณสมบัติ Background noises removal ลดเสียงรบกวนได้ทันทีแม้ในห้องที่มีเสียงดังและสะท้อน เช่น ห้องครัว ห้องใต้ดินเป็นต้น Studio sound* ปรับคุณภาพของเสียงให้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้ AI สร้างความถี่ของเสียงที่มากขึ้น ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถได้ยินเสียงของคุณอย่างชัดเจนและฟังดูเป็นธรรมชาติ Adaptive audio* ตรวจจับอุปกรณ์ใกล้เคียงเพื่อลดเสียงสะท้อนเมื่อคุณและเพื่อนร่วมงานมีการใช้ห้องประชุมเดียวกันหรือนั่งบริเวณใกล้เคียงกันขณะประชุม ฟีเจอร์สำหรับการเพิ่มสีสันและสร้างความเฉพาะตัว ฟีเจอร์ คุณสมบัติ Virtual backgrounds อัปโหลดรูปภาพพื้นหลังที่ต้องการและสร้างได้ใหม่ด้วย AI-generated backgrounds Filters สร้างความสนุกสนานในการประชุมด้วยฟิลเตอร์กระต่ายน้อย ฟิลเตอร์ลูกสุนัข ฟิลเตอร์จิ้งจอก และอื่น ๆ Background blurring เบลอภาพพื้นหลังเพื่อให้ผู้ร่วมประชุมสามารถโฟกัสกับคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Stack effects ใช้ฟิลเตอร์หลากหลายอันพร้อมกัน เช่น การสร้างภาพพื้นหลังด้วย AI และใส่ฟิลเตอร์บนตัวคุณในเวลาเดียวกัน ฟีเจอร์สำหรับการเพิ่มการมีส่วนร่วม...

Continue reading

อยากเปลี่ยนองค์กรของคุณให้เป็น Smart Business ต้อง Google Workspace ง่ายและรวดเร็วที่สุด !

Smart Business หรือการเป็นธุรกิจที่ฉลาดนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครได้ให้ความหมายอย่างชัดเจนไว้นัก ดังนั้น Demeter ICT จะพาคุณมาทำความรู้จักคำนี้กันก่อน “Smart Business คือ ธุรกิจที่รู้จักใช้เครื่องมือและทรัพยากรต่าง ๆ ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น การใช้เครื่องมือที่มีอยู่ให้ตอบโจทย์และครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ธุรกิจประสบความสำเร็จตามที่ตั้งไว้” แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจของคุณเป็น Smart Business แล้วหรือยัง ? ตรวจสอบได้เบื้องต้น ดังนี้ องค์กรของคุณมีการทำ Digital Transformation แล้วหรือไม่ ? องค์กรของคุณรู้วิธีจัดการ Big Data หรือไม่และใช้ข้อมูลนั้นอย่างไรเพื่อสร้างประโยชน์แก่ธุรกิจ ? องค์กรของคุณได้ใช้ความสามารถของโซลูชันปัจจุบันอย่างเต็มที่หรือไม่ ? องค์กรของคุณรู้วิธีการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ? องค์กรของคุณมีแผนการรับมือเมื่อความต้องการของตลาดเปลี่ยนไปใช่หรือไม่ ? จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า Smart Business ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ เลย ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการทำงาน ต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสม และต้องมีบุคลากรที่พร้อมใช้ กว่าจะทำได้ครบทั้งหมดนี้ก็อาจจะใช้เวลานานเป็นปี ซึ่งอาจทำให้การทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ Smart Business นั้นดูเป็นไปได้ยาก  แต่หากคุณรู้จัก Google Workspace คุณจะเปลี่ยนความคิดและมีกำลังใจในการทรานส์ฟอร์มองค์กรทันที เพราะ Google Workspace มีเครื่องมือที่ทันสมัย ใช้งานง่าย อีกทั้งยังมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ออกมาให้เข้ากับการใช้งานตามยุคสมัยต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุด Google Workspace สามารถทรานส์ฟอร์มธุรกิจได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่สัปดาห์ ทำให้ Google Workspace เป็นแพลตฟอร์มเพื่อองค์กรยุคใหม่ที่ได้รับการบอกต่อมากที่สุดในขณะนี้ อยากเปลี่ยนองค์กรให้เป็น Smart Business ต้องทำอะไรบ้าง ? สร้างรากฐานในองค์กรให้แข็งแกร่ง มีเครื่องมือที่ช่วยตอบโจทย์การทำงานร่วมกันในองค์กร สนับสนุนการทำงานแบบชาญฉลาดด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม เพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ Google Workspace ช่วยให้องค์กรเป็น Smart Business ได้อย่างไรกันนะ ? 1. สร้างรากฐานในองค์กรให้แข็งแกร่ง Google Workspace มีอีเมลชื่อโดเมนเนมขององค์กร เพื่อให้ผู้รับสามารถมั่นใจได้ว่าอีเมลที่ถูกส่งมามีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ และปลอดภัยในการติดต่อ Google Workspace...

Continue reading

AppSheet สามารถสร้างแอปแบบไหนในบริษัทได้บ้าง ?

นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก AppSheet แพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันจาก Google ที่จะมาเปลี่ยนแนวคิดการสร้างแอปไปตลอดกาล เพราะการสร้างแอปใน AppSheet นั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ ! (คลิก AppSheet Free Trial ได้ที่นี่)  ว่าแต่จะเริ่มสร้างแอปแบบไหนดีล่ะ ? Demeter ICT พอจะยกตัวอย่างแอปได้ไหม ? ได้แน่นอน ! หากตอนนี้คุณมี AppSheet อยู่ในมือแล้วแต่ยังไม่รู้จะสร้างแอปอะไรเพื่อพัฒนาบริษัท Demeter ICT ได้จัดทำบทความแนะนำไว้ให้ด้านล่างนี้แล้ว ไปดูกันเลยว่า AppSheet สามารถสร้างแอปแบบไหนได้บ้าง ?! AppSheet สามารถสร้างแอปแบบไหนในบริษัทได้บ้าง ? 1. AppSheet สามารถสร้างแอปสำหรับงานประจำวันได้ (Routine)  หากการทำงานประจำวันยังมีปัญหา AppSheet สามารถช่วยคุณแก้ไขได้ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น ซึ่งตัวอย่างแอปที่ Demeter ICT ยกมาด้านล่างนี้ มั่นใจได้เลยว่าทุกบริษัทสามารถสร้างได้เองและสามารถนำไปปรับใช้ได้ในหลายแผนกอย่างแน่นอน อีกทั้งคุณยังสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันแล้วนำมาสร้างกราฟเพื่อดูภาพรวมของบริษัทได้อีกด้วย เช่น แอปบันทึกการเข้า-ออกของพนักงาน เช่น เวลาและสถานที่เข้าทำงาน การลางาน แอปเบิกจ่ายแบบรวดเร็ว แอปบันทึกข้อมูลสินค้าหรือแหล่งจัดเก็บเอกสารต่าง ๆ  แอปสำหรับการอนุมัติและติดตามโครงการทั่วไปภายในบริษัท แอปสำหรับการขาย เช่น การสร้างใบเสนอราคา บันทึกข้อมูลลูกค้า และติดตามสถานะ เป็นต้น 2. AppSheet สามารถสร้างแอปสำหรับการใช้งานนอกสถานที่ สำหรับบริษัทใดที่ต้องทำงานภาคสนาม มีการบันทึกข้อมูลต่างสถานที่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตลอดเวลา คุณสามารถสร้าง AppSheet ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้  ดังนี้ แอปสำหรับการตรวจสอบจำนวนสินค้าในสถานที่ต่าง ๆ เช่น การบันทึกจำนวนสินค้าในคลังของร้านแต่ละสาขา  แอปสำหรับการรับออเดอร์: AppSheet มีความสามารถในการสแกน Barcode นับจำนวนสต็อกอัตโนมัติ รวมถึงสามารถแนบไฟล์การชำระเงินได้อีกด้วย แอปสำหรับการอัปเดตสถานะหรือแจ้งปัญหาตามสถานที่ เช่น ทีมงานฝ่ายจัดกิจกรรมต้องการเช็กสถานที่ที่ต้องไปในช่วงเวลาต่าง ๆ มีอัปเดตสถานะหรืออัปโหลดเอกสาร ก็สามารถดำเนินการผ่าน AppSheet ได้ทันที 3. AppSheet สามารถสร้างแอปสำหรับการติดต่อกับลูกค้า AppSheet ไม่เพียงแต่เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ภายในบริษัทเท่านั้น...

Continue reading