วิธีใช้ Google Forms

5 STEPs มือใหม่หัดใช้ Google Forms

Google Forms บริการสร้างแบบสอบถามออนไลน์สุดง่ายจาก Google Workspace ที่จะทำให้การเก็บข้อมูลบนแผ่นกระดาษไม่จำเป็นอีกต่อไป “จะดีกว่าไหมถ้าสามารถสร้างแบบสอบถามออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา แถมไม่ต้องเหนื่อยเดินทางแจกแบบสอบถามอีกด้วย?” 5 Steps มือใหม่หัดใช้ Google Forms สร้างสุดง่ายเสร็จภายในไม่กี่คลิก 1. เสิร์ช Google forms แล้วกดสร้างเอกสารที่ Blank หรือ ไอคอน +  2. พิมพ์หัวข้อ คำถาม หรือเนื้อหาที่ต้องการลงไป โดยมีช้อยส์ให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Text, Multiple choice, Checkboxes, Dropdown, Scale, Grid, หรือแม้กระทั่งวันและเวลา อีกทั้งยังสามารถเพิ่มรูปภาพหรือวิดีโอในคำถามได้ รวมไปถึงการสร้างคำถามใหม่และแยก Section โดยฟังก์ชันเหล่านี้จะอยู่ทางด้านขวาของหน้าจอแสดงผล 3. ท่านสามารถเปิดปุ่ม Required ด้านขวาล่างได้หากไม่ต้องการให้ผู้ทำแบบสอบถามข้ามคำถามข้อนั้นๆ 4. หากต้องการเปลี่ยนสี เปลี่ยนฟอนต์ ของแบบสอบถาม สามารถเลือกได้ที่แท็บด้านบนของ Google Forms 5. หากท่านต้องการแชร์ให้ผู้อื่นทำแบบสอบถาม ให้กดปุ่มส่ง (Send)  ด้านขวาบน โดยท่านสามารถแชร์ผ่านอีเมลหรือแชร์ผ่านลิงก์ก็ได้เช่นกัน Google Forms ไม่ได้มีดีแค่สร้างแบบสอบถามเท่านั้น แต่ท่านยังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาใช้วางแผนการทำงาน ลงคะแนนเสียง สอบถามความเห็น และเก็บข้อมูลผู้ทำแบบสอบถามเพื่อมาใช้พัฒนาและต่อยอดธุรกิจของท่าน  และเพื่อให้ตอบโจทย์แก่ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น Google Forms จึงถูกออกแบบมาให้แสดงผลเป็นกราฟเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านข้อมูล ทั้งนี้ ท่านยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลลงอุปกรณ์ของท่านได้อีกด้วย สำหรับการดึงข้อมูลมาใช้นั้นก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่กด Responses ข้อมูลเชิงกราฟก็จะแสดงผลทันที ว่ามีผู้ทำแบบสอบถามจำนวนเท่าไหร่ แต่ละข้อคำตอบเป็นอย่างไร และหากท่านต้องการข้อมูลดิบ ก็เพียงแค่กดปุ่มดาวน์โหลดแล้วนำข้อมูลมาใช้ได้เลย จะเห็นได้ว่าเพียงไม่กี่คลิก ท่านก็สามารถสร้างแบบสอบถามด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถทำงานได้สะดวก รวดเร็ว เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต Google Forms เป็นเพียงหนึ่งแอปพลิเคชันจาก Google Workspace เท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายแอปพลิเคชันให้ท่านได้เข้าไปใช้งาน เช่น Google Document, Google Sheets, Google Slides,...

Continue reading

อีเมลสำหรับบริษัทคืออะไร ?

อีเมล (Email) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคคลโดยการส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต ประกอบไปด้วยเนื้อหาของอีเมล ที่อยู่ของผู้ส่ง และที่อยู่ของผู้รับ (สามารถมีหลายคนได้)  ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คนจะนิยมใช้อีเมลในการติดต่อสื่อสารสำหรับข้อความที่เป็นทางการ เช่น การติดต่อด้านธุรกิจ การประชาสัมพันธ์หรือการประกาศเกี่ยวกับบริษัท การรับสมัครงาน การติดต่อกับบริษัทคู่ค้าต่างประเทศ เป็นต้น  หากคุณเพิ่งเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทใหม่ การมีอีเมลของบริษัทไว้สื่อสารกันทั้งภายในและภายนอกองค์กร คือสิ่งแรกที่จะช่วยให้การสื่อสารในบริษัทเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเป็นระบบ อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทของคุณดูมีความน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพอีกด้วย รูปแบบของอีเมล อีเมลจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนหัวและส่วนเนื้อความ อ้างอิงรูปแบบอีเมลจาก Gmail 1. ส่วนหัว อีเมลของผู้รับ หัวข้ออีเมล หัวข้ออื่น ๆ เช่น Cc คือ การส่งอีเมลให้กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องที่ไม่ใช่ผู้สื่อสารหลัก Bcc คือ การส่งอีเมลให้กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องโดยซ่อนอีเมลของผู้รับนี้เอาไว้ ซึ่งผู้รับอีเมลและผู้ที่อยู่ใน Cc จะไม่เห็นอีเมลของคนที่อยู่ใน Bcc 2. เนื้อหา/ข้อความในอีเมล ข้อความในอีเมลนี้จะเป็นใจความหลักในการสื่อสาร ซึ่งคุณสามารถแนบไฟล์เอกสาร แนบรูปภาพ แนบลิงก์ไปกับข้อความได้เลย อีกทั้งคุณยังสามารถปรับแต่งข้อความได้ที่เมนูด้านล่าง เช่น การปรับแต่งลักษณะตัวอักษร การนำเข้าไฟล์จาก Google Drive การใส่ลายเซ็น การจัดการ Layout และอื่น ๆ ตัวอย่างอีเมลสำหรับบริษัท sales@dmit.co.th sales = ชื่อสำหรับการตั้งอีเมล  คุณสามารถเลือกใช้ชื่อได้ตามต้องการ (คนส่วนใหญ่นิยมใช้ชื่อจริงหรือชื่อแผนก) @ = เครื่องหมายกั้นระหว่างชื่อและโดเมนเนม dmit.co.th = ชื่อโดเมนเนม 3 ส่วนนี้จะประกอบกันเป็น 1 อีเมลนั่นเอง ดังนั้นหากคุณต้องการมีอีเมลเป็นของบริษัท คุณจึงจะต้องมีโดเมนด้วย ทำความรู้จักโดเมนเนมได้ที่นี่ Demeter ICT ผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาด้าน Business Transformation จัดหาโซลูชันเพื่อการทำงานที่เหมาะสมที่สุดให้กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Google Workspace, Gemini, AppSheet และแพลตฟอร์มอื่น ๆ รวมถึงบริการรับจดโดเมน สร้างอีเมลบริษัท และจัดอบรมการใช้งานโซลูชันต่าง ๆ ...