เรียน ผู้ดูแลระบบ และลูกค้าที่เคารพของบริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที ทุกท่าน บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด แจ้งยุติการให้บริการระบบอีเมลแบบ Google Apps Standard / G Suite Legacy ตามนโยบายจากทาง Google ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 โดยทางลูกค้าสามารถดำเนินการได้ 2 วิธี ดังนี้ 1. ไม่มีความประสงค์ใช้งานระบบอีเมลของ Google ต่อไปแล้ว สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าบริการล่วงหน้า หรือยังไม่หมดอายุสัญญาบริการ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ดูแลท่าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการคำนวนและคืนส่วนต่างให้กับท่านตามสัดส่วนของระยะเวลาที่เหลืออยู่จนถึงหมดอายุสัญญา โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายจะแนะนำขั้นตอนการดำเนินการต่อไป ติดต่อทีมฝ่ายขาย Google Workspace จากนั้นท่านสามารถเลือกวิธีการจัดการข้อมูลของท่านได้ 2 วิธีการดังนี้ 1.1. การสำรองข้อมูลภายในองค์กรของท่าน (Backup) ด้วยการ Take out ข้อมูลของท่าน เพื่อเก็บข้อมูลสำรองไว้ใช้งานภายหลัง วิธีการดาวน์โหลดข้อมูล หมายเหตุ: หลังจากทำการ Zip ไฟล์ข้อมูลที่เก็บถาวรแล้ว มีระยะเวลาในการดาวน์โหลดประมาณ 7 วัน ก่อนที่ไฟล์จะหมดอายุลง (Google อนุญาตให้ดาวน์โหลดไฟล์ที่เก็บถาวรแต่ละรายการได้ 5 ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้น โปรดส่งคำ Take out ใหม่อีกครั้ง) สำรองข้อมูลอีเมลด้วยการดาวน์โหลดแบบ POP3 บนอีเมลไคลเอนต์ (Email client) เปิดข้อความจาก Gmail ในโปรแกรมรับส่งอีเมลอื่น ๆ ที่รองรับ POP3 ได้ เช่น Microsoft Outlook หรือ Thunderbird เปิดใช้ POP ตั้งค่าให้อ่านข้อความ Gmail ในโปรแกรมรับส่งอีเมลอื่นที่รองรับ POP3 1.2. การโอนย้ายระบบอีเมล (Email Migration) ไปยังระบบใหม่ที่ลูกค้าต้องการใช้งานต่อหลังจากนี้ สามารถติดต่อสอบถามจากผู้ให้บริการระบบอีเมลรายใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวก และลดระยะเวลาการดำเนินการของท่าน...
Continue readingData Loss Prevention (DLP) ใน Google Workspace ช่วยยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลให้สอดคล้องกับ PDPA ได้อย่างไร?
PDPA คืออะไร? PDPA ย่อมาจาก Personal Data Protection Act B.E. 2562 หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุไปถึงตัวตนของคนคนนั้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยที่เจ้าของข้อมูลมีอำนาจเด็ดขาดที่จะขอ แก้ไข ลบ ระงับ ยกเลิก หรือทำลายของมูลนั้น ๆ นั่นเอง *ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุใน PDPA จะไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมและข้อมูลของนิติบุคคล ดังนั้นองค์กรหรือบริษัทของคุณจึงจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลหรือที่เรียกว่า Data Loss Prevention (DLP) ที่จะมีหน้าที่ช่วยรักษาความปลอดภัยและช่วยป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปนอกองค์กรได้ง่าย ซึ่งแต่ละองค์กรนั้นจะมีซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้รักษาความปลอดภัยนี้แตกต่างกันไป DLP ใน Google Workspace มีการปรับใช้ให้สอดคล้องกับ PDPA อย่างไรบ้าง? Google Workspace ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้มีความปลอดภัยและสอดคล้องต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง PDPA อยู่เสมอ เช่น ISO/IEC27001 ระบบมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมข้อมูล ISO/IEC27017 ระบบมาตรฐานรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ และ ISO/IEC27018 แสดงถึงความโปร่งใสในการจัดเก็บข้อมูลของคนในองค์กร เป็นต้น นอกจากนี้ Google Workspace ยังได้รับมาตรฐานรับรองความปลอดภัยอีกมากมายตามด้านล่างนี้ จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่า Google Workspace นั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างแน่นหนา ซึ่งถ้า DLP สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติหรือน่าสงสัย ระบบจะส่งแจ้งเตือนไปยังแอดมินผู้ดูแลระบบหรือผู้มีอำนาจควบคุมให้ทราบว่า ณ เวลานั้นได้มีบุคคลหนึ่งกำลังพยายามที่จะแชร์ คัดลอกข้อความ หรือบันทึกรูปภาพหน้าจอข้อมูลที่เป็นความลับภายในองค์กรโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลออกไปเผยแพร่ต่อแหล่งอื่น เมื่อระบบตรวจพบ ระบบจะทำการยับยั้งและตรวจสอบโดยทันที หากต้องการตั้งค่าข้อมูลส่วนตัวให้เป็นความลับต้องทำอย่างไรและข้อมูลไหนถือเป็นข้อมูลความลับบ้าง? เพื่อให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น Demeter ICT ได้สรุปตามรูปภาพด้านล่างนี้ หลังจากที่คุณได้ทำการสำรวจข้อมูลในองค์กรเรียบร้อยแล้วและต้องการตั้งค่าข้อมูลให้เป็นความลับ (ข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครอง) คุณสามารถดำเนินการได้ที่ Admin Console แล้วกำหนดว่าข้อมูลไหนที่พนักงานไม่สามารถแชร์ คัดลอก และบันทึกรูปภาพส่งออกไปยังบุคคลภายนอกได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือคุณสามารถเข้ารหัสไฟล์ได้ซึ่งหมายความว่าไฟล์ที่คุณได้เข้ารหัสไว้นั้นจะไม่สามารถถูกแชร์ไปยังบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งในไฟล์นั้น ๆ คุณยังสามารถกำหนดได้อีกด้วยว่าไฟล์ที่ว่านี้เป็นความลับระดับไหน มากหรือมากที่สุด โดยคุณสามารถเข้าไปที่ Google Drive แล้วคลิกสร้างเอกสารใหม่จากนั้นเลือกเข้ารหัสไฟล์ หากเข้ารหัสเรียบร้อยแล้วคุณจะเห็นโลโก้รูปโล่ล็อกอยู่ตรงที่ปุ่มแชร์ด้านบนขวา ไม่ว่าจะเป็น Google Docs, Google...
Continue readingApps Script VS AppSheet ใช้แอปไหนดีสร้างแอปพลิเคชันแบบง่ายที่สุด!
ใช้ App ไหนดีสร้างแอปพลิเคชันแบบง่ายที่สุด? อยากเขียนแอปพลิเคชันจัง แต่ทำอย่างไรดีไม่มีความรู้เรื่องโค้ด หรือโปรแกรมใด ๆ เลย? ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อคุณได้รู้จัก App Script และ AppSheet แอปพลิเคชันสุดล้ำใน Google Workspace ที่แทบไม่ต้องใช้ความรู้เรื่องภาษาเฉพาะในการเขียนโค้ด คนธรรมดาอย่างเราก็ทำได้ แต่จะใช้แอปไหนดีล่ะถึงจะสร้างได้ง่ายที่สุดและเหมาะกับคุณมากที่สุด ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ 2 แอปพลิเคชันนี้กัน Apps Script คือ แพลตฟอร์มเขียนโค้ด Javascript แบบ Low Code Platform ที่ทำงานอยู่บน Cloud-based ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสร้างหรือพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะ Apps Script ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ จาก Google Workspace ได้อย่างง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบขั้นเทพแต่อย่างใด AppSheet คือ แพลตฟอร์มที่คุณไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดในการสร้างหรือพัฒนาแอปพลิเคชัน ถือเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันสุดพิเศษจากทาง Google ที่สามารถทำงานร่วมกันกับ Google Workspace ได้อย่างไม่สะดุดเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าความรู้เป็นศูนย์ก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้ด้วยตัวเอง ง่ายมาก ๆ สรุปง่าย ๆ ก็คือเจ้าสองแอปนี้ถูกออกแบบให้มาช่วยในการสร้างและพัฒนาแอปพลิเคชันให้ง่ายที่สุด ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เรียนรู้ได้รวดเร็ว และสร้างระบบอัตโนมัติได้ด้วยตนเอง เพียงแค่มี Apps Script หรือ AppSheet ก็สามารถสร้างสรรค์ได้ตามใจต้องการ แล้ว Apps Script และ AppSheet ทำงานกันอย่างไร? จากที่ได้กล่าวไปด้านบนแล้วว่าทั้งสองแอปสามารถทำงานร่วมกันกับ Google Workspace ได้ ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Docs, Sheets, Slides, Drive หรือ Forms ก็สามารถดึงไฟล์มาสร้างได้เลย โดยที่ตัว App Scripts คุณจะสามารถสร้างฟังก์ชัน Add on ที่อยู่ในแอปพลิเคชันต่าง...
Continue readingChecklist 5 สิ่งต้องมีก่อนปรับใช้ Hybrid Working ในบริษัท
ณ ตอนนี้จะไม่พูดถึงคงไม่ได้กับการทำงานแบบ Hybrid Working การทำงานที่ออฟฟิศและที่บ้านสลับกันไป เนื่องจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบันทำให้พนักงานไม่สามารถไปทำงานที่ออฟฟิศได้แบบ 100% จึงเกิดเป็นเทรนด์การทำงานแบบใหม่นี้ขึ้นเรียกว่า การทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working) ซึ่งในปัจจุบันหลายบริษัทได้นำการทำงานแบบ Hybrid Working นี้มาปรับใช้กันไม่น้อยเพราะวิธีนี้ถือเป็นหนึ่งในหนทางที่ดีที่สุดที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์โควิดนี้ได้ มาดูไปพร้อมกันเลยว่าหากคุณต้องการปรับเปลี่ยนบริษัทให้เข้าสู่ Hybrid Working คุณจำเป็นจะต้องมีอะไรบ้าง? 1. มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยตอบโจทย์ในการทำงาน – Google Workspace เมื่อโควิดไม่ดีขึ้นสักที เราก็ต้องปรับวิถีการทำงานโดยการสลับไปทำงานที่ออฟฟิศบ้าง ทำงานที่บ้านบ้างเพื่อช่วยกันลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อนี้ ดังนั้นการมีซอฟต์แวร์ เครื่องมือ หรือเทคโนโลยีที่ดีจะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น ใช้งานสะดวก และไม่ส่งผลกระทบต่องานหากคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานบ่อย ๆ Google Workspace เครื่องมือที่ Demeter ICT กำลังใช้งานอยู่นั้นถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เพราะเป็นการทำงานร่วมกันบนโลกออนไลน์แบบ Real time collaboration และยังมีหลากหลายฟังก์ชันให้คุณได้เลือกใช้ได้ตามความต้องการของแต่ละแผนก ไม่ว่าจะทีมไหนก็สามารถนำเครื่องมือจาก Google Workspace มาใช้ทำงานได้อย่างราบรื่น มีแอปพลิเคชันและฟังก์ชันเด็ด ๆ อะไรบ้าง? คลิกเลย! 2. จัดสรรจำนวนพนักงานให้เหมาะสม จำนวนพนักงานถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่แอบสร้างปัญหาให้บริษัทอยู่บ่อยครั้งเพราะโควิดเป็นเหตุให้หลายบริษัทจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง ทำให้งาน Overload ในบางตำแหน่งก่อเกิดความไม่พอใจและทำให้ประสิทธิผลของงานออกมาได้ไม่เต็มที่นัก ดังนั้นบริษัทควรมีการจัดสรรพนักงานที่ดีเพื่อเป็นการช่วยเหลือพนักงานเองและเพื่อรักษา Productivity ของบริษัทให้อยู่ในระดับที่ดีอยู่เสมอ 3. มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยและดูแลความสะอาด การดูแลรักษาความสะอาดโดยเฉพาะในยุคโควิดเช่นนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก บริษัทต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเช่น มีการเตรียมเจลแอลกอฮอล์ให้พนักงานในบางจุด ไม่อนุญาตให้พนักงานถอดหน้ากากอนามัยหากไม่จำเป็น และไม่ควรให้พนักงานรับประทานอาหารหรือขนมขบเคี้ยวขณะทำงาน เป็นต้น 4. จัดโต๊ะทำงาน/ ที่นั่งแบบ Social distancing ไม่ว่าจำนวนพนักงานจะเท่าใด เพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือลดลง ก็ควรนั่งทำงานกันแบบเว้นระยะ (Social distancing) การขยายออฟฟิศคงไม่ใช่คำตอบที่ดีสักเท่าไหร่เพราะมีแต่จะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเท่านั้น การจัดระยะการนั่งจึงถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อของโควิดได้ หากพนักงานนั่งห่างกันก็ทำให้เปอร์เซ็นการติดเชื้อมีน้อยลง จัดตารางให้พนักงานเข้าออฟฟิศไม่ตรงกันและนั่งแยกกัน แค่นี้ก็สามารถทำงานแบบ Hybrid working ได้อย่างสะดวกมากขึ้นแล้ว 5. จัดเตรียมอุปกรณ์สำนักงานแจกจ่ายให้พนักงาน บริษัทควรจัดเตรียมและแจกจ่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานให้กับพนักงานเพื่อที่พนักงานจะสามารถพกพาอุปกรณ์กลับไปทำงานที่บ้านได้อย่างสะดวก เช่น แล็ปท๊อปและเมาส์ เพราะหากบริษัทไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้ ข้อมูลของบริษัทอาจปะปนกับข้อมูลส่วนตัวของพนักงานได้ อีกทั้งยังทำให้ข้อมูลบริษัทเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมได้ง่ายเนื่องจากอุปกรณ์ส่วนตัวไม่มีการควบคุมหรือระบบป้องกันที่ดีพอนั่นเอง จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่า...
Continue readingวิธีเปลี่ยนธีมภาพพื้นหลังใน Gmail เพิ่มสีสันในการทำงาน
เมื่อเราต้อง Work From Home กันไปอีกนาน มาหาวิธีแก้เบื่อกันเถอะ การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง Gmail นั้นถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถลดความน่าเบื่อของงานลงได้ เปลี่ยนจากสีขาวธรรมดา ๆ เป็นภาพที่คุณชอบ สนุกกับลูกเล่นและฟีเจอร์ต่าง ๆ และสร้างสีสันในการทำงานให้ดีกว่าเดิม ต้องทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย! Step 1: เปิดหน้า Gmail Step 2: คลิกที่ปุ่มตั้งค่า (Setting) รูปฟันเฟืองที่ด้านบนขวา Step 3: เลื่อนลงมาจะเห็นเมนู Theme กด View all เพื่อดูภาพทั้งหมดจาก Google Step 4: หากคุณต้องการรูปเพิ่มเติมจาก Google ให้คลิกไปที่ More images หรือกดที่ My photos ที่ด้านล่างซ้ายของแท็บนั้น Step 5: เมื่อได้รูปที่ถูกใจแล้ว คุณสามารถปรับแต่งหน้า Gmail เพิ่มเติมได้ โดยฟีเจอร์นี้จะอยู่ตรงข้ามกับ My photos ตัวอักษร A: คุณสามารถเลือกสีพื้นหลังข้อความ Gmail ได้ว่าต้องการให้เป็นโทนสว่าง (สีขาว) หรือโทนเข้ม (สีดำ) รูปวงกลม: คุณสามารถปรับระดับความเข้มของรูปที่คุณเลือกได้ เพื่อให้คุณเห็นข้อความได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น รูปจุด: คุณสามารถเบลอภาพพื้นหลังได้หากไม่ต้องการให้เห็นรายละเอียดของรูป ขั้นตอนสุดท้ายกด SAVE เป็นอันเสร็จสิ้นการเปลี่ยนพื้นหลังใน Gmail ง่าย ๆ เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน ลองเอาไปปรับใช้ดูกันได้เลย...
How To Work From Home เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย Google Workspace
เนื่องจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบันยังไม่ดีขึ้นเท่าไรนัก จึงเป็นเหตุให้หลาย ๆ บริษัทยังคงใช้นโยบาย Work From Home กันอยู่เช่นเดิม ดังนั้นวันนี้ Demeter ICT จึงอยากจะแชร์การนำ Google Workspace มาปรับใช้กับการทำงานในองค์กรฉบับ Work From Home อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีที่กำลังจะนำเสนอนี้เราได้ลองใช้กับบริษัทและพนักงานในองค์กรเองและเห็นว่า Google Workspace สามารถช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างชาญฉลาดและช่วยให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจริง ลดขั้นตอนการทำงานและประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจและเห็นภาพการใช้งาน Google Workspace ในช่วง Work From Home (WFH) ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น DMIT จะขอนำเสนอเรื่องราวเป็น 1 วันในการทำงานแบบ WFH เพื่อที่ท่านจะได้เห็นว่าแต่ละแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ต่าง ๆ สามารถ Support การใช้งานตรงไหนและอย่างไรได้บ้าง ช่วงเช้า ตอกบัตรเข้างานหรือเช็กชื่อออนไลน์ด้วย Google FormsGoogle Forms แอปที่ไม่ได้มีดีแค่การสร้างแบบสอบถามออนไลน์เท่านั้น แต่แอปนี้แหละจะช่วยให้ท่านสามารถเช็กชื่อพนักงาน ณ เวลาเริ่มงานได้ โดยที่พนักงานทุกคนจะต้องทำการกรอกข้อมูลลงในฟอร์มที่ท่านสร้างเพื่อเป็นการยืนยันเวลาเข้างานตามที่บริษัทกำหนด ส่วนรายชื่อพนักงานที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วท่านสามารถดูข้อมูลได้ในช่อง Response ที่อยู่ใน Google Forms หรือจะดาวน์โหลดลง Google Sheets ก็ได้เช่นกัน และสำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้สามารถคลิกที่ 5 STEPs มือใหม่หัดใช้ Google Forms ได้เลย DMIT รับประกันว่าสร้างง่าย ใช้เป็นภายในไม่กี่นาทีแน่นอน เช็ก Gmailหลังจากตอกบัตรออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ต้องเช็ก Gmail เป็นอย่างแรกว่ามีงานอะไรเข้ามาบ้าง ลูกค้าส่งอีเมลมาหรือไม่ เมื่อเช็กเสร็จหากท่านมีสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อจากอีเมลนั้น ท่านสามารถเลือกตั้งแจ้งเตือนที่จดหมายฉบับนั้นได้ (กด Select> Snooze) เพื่อให้อีเมลนั้นถูกส่งเข้ามาใหม่อีกครั้งหนึ่งในเวลาที่ท่านต้องการ เรียกว่าเป็นการเตือนความจำอีกแบบหนึ่งนั่นเอง หรืออีกวิธีหนึ่งคือท่านสามารถกดไปที่ Task แล้วอีเมลฉบับนั้นจะถูกบันทึกลงปฏิทิน Google Calendar โดยทันที ท่านสามารถใส่รายละเอียด วันที่ เวลา และตั้งชื่อหัวข้องานได้ในนี้ จดบันทึกงานและสร้าง Check box เช็กงานที่ต้องทำด้วย...
Continue readingGoogle Chat ทำอะไรได้บ้าง?
Google Chat ทำอะไรได้บ้าง? Google Chat คือเครื่องมือสำหรับรับ-ส่งข้อความทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่มที่ไม่ได้มีดีแค่แช็ตอย่างเดียว แต่ทำได้ถึง 9 อย่าง! หากใครที่เคยใช้แค่พิมพ์ตอบโต้เพียงอย่างเดียว DMIT ขอบอกเลยว่าคุณนั้นใช้ Google Chat ไม่คุ้มเอาซะเลย! เพราะจริง ๆ แล้ว Google Chat มีลูกเล่นซ่อนอยู่มากมาย ฟีเจอร์จะดีจะเด็ดแค่ไหน ไปดูกัน! 1. Google Chat สามารถแชร์ไฟล์จาก Google Drive ได้ ไปที่ปุ่มบวก (+) ตรงบทสนทนา ที่ปรากฏด้านล่างซ้ายของบทสนทนานั้น ๆ จากนั้นเลือก Drive file แล้วกดแชร์ไฟล์จาก Google Drive ได้เลย โดยคุณจะเห็นแท็บเมนูดังภาพด้านล่างนี้ 2. Google Chat สามารถสร้างห้องประชุม (Google Meet) ไว้ล่วงหน้าโดยผ่านทาง Google Calendar ได้ Calendar invite (การเชิญเข้าร่วมประชุม) จะอยู่ในแท็บเมนูเมื่อกดที่ปุ่มบวกเช่นเดียวกัน หากคุณคลิกเลือกที่ฟีเจอร์นี้ Google Calendar จะ Pop Up ขึ้นมาที่หน้าจอด้านขวาโดยที่คุณไม่ต้องเปิดหน้าใหม่ คุณสามารถใส่หัวข้อ วันที่และเวลาที่ต้องการประชุมและเพิ่ม Guests ได้ หากสร้างเสร็จก็แชร์ต่อได้เลย ง่ายมาก! 3. Google Chat สามารถสร้างประชุมด่วนได้ ฟีเจอร์นี้เรียกได้ว่าสะดวกมาก ๆ เพียงแค่กดไอคอนกล้องวิดีโอแล้วส่งให้บุคคลที่คุณต้องการประชุมด่วนด้วย จากนั้นระบบจะทำการ Link ไปที่ Google Meet โดยที่คุณไม่ต้องเปิดหน้า Google Meet เอง 4. Google Chat มีอีโมจิน่ารัก ๆ ให้เลือกมากมาย พร้อมโทนสีผิวที่หลากหลาย เลือกได้ตามต้องการ คุณสามารถเพิ่มสีสันของการสื่อสารใน Google Chat ได้ด้วยอีโมจิที่มีให้เลือกมากถึง 5...
Continue readingG Suite Legacy สู่ Google Workspace: เก่าไปใหม่มา เรื่องควรรู้ก่อนเปลี่ยนมาใช้ Google Workspace
“เก่าไปใหม่มา จาก G Suite Legacy สู่ Google Workspace” Google เริ่มไตรมาสแรกของปี 2022 ด้วยการประกาศยกเลิกบริการ Google Apps Standard (Legacy) หรือ G Suite รุ่นใช้งานฟรี หลังให้บริการเป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี ข่าวนี้ทำให้หลายองค์กรหรือผู้ที่ใช้งานรุ่น Legacy อยู่เกิดความตกใจและรู้สึกเคว้งกันไม่น้อย เนื่องจากไม่ทราบทิศทางและขั้นตอนดำเนินการหากต้องผันตัวไปเป็นผู้ใช้รายใหม่และเตรียมย้ายระบบอีเมลหรืออัปเกรดมายัง Google Workspace เวอร์ชันที่ถูกรีแบรนด์ใหม่จาก G Suite เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้บริการให้ครบครันมากยิ่งขึ้น หากพูดถึงระบบอีเมลหรือแอปพลิเคชันเพื่อการทำงานของ Google กว่าจะมีวันนี้ก็นับว่าเป็นเวลากว่าหลายปีแล้วที่ Google ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์ในการใช้งานของผู้บริโภคกว่าพันล้านคนทั่วโลก ที่ผ่านมาก็ได้มีการรีแบรนด์หลายครั้ง จนกลายมาเป็น Google Workspace ในที่สุด เรียกได้ว่า Google Workspace คือ “The Future of Work” เลยก็ว่าได้ จากการพัฒนาดังกล่าวทำให้ในปัจจุบัน Google Workspace ได้ถูกนำมาใช้งานกับภาคธุรกิจอย่างแพร่หลาย มีผู้ใช้งานหลากหลายแบบทั้ง แบบ Free Gmail, Google Apps Legacy, G Suite Legacy และ Google Workspace บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที เองได้รับข้อคำถามที่พบบ่อยจากกรณี Google ประกาศเลิกให้บริการตัว Legacy ดังกล่าวจากผู้ใช้งานเข้ามามากมายในทุกวัน เราจึงถือโอกาสนี้จัดงานสัมมนาออนไลน์ขึ้นเพื่อแนะแนวทางให้กับทุกท่านที่กำลังใช้งาน G Suite รุ่นใช้งานฟรี (Legacy) และยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรหากต้องอัปเกรดเป็น Google Workspace หรือท่านที่กำลังสนใจนำ Google Workspace ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานร่วมกันในองค์กรของท่าน ได้เข้ามารับฟังข้อมูลที่ถูกต้องประกอบการตัดสินใจของท่านต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลงทะเบียนสำรองที่นั่ง สิ่งที่คุณจะได้รับจากการเข้าร่วม บทสรุปจากทาง Google ยกเลิกให้บริการ Google Apps Standard (Legacy)...
Continue readingWork Insights คืออะไร?
Work Insights คือ? Work Insights คือตัวจัดการจาก Google Workspace ที่จะช่วยรายงานข้อมูลการทำงานแบบเชิงลึกภายในองค์กร ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และวางแผนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการพัฒนากระบวนการการทำงานให้องค์กรทำงานได้อย่างชาญฉลาด Work insights นับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่คุณไม่ควรพลาด ไปทำความรู้จักเจ้าเครื่องมือนี้กันเลย! Work Insights ทำอะไรได้บ้าง? Work Insights จะทำการเก็บข้อมูลว่าพนักงานมีการใช้งานแอปพลิเคชันของ Google Workspace มากน้อยแค่ไหนโดยจะสรุปออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์เพื่อให้คุณได้เห็นภาพและเข้าใจง่ายมากขึ้น เช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทีมของคุณมีการใช้งาน Gmail ที่ 98% Google Docs ที่ 75% และ Google Meet ที่ 45% เป็นต้น คุณสามารถดูได้ว่าในแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Google Docs, Sheets, Slides มีการทำงานร่วมกันอย่างไรบ้าง เช่น เปอร์เซ็นของการแก้ไข คอมเม้น หรือ แค่เปิดเข้าดูไฟล์ ซึ่งฟังก์ชันนี้จะช่วยให้บุคคลที่เป็นหัวหน้าสามารถเช็คการทำงานของทีมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นเนื่องจากหลายบริษัทยังมีการ Work From Home กันอย่างต่อเนื่อง คุณสามารถดูได้ว่าการใช้งาน Google Workspace ลดการใช้งานแอปอื่นได้มากแค่ไหน การใช้ Google Workspace นั้นจะทำให้การทำงานง่ายขึ้นอย่างมาก ไม่ต้องสลับแอปให้ยุ่งยาก ฟังก์ชันครบ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานจากหลายแอปและช่วยประหยัดเวลาในการทำงานอีกด้วย Work Insights มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร? การใช้งาน Work Insights จะทำให้ทีมเห็นภาพมากขึ้นว่าทีมของตนมีการทำงานเป็นอย่างไร ใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในแต่ละแอปพลิเคชัน โดยทีมสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาประเมินหรือวิเคราะห์การทำงานเพื่อปรับปรุงหรือวางแผนการทำงานให้ดีขึ้นได้ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว หากทีมมีการจัดการเป็นอย่างดีจะให้ทำองค์กรมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นส่งผลให้ภาพลักษณ์และผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้นการพัฒนาหรือปรับปรุงระบบการทำงานภายในองค์กรจึงเป็นสิ่งที่องค์กรควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ Work Insights เหมาะกับใครบ้าง? ผู้ดูแลระบบไอที (IT administrators) ผู้บริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change management staff) เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคล (Human resources staff) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการบุคคล (People operations staff)...
Continue reading