Self Service การบริการลูกค้าที่หลายคนมองข้าม

ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า Self Service คืออะไร? Self-service ก็คือ การบริการตนเองนั่นเอง ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะกำลังสงสัยว่า Self-service สำคัญกับลูกค้าอย่างไร? เวลามีคนให้บริการมันมักจะดีกว่าการบริการตนเองอยู่แล้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้นอย่างที่ทุกคนทราบกันดี ทุก ๆ อย่างตอนนี้สามารถทำได้บนช่องทางอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้การบริการลูกค้าแบบเดิม ๆ เช่น การไปเจอพนักงานที่ศูนย์ การคุยโทรศัพท์ หรือการส่งอีเมล ต่าง ๆ ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การไปเจอพนักงานที่ศูนย์ยิ่งในช่วงโรคระบาดโควิด-19 นี้เสี่ยงมากที่จะไปเจอผู้คน แล้วไปถึงก็ใช่ว่าจะได้แก้ปัญหาและคำตอบจากพนักงานเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ  หรือการโทรศัพท์ ลูกค้าก็ต้องรอว่าพนักงานจะรับหรือไม่รับ แถมบางที่กว่าจะได้คุยกับคนจริง ๆ ก็พาวนในเขาวงกตของ Auto Bot ไม่รู้กี่รอบให้ติดต่อฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ จะดีกว่าไหมถ้าลูกค้าของคุณสามารถค้นหาคำตอบและแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเองด้วยระบบ Self-service ลดทั้งปริมาณงานที่ไม่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ แถมลูกค้ายังได้รับการบริการที่สะดวกและรวดเร็ว จากผลสำรวจของทาง Zendesk พบว่า คนสนใจการ search หรือ Self-service ถึง 41% ซึ่งมากกว่าการแชทพูดคุยด้วยซ้ำ แต่ทางผู้ประกอบการเองกลับเน้นไปที่อีเมลส่วนใหญ่ แต่การรองรับทางด้าน Self Service นั้นกลับอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด ดังนั้น เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของคนหรือลูกค้าในยุคปัจจุบันที่ไม่ชอบรอ การเพิ่มบริการแบบ Self-service ที่ลูกค้าสามารถค้นหาคำตอบได้เองหรือแก้ปัญหานั้น ๆ ได้ด้วยตัวเองในช่องทางต่าง ๆ ที่พวกเขาสะดวก จึงเป็นส่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งทาง Zendesk ก็ได้มีระบบที่ชื่อว่า Zendesk Guide ที่จะช่วยให้การบริการแบบ Self-service สะดวกและง่ายขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่ดีไม่ว่างจะเป็นลูกค้า หรือให้กับบริษัทของเราเอง ซึ่งตัว Zendesk Guide จะมีฟีเจอร์ เช่น Answer Bot ก็คือ เราสามารถจับ Keyword ที่ลูกค้าเราพิมพ์เข้ามา หรือต้องการรู้ แล้วทาง Answer Bot ก็จะหาชุดคำตอบหรือบทความที่เขาต้องการส่งให้ลูกค้า เพื่อที่เวลาลูกค้าจะมาถาม เขาสามารถได้รับคำตอบได้ในทันทีด้วยระบบ...

Continue reading

OmniChannel ช่องทางรอดในธุรกิจยุค New Normal

ทุกคนคงได้ยินกันมากในช่วงนี้กับคำว่า New Normal ซึ่งพูดถึงพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ค้าหรือผู้ให้บริการ ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับ New Normal ด้วยเช่นกัน แล้วอะไรหล่ะ ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบนี้ได้ ก่อนอื่นเราต้องมาศึกษาก่อน ว่า New Normal มีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง จริงๆแล้วระบบนี้ ไม่ได้มีในแง่มุมเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น แต่ยังมีในเรื่องของการแพร่ระบาดของโรคระบาด โดยที่เรามุ่งเน้นไปที่แบบของเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะ ถ้าในเรื่องของการแพร่ระบาดทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว จำพวก Social Distancing หรือ การดูแลสุขอนามัยของตัวเอง แล้ว New Normal ในแง่ของเศรษฐกิจล่ะ พฤติกรรมของผู้บริโภคกับผู้ค้าหรือผู้ให้บริการต้องปรับตัวอย่างไร? ผู้บริโภค ถ้าพูดถึงในมุมของผู้บริโภค ซึ่งทุกคนก็น่าจะเคยปฏิบัติหรือทำแบบนี้การอยู่แล้วในช่วงที่ Covid ระบาดหนักในช่วงที่ผ่านมา ก็คือ ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน ออกจากบ้านให้น้อยที่สุด ซื้อของผ่านทางออนไลน์ช่องทางต่างๆ หรือในการกินอาหารก็จะสั่งจากบริษัทชั้นนำที่ให้บริการด้าน Delivery มาส่งที่บ้านเพื่อที่จะป้องกันตัวเองมากที่สุด ผู้ค้า หรือ ผู้ให้บริการ อันนี้อาจจะแล้วแต่รูปแบบขององค์กร แต่หลายๆองค์กรก็จะมีการ Work From Home รวมถึงการดูแลลูกค้าแบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อลดการเจอกันให้มากที่สุด รวมไปถึงการประชุมหรือระบบการทำงานต่างๆ ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ให้มากที่สุด เช่น มีการประชุมออนไลน์ หรือเป็นการพูดคุยหรือติดต่อภายในองค์กรผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการที่พฤติกรรมของทั้งผู้บริโภคและผู้ค้าเปลี่ยนมาเป็นระบบออนไลน์มากขึ้น ทำให้ระบบ Omnichannel เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตอนนี้ หลายๆคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินคำนี้ หรือว่าเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร วันนี้เราจะมีทำให้คุณรู้จักคำว่า Omnichannel มากขึ้น Omnichannel คือ ช่องทางรวบรวมการสื่อสารจากหลากหลายช่องทางเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ง่ายและสะดวกมากขึ้นในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป้นช่องทางที่ทุกคนคุ้นเคย เช่น Facebook, LINE, Instagram, WeChat, Whatapps หรือ Email แต่มันยังสามารถรวบรวมช่องทางอื่นเพิ่มได้อีกด้วย เช่น Applications หรือ หน้าเว็บไซด์ต่างๆ ซึ่งช่องทางที่พูดมาทั้งหมดนี้ จะอยู่ในหน้าจอคอมเพียงหน้าจอเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าพูดถึงในมุมผู้บริโภคที่ในตอนนี้กำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของ มาเป็นออนไลน์กันมากขึ้น และมาจากหลากหลายช่องทางที่พวกเขาสะดวกนั้น ระบบ Omnichannel จึงตอบโจทย์อย่างมากในข้อนี้ และระบบ Omnichannel ไม่ได้เพียงใช้ได้แค่กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ภายในองค์กรได้อีกด้วย...

Continue reading

Zendesk Sell เปิดให้บริการที่แรกในไทยแล้ว วันนี้!

บริษัท Demeter ICT ผู้ให้บริการ Zendesk อันดับ 1 ในไทย มีบริการ Zendesk Sell แล้ววันนี้        ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า Zendesk Sell คืออะไร Zendesk Sell คือ Platform นึงที่จะเป็นตัวช่วยในการทำงานให้กับทีม Sales มีประสิทธิภาพและยอดขายที่มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ตามสไตล์ New Normal ที่ทุกคนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการทำงานเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น แต่คุณก็ยังสามารถติดต่อลูกค้าและจัดการการติดต่อระหว่าง Sales กับลูกค้าได้ เพราะทาง Zendesk ได้ออกแบบ Software มาให้ใช้ได้กับ Devices ที่คุณใช้อยู่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย        และต่อมา เรา Demeter ICT จะมาอธิบายฟีเจอร์คร่าวๆ ของ Zendesk Sell ที่จะมาช่วยในการทำงานของคุณว่ามันสามารถช่วยคุณยังไงได้บ้าง ทั้งทางด้านสื่อสารกับลูกค้า การเก็บรวบรวมข้อมูล การปิดดีลกับลูกค้ารายนั้นๆ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ซึ่งทาง Zendesk ได้ออกแบบระบบมาให้สะดวกต่อการใช้งานและลดเวลาและขั้นตอนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ตรงกับ Goal ที่ Sales ทุกคนตั้งไว้คือเพิ่มยอดขาย ซึ่งการเพิ่มยอดขายได้นั้น ก็ต้องมีการติดต่อลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ฟีเจอร์หลักๆ ที่ทาง Zendesk Sell มีนั้น มีอะไรบ้าง มาดูกัน! Stay on top of things – สามารถทำงานทุกอย่างด้วยระบบอีเมล์อัจฉริยะ ที่จะมีการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อหรือเราจะนัดติดต่อการขายกับลูกค้า ก็สามารถจัดการได้อย่างสะดวก และยังมีระบบที่จะช่วยจัดเก็บเอกสารหรือการติดต่อทุกอย่าง เพื่อนำข้อมูลมาหาแนวทางในการเพิ่มยอดขายของบริษัท รวมถึงการสร้าง Template แบบไร้ข้อจำกัด เพื่อลดเวลาและภาระในการทำงาน เพื่อนำเวลามาใช้ในส่วนที่ต้องทำมากขึ้นเพื่อเพิ่ม Performance ในตัวคุณได้ Make the right call – จะเป็นฟีเจอร์ต่างๆที่ช่วยให้คุณติดต่อลูกค้าได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น...

Continue reading

4 ขั้นตอน ชี้ทางสว่างให้กับธุรกิจของคุณ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (May, 14 2020) ทาง Zendesk ได้มีการจัด Webinar ที่ชื่อว่า Zendesk Showcase ขึ้นมา และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจ ในช่วงที่มีวิกฤติ Covid-19 นี้ และมีท่านนึงที่ได้พูดเกี่ยวกับ CX หรือ Customer Experience ในช่วงนี้ได้อย่างสนใจ เขาก็คือ Riccardo Pasto หัวหน้าฝ่ายวิจัยประสบการณ์ลูกค้าของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัท Forrester ซึ่งเขาได้พูดถึงว่า “มีหลายๆองค์กรล้มเหลวในการวางแผนสำหรับสถานการณ์ในช่วงวิกฤต และพบว่าตัวเองกำลังดิ้นรนเพื่อตอบสนองในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความต้องการของผู้บริโภค แต่ถ้าหากไม่มีการวางแผนที่รัดกุมแล้วอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการได้แม่นยำ ในสถานการณ์นี้” ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำในวันนี้คือตอนนี้เพื่อช่วยธุรกิจของเรา เราจะเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร ในวิกฤตการระบาดครั้งนี้ หรือ เราควรที่จะมีการรับมืออย่างไรในการพบเจอวิกฤตในครั้งต่อๆไปให้ดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ ซึ่งทาง Riccardo Pastro ได้นำเสนอ 4 ลำดับความสำคัญ ที่จะช่วยนำพาให้ธุรกิจของคุณนั้น พ้นไปจากพายุลูกนี้ได้ 1. เริ่มต้นด้วย Start your Empathy การเอาใจใส่ คุณจะต้องรู้และเข้าใจลูกค้าของคุณในตอนนี้ เพราะในสถานการณร์ตอนนี้มีหลายปัจจัยมากที่ต้องบังคับให้ผู้บริโภคหรือพฤติกรรมของคนนั้นต้องเปลี่ยนไป เช่น พฤติกรรมการกักตุนของ พวก กระดาษชำระ, อาหาร, ยาฆ่าเชื้อ, รวมไปถึง หน้ากากอนามัย ซึ่งข้อมูลเรานี้ เรามักจะได้มาจากการ Survey และการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค และนำข้อมูลมาวิเคราะห์กันในองค์กร เพือให้เข้าใจและรู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มากที่สุดและเป้นไปในแนวทางเดียวกัน 2. และเมื่อเรารู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้นแล้ว Adapt your CX accordingly หรือง่ายๆก็คือ ปรับธุรกิจของคุณให้เข้ากับผู้บริโภคเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ประกันภัย Suncorp ได้มีการลดราคา พรีเมี่ยมแพ็คเกจถึง 20% และยังสามารถตรวจโรคโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และยังสามารถให้คำปรึกษาฟรีทั้งเขาและครอบครัว และ Achie rose ที่รู้จักในการกันในนามของบริษัทผู้ผลิต วิสกี้ ของประเทศออสเตรเลีย ก็ได้มีการออกผลิตใหม่ คือ เจลทำความสะอาดมือ เพราะพวกเขาตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าของเขาในตอนนี้ แต่มันก็มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังหลายอย่างดังนั้น คุณควรก็ควรที่จะรอบคอบและทำความรู้จักลูกค้า และ...

Continue reading

6 คำศัพท์ที่ต้องรู้ในยุค Digital

มาทำความรู้จักคำศัพท์ที่คุณอาจจะเคยเห็นผ่านตาหรือยังไม่เคยได้เห็นเลย แต่เราจะมารู้จักกันมากขึ้นในวันนี้ และหลังจากนี้คุณจะได้เห็นคำพวกนี้ในยุค Digital นี้ไปอีกนาน CJ หรือ Customer Journey ก็คือ การเดินทางของลูกค้าโดยหลักจะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน 1. Awareness(การรับรู้ของแบรนด์) 2. Interest(สนใจสินค้า) 3. Evaluation(การเปรียบเทียบ+ตัดสินใจ) 4. Purchase(ซื้อสินค้า) 5. Use(ใช้สินค้า) 6. Loyalty(ความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์หรือการซื้อซ้ำ) เป็นการดูการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น CX หรือ Customer Experience ก็คือ ประสบการณ์ของลูกค้า เป็นกระบวนการสร้างความภักดี (Loyalty) ของแบรนด์ เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี และยังคงอุดหนุนแบรนด์ของเราแทนที่จะไปหาคู่แข่ง ซึ่งเราจะต้องรู้ถึง CJ และ Data ที่เรามีนำมาวิเคราะห์เพื่อที่จะได้รู้ถึง CX ของลูกค้าอย่างแท้จริง CRM หรือ Customer Relationship Management ถ้าแปลตรงตัวก็ คือ บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า คือกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ การรวบรวมข้อมูลลูกค้า รวมถึงมีสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าของแบรนด์ได้อีกด้วย ซึ่งไม่ได้มีแค่การขายกับบริการเท่านั้น CRM ยังรวมถึงความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าของเราอีกด้วย ตอนนี้หลายๆธุรกิจก็พยายามมุ่งไปทาง CRM มากขึ้น เพราะว่า ในปัจจุบันสินค้าหรือบริการไม่ใช่สิ่งเดียวที่ตอบโจทย์ลูกค้าอีกต่อไปในปัจจุบัน แต่มีความสัมพันธ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมและใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้นอีกด้วย PDPA หรือ Personal Data Protection Act คือ การป้องกันข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าซึ่งประเทศไทยกำลังจะนำพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้มาใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 27 พ.ค. 2563 ซึ่งพรบ. ฉบับนี้เป็นที่น่าจับตามองมาก เพราะว่าในปัจจุบัน ข้อมูลลูกค้าไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ พฤติกรรม หรือการจ่ายเงินต่างๆ เป็นข้อมูลที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ จึงทำให้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับบริษัทหรือฝ่าย Marketing มาก ดังนั้นทำให้ต้องมีพรบ.ฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิดหรือละเมิดเอาข้อมูลจากที่อื่นมา Martech หรือ Marketing Technology คือ การทำการตลาดแบบดิจิทัลที่จะมีการใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันเข้ามาช่วยมากขึ้น หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันคืออันเดียวกับ Digital Marketing แต่จริงๆแล้ว Digital...

Continue reading

Work From Home ก็ดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพได้

ตอนนี้หลายๆคนคงเริ่มชินและคุ้นเคยกับการ Work From Home มากขึ้นแล้ว แต่หลายๆที่ถึงจะ Work From Home ก็จริง แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็ม 100% เหมือนกับเวลาอยู่ที่บริษัท จึงทำงานได้บางส่วนเท่าที่จะพอทำได้ แต่ทาง Zendesk ได้พัฒนาระบบ Customer Service Software ให้สามารถดูแลและติดต่อลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าตัวคุณจะอยู๋ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น บนคอมพิวเตอร์ หรือจะเป็น Application บนมือถือ ก็สามารถบริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ ด้วย 4 ฟีเจอร์หลักๆที่ทาง Demeter ICT ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอันดับ 1 ของไทย Zendesk Support – เป็นศูนย์กลางที่รวบรวมช่องทางการติดต่อสื่อสารของลูกค้าทั้งหมดไว้ในที่เดียว โดยจะเข้าเป็นระบบ Ticket เพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บเป็น Category ที่เราต้องการ และที่สำคัญคุณสามารถจะดูแลลูกค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่บ้าน อยู่ที่บริษัทหรืออยู่ข้างนอก เพราะมี Application ที่โหลดเข้าในมือถือได้ Zendesk Chat – Live chat ที่สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้แบบ Real time เพื่อลดระยะเวลาการรอของลูกค้าได้ สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า แล้วจะสามารถเก็บประวัติการพูดคุยต่างๆ เพื่อนำมาทำการวิเคราะห์และประเมินผลหลังจากการพูดคุยได้อีกด้วย Zendesk Guide – การแก้ปัญหาหรือตอบคำถามลูกค้าที่พบบ่อยๆ เพื่อลดงานให้แก่เจ้าหน้าที่หรือคนที่เกี่ยวข้อง แล้วยังช่วยลดเวลาการรอของลูกค้าได้อีกด้วย Zendesk Explore – เป็นการนำข้อมูลที่ได้จาก ช่องทางต่างๆ มาประเมินและวิเคราะห์เป็นแผนผังอย่างสวยงามและเข้าใจง่าย เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจหรือขยายธุรกิจต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทดลองใช้ Zendesk trial ฟรี สอบถาม ราคา Zendesk ติดต่อ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการระบบ Zendesk ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ – Zendesk Thailand Partner สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ราคา Zendesk พร้อมโปรโมชันพิเศษ โทร. 02-030-0066 096-804-5482...

Continue reading

Customer Service สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันในโลกหรือประเทศของเรานั้น มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายทั้งทางออฟไลน์ และทางออนไลน์ และยิ่งตอนนี้ที่ทุกคนเจอวิกฤต Covid-19 ไป บางคนถูกพักงานหรือโดนไล่ออกจากงาน ยิ่งทำให้คนหาลู่ทางใหม่ๆในการทำธุรกิจมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด ใครทำอะไรเป็นก็ต่างคนต่างทำสิ่งนั้นออกมาขายกันมากมาย ซึ่งสินค้าของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไปไม่มากก็น้อย เพราะถ้าเรามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองก็รอดไป แต่ถ้าสินค้าเราไม่แตกต่างจากคนอื่นละ อะไรจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูกค้ามาซื้อและมาบริโภคของเรา คุณภาพสินค้า? ราคา? หรืออะไร.. แต่จริง ๆ แล้วปัจจัยนึงที่สำคัญมากๆเลยคือ บทบาทหน้าที่ของ Customer Service หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า CS ที่แต่ละที่จะไม่มีทางเหมือนกันอย่างแน่นอน เพราะต้องยอมรับว่าผู้บริโภคสมัยนี้ เขาไม่ได้มองที่ราคาและคุณภาพของสินค้าเพียงเท่านั้น เพราะถ้าสินค้าราคาถูกกว่า คุณภาพดีกว่า แต่พนักงานหรือเจ้าของร้านพูดจาไม่ดีหรือบริการไม่ดี ลูกค้าก็พร้อมที่จะไม่ซื้อ และเปลี่ยนไปซื้อร้านที่แพงกว่านิดหน่อย แต่ได้รับบริการและการดูแลที่ดีกว่า แล้ว Customer Service แบบไหนล่ะถึงเรียกว่าดี? มาดูไปพร้อมๆกัน ตอบลูกค้าไว รวดเร็ว ข้อนี้ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว นึกถึงถ้าเราเป็นลูกค้า เวลาที่เราสื่อสารกับพนักงานในช่องทางต่าง ๆ เราก็อยากที่จะรู้ข้อมูลตอนนั้นเลยเพื่อการตัดสินใจ แต่ถ้าเราเจอ Customer Service ที่ไม่ตอบเราสักที รอนาน ทำให้เราเสียเวลา เราก็เลิกที่จะรอแล้วไปดูสินค้าตัวอื่นหรือสินค้าร้านอื่นแทนได้ ดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจและทัศนคติที่ดี ไม่อคติต่อลูกค้า ข้อนี้จะขึ้นอยู่กับตัวพนักงานเป็นหลัก ว่าทางบริษัทรับคนแบบไหนเข้ามาทำงาน และมีการสอนงานให้รับมือกับลูกค้าที่มีหลากหลายประเภทอย่างไรบ้าง เพราะงานบริการลูกค้าต้องมีใจและพร้อมที่จะบริการลูกค้าด้วยความเต็มใจ ถ้าเราเจอคนที่หน้าเหวี่ยงใส่ น้ำเสียงกระแทกกระทั้น พูดห้วน ๆ ใส่เรา เราก็จะเริ่มรู้สึกว่า คน ๆ นี้ไม่อยากดูแลและบริการเราจริง ๆ แก้ปัญหาหรือตอบคำถามของลูกค้าให้ตรงจุด ข้อนี้สำคัญมากในเรื่องของการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะว่า ถ้าลูกค้าถามแล้ว พนักงานตอบแบบส่ง ๆ พนักงานไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง อาจทำให้ลูกค้าและบริษัทเสียหายได้ ดังนั้น ถ้าเราต้องติดต่อฝ่ายอื่น หรือคนที่ดูแลส่วนนั้นที่ลูกค้าถามจริง ๆ เราก็สามารถส่งไปให้ฝ่ายที่ดูแลตอบคำถามลูกค้าดีกว่า ดูแลลูกค้าหลังการขาย หรือ ให้คำปรึกษาหากลูกค้ามีการสอบถามเพิ่มเติมหลังจากที่ซื้อสินค้าหรือบริการไปแล้ว เพราะระหว่างนั้นลูกค้าอาจเจอปัญหาได้ ข้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าเช่นกัน ซึ่งทาง Zendesk ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ Customer Service สำหรับธุรกิจในอนาคต จึงได้พัฒนาระบบ Customer Service Software ขึ้นมาเพื่อที่จะมาช่วยเหล่าทีม...

Continue reading

แชร์วิธีแก้เครียดเวลาต้อง Work From Home ในช่วง COVID-19

ช่วงนี้จะสังเกตได้ว่าหลายๆบริษัท ให้พนักงานทำงานที่บ้านได้แล้ว ซึ่งการทำงานที่บ้านอาจจะเป็นสิ่งดีๆสิ่งหนึ่งในตอนนี้ที่พอจะทำได้ในช่วงที่ทุกคนเครียดกับเจ้า Covid-19 จนถึงขั้นประสาทแดกไปแล้วทั่วประเทศเพราะถามตัวเองตลอดเวลาว่าติดรึยัง? แต่หารู้ไม่ว่าการทำงานที่บ้านมันก็มีข้อเสียเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในข้อเสียของการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home นั้นมันก็คือ ก่อให้เกิดความเครียดและความเครียดสะสม เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะผิดธรรมชาติของมนุษย์เกินไปสักหน่อย เพราะว่ามนุษย์เรานั้นเป็นสัตว์สังคม ชอบเจอผู้คน หรือการมีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งการที่เราทำงานที่บ้านเป็นระยะเวลานานๆ ไม่ได้เจอเพื่อน ไม่ได้เจอคนอื่นๆ อาจจะก่อให้เกิดความเครียดสะสม และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลงได้ ดังนั้นเราจึงควรจะหากิจกรรมอื่นๆที่เราชอบทำควบคู่ไปกับการอยู่บ้านด้วย เพื่อเป็นสิ่งที่จะทำให้เราคลายความเครียดลง และยังเป็นการพักผ่อน บรรเทาความคิดเกี่ยวกับเรื่อง Covid-19 ให้น้อยลง มาดูกันดีกว่าว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง? ดูหนัง/ดูซีรี่ส์ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ยอดฮิตในตอนนี้มากๆ ไม่ว่าจะเป็น Youtube, Netflix, LineTV, หรือ จะเป็นโทรทัศน์ หรือ ไลฟ์โชว์ต่างๆ เหมือนที่ตอนนี้เวลาเลื่อนดูไอจีสตอรี่ของใคร ก็ถ่ายรูปจอทีวีที่กำลังดู Netflix อยู่ อ่านหนังสือ สำหรับเหล่านักอ่านที่อยู่บ้านตอนนี้ ซึ่งการอ่านหนังสือก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้เราผ่อนคลายได้มากขึ้น ซึ่งก็มีหลากหลายแนวแล้วแต่คนจะชอบหรือสิ่งที่ตัวเองสนใจ เล่นเกม ก็เป็นอีกสิ่งนึงที่คลายเครียดได้ดีในช่วงนี้ แล้วธุรกิจ Streaming ในตอนนี้ก็เป็นที่นิยมมากๆพอกับ หนังหรือซีรี่ส์เลยด้วย แต่สำหรับบางคนอาจจะเครียดกว่าเดิม เพราะเล่นเกมแพ้ทำให้หัวร้อนมากขึ้น ออกกำลังกาย กิจกรรมนี้สำหรับสาย Healthy ที่ช่วงนี้ห้ามออกไปข้างนอก ซึ่ง Fitness ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เสี่ยงเพราะมีคนรวมตัวกกันเป็นจำนวนมาก ถึงแม้การออกกำลังกายที่บ้านอาจจะได้ไม่เท่า Fitness แต่ก็สามารถช่วยได้บางส่วนแล้วยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย ทำความสะอาดบ้าน จัดของ กิจกรรมนี้สำหรับชาวพ่อบ้านหรือแม่บ้าน เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำความสะอาดบ้านหรือจัดของภายในบ้านที่เราอาจจะไม่ได้ทำมันมานานหรืออันนี้ยังไม่มีเวลา ตอนนี้เราต้องอยู่บ้านเราควรจัดพื้นที่ในการทำงาน และ ความสะอาด ให้ผ่อนคลายและสบายที่สุด ทำอาหาร กิจกรรมนี้สำหรับคนที่ชอบทำอาหารและคนที่ซื้อของมากักตุนในช่วงนี้ ก็เป็นช่วงเวลาอันดีเช่นกัน ที่จะได้ฝึกฝีมือการทำอาหาร และยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดได้ดี อีกหนึ่งกิจกรรมเลย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบทำจริงๆ การอยู่บ้านแบบนี้ก็แนะนำเป็น Food Delivery ต่างๆ ช้อปปิ้งออนไลน์ กิจกรรมนี้สำหรับนักช้อปตัวยง ที่ตอนนี้เหล่าเว็บไซด์ช้อปปิ้งออนไลน์ มีโปรโมชั่นมากมายและแข่งขันกันสูงมากในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น Lazada หรือ Shopee ที่จะช่วยผ่อนคลายเหล่านักช้อปให้คลายความเครียดนี้ไปได้ ซึ่งตัวช่วยที่จะ Support คุณ และ ลดความเครียดในการทำงานที่บ้านได้ดียิ่งขึ้น เหมือนทำงานอยู่ที่บริษัท...

Continue reading

Work From Home มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร?

เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ที่ Covid-19 หรือไวรัสโคโรน่า ได้แพร่ระบาดไปแล้ว 30 กว่าจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้บางที่ทำงานหรือบริษัท ได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือพนักงานโดยการที่ให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือ การ Work From Home ซึ่งมีที่มา จากฝั่งอเมริกาและยุโรป ก่อนที่จะมีสถานการณ์ Covid-19 ซะอีก เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าการที่พนักงานได้ผ่อนคลายหรือมีความสุข มันก็จะส่งผลถึงงานที่ทำซึ่งมันก็จะทำให้งานออกมาดีไปด้วย ซึ่งถ้าพูดถึงบริษัทในไทยก็มีบางบริษัทที่เริ่มนำนโยบายนี้มาลองปรับใช้ในบริษัท ตัวอย่าง เช่น บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ของเรานั่นแหละ ที่มีนโยบายให้ พนักงาน Work From Home ที่บ้านได้อาทิตย์ละ 1 วัน แต่ในช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี ก็เลย Work From Home ไปยาวๆ มาดูข้อดี  ข้อเสีย ของการ Work From Home กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ข้อดี ปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เพราะ เราไม่ได้ไปพบผู้คนด้านนอก หรือพบน้อยที่สุดซึ่งตอนนี้เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร สามารถจัดการเวลาการทำงานตามเวลาที่ตัวเองต้องการได้ ผ่อนคลายและมีความกดดันน้อยกว่าทำงานอยู่ที่บริษัท ประหยัดค่าเดินทางและประหยัดเวลาในการเดินทางทำให้เรามีเวลาในการทำอย่างอื่นมากขึ้น สุขภาพอาจจะดีขึ้นเพราะไม่ต้องมาเจอมลพิษด้านนอก แต่ก็ต้องอย่าลืมออกกำลังกายด้วย ได้ศึกษาทดลองใช้ฟีเจอร์หรือระบบใหม่ๆที่เกี่ยวกับการทำงานแบบ Work From Home เพราะเวลาที่อยู่บริษัทไม่ได้ใช้ระบบเหล่านี้ ข้อเสีย เวลาอยู่บ้านสิ่งเร้ามีมากมาย เช่น เตียง คอม เกม หรือจะเป็นสัตว์เลี้ยง ทำให้คุณต้องมีสมาธิและจิตใจที่แข็งแกร่งมากพอ ความขี้เกียจ เพราะไม่มีใครมากดดันหรือสั่งให้เราทำเหมือนตอนที่อยู่ในบริษัท เวลาอยู่บ้านคุณจะหยิบนู่นหยิบนี่กินตลอดเวลา อาจจะทำให้คุณอ้วนขึ้นได้ บางบริษัทยังไม่มีระบบการทำงานที่จะทำให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ จึงอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการสื่อสารในการทำงาน และในสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งเป็นสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลดการแพร่เชื้อภายในประเทศ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกๆบริษัทที่จะเหมาะสมกับการทำงานแบบ Work From Home แต่ว่าถ้าหากคุณลองเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนการทำงานบางอย่าง คุณอาจจะเจอวิธีการทำงานที่สะดวกและดีกว่า อย่างเช่นระบบของ Zendesk ที่ไม่ได้ช่วยแค่ด้าน Customer Service อย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณสามารถปรับเปลี่ยนไปใช้ในองค์กร เช่น การเก็บข้อมูลหรือการสื่อสารภายในองค์กรที่ทำให้ช่วยประหยัดเวลา และง่ายต่อการใช้งานมากขึ้นไปอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าติดต่อมาหา Customer Service...

Continue reading