API คืออะไร? ทำไมถึงฮิตขึ้นทุกวัน? อธิบายแบบเข้าใจง่าย

API ศัพท์นี้สำหรับใครหลายคนอาจดูไกลตัวไปบ้าง แต่เชื่อไหมว่าเกือบทุกอย่างรอบตัวเราล้วนมีเบื้องลึกเบื้องหลังมาจาก API ทั้งสิ้น ถึงขั้นกล่าวได้ว่า API เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ก้าวกระโดด นำมาสู่นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นในทุกวันนี้เลยก็ว่าได้ แท้จริงแล้ว API คืออะไร? ทำงานอย่างไรกันแน่ ในบทความนี้ เราจะมาหาคำตอบกัน API คืออะไร? API ย่อมาจาก Application Programing Interface แปลความหมายแบบตรงตัว คือ การเชื่อมต่อโปรแกรมประยุกต์ ในบริบทนี้ คำว่า “Application” หมายถึงทุกซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันชัดเจน และ “Interface” ก็คือตัวประสาน API จึงหมายความถึงกลไกหนึ่งที่ใช้เชื่อมต่อโปรแกรมสองตัวเข้าด้วยกัน  ยกตัวอย่างระบบซอฟต์แวร์ขององค์กรด้านอุตุนิยมวิทยานั้นประกอบด้วยข้อมูลสภาพอากาศรายวัน แอปพยากรณ์อากาศในโทรศัพท์มือถือของเราก็จะใช้ API ทำการ “สื่อสาร” ไปยังซอฟต์แวร์ตัวนี้ จากนั้นก็นำข้อมูลสภาพอากาศรายวันมาอัปเดตในโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกันกับแอปสั่งอาหารที่จะใช้ API ดึงข้อมูลแผนที่จาก Google Map ทำให้สามารถใช้แผนที่นี้ได้โดยไม่ต้องลงทุนสร้างแผนที่ใหม่ขึ้นมาเอง API ทำงานอย่างไร? เรามักนิยามการทำงานของ API ในรูปแบบของ ‘ผู้ให้บริการ (Servers)’ กับ ‘ผู้ใช้บริการ (Clients)’ โดยฝ่ายที่ส่งคำขอเป็นผู้ใช้บริการ ขณะที่ฝ่ายที่ตอบรับคำขอเป็นผู้ให้บริการ ดังตัวอย่างที่ยกมานั้นแอปพยากรณ์อากาศเป็นผู้ใช้บริการ ส่วนองค์กรเจ้าของซอฟต์แวร์ที่มีข้อมูลสภาพอากาศรายวันก็เป็นผู้ให้บริการนั่นเอง ตั้งแต่อดีต API ก็ได้มีการพัฒนาเรื่องรูปแบบการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ SOAP APIs ที่มีความยืดหยุ่นน้อย เน้นการเข้าถึงอย่างง่าย ตลอดจนถึงรูปแบบของ API ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันอย่าง REST APIs  REST APIs ถือเป็น API ที่ยืดหยุ่นมากที่สุด ตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้ REST APIs ก็คือ Zendesk  เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นจะขอยกตัวอย่าง Zendesk Support  ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Zendesk โดย Zendesk Support เป็นส่วนของซอฟต์แวร์ที่จะช่วยเชื่อมต่อให้องค์กรใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น มีหลายอย่างที่ Zendesk Support สามารถทำได้ อย่างเช่น Create...

Continue reading

Enterprise Service Management คืออะไร ทำไมถึงควรมี และควรเริ่มปรับใช้งานอย่างไร?

เมื่อพูดถึงการจัดการบริการ คนเรามักจะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับแผนกไอที ทว่าในความเป็นจริงทุกแผนกในองค์กรต่างก็มีการให้บริการในรูปแบบของตนเอง แผนกบริการลูกค้าคอยสนับสนุนลูกค้า แผนกบุคคลคอยดูแลพนักงาน หรือฝ่ายจัดซื้อที่รับผิดชอบเรื่องการส่งมอบสินค้า ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามล้วนมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ดังนั้นในการบริหารองค์กรจึงมีคำอย่าง Enterprise Service Management หรือ ESM ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ขยายหลักการของการจัดการบริการให้ครอบคลุมทั้งองค์กร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ความสอดคล้อง และความร่วมมือในทุกฝ่าย Enterprise Service Management คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ บทความนี้เราจะมาบอกเล่าคำตอบให้ทุกคนทราบกัน Enterprise Service Management (ESM) คืออะไร? Enterprise Service Management หรือ ESM คือแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่นำหลักการของการจัดการบริการจากฝ่ายไอทีไปประยุกต์ใช้กับแผนกอื่น ๆ ภายในองค์กร เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายการเงิน และฝ่ายบริหารอาคารสถานที่ หัวใจสำคัญของ ESM คือการสร้างมุมมองที่เน้นการให้บริการทั่วทั้งองค์กร ซึ่งหมายถึงการมองว่าแต่ละแผนกทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ เช่น การให้การสนับสนุนด้านไอที การดูแลกระบวนการรับพนักงานใหม่ หรือการจัดการคำขอจัดซื้อ Enterprise Service Management (ESM) สำคัญอย่างไร? ด้วยการขยายหลักการจัดการบริการไปสู่แผนกต่าง ๆ ESM ช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนและยกระดับคุณภาพของบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการใช้กระบวนการที่เป็นมาตรฐาน รายการบริการที่ชัดเจน (Service Catalogs) และข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLAs) ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ESM ช่วยสร้างความสอดคล้องในการให้บริการระหว่างแผนกต่าง ๆ เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว เชื่อถือได้ และตรงเวลา นอกจากนี้ ESM ยังส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างแผนกที่มีหน้าที่ต่างกัน ยกระดับการสื่อสารระหว่างทีม ช่วยให้เกิดการแบ่งปันความรู้ ประสานงาน และสร้างความสอดคล้องในเป้าหมายองค์กร  การรวมศูนย์กระบวนการจัดการบริการขององค์กรไว้ในแพลตฟอร์ม ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและติดตามบริการต่าง ๆ ได้อีกด้วย องค์ประกอบของ Enterprise Service Management (ESM) มีอะไรบ้าง? องค์ประกอบของ ESM ประกอบด้วยกระบวนการที่สำคัญในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร ดังนี้ 1. การจัดการรายการบริการ (Service Catalog Management) รายการบริการ (Service Catalog)...

Continue reading

Gemini for AppSheet สร้างแอปองค์กรด้วย AI ใน 1 นาที

อยากมีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การทำงานในองค์กรของคุณง่ายขึ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน? นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป! ถ้าได้ลองใช้ AppSheet แพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องเขียนโค้ด (No-code) ให้คุณสร้างแอปได้ง่ายๆ แค่ไม่กี่คลิก ไม่ต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรมก็ทำได้แน่นอน และสิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างแอปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นไปอีกขั้นก็คือ Gemini – AI อัจฉริยะจาก Google ซึ่ง Gemini จะเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะของคุณตั้งแต่เริ่มต้น เพียงแค่คุณบอกความต้องการ แอปพลิเคชันที่คุณคิดไว้ก็จะใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกแบบหน้าตาแอป ฟังก์ชันการทำงาน หรือแม้แต่การจัดการข้อมูลซับซ้อน Gemini ก็ช่วยให้คุณสร้างแอปที่ตอบโจทย์การทำงานในองค์กรได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วิธีการสร้างแอปด้วย Gemini ใน AppSheet มาดูกันว่าการใช้ Gemini ใน AppSheet เพื่อสร้างแอปสำหรับ “บันทึกการเข้า-ออกงานของพนักงานในองค์กร” จะช่วยให้กระบวนการพัฒนาแอปของคุณรวดเร็วและง่ายดายขึ้นได้อย่างไร ลองทำตามกันได้เลย ไปที่ AppSheet.com และเข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย  จากนั้น ไปที่ Create > App > Start with Gemini พิมพ์พร้อมพ์ที่แสดงความต้องการของแอปที่จะสร้างลงไป โดยตัวอย่างพร้อมพ์ของแอปที่จะสร้างก็คือ  “สร้างแอป AppSheet สำหรับบันทึกเวลาเข้า-ออกงานของพนักงานประจำวัน ต้องการฟิลด์ข้อมูลดังนี้: รหัสพนักงาน: (Unique ID) ชื่อ-นามสกุล: (ดึงจากข้อมูลพนักงาน หรือกรอกเอง) วันที่: (อัตโนมัติ) เวลาเข้างาน: (อัตโนมัติเมื่อกด Check-in) เวลาเลิกงาน: (อัตโนมัติเมื่อกด Check-out) สถานะ: (เช่น ‘มาทำงาน’, ‘ลา’, ‘ขาด’) หมายเหตุ: (ถ้ามี) ให้มีหน้าจอหลักสำหรับพนักงานแต่ละคนกด ‘Check-in’ และ ‘Check-out’ และมีหน้าจอแยกสำหรับผู้ดูแลระบบดูรายงานการเข้างานทั้งหมดได้ พร้อมฟังก์ชันค้นหาตามชื่อพนักงานหรือวันที่” เมื่อพิมพ์พร้อมพ์เสร็จแล้ว Gemini จะร่างโครงสร้าง (Structure) ขึ้นมาพร้อมกับ Preview ให้ดูว่าสิ่งที่เราพิมพ์พร้อมพ์ไปนั้นจะกลายเป็นแอปที่มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะทำผิด เพราะคุณสามารถเพิ่มเติมและแก้ไขได้ หรือสามารถคลิกที่ Start over เพื่อทำการป้อนพร้อมพ์ใหม่ได้ จนกว่าจะได้แอปที่คุณต้องการ 4. คลิก...

Continue reading

เพิ่มสปีดการทำงานกับ Asana ให้รวดเร็วด้วย Keyboard Shortcuts!

สำหรับลูกค้าและผู้ใช้งาน Asana ทุกคน..คุณเคยใช้เวลาคลิกเมาส์ไปมาใน Asana แล้วรู้สึกว่าน่าจะมีวิธีที่เร็วและคล่องตัวกว่านี้ไหม? ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ เรามีข่าวดี! ด้วยฟีเจอร์ Keyboard Shortcuts คุณสามารถยกระดับการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ประหยัดเวลา ลองใช้คีย์ลัดเหล่านี้ดู แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนได้เพิ่มพลังให้กับการจัดการโปรเจกต์และงานแบบมืออาชีพเลยทีเดียว ทำไมต้องใช้ Keyboard Shortcuts? รวดเร็วทันใจ: ลดเวลาที่เสียไปกับการเลื่อนหาเมนูและคลิกเมาส์ ทำงานลื่นไหล: สลับการทำงานระหว่างส่วนต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว ไม่มีสะดุด ดูเป็นมือโปร: ใคร ๆ ก็อยากทำงานกับคนที่ใช้เครื่องมือได้อย่างชำนาญใช่ไหมล่ะ? 5 Keyboard Shortcuts สุดฮิตสำหรับ Asana ที่ต้องรู้! เริ่มต้นใช้งาน Asana อย่างมืออาชีพด้วย 5 คีย์ลัดยอดนิยมเหล่านี้ Tab + Q: เพิ่มงานด่วน (Quick Add task) Tab + N: สร้าง Section ใหม่ Tab + /: ค้นหา (Search) Tab + F: เพิ่มผู้ติดตาม (Add follower) Tab + X: เข้าสู่โหมดโฟกัส (Focus mode) เราจัดหมวดหมู่คีย์ลัดอื่น ๆ ที่น่าสนใจมาให้แล้ว! การจัดการ Task (Task Actions & Tasks) Tab + Q: เพิ่ม Task ด่วน Tab + N: สร้าง Section ใหม่ Tab + BKSP: ลบ Task ที่เลือก Shift + ↑...

Continue reading

SME ต้องรู้ ! 5 วิธีใช้ Google Drive ช่วยค้นหาและจัดการเอกสารธุรกิจแบบมือโปร

Google Drive เครื่องมือจัดการไฟล์ยอดนิยมของธุรกิจทั่วโลก เพราะนอกจากความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud แล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ และทำงานได้อย่างสะดวกจากทุกที่ทุกเวลา  หากคุณเป็น SME ที่มีการใช้งาน Google Drive อยู่แล้ว แต่เพียงใช้ Google Drive เพื่อจัดเก็บไฟล์เท่านั้น ไม่มีการใช้ฟังก์ชันอื่นเลย วันนี้ Demeter ICT จะพาคุณมาทำความรู้จักฟังก์ชันต่าง ๆ บน Google Drive เพื่อนำไปสร้างประโยชน์และจัดการธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ ใช้แล้วชีวิตการทำงานของคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ! 1. สรุปโฟลเดอร์และไฟล์ด้วย Gemini ใน Google Drive เมื่อคุณจัดเก็บข้อมูลใน Google Drive คุณจำได้หรือไม่ว่าในแต่ละโฟลเดอร์นั้นเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ? ข้อมูลที่คุณต้องการอยู่ในไฟล์ไหน ? ตอนนี้คุณกำลังเปิดทีละไฟล์เพื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดอยู่หรือไม่ ? และใช้เวลานานกี่ชั่วโมง ? ด้วย Gemini ใน Google Drive คุณจะไม่ต้องเสียเวลาแบบนั้นอีกต่อไป เพียงแค่คุณคลิก Summarize this folder เพื่อสรุปข้อมูลคร่าว ๆ ให้คุณเห็นภาพรวมของข้อมูลทั้งหมดและรู้ว่าในโฟลเดอร์มีข้อมูลที่คุณต้องการจะค้นหาหรือไม่  และหากคุณรู้แล้วว่าในโฟลเดอร์มีข้อมูลที่คุณต้องการ ให้คุณคลิกไปที่ไฟล์นั้นเพื่อค้นหาแบบเจาะลึกมากขึ้น จากนั้นพิมพ์ Prompt ที่ Gemini ใน Side Panel เพื่อค้นหาข้อมูล เช่น “ค้นหาและสรุปข้อมูลค่าใช้จ่ายของทีมจัดซื้อในเดือนเมษายน ปี 2025” เป็นต้น ซึ่งการใช้ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการสรุปข้อมูลได้เยอะมากเลยทีเดียว 2. ค้นหาไฟล์ที่ต้องการด้วย Gemini ใน Google Drive หากคุณต้องการค้นหาไฟล์จากข้อมูลทั้งหมดที่มีใน Google Drive แต่คุณดันจำชื่อไฟล์ไม่ได้ คุณสามารถค้นหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่าย ๆ ด้วย Gemini ที่ Side Panel จากนั้นพิมพ์ Keywords หรือข้อมูลสำคัญที่คุณพอจะนึกออกลงไป เช่น “ค้นหาไฟล์แคมเปญการตลาดที่อัปเดตล่าสุดจากแบรนด์...

Continue reading

Work Management คืออะไร? กุญแจสำคัญของการทำงานยุคใหม่ที่ทุกทีมต้องรู้จัก

การบริหารจัดการงานในองค์กรทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการมอบหมายงานหรือจัดการโปรเจกต์ของตัวเองอีกต่อไป แต่ต้องรวมถึงการประสานงานระหว่างทีม การวางโครงสร้างเวิร์กโฟลว์ให้เป็นไปอย่างลื่นไหลและการสื่อสารที่เรียลไทม์ ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำงานในยุคปัจจุบัน หลาย ๆ องค์กรจึงเริ่มมองหาเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ทีมทำงานได้ง่ายขึ้น เป็นระบบมากขึ้นและลดการทำงานซ้ำซ้อนให้น้อยลง ดังนั้นหนึ่งในเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นคือระบบ “Work Management” ทำความรู้จัก Work Management คืออะไร? Work Management คือ กระบวนการจัดการงานในภาพรวมให้เป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์ งานที่ต้องทำเป็นประจำ หรือกระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป้าหมายของการทำ Work Management คือทำให้ทุกคนในทีมหรือผู้ที่เกี่ยวข้องรู้ว่า “ใครต้องทำอะไร กำลังทำอะไร ทำเมื่อไร และทำอย่างไร” เพราะฉะนั้นการทำ Work Management จึงไม่ใช่แค่การจัดการงาน แต่เป็นการผสานคนกับงานในทุกระดับขององค์กร เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลที่จำเป็นตรงกันและพร้อมเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้อย่างมั่นใจ Work Management vs Project Management ต่างกันอย่างไร? หลาย ๆ คนอาจจะกำลังสับสนว่าทั้งสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร? แม้ว่าอาจจะมีบางมิติที่คล้ายกัน แต่ Work Management และ Project Management มีขอบเขตที่ต่างกันอย่างชัดเจนดังนี้ Work Management คือ การจัดการงานที่ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการทำงานของแต่ละงานให้เป็นระบบ การวางแผนและการสื่อสารกับทีม เพื่อให้การทำงานระหว่างทีมต่าง ๆ (Cross-functional) เป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด Project Management คือ การจัดการโปรเจกต์และภาพรวมตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนสิ้นสุดของโปรเจกต์นั้น ๆ เท่านั้น เช่น การวางไทม์ไลน์, การทำ to-do list, การประเมินทรัพยากรที่มี, จัดลำดับขั้นตอนและความสำคัญของงาน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ 3 องค์ประกอบสำคัญของการทำ Work Management ให้ได้ผลจริง การจัดการงานในทีมไม่ใช่แค่การตั้งเดดไลน์หรือมอบหมายงานเท่านั้น แต่ต้องมี “ระบบ” ที่ทำให้ทุกคนทำงานร่วมกันได้อย่างลื่นไหล ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ 3 องค์ประกอบนี้: 1. การสื่อสาร (Communication) การทำงานร่วมกันต้องเริ่มจากการสื่อสารที่ดี แต่ในยุคที่เรามีแชท อีเมล วิดีโอคอลเต็มไปหมด สิ่งสำคัญคือการตกลงให้ชัดว่า จะใช้เครื่องมือไหนกับเรื่องอะไร...

Continue reading

แจก 10 ตัวอย่าง เทมเพลตแชทบอทสุดปัง ช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจเรื่องเทมเพลตแชทบอทกันก่อน เทมเพลตแชทบอท คืออะไร? (Chatbot Template) เทมเพลตแชทบอท คือระบบบทสนทนาแบบสำเร็จรูปที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อนำพาลูกค้าไปยังเป้าหมายหรือการกระทำต่าง ๆ โดยใช้ AI เทมเพลตแชทบอทเหล่านี้เหมือนแนวทางที่ช่วยให้คุณไม่ต้องออกแบบเส้นทางบอทใหม่ตั้งแต่ศูนย์ และยังสามารถปรับแต่งให้ตรงตามสไตล์ของธุรกิจ ทั้งโทนเสียงและเนื้อหา ไม่ว่าคุณจะต้องการตั้งค่าแชทบอทให้ตอบคำถามลูกค้า รับสมัครพนักงานใหม่ หรือติดตามออร์เดอร์ เทมเพลตเหล่านี้ก็เปรียบเหมือน “หมวกหลากใบ” ที่แชทบอทของคุณสามารถสวมใส่ได้ ยิ่งมีหมวกมาก งานก็ยิ่งหลากหลายและอัตโนมัติขึ้น Zendesk ซอฟต์แวร์บริการและสร้างประสบการณ์ลูกค้าชั้นนำของโลกได้รวบรวมตัวอย่างเทมเพลตแชทบอทยอดนิยม ซึ่งในบทความนี้เราก็ขอนำมาแชร์ให้ทุกท่านได้อ่านกัน เทมเพลตแชทบอทสำหรับฝ่ายบริการลูกค้า แชทบอทในการบริการลูกค้า ช่วยให้ทีมบริการลูกค้าของคุณจัดการคำถามลูกค้าบางประเภทได้ โดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่มนุษย์เข้ามาช่วยเหลือ นอกจากนี้ แชทบอทบริการลูกค้ายังสามารถ รวบรวมข้อมูลสำคัญเบื้องต้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ 1. เทมเพลตการโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ ให้ลูกค้าเลือกคุยกับคนจริงได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ให้ลูกค้ามีทางเลือกที่จะคุยกับเจ้าหน้าที่มนุษย์เมื่อสถานการณ์ละเอียดอ่อน หรือกรณีที่ลูกค้าต้องการคุยกับคนจริง ๆ เทมเพลตนี้ช่วยให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับตัวแทนฝ่ายบริการได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกจากหน้าต่างแชท 2. เทมเพลตความพึงพอใจของลูกค้า ฟังเสียงลูกค้าและพัฒนาการบริการไปพร้อมกัน หลังจบบริการ แชทบอทสามารถส่งแบบสอบถามสั้น ๆ เพื่อวัดความพึงพอใจของลูกค้าโดยอัตโนมัติ เทมเพลตนี้ช่วยให้คุณเก็บฟีดแบ็ก (Feedback) ได้ง่ายและต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ารู้ว่าความเห็นของพวกเขามีค่า พร้อมช่วยคุณพัฒนา CX (Customer Experience) ได้อย่างตรงจุด 3. เทมเพลตสำรวจคะแนน NPS (Net Promoter Score) วัดความภักดีของลูกค้าด้วยแชทบอท NPS คือดัชนียอดนิยมที่ใช้วัดว่าลูกค้าของคุณมีแนวโน้มที่จะแนะนำแบรนด์ของคุณหรือไม่ เทมเพลตนี้ช่วยให้คุณส่งแบบสอบถาม NPS โดยอัตโนมัติ ปล่อยให้แชทบอทเก็บข้อมูลไป ส่วนเจ้าหน้าที่ก็มีเวลารับมือกับเคสสำคัญมากขึ้น 4. เทมเพลตแจ้งข่าวสารและอัปเดต กระจายข่าวใหม่ให้ลูกค้าทราบผ่านแชท ไม่ว่าคุณจะอยากเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่หรือมีโปรโมชันล่าสุดอยากนำเสนอ เทมเพลตนี้ช่วยให้คุณแจ้งข่าวสารให้กับผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ ผ่านแชทบอท 5. เทมเพลตเก็บข้อมูลเมื่อลูกค้าติดต่อช่วงนอกเวลา ธุรกิจไปต่อได้ แม้เจ้าหน้าที่ไม่อยู่ ถึงแม้แชทบอทจะทำงาน 24/7 ได้ แต่บางครั้งลูกค้าอาจต้องการคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง เทมเพลตนี้ช่วยเก็บข้อมูลสำคัญในช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ พร้อมส่งต่อให้ทีมบริการลูกค้าเมื่อลงชื่อเข้าระบบอีกครั้ง เทมเพลตแชทบอทสำหรับฝ่ายขาย แชทบอท AI เป็นเหมือนผู้ช่วยมือหนึ่งในทุกช่วงของกระบวนการขาย ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามเบื้องต้น ไปจนถึงการช่วยขายแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ทีมเซลส์มีเวลาโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า...

Continue reading

คลิกเดียวจบ! สร้าง Mind Map จากข้อมูลมหาศาลง่าย ๆ ด้วย NotebookLM

พบกับฟีเจอร์ใหม่จาก NotebookLM ที่จะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจนั้นง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาอ่านเอกสาร ไม่ต้องนั่งทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมดด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้ฟีเจอร์ Mind Map ก็สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการและทำความเข้าใจภาพรวมของเนื้อหาได้ภายในพริบตา  วิธีการใช้ฟีเจอร์ Mind Map ใน NotebookLM อัปโหลดไฟล์ 2. คลิกเครื่องหมายถูกเพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการใช้ในการวิเคราะห์ที่แท็บด้านซ้าย 3. กดปุ่มสร้าง Mind Map 4. ไปที่หน้าต่างด้านขวาล่างเพื่อเรียกดู Mind Map ที่สร้างเสร็จแล้ว 5. กดหัวข้อที่ต้องการดูข้อมูล 6. หากต้องการบันทึกเป็นรูปภาพ คลิกที่มุมบนด้านขวา นอกจากนี้ NotebookLM ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกมากมาย เช่น ข้อความ ไทม์ไลน์ และเสียง (Interactive Mode) เป็นต้น  คุณสามารถทำความรู้จัก NotebookLM เพิ่มเติมได้ที่บทความด้านล่างนี้ หรือหากคุณต้องการใช้ NotebookLM Pro เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์แบบเต็มรูปแบบมากขึ้น ติดต่อ Demeter ICT ได้ที่Email: sales@dmitco.th  Facebook: Demeter ICT และ Line: @dmit (มี@) ต้องการทดลองใช้งาน NotebookLM คลิก...

Exclusive Workshop: Building a Collaborative Task Manager with AppSheet & Google Workspace 

ลงทะเบียนรับสิทธิ์เข้าร่วม ถึงเวลาอัปเกรด AppSheet ให้กลายเป็นแอป Task Manager ที่จะเปลี่ยนวิธีจัดการงานของคุณให้ง่ายขึ้น !   ในบริบทของการทำงานร่วมกันในปัจจุบัน การมีเครื่องมือที่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการจัดการงานต่างๆ ได้อย่างราบรื่นถือเป็นหัวใจสำคัญ องค์กรต่างๆ มองหาแนวทางอย่างต่อเนื่องในการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการพัฒนาเครื่องมือที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจง ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญต่อกระบวนการทำงานและการลดต้นทุนของบริษัท Demeter ICT เล็งเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จาก AppSheet ในฐานะแพลตฟอร์มพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ No-Code ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับ Google Workspace (Calendar, Sheets, Drive และ Gmail) ผสานการทำงานได้อย่างไร้รอยต่อในการสร้างแอป Task Manager ได้อย่างลงตัว ที่จะทำให้คุณสามารถจัดการ Task ทั้งหมดได้ในแอปเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น การสร้าง Task การติดตามงาน การอัปโหลดและแนบไฟล์ที่เกี่ยวข้อง การตั้งค่าการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาดทุกกำหนดการสำคัญ รวมถึงการแจ้งเตือนงานที่สำเร็จแล้วไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทันที โดยทั้งหมดนี้ คุณสามารถจัดการบนแอปพลิเคชัน AppSheet ได้เพียงที่เดียวเท่านั้น ! พบกับงาน “ Exclusive Workshop: Building a Collaborative Task Manager with AppSheet & Google Workspace” คลาสสอนสดสุด Exclusive โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน AppSheet ของ Demeter ICT ที่จะมาถ่ายทอดเคล็ดลับและพาคุณลงมือสร้างแอปพลิเคชันจริงแบบจับมือทำทีละขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถทำตามได้จริง พร้อมแชร์กรณีศึกษาจริงของธุรกิจต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ AppSheet มาเปลี่ยนเครื่องมือ AppSheet ที่คุณมีอยู่ให้คุ้มค่า โดยไม่ต้องลงทุนกับแอปจัดการงานอื่นๆ  ให้กลายเป็นแอป Task Manager ทรงพลัง ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะของทีมคุณ ไม่เพียงแต่จัดการงานได้อย่างอยู่หมัด ลดความผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน แต่ยังเป็นรากฐานให้คุณต่อยอดฟังก์ชันอีกมากมายในอนาคต เช่น ระบบอนุมัติงาน หรือการติดตามความคืบหน้าของโปรเจกต์ มาเริ่มต้นสร้างแอปพลิเคชันที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของคุณ เพื่อปลดล็อกศักยภาพการทำงานร่วมกันของทีมอย่างแท้จริงกันเลย ! ใน Workshop นี้ คุณจะได้เรียนรู้: การเชื่อมต่อ Task จาก...

Continue reading