Integrated Line OA with Braze

Braze x LINE OA ปลดล็อกศักยภาพทางการตลาดไปอีกขั้นผ่าน LINE ด้วย Braze ได้แล้วตอนนี้!

ในฐานะนักการตลาด คงรู้กันดีว่าการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้งานบ่อยมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ระดับโลกที่ต้องปรับตัวตามช่องทางที่มีความนิยมต่างกันในแต่ละประเทศ ถ้าพูดถึงประเทศในแถบเอเชีย LINE ก็เป็นแอปส่งข้อความยอดนิยมทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ซึ่ง LINE ไม่ได้มองแค่ว่าตัวเองนั้นเป็นแค่แอปส่งข้อความ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน ที่รวมทั้งการช้อปปิ้ง เล่นเกม ชำระเงิน และการติดตามแบรนด์ที่ชื่นชอบ โดย LINE มีเป้าหมายที่จะเป็น   “โครงสร้างพื้นฐานในชีวิต” ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมงและตลอด 365 วัน โดย Braze แพลตฟอร์มด้านการสร้าง Customer Engagement ได้มองเห็นถึงความสำคัญในการทำการตลาดผ่านช่องทาง LINE ในประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุด! Braze ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าตอนนี้ Braze สามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้แล้ว! การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในการส่งข้อความผ่านช่องทางแชทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย มาดูกันว่า Braze และ LINE OA สามารถทำอะไรร่วมกันได้บ้าง? สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าผ่านมือถือด้วย Braze และ LINE Braze ตั้งใจช่วยให้แบรนด์เติบโตด้วยการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจและมีคุณค่าในทุกการเดินทางของลูกค้า ผ่านช่องทางที่ลูกค้าชื่นชอบ นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลของตัวเองที่เก็บมาในการส่งข้อความที่น่าสนใจและเฉพาะบุคคล (Personalization) พร้อมเชื่อมโยงประสบการณ์ผ่าน LINE เข้ากับช่องทางการตลาดอื่น ๆ ให้ต่อเนื่องและสอดคล้องกัน 1. ตั้งค่าและขยายการตลาดบน LINE ได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยเครื่องมือที่สามารถตั้งค่าได้รวดเร็วและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย Braze ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อบัญชีเข้ากับ LINE ได้ทันที และสร้างแคมเปญได้อย่างง่ายดายด้วยการสร้างเทมเพลตพร้อมใส่ข้อความที่ต้องการและปรับแต่งเนื้อหาตามกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอิสระ นักการตลาดสามารถจัดการเพื่อนบน LINE ได้สะดวก สามารถอัปเดตและดูสถานะของลูกค้าได้ว่าใครสมัครรับข่าวสารบ้างหรือใครยังไม่ได้ยืนยันการสมัครสมาชิกเป็นต้น 2. สร้างความสัมพันธ์ด้วยการส่งข้อความที่ตรงใจลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ ลูกค้าที่ใช้ LINE คาดหวังให้แบรนด์มีการสื่อสารที่น่าสนใจเหมือนคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว ด้วย Braze แบรนด์ต่าง ๆ สามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อส่งข้อความที่ตรงใจผ่านเนื้อหาแบบเฉพาะบุคคล เช่น คำแนะนำสินค้า โปรโมชัน คะแนนสะสม และการแจ้งเตือน และ Braze ยังช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลต่าง ๆ เช่น...

Continue reading
AI Marketing

AI Marketing ยกระดับกลยุทธ์การตลาดจากปัญญาประดิษฐ์

AI (Artificial Intelligence) หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ เป็นสิ่งผู้คนกำลังให้ความสนใจและค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์ เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ถูกพัฒนาให้สามารถให้เหตุผล เรียนรู้ และดำเนินการได้ด้วยตนเอง ทำให้ AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากในเรื่องของการทำงาน การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากมาย และหนึ่งในนั้นคือ AI ที่ช่วยในด้านการทำการตลาด ที่เรียกว่า AI Marketing นั่นเอง AI Marketing คืออะไร? AI Marketing คือ การนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำการตลาดและช่วยในการตัดสินใจตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ ไปจนถึงเรื่องที่ซับซ้อน โดยอิงจากการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสังเกตกลุ่มเป้าหมายหรือแนวโน้มทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่าง ๆ AI Marketing ยังช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาด โดยการเก็บข้อมูลจากแคมเปญการตลาดที่เราส่งออกไปหาลูกค้า เช่น การปรับแต่งข้อความให้เหมาะสม การเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับแคมเปญการตลาด การคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้า ช่วยให้นักการตลาดประหยัดเวลาในบางส่วนลงและบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น AI Marketing สามารถช่วยขับเคลื่อนการตลาดส่วนไหนได้บ้าง? จากผลสำรวจคาดการณ์ว่า AI จะช่วยขับเคลื่อนการตลาดและเศรษฐกิจโลกโดยรวม 45% ภายในปี 2030 ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้หลายวิธี จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน! 1. Personalization (การปรับแต่งที่เฉพาะตัว) AI สามารถปรับแต่งข้อความทางการตลาด เนื้อหา และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย (Personalized) ซึ่งสามารถทำได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อสินค้าในอดีต พฤติกรรมบนเว็บไซต์และกิจกรรมต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดีย 2. Automation (การทำงานอัตโนมัติ) AI สามารถสร้างกระบวนการทำงานของการตลาดแบบอัตโนมัติ (Marketing Automation) ได้หลายอย่าง เช่น การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing), การตลาดบนช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing) รวมถึง การจัดการโฆษณา (Ad Management) ซึ่งสามารถช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้กับทีมการตลาด โดยไปมุ่งเน้นกับการสร้างกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น 3. Prediction (การทำนาย) AI สามารถใช้เพื่อทำนายพฤติกรรมและระบุแนวโน้มของลูกค้าจากการเก็บข้อมูลโดยรวมทั้งหมด...

Continue reading
What is Personalized Marketing

Personalized Marketing การตลาดที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

มีผลสำรวจจาก Mckinsey & Company Report ออกมาว่าการทำการตลาดแบบ Personalized Marketing ส่งผลให้ลูกค้าถึง 78% มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหลังจากได้รับคำแนะนำแบบเฉพาะตัว และกว่า 80% จะแนะนำแบรนด์ที่สร้างความ Personalized ให้กับครอบครัวและคนรู้จักของพวกเขา แล้วคุณรู้จักการทำการตลาดแบบ Personalized Marketing ดีแล้วหรือยัง? บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับคำว่า Personalized Marketing ให้ดียิ่งขึ้น เริ่มจาก.. กลยุทธ์ Personalized Marketing คืออะไร? การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing หรือ Personalization คือ การตลาดแบบเฉพาะบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยการรวบรวมข้อมูล โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ เพื่อให้นักการตลาดสามารถมอบประสบการณ์ทางการตลาดที่ตรงใจและเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มมากที่สุด การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing ไม่เพียงเป็นเครื่องมือที่ช่วยทีมการตลาดเท่านั้น แต่ยังช่วยธุรกิจในการลดต้นทุนในด้านการตลาดโดยไม่ต้องเสียเงินไปกับการตลาดที่ไม่ได้ผลและไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และยังช่วยลดโอกาสในการสูญเสียลูกค้าไปอีกด้วย จากผลสำรวจพบว่ากว่า 63% ของลูกค้ารู้สึกรำคาญและเบื่อหน่ายการตลาดที่นำเสนอข้อความโฆษณาแบบซ้ำ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่การที่ธุรกิจจะทำ Personalized Marketing ได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมืออย่าง Martech เข้ามาช่วย เพราะถ้าให้ทีมการตลาดมาจัดการ Monitor ข้อมูลลูกค้าแต่ละคนคงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งแพลตฟอร์ม Braze ก็เป็นหนึ่งใน Martech Platform ที่สามารถช่วยให้คุณทำ Personalized Marketing ง่ายดายยิ่งขึ้น การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing มีกี่ประเภท? การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing มีทั้งหมด 4 ประเภทดังนี้  Segmentation (การแบ่งกลุ่มลูกค้า)  1-1 Product Recommendation (การแนะนำสินค้าแบบ 1-1)  Dynamic Content (การปรับคอนเทนต์ให้เหมาะสม)  Personalized Email Marketing (อีเมลการตลาดที่เฉพาะตัว) 1. Segmentation (การแบ่งกลุ่มลูกค้า) การแบ่งกลุ่มของลูกค้าออกเป็นหลาย ๆ...

Continue reading

Martech โซลูชันที่ตอบโจทย์นักการตลาดยุคดิจิทัล

Martech หรือ Marketing Technology เป็นหนึ่งในคีย์เวิร์ดที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มนักการตลาดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับโลกของดิจิทัลด้วยตัวเร่งที่มีชื่อว่า ‘โควิด-19’ ดังนั้นการที่นักการตลาดจะทำการตลาดที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปได้นั้น จำเป็นที่จะต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยควบคู่กันไปจึงได้เกิดคีย์เวิร์ด Martech (Marketing Technology) ขึ้น MARTECH (Marketing Technology) คืออะไร? Martech หรือ Marketing Technology คือ คำที่หมายถึงการผสมผสานระหว่างการตลาดและเทคโนโลยี เป็นตัวแทนของเครื่องมือ แพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีที่นักการตลาดใช้ในการวางแผน ดำเนินการ และวิเคราะห์การตลาดของตัวเอง หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วพวกคุณก็อาจจะเคยใช้ Martech มาก่อน เพราะหากคุณเคยใช้ Facebook Ads, Google Ads, Line OA และอื่น ๆ แสดงว่าคุณเคยใช้ Martech กันมาบ้างแล้ว เพราะโซลูชันทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็จัดเป็น Martech เช่นกัน โดยในตลาดของ Martech ได้มีการแบ่ง Martech ออกเป็น 6 ประเภทหลัก ๆ ตามจุดประสงค์และเป้าหมายที่นักการตลาดจะนำ Martech ไปใช้ ดังนี้ Advertising & Promotion ใช้ในการทำโฆษณาเพื่อส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ Content & Experience ใช้ในการสร้างคอนเทนต์และประสบการณ์ของลูกค้าบนโลกออนไลน์ Social & Relationship ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าบนโลกออนไลน์ Commerce & Sales ใช้ในการสร้างธุรกิจ eCommerce และการเพิ่มยอดขาย Data ใช้ในการจัดการและจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า Management ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการกระบวนการทำงาน MARTECH ช่วยตอบโจทย์นักการตลาดยุคดิจิทัลอย่างไร? 1. ตัวช่วยในการรับมือพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนผู้บริโภคที่เชื่อมเข้าสู่โลกดิจิทัลนั้นเพิ่มขึ้นมหาศาล Martech ช่วยให้ทีมการตลาดและธุรกิจสามารถปรับตัวและเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการโฆษณาสินค้าหรือโปรโมชันบนช่องทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน การเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า หรือแม้กระทั่งเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ 2....

Continue reading

Braze กลยุทธ์ที่ Burger King เลือกใช้ในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชันถึง 3.2 ล้านบัญชี

ร้านอาหารประเภท Quick Service Restaurant (QSR) หรือที่ประเทศไทยเราเรียกกันว่า ‘อาหารฟาสต์ฟู้ด’ นั้น มีการแข่งขันที่สูงมาโดยตลอดทั้งในอดีตจนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในตลาดและแบรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน ยิ่งถ้าเรากำลังพูดถึงประเทศอเมริกาแล้วล่ะก็..เรียกได้ว่า ดินแดนของอาหารฟาสต์ฟู้ดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แคมเปญการตลาดและโฆษณาที่โดดเด่นจึงเข้ามามีบทบาทมากในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าและเพื่อการส่งเสริมการขายในประเทศอเมริกา คุณคงมักจะเคยได้ยินการต่อสู้ของแคมเปญการตลาดและโฆษณาระหว่าง Burger King และ McDonald’s มาโดยตลอด  ภาพจาก : Shutterstock ซึ่งวันนี้เราก็จะมาเล่าถึงอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทาง Burger King ได้นำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาผสานเข้ากับแคมเปญการตลาดที่แปลกใหม่เพื่อมาสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง McDonald’s จนประสบผลสำเร็จอย่างมหาศาล กวาดผู้ใช้งานใหม่บนแอปมือถือกว่า 3.2 ล้านบัญชี พวกเขาทำได้อย่างไรกันนะ? ไปดูกันเลย กลยุทธ์ทางการตลาดที่ Burger King ใช้ Burger King ได้จับมือกับเอเจนซีครีเอทีฟพาร์ทเนอร์ FCB NY คิดแคมเปญที่มีชื่อว่า “Whopper Detour” คือ แจก Whoppers ให้กับลูกค้าเพียงราคา 1 cent (25 สตางค์) แต่เฉพาะในกรณีที่พวกเขาเปิดแอป Burger King บนมือถือและต้องอยู่ใกล้ร้าน McDonald’s ภายในระยะ 600 ฟุต โดยแคมเปญนี้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยสนับสนุนในการส่งข้อความเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่แข็งแกร่ง การสร้าง ROI ที่ยอดเยี่ยมและการระบุตำแหน่งของลูกค้า ซึ่ง“Whopper Detour” นั้นใช้ประโยชน์จาก Geofencing และการส่งข้อความแบบ Cross-Channel เพื่อเปลี่ยนเกมจากสถานที่ของคู่แข่งจำนวนกว่า 14,000 แห่ง สู่การเป็นสถานที่ในการส่งเสริมการขายให้กับ Burger King แทน Braze เทคโนโลยีที่ Burger King เลือกใช้ Burger King เลือกใช้แพลตฟอร์ม Braze เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ ‘Whopper Detour’ นี้ ซึ่งเป็นระบบที่ครอบคลุมทั้งการส่งข้อความส่วนตัวให้กับลูกค้าในหลายช่องทาง (Multichannel) ที่รวมถึงการส่ง Email, การทำ Push Notification...

Continue reading