นักการตลาดออนไลน์ทุกท่านเคยคิดเหมือนกันไหมครับ? ว่าการตลาดออนไลน์นั้นเป็นสิ่งที่มีความละเอียดอ่อนเยอะกว่าออฟไลน์เป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าคุณเป็นธุรกิจ B2C ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดลูกค้า การสร้างปฏิสัมพันธ์ การลงคอนเทนต์โฆษณาที่หลากหลายเพื่อหาลูกค้าใหม่ การเก็บข้อมูลและแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นจำนวนมากหรือการรักษาลูกค้าเก่าของคุณเอง ซึ่งในทุก ๆ รายละเอียดของการทำงานต้องใช้ทั้งแรงงาน เงินและเวลาเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดเครื่องมือที่มีชื่อว่า ‘Marketing Automation’ หรือแปลตรง ๆ ก็คือ การตลาดแบบอัตโนมัติ Marketing Automation คืออะไร? Marketing Automation คือ เครื่องมือที่จะช่วยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานทางการตลาดในส่วนงานที่มักจะใช้เวลานานและยุ่งยากให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้น้อยลงทั้งแรงงาน เงินและเวลา โดยจุดประสงค์หลัก ๆ ของการมี Marketing Automation นั้นมีอยู่ 2 ประการ สำหรับนักการตลาด – Marketing Automation ทำให้กระบวนการ Back-end ของการทำการตลาดง่ายขึ้น เช่น การตั้งค่าโปรไฟล์ลูกค้า, การแบ่ง Segment ของลูกค้า, การสร้างแคมเปญการตลาด, การทดสอบ (A/B Testing), การเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าและการสร้าง Report สำหรับลูกค้า – Marketing Automation ช่วยสร้างการสื่อสารที่คล่องตัวในการส่งข้อความบนช่องทางที่ลูกค้าชื่นชอบและสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะตัวกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ทำไม Marketing Automation ถึงเหมาะกับธุรกิจ B2C ? ด้วยธุรกิจแบบ B2C นั้นมักจะมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็จะตามมาด้วยความต้องการที่หลากหลายคนนี้ต้องการแบบนี้ อีกคนอาจจะต้องการอีกแบบนึง ดังนั้นการที่จะให้นักการตลาดมาโฟกัสความต้องการของลูกค้าทุกคนนั้นคงเป็นไปได้ยาก หรือถ้าเป็นไปได้นักการตลาดคงต้องทำงานกันอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว ถ้าไม่มีเครื่องมือ Marketing Automation เข้ามาช่วยเหลือ หากลองสังเกตดี ๆ แล้ว Marketing Automation ไม่เพียงช่วยแค่นักการตลาดเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงทีมขายอีกด้วย เพราะ Marketing Automation จะช่วยระบุคนที่มีโอกาสมาเป็นลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเบื้องต้น ทำให้ทีมขายสามารถปิดการขายได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยระบบของ Marketing Automation สามารถแสดงให้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ด้วยวิธีการติดตามพฤติกรรม เช่น การติดตามเส้นทางของผู้ใช้ผ่านเว็บไซต์ของคุณ (Customer Journey) จึงช่วยให้ทีมการตลาดของคุณเข้าใจความสนใจของลูกค้าได้...
Continue readingเผยกลยุทธ์ Customer Engagement คืออะไร? สำคัญกับทีมการตลาดและธุรกิจ B2C อย่างไร?
Customer Engagement คืออะไร? Customer Engagement หรือการมีส่วนร่วมของลูกค้า คือ การกระทำหรือกิจกรรมทั้งหมดตั้งแต่ก่อนซื้อ ตอนซื้อและหลังซื้อที่ธุรกิจใช้เพื่อการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเอาไว้ เพราะการสร้าง Customer Engagement นั้นเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจเพราะการที่ธุรกิจมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้านั้น จะส่งผลดีต่อการรับรู้แบรนด์ (Brand Perception) ไม่ว่าเราจะมีกิจกรรมอะไรลูกค้าก็จะคอยสนับสนุนอยู่เสมอและสามารถเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ลูกค้านึกถึง (Top of Mind) ได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งในตลาดต่อไปได้อย่างยั่งยืน ยากที่จะมีคู่แข่งหรือธุรกิจที่มีสินค้าคล้าย ๆ กันจะตามได้ทัน การสร้าง Customer Engagement มีความสำคัญอย่างไรกับทีมการตลาดและธุรกิจ B2C ? การเพิ่มยอดขายเป็นเป้าหมายหลักของทุกธุรกิจ ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มีกลยุทธ์และวิธีการที่แตกต่างกันออกไปซึ่งการสร้าง Customer Engagement ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลาย ๆ ธุรกิจเลือกใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของพวกเขาและเพิ่มยอดขายได้ในระยะยาว ซึ่งวันนี้ Demeter ICT จะมาบอกถึง 5 เหตุผล ว่าทำไมธุรกิจ B2C ถึงต้องสร้าง Customer Engagement กับลูกค้าของคุณ? 1. สร้างความสัมพันธ์ของลูกค้ากับแบรนด์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของลูกค้ากับแบรนด์เปรียบเสมือนว่าให้ลูกค้ามีที่พึ่งทางใจ มองลูกค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัวเราคนหนึ่ง ถ้ามีปัญหาเขาจะนึกถึงเราเป็นคนแรก ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ของธุรกิจที่มีหน้าร้านเป็นสิ่งที่มีมายาวนานอยู่แล้ว แต่สำหรับยุคดิจิทัลที่ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ส่งผลให้การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าคือความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องเจอ ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่าง Braze ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้าง Customer Engagement ในช่องทางต่าง ๆ กับลูกค้าให้ง่ายขึ้น ทั้งในการสร้างลูกค้าใหม่ การรักษาลูกค้าเดิม เพราะ Braze เชื่อว่าการสร้างการสื่อสารและการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์นั้นดียิ่งขึ้นและจะทำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์เราเป็นอันดับแรก ๆ ในการตัดสินใจ 2. พัฒนาความภักดีและการรักษาลูกค้า การสร้าง Customer Engagement กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ลูกค้าเริ่มมีความผูกพันกับแบรนด์ซึ่งจะนำทางไปสู่ความภักดี (Brand Loyalty) รู้ว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ? ส่วนใดที่ธุรกิจควรพัฒนาและปรับปรุงเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น? ลูกค้าต้องการให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้รับความสำคัญ เมื่อคุณแสดงความสนใจต่อลูกค้าอย่างจริงใจ มีแนวโน้มที่พวกเขาจะซื้อสินค้าของคุณในอนาคตและจะนึกถึงแบรนด์ของเราเป็นอันดับแรก (Top of Mind) 3. ค้นพบโอกาสใหม่ในการเพิ่มยอดขาย เมื่อลูกค้ามีความผูกพันกับแบรนด์แล้ว จะทำให้ลูกค้าเปิดใจรับการโปรโมทหรือขายสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ย้ำว่าการโปรโมทนั้นจะต้องเฉพาะตัวและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนนั้น ๆ ไม่ใช่จะโปรโมทอะไรก็ได้...
Continue reading