บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 9 ฟีเจอร์สุดล้ำของ Asana AI แบบละเอียดยิบ ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของคุณให้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย! เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! 1. Smart status – สรุปสถานะโปรเจกต์อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ หมดปัญหาที่ต้องมานั่งอัปเดตสถานะโปรเจกต์เองทุกอาทิตย์ เพราะ Smart status จะช่วยสรุปสถานะงานทั้งหมดของโปรเจกต์ออกมาให้คุณได้ทันที เช่น สถานะของโปรเจกต์ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงไหน? งานไหนกำลังล่าช้า? งานไหนเป็นความเสี่ยง (Risk) จะไม่ทันเวลา? งานไหนต้องโฟกัสต่อจากนี้เป็นพิเศษ? ทำให้ผู้จัดการโปรเจกต์ (Project Manager) เห็นภาพรวมของโปรเจกต์ทั้งหมดได้ในคลิกเดียวและช่วยลดเวลาในการทำสรุป Status Report ได้อย่างมหาศาล 2. Smart chat – ผู้ช่วยส่วนตัวที่ถามอะไรก็ตอบได้ทันที เปรียบเสมือนคุณมีเลขาส่วนตัวที่สามารถถามทุกเรื่องได้เกี่ยวกับโปรเจกต์หรืองานที่คุณดูแล เพียงพิมพ์ถามด้วยภาษาที่ใช้ทั่วไป (รองรับภาษาไทย) เช่น งานที่ใกล้เดดไลน์สัปดาห์นี้มีอะไรบ้าง? ช่วยสรุปความคืบหน้าโปรเจกต์ A ให้หน่อย Smart chat จะค้นหาข้อมูลจากทุกโปรเจกต์และให้คำตอบคุณได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งหาข้อมูลด้วยตัวเองอีกต่อไป 3. Smart fields – ให้ AI สร้างและกรอกฟิลด์ที่จำเป็นให้อัตโนมัติ ผู้ช่วยที่คอยแนะนำว่าโปรเจกต์ควรมีฟิลด์อะไรที่ต้องใส่บ้าง พร้อมกรอกข้อมูลที่สำคัญให้แบบอัตโนมัติ ทั้งผู้รับผิดชอบงาน, วันที่และวันครบกำหนด, ลำดับความสำคัญของงาน 4. Smart summaries – สรุปข้อมูลยาว ๆ ให้เหลือแต่ประเด็นสำคัญ เหมาะสำหรับผู้จัดการโปรเจกต์ (Project Manager) ที่ต้องดูแลหลายโปรเจกต์พร้อม ๆ กัน Smart summaries ช่วยสรุปงานหรือโปรเจกต์ยาว ๆ ให้เหลือแค่ประเด็นที่สำคัญ ไม่ต้องอ่านข้อมูลทั้งหมดก็เข้าใจภาพรวมได้ 5. Smart editor – ช่วยเขียนและปรับคำให้ดูโปรขึ้น Smart editor สามารถช่วยเขียนและปรับแต่งข้อความให้กระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น รวมถึงเปลี่ยนโทนภาษาให้คุณดูโปร มากยิ่งขึ้น 6. Smart...
Continue readingเคล็ดลับเขียน Prompt บน Asana AI Studio อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ชาญฉลาด
พวกเรากำลังอยู่ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในเครื่องมือการทำงานทุกประเภท รวมถึงแพลตฟอร์มอย่าง Asana ที่เพิ่มฟีเจอร์ Asana Intelligence (Asana AI) เพื่อช่วยให้ทีมทำงานเร็วขึ้น มีข้อมูลครบและตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น แต่หัวใจสำคัญของการใช้งาน AI ให้ได้ผลจริง ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว มันอยู่ที่สิ่งที่เราสั่งให้ AI ทำหรือที่เรียกว่า Prompt นั่นเอง การเขียน Prompt ที่ดี จะทำให้ AI ทำงานให้เราได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของเรามากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเคล็ดลับ การเขียน Prompt สำหรับ Asana AI ให้ได้ผลลัพธ์ที่ชาญฉลาดและการตอบสนองที่ดีขึ้น Note: Asana AI และ AI Studio สามารถใช้งานได้สำหรับแพ็กเกจ Asana Starter ขึ้นไปเท่านั้น ผู้ใช้งานแบบ Personal (ฟรี) ไม่สามารถใช้งาน AI ได้ ดูรายละเอียดแพ็กเกจเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ทำไมการเขียน Prompt ถึงสำคัญกับ AI? Prompt คือ “ข้อความคำสั่ง” ที่บอกให้ AI รู้ว่าเราต้องการอะไรและอยากให้ AI ทำอะไร เช่น “ช่วยสรุปโน้ตการประชุมให้สั้นใน 3 บรรทัด” “ตั้งชื่อโปรเจกต์ใหม่จากรายละเอียดด้านล่างให้เหมาะกับการตลาด” ยิ่งคุณเขียนคำสั่งได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ AI ก็จะเข้าใจและตอบกลับได้ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น สำหรับ Asana การเขียน Prompt ที่ดีจะช่วยอะไรบ้าง? สร้างหรือจัดการ Task ได้แบบอัตโนมัติ ให้ AI ช่วยสร้างงานใหม่ หรืออัปเดตข้อมูลใน Task ได้ทันทีตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ วิเคราะห์ข้อมูลหรือสรุปงานให้ ไม่ต้องเสียเวลาอ่านข้อมูลทั้งหมด AI จะช่วยย่อยสาระสำคัญให้ภายในไม่กี่วินาที ช่วยตัดสินใจใน Workflow ได้อย่างแม่นยำ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกัน ทำให้ทีมเห็นภาพรวมก่อนตัดสินใจ ทำงานร่วมกับ Automation และกฎ (Rules)...
Continue readingเปรียบเทียบ Asana AI และ AI Studio ต่างกันอย่างไร?
Asana ได้พัฒนาแพลตฟอร์มให้ก้าวข้ามขีดจำกัดมากกว่าแค่เครื่องมือจัดการงานและโปรเจกต์แบบเดิม ๆ ด้วยการผสานพลังของ AI เข้ามาในแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับการจัดการงานและโปรเจกต์ไปอีกขั้น ซึ่ง AI ในแพลตฟอร์ม Asana จะมี 2 ตัวด้วยกันคือ Asana AI และ AI Studio จึงอาจทำให้ผู้ใช้งานหลายคนสงสัยว่า ระหว่างสองตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยให้กับคุณ มาเริ่มทำความรู้จักกับ AI ทั้งสองตัวของ Asana กันเลย! Asana AI คืออะไร? Asana AI คือ ฟีเจอร์ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม Asana โดยตรง ช่วยให้การทำงานประจำวันเป็นเรื่องง่ายขึ้นในหลาย ๆ ด้าน เช่น การสรุปข้อมูลของงานและโปรเจกต์ แนะนำการอัปเดตสถานะ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เสนอแนวทางการทำงานและเป้าหมายที่เหมาะสมแบบเรียลไทม์ เป็นผู้ช่วยมือขวาที่คอยทำงานอยู่เงียบ ๆ ช่วยให้คุณและทีมทำงานร่วมกันได้เร็วขึ้น เห็นภาพของงานและโปรเจกต์โดยรวมมากขึ้น Asana AI สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แพ็กเกจ Asana Starter, Advanced, Enterprise และ Enterprise+ AI Studio คืออะไร? AI Studio คือ เครื่องมือสำหรับสร้างเวิร์กโฟลว์ภายในแพลตฟอร์ม Asana ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการให้การทำงานบางอย่างเป็นไปตามโฟลว์ได้แบบอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องมานั่ง Manual ด้วยตนเอง ให้ AI Studio ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังในทีมของเรา โดยความสามารถหลักของ AI Studio มีดังนี้: สร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติด้วยภาษาที่เราใช้ได้ง่าย ๆ: พิมพ์คำสั่งเวิร์กโฟลว์ที่เราต้องการด้วยภาษาง่าย ๆ เช่น ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์คำสั่ง “ถ้ามีคำขอเข้ามาใหม่ ให้สร้างงานในโปรเจกต์ A แล้วแจ้งทีม B ให้ที” AI Studio ก็จะสร้างระบบอัตโนมัติให้ตามคำสั่งนั้นได้เลยทันที สร้าง “Smart Workflows” ที่ทำงานได้หลายขั้นตอน:...
Continue readingAsana AI ผู้ช่วยอัจฉริยะในการบริหารงานและโปรเจกต์ของคุณ
ยินดีต้อนรับสู่ Asana AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การจัดการงานและโปรเจกต์ของคุณ ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งการทำงานอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณ บทความนี้จะแนะนำภาพรวมเกี่ยวกับฟีเจอร์และสิ่งที่ Asana AI สามารถทำได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน! เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! Asana AI คืออะไร? Asana AI คือ เครื่องมือผู้ช่วยอัจฉริยะที่ผสานเข้ากับแพลตฟอร์ม Asana เพื่อช่วยให้คุณจัดการงานและโปรเจกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ Asana AI จึงสามารถทำให้งานประจำเป็นงานอัตโนมัติ ช่วยในการสร้างและแก้ไขงาน และจัดทำสรุปข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณได้ ฟีเจอร์ของ Asana AI มีอะไรบ้าง? 1. สถานะอัจฉริยะ (Smart Status) รับข้อมูลพร้อมอัปเดตสถานะของโปรเจกต์และงานของคุณได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ติดตามข้อมูลได้ง่ายโดยไม่ต้องค้นหาข้อมูลทั้งหมดเอง 2. แชทอัจฉริยะ (Smart Chat) รับคำตอบที่มาจาก AI สำหรับคำถามเกี่ยวกับการจัดการโปรเจกต์ของคุณ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วและมีข้อมูลครบถ้วน 3. ฟิลด์อัจฉริยะ (Smart Fields) ใช้ AI ในการกรอกข้อมูลสำคัญให้อัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่ารายละเอียดงานของคุณจะครบถ้วนและอัปเดตอยู่เสมอ 4. สรุปอัจฉริยะ (Smart Summaries) รับสรุปรายงานของโปรเจกต์ งาน และพอร์ตโฟลิโอของคุณแบบกระชับ ช่วยให้เข้าใจประเด็นสำคัญโดยไม่ต้องอ่านรายละเอียดยาว ๆ 5. ตัวแก้ไขอัจฉริยะ (Smart Editor) ปรับปรุงกระบวนการสร้างและแก้ไขงานด้วยคำแนะนำจาก AI ช่วยให้เขียนคำอธิบายงานได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 6. โปรแกรมสร้างกฎอัจฉริยะ (Smart Rule Creator) สร้างรูปแบบ Workflow การทำงานของคุณให้เป็นอัตโนมัติ ด้วยกฎที่ปรับแต่งเองและขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการทำงานประจำวันได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ 7. เป้าหมายอัจฉริยะ (Smart Goals) ปรับปรุงประสิทธิภาพและทำให้การตั้งเป้าหมายมีมาตรฐานยิ่งขึ้นด้วย Smart Goals ที่วิเคราะห์เป้าหมายปัจจุบันและเสนอแนวทางการพัฒนา เช่น การเพิ่มเกณฑ์ความสำเร็จ สรุปผลกระทบ ระบุเป้าหมายหลัก สนับสนุนเป้าหมายย่อย และกำหนดทีมที่รับผิดชอบ 8. โปรเจกต์อัจฉริยะ (Smart Project)...
Continue reading