8 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ G Suite ที่ช่วยให้แอดมินป้องกันข้อมูลทางธุรกิจ

ในการป้องกันข้อมูลให้ปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อนเสมอไป ด้วย G Suite ผู้ใช้ที่แอดมินสามารถจัดการ และปกป้องข้อมูลของผู้ใช้คนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย เพราะเครื่องมือต่างๆใน G Suite ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แต่มีประสิทธิภาพ อย่าง Vault ที่จะช่วยในการป้องกันข้อมูลสูญหายได้อย่างดีเยี่ยม และนี่คือ 8 ข้อง่ายๆ ที่จะช่วยให้แอดมินสามารถควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรได้ 1. แจ้งเตือนใน Hangout เมื่อมีการสนทนากับบุคคลนอกชื่อโดเมนบริษัท หากหน่วยงานของคุณอณุญาตให้พนักงานคุยแชทกับบุคคลภายนอกผ่าน Hangout แอดมินสามารถเปิดการตั้งค่าที่จะช่วยแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ เมื่อมีบุคคลนอกโดเมนของคุณเข้าร่วมการสนทนา และแบ่งการสนทนาจากกลุ่มที่มีอยู่ ซึ่งผู้ใช้จากภายนอกจะไม่สามารถดูการสนทนาภายในทีมย้อนหลังได้ (จากการตั้งค่าในส่วนของ Admin ไปที่ Apps > G Suite > Google Hangouts > Chat settings > Sharing options) 2. ปิดการใช้งานส่งต่ออีเมลอัตโนมัติ ตัวเลือกนี้จะสามารถปิดฟีเจอร์การส่งต่ออีเมลอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการกรองข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ถูกบุกรุก 3. เปิดการตรวจจับการฟิชชิ่ง การเปิดใช้งานตัวเลือกนี้จะเพิ่มการตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยก่อนที่จะส่งมอบ การตรวจจับฟิชชิ่งจะใช้รูปแบบการเรียนรู้โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์การฟิชชิ่งอย่างเข้มงวด จึงอาจทำให้ข้อความที่ได้รับมีความล่าช้านิดหน่อย น้อยกว่า 0.05 เปอร์เซ็นต์ของข้อความโดยเฉลี่ยจะล่าช้าออกไปประมาณ 2-3 นาที ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะผู้ใช้ของคุณยังคงได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็วเช่นเดิม 4. แอปตรวจสอบการเข้าถึง OAuth สำหรับแอปจากภายนอก แอป OAuth ช่วยเก็บรักษาข้อมูลของบริษัทให้ปลอดภัย โดยจะทำการให้คุณเลือกว่าจะใช้แอพภายนอกใด ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ G Suite ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย หรือเข้าข่ายหลอกลวงเข้าสู่ข้อมูลของบริษัทโดยบังเอิญ 5. ตรวจสอบว่าได้เปิดแจ้งเตือนการตอบกลับภายนอกแบบไม่ได้ตั้งใจสำหรับ Gmail Gmail สามารถแสดงข้อความแจ้งเตือนการตอบกลับภายนอก ป้องกันข้อมูลสูญหายหรือรั่วไหลได้ ซึ่งคุณสามารถเปิดใช้งานตัวเลือกนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเมื่อมีพนักงานบางคนกำลังโต้ตอบกับบุคคลภายนอกโดเมนบริษัทหรือไม่ พวกเขาจะได้รับการแจ้งเตือนทันทีว่ายังยืนยันที่จะส่งอีเมลนั้นหรือไม่ Gmail มีระบบอัจฉริยะ ที่รู้ว่าผู้รับอีเมลนั้นเป็นคนที่เคยติดต่อกันมาก่อน หรือเป็นคนที่ติดต่อกันเป็นประจำ และจะแสดงการแจ้งเตือนเฉพาะสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกพื้นฐานที่มีอยู่ใน G Suite 6. จำกัด Calendar จากภายนอก เพื่อลดความเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล ทำให้มั่นใจว่ารายละเอียดต่างๆใน Google Calendar นั้นไม่ได้ถูกแชร์ไปยังบุคคลอื่นนอกโดเมนบริษัท จำกัดการแชร์ข้อมูลเพื่อป้องกันผู้ใช้จากการแฮ็ก หรือการโจรกรรมทางข้อมูลอื่นๆ ผ่านทางชื่อหัวข้อ หรือชื่อผู้เข้าร่วมการประชุม 7. จำกัดการเข้าถึงใน Google Groups โดยทำการตั้งค่าใน Google group จากค่าเริ่มต้น ให้เป็น...

Continue reading

การเพิ่มตารางนัดหมายผ่านอีเมล์

เมื่อมีผู้ส่งอีเมล์มา เพื่อบอกวันที่ต้องการสร้างการนัดหมาย หรือวันที่อยากชวนทำกิจกรรมอะไรบางอย่างโดยที่ไม่ invite จากปฏิทินโดยตรง คุณสามารถเป็นผู้เพิ่มวันและเวลานั้นลงไปยังปฏิทินของคุณโดยผ่านทางอีเมล์ได้ ซึ่งมีวิธีการทำได้ง่ายๆ ดังนี้ Login เข้าสู่ระบบอีเมล์ G Suite (Google apps for business) แล้วเลือก inbox หรือกล่องข้อมูลขาเข้า แล้วเปิดอีเมล์ขึ้นมา จากนั้นดูที่วันเวลาในเนื้อหาอีเมล์ กดที่วัน หรือเวลานั้น 1ครั้ง เพื่อเริ่มการเพิ่มกิจกรรมลงในปฏิทิน จะมี Pop- up แสดงขึ้นมา เพื่อให้เราแก้ไขหัวข้อ วันและเวลา ซึ่งค่าเริ่มต้น จะนำชื่อเรื่องของอีเมล์มาเป็นชื่อกิจกรรมหรือเหตุการณ์ในปฏิทิน ส่วนวันและเวลานั้นก็จะนำมาจากเนื้อหาในอีเมล์ จากนั้นกดปุ่ม “Add to calendar” เพื่อเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์นี้ลงในปฏิทินของคุณ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย *** หมายเหตุ: ผู้รับเมลล์จะสามารถเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์ลงปฏิทินได้นั้น ผู้ส่งอีเมล์จะต้องระบุวันและเวลา เป็นภาษาอังกฤษ เช่น Monday, on Monday about 10.00 AM เป็นต้น และเมื่อผู้รับอีเมล์ทำการเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์ลงปฎิทิน Google จะเลือกวันที่ใกล้วันปัจจุบันมากที่สุดเป็นค่าเริ่มต้นให้ เช่น วันนี้เป็นวันอังคารที่10 มิถุนายน 2556 ถ้าได้รับอีเมล์มีเนื้อหาว่า Let’s meeting on Tuesday ค่าเริ่มต้นจะเป็นวันอังคารสัปดาห์ถัดไป คือ วันอังคารที่17 มิถุนายน 2556 นั้นเอง บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ตัวแทน Google ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทร!  02-675-9371  092-262-6390  097-008-6314 (ฝ่ายขาย)  support@dmit.co.th Official LINE...

Google Calendar ปรับโฉมใหม่บนเว็บเบราว์เซอร์ พร้อมให้ใช้งานแล้ว

Google Calendar บนเว็บเบราวเซอร์ปรับโฉมใหม่ พร้อมใช้งานแล้ววันนี้สำหรับผู้ใช้ G Suite ช่วยให้คุณจัดการตารางเวลาได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำฟีเจอร์ที่น่าสนใจจากแอพบนมือถือ มาใส่ลงบนเว็บเบราวเซอร์ ที่เลย์เอ้าท์ขนาดปรับไปตามขนาดหน้าจออุปกรณ์ของคุณอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆสำหรับองค์กรที่จะช่วยทีมของคุณในการจัดการตารางเวลาและเตรียมการประชุม สำหรับผู้ใช้ G Suite คุณสามารถใช้งาน Google Calendar โฉมใหม่นี้ได้บนเว็บเบราวเซอร์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งจะประกอบไปด้วย ดูรายละเอียดห้องเมื่อทำการจองห้องประชุมได้ ผู้ใช้ G Suite ที่เป็นแอดมินสามารถใส่รายละเอียดห้องประชุมแต่ละห้องได้ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานรู้ว่าห้องที่จะใช้ประชุมอยู่ที่ไหน ขนาดห้องเท่าไหร่ หรือมีอุปกรณ์อะไรเอื้ออำนวยบ้าง เพิ่มการจัดรูปแบบและไฮเปอร์ลิงก์ให้เหมาะกับคำเชิญในปฏิทินของคุณ สามารถลิงก์ไปยังเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่าง Spreadsheets, Docs, หรือ Slides และสามารถเปิดเอกสารขึ้นมาได้โดยตรงจากมุมมอง “Event Detail” ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างวาระการประชุมที่มีรายละเอียดมากขึ้นและมั่นใจว่าเอกสารทั้งหมดจะอยู่ในที่เดียวก่อนการประชุมของคุณจะเริ่ม จัดการปฏิทินแบบรายวัน ในมุมมอง “Day” ตอนนี้คุณสามารถดูและจัดการปฏิทินในแต่ละคอลัมน์ที่แยกออกจากกันได้ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานที่มีหน้าที่จัดการปฏิทินหลายรายการ เช่น เลขา หรือผู้ช่วยผู้บริหาร ในการจัดการตารางการประชุมในนามของทีมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในปฏิทินด้วยเช่นกัน คุณสามารถดูข้อมูลการติดต่อของผู้เข้าร่วมประชุมได้เมื่อคุณเลื่อนเมาส์ไปวางไว้บนคำเชิญในปฏิทิน นอกจากนี้ยังมีวิธีใหม่ในการดูและเรียกคืนรายการที่ถูกลบในกรณีที่คุณลบการประชุมโดยบังเอิญ นอกจากนี้มุมมอง “Day” Week” และ “Month” สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นซึ่งมีความเข้ากันได้ดีขึ้นกับแต่ละหน้าจอ และนี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงใน Google Calendar โฉมใหม่ที่จะช่วยให้ทีมของคุณสามารถจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้งาน G Suite ที่เป็นแอดมินสามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ใน Calendar ได้แล้ววันนี้ ที่มา – Google Blog     G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...

มาดูกันว่าที่ Whirlpool ทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างไร

ในบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆ แน่นอนว่าการทำงานแบบทีมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลาจะผลิตสินค้าหรือบริการ จึงต้องมีการประสานงานแต่ละทีมด้วย แล้วบริษัทระดับโลกอย่าง Whirlpool ที่มีจำนวนพนักงานกว่า 100,000 คนทั่วโลก มีการควบคุมการผลิตสินค้าและบริการ และมีการประสานงานเป็นทีมกันอย่างไรบ้างจนกลายเป็นบริษัทที่สรรค์สร้างเครื่องใช้ในบ้านที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน สำหรับบริษัทเล็กๆ จำนวนพนักงานไม่เยอะ อาจกำลังกลัวว่าควรใช้ G Suite ดีไหม ต้องบอกไว้ตรงนี้เลยว่า G Suite ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์การทำธุรกิจทุกขนาดอยู่แล้วค่ะ สนใจ G Suite ติดต่อเราเพื่อรับข้อมูลและคำแนะนำได้เลยค่ะ   บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ตัวแทน Google ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทร!  02-675-9371  092-262-6390  097-008-6314 (ฝ่ายขาย)  support@dmit.co.th Official LINE...

รู้จักดาวเคราะห์แบบ 3D เพียงแค่มี Google Maps

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ยานอวกาศ Cassini ถูกปล่อยสู่อวกาศเพื่อทำการสำรวจดาวเสาร์ และดวงจันทร์บริวาร ระหว่างการทำภารกิจ ยาน Cassini ได้ทำการบันทึกภาพและทำการส่งกลับมายังโลกเป็นจำนวนหลานแสนภาพ ให้นักวิทยาศาสตร์ทำการปรับแต่งจากเค้าโครงเดิม ให้มีรายละเอียดที่สวยงามและดูสมจริงมากที่สุด ตอนนี้คุณสามารถคลิกที่นี่ เพื่อเข้าไปเยี่ยมชมดาวเคราะห์ต่างๆอย่างใกล้ชิดได้แล้ว เข้าไปลองเล่นกันแล้วรับว่าเพลิดเพลินเลยล่ะ งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับศิลปินด้านดาราศาสตร์ Björn Jónsson ผู้ที่รวบรวมแผนที่ดาวเคราะห์ของ Europa, Ganymede, Rhea และ Mimas โดยสร้างผลงานร่วมกับภาพจาก NASA และ European Space Agency ความสนุกยังไม่จบแค่นี้ ทางกูเกิ้ลเพิ่มดาวพลูโต ดาววีนัส และดวงจันทร์บริวารรวมแล้วกว่า 12 ดวงไว้ให้คุณได้ลองเล่นอีกด้วย ที่มา – Google Blog   G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...

Omni Channel คำตอบของธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่

                          ปัจจุบันคำว่า Omni-Channel เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้หลายๆคนเกิดคำถามขึ้นมาว่า Omni-Channel คืออะไร? ทำไมต้องนำมาใช้ในการทำธุรกิจยุคปัจจุบัน และในบทความนี้ ทาง Demeter ICT จึงถือโอกาสบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของวิวัฒนาการของธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ และเพื่อการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของท่านผ่าน Omni-Channel กันให้มากขึ้น แรกเริ่มเดิมที หากเราลองมองย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนามากนัก ธุรกิจค้าปลีกส่วนใหญ่ยังคงมีช่องทางการขายผ่านทางหน้าร้านค้าเพียงแค่ ช่องทางเดียว (Single-Channel) ลูกค้าจึงต้องไปซื้อของที่หน้าร้านเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างในปัจจุบันที่เรายังเห็นกันอยู่ เช่น ร้านโชห่วย เป็นต้น หลังจากนั้นเทคโนยีเริ่มพัฒนามากยิ่งขึ้น Internet เริ่มเข้ามามีบทบาท เกิด social media, website, email ผู้คนเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้เกิด ช่องทางที่หลากหลาย (Multi-Channel) ในการเข้าถึงลูกค้า เช่น คอลเซ็นเตอร์, แค็ตตาล็อก, เว็บไซต์, โทรศัพท์มือถือ หรือโซเชียลมีเดีย ฯลฯ ซึ่งช่องทางดังกล่าวยังคงแยกออกจากกันอยู่ ไม่มีการแชร์ข้อมูล หรือทำงานร่วมกันในแต่ละช่องทาง ทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนในข้อมูล เช่น ร้านค้า A มีหน้าร้านหลายสาขา และมีขายผ่าน E-Commerce ลูกค้าเลือกซื้อได้แค่ช่องทางเดียว ไม่สามารถสั่งซื้อผ่าน E-Commerce และไปรับหน้าร้านได้ เป็นต้น ด้วยปัญหาดังกล่าวทำให้ต่อมามีการพัฒนาจาก Multi-Channel มาเป็นการสื่อสาร ข้ามช่องทาง (Cross-Channel) ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าผ่านช่องทางไหนก็ได้ข้ามช่องทางกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขายสินค้าได้มากขึ้น แต่เบื้องหลังการทำงาน การบริหารงานและข้อมูลต่างๆของแต่ละช่องทางยังคงแยกจากกันและไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ เช่น ลูกค้าดูสินค้าที่ลดราคา 20% ผ่านทางเว็บไซต์และเลือกที่จะซื้อสินค้าสาขาที่ใกล้ที่สุด แต่พอไปถึงสินค้ากลับไม่มีโปรโมชั่นลดราคา จึงทำให้ธุรกิจดังกล่าวไม่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ เมื่อมาถึงยุคของเทคโนโลยี ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data ได้เข้ามามีบทบาท Cross-Channel จึงได้รับการปรับปรุงจนเกิดเป็นการ ผสานช่องทางทั้งหมด...

Continue reading

มาดูกันว่าที่ THE ICONIC ทำงานร่วมกันอย่างไร

การทำงานร่วมกันเป็นทีม เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับองค์กร วันนี้เรามีตัวอย่างธุรกิจร้านเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ระดับโลกอย่าง ‘THE ICONIC’ พวกเขาประสานงานแต่ละทีมกันอย่างไรก่อนที่จะส่งมอบสินค้าและประสบการณ์ที่ดีถึงมือถึงลูกค้า จนกลายเป็นธุรกิจ e-commerce ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในออสเตรเลีย THE ICONIC คือร้านเสื้อผ้าออนไลน์จากออสเตรเลีย ก่อตั้งเมื่อปี 2011 และยังเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมเสื้อผ้าจากแบรนด์ดังกว่า 700 แบรนด์ อย่าง Nike, Levi’s, Calvin Klein, Adidas และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมีสินค้ามากกว่า 50,000 ชิ้น...

มีอีเมล์บริษัทโดเมนตัวเอง ง่ายนิดเดียว

สืบเนื่องจากงานสัมมนาที่ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ร่วมกับกูเกิ้ล (Google) เมื่อปลายเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา มีท่านผู้ประกอบการหลายท่านได้สอบถามว่าตอนนี้ใช้อีเมล์แบบฟรีอยู่คือใช้เป็นชื่อบริษัทแล้วตามด้วย @gmail.com หรือ @yahoo.com หรือ @hotmail.com หรือที่มีอีกแบบคือใช้ชื่อตัวเองแล้วตามด้วยโดเมนฟรีทั้งหลาย ปัญหาที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่านรับทราบร่วมกันคือการทำธุรกิจแต่ใช้โดเมนอีเมล์แบบฟรีดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ เพราะว่าโดเมนเนมของตัวเองเปรียบเหมือนการเอาใจใส่หน้าบ้าน ว่าง่ายๆ เปรียบเหมือนป้ายชื่อบริษัทเราถ้าทำไม่ดี เอากระดาษ A4 มาแปะแล้วเขียนชื่อ ความน่าเชื่อถือก็หายไปทันที เพราะการมีโดเมนตัวเองนั่นหมายถึงการพิสูจน์ตัวตนมาระดับหนึ่ง คำถามที่ผู้ประกอบการหลายท่านมักจะถามว่าอยากอีเมล์โดเมนตัวเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะไม่รู้วิธีจะทำอย่างไร ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้ครับ ขั้นตอนที่ 1 : จดโดเมนเนม (Domain Name) ก่อน การมีโดเมนก็เหมือนการมีเลขที่บ้านเป็นของตัวเอง ใครผ่านไปผ่านมาก็จะรู้ว่า อ๋อ นี่คือบ้านจริงๆ นะ มีตัวตน มีทะเบียนบ้าน คล้ายๆ กับการที่เราไปจดทะเบียนการค้านะครับ คนที่มาซื้อของกับเราก็จะเชื่อถือ เพราะการจดโดเมนโดยเฉพาะโดเมน .co.th เราต้องมีการยืนยันตัวตนไม่มากก็น้อย ซึ่งการมีโดเมน .co.th นี่ชัดเจนเลยว่าต้องเป็นบริษัทอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ใครที่มาเถียงบอกว่าไม่จริงหรอก ทำไมต้องจดทะเบียนการค้าหรือมีโดเมนตัวเอง ก็ลองดูไปเสนอสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้ารายใหญ่ๆ หรือขยายช่องทางการขายแบบ mass ดูนะครับแล้วท่านจะเข้าใจ หลังจดโดเมนเนมท่านก็จะมีเลขที่ต่างๆ หลังบ้านที่บอกว่าโดเมนของเราเบอร์อะไร จะให้เว็บไซต์เราชี้ไปที่เบอร์อะไร และอีเมล์คืออะไร ค่าใช้จ่ายไม่แพงหลักร้อยบาทเท่านั้น ขั้นตอนที่ 2 : มีข้อมูลหน้าบ้านบนเว็บไซต์และอีเมล์เท่ห์ๆ ถึงขั้นนี้เราต้องร้องเฮเพราะเรามีโดเมนตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทีนี้อยากมีเว็บไซต์กับอีเมล์ตัวเองบ้างที่เป็น www.mydomain.com และอีเมล์ somchai@mydomain.com จะทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสองเรื่องนี้ต้องแยกกันนะครับ การมีเว็บไซต์ตัวเองเราเปรียบเหมือนกับเราเอาบ้านเลขที่เราไปแขวนหน้าบ้าน ว่าแต่บ้านเราอยู่ไหนครับ ก็มีสองวิธีคือ 1 ซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์มาเอง (ปลูกบ้านเอง) อันนี้วุ่นวายมากสำหรับมือใหม่ ไม่แนะนำ กับวิธีที่ 2 คือ เช่าพื้นที่กับผู้ให้บริการโฮสติ้ง (เช่าบ้านเค้าอยู่ จ่ายค่าเช่ารายปี) ค่าเช่าจ่ายก็แล้วแต่ขนาดความกว้างของบ้านมีตั้งแต่สามพันจนถึงมากกว่านั้น ซึ่งโดเมนเราก็ต้องบอกกับคนทั่วโลกด้วยการใส่ตัวเลขในระบบโดเมนในขั้นแรกว่าเว็บเราบ้านเลขที่เท่าไหร่ (แต่ถ้ายังไม่อยากมีเว็บไซต์ตัวเอง ก็ข้ามไปขั้นตอนที่ 3 นะครับ) ซึ่งโดยปกติถ้าเช่าเว็บโฮสติ้งเค้าจะมีฟรีอีเมล์มาให้ด้วยที่เป็นโดเมนตัวเอง somchai@mydomain.com แบบฟรีๆ แต่แบบที่ทราบกันครับว่าของฟรีของแถมต้องทำใจกับความเสถียรและข้อจำกัด...

Continue reading

ชนะใจลูกค้าด้วยการบริหารประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management)

โดย ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์, Founder & CEO บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา เราร่วมกับ Zendesk ได้จัดสัมมนาเรื่องการบริหารประสบการณ์ลูกค้า หรือ Customer Experience Management โดยเชิญวิทยากรผู้มากประสบการณ์ คุณอนุชิต ขำน้อย Anuchit Khamnoi จาก LINE Mobile ประเทศไทยมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง บังเอิญผมเพิ่งจะมีเวลาเลยขออนุญาตสรุปเนื้อหาที่ดีๆ เพื่อแบ่งปันข้อมูลให้กับทุกท่านนะครับ ส่วนตัวผมได้ยินคำว่า Customer Experience Management หรือการบริหารประสบการณ์ลูกค้า จากกรณีศึกษาของสตาร์บัค (Starbucks) อันโด่งดัง ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าสตาร์บัคอาจจะเป็นต้นตำรับของการกำหนดเรื่อง Customer Experience Management เป็นหนึ่งในกลยุทธธุรกิจนะครับ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่อาจจะไม่ได้กำหนดให้มันชัดๆ เท่านั้นเอง คำว่าประสบการณ์ลูกค้าก็คือสิ่งที่ลูกค้า “รับรู้” จากการเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเราตั้งแต่ต้นกระบวนการคือการทำให้ลูกค้ารับรู้ว่าเรามีสินค้าหรือบริการประเภทนี้ เข้ามาสอบถามข้อมูล ตัดสินใจ ปิดการขาย ใช้สินค้าหรือบริการ และบริการหลังการขาย ว่าง่ายๆ คือการบริหารประสบการณ์ลูกค้าคือการทำให้ลูกค้าประทับใจตลอดระยะเวลาที่ใช้สินค้าหรือบริการกับเรา หลายคนอาจจะบอกว่านี่ไง เราก็มีการบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยการให้พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ อันนั้นก็ถูกต้องครับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แต่เอาเข้าจริงๆ การบริหารประสบการณ์ลูกค้ามันมีมากกว่านั้น โดยเฉพาะการเอาใจใส่ในความรู้สึกของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น เราจดจำชื่อหรือข้อมูลของเค้าได้หรือไม่ เราต้องให้เค้ารอรับบริการนานมั๊ย สินค้าหรือบริการที่ขายมีเพียงพอหรือไม่ ลูกค้าถูกถามคำถามซ้ำๆ มั๊ย ทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าทั้งนั้นครับ ล่าสุดผมเพิ่งซื้อข้าวกระเพาหมูสับไข่เจียวที่โรงอาหารออฟฟิสกับป้าคนนึงที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ระหว่างรอผมเดินไปซื้อเครื่องดื่มรับประทาน ปรากฏว่าแกเอาอาหารที่ผมสั่งไว้ไปให้ลูกค้าอีกคนที่มาสั่งทีหลัง แล้วก็ลืมไปว่าผมก็สั่งเหมือนกัน ป้าแกบอกว่าจะทำให้ใหม่ ผมปฏิเสธและเดินจากไปทันที เพราะว่าได้พบกับประสบการณ์ที่เลวร้ายไปเรียบร้อยแล้ว และจากนั้นก็ไม่ไปสั่งอาหารจากร้านคุณป้าท่านนั้นอีกเลย ทั้งที่เป็นร้านโปรดของผม เชื่อว่าหลายท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันความอดทนของลูกค้ามีน้อยลงเพราะว่าลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ทุกคนบนโลกใบนี้เข้าถึงข้อมูลและรับบริการผ่านอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น ดังนั้นลูกค้าจะเลือกช่องทางที่เข้าถึงสินค้าและบริการที่เค้าคิดว่าเร็วที่สุดและสะดวกที่สุด ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ธุรกิจ e-Commerce ไม่ว่าจะเป็นลาซาด้า อูเบอร์ แกร๊บ อโกด้า ฯลฯ ที่มีการให้บริการสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และประทับใจลูกค้าสามารถผงาดขึ้นไปยืนอยู่บนแป้นแห่งชัยชนะในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดได้ไม่ยากนัก เพราะถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียวลูกค้ารายนั้นจะไม่กลับมาใช้บริการอีก แถมช่วยโปรโมตเราในทางลบผ่านช่องทางออนไลน์อีกต่างหาก ยิ่งเจอพลังการกดแชร์แบบไม่ได้คิดยิ่งไปกันใหญ่ครับ...

Continue reading