จัดการโครงการและแผนงานให้ดูง่ายขึ้นด้วย Timeline View ใน Google Sheets

จัดการโครงการและแผนงานให้ดูง่ายขึ้นด้วย ใน Google Sheets หลังจากที่ได้รับการเรียกร้องมาอย่างล้นหลาม ในที่สุด Google Workspace ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่! Timeline view หรือ มุมมองไทม์ไลน์ใน Google Sheets เป็นที่เรียบร้อย พร้อมใช้งานได้แล้ววันนี้ ความพิเศษของฟีเจอร์มุมมองไทม์ไลน์นี้จะช่วยทำให้ท่านสามารถจัดโครงการหรือแผนงานต่าง ๆ ได้สะดวกและดูง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น แคมเปญการตลาด เหตุการณ์สำคัญของโครงการ กำหนดการ และอื่น ๆ Note: หากต้องการสร้างมุมมองไทม์ไลน์ ท่านต้องมีคอลัมน์ข้อมูลอย่างน้อย 1 คอลัมน์ที่อยู่ในรูปแบบของวันที่ หรือหากใช้สูตรในคอลัมน์วันที่ Output ก็ควรเป็นค่าวันที่ และเพื่อลดข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูล ท่านควรป้อนข้อมูลเหล่านี้แยกคอลัมน์กัน ชื่อแผนงาน วันที่เริ่มต้น วันที่สิ้นสุด รายละเอียดแผนงาน ระยะเวลา Tip: ป้อนระยะเวลาในรูปแบบจำนวนวัน หรือในรูปแบบชั่วโมง:นาที:วินาที (hh:mm:ss) วิธีสร้างมุมมองไทม์ไลน์ใน Google Sheets 1. เปิดไฟล์เอกสารใน Google Sheets 2. คลิกที่ แทรก (Insert) → มุมองไทม์ไลน์ (Timeline) 3. เลือกข้อมูลที่ต้องการสร้างไทม์ไลน์ Tip: แยกประเภทของงานให้ดูง่ายขึ้นด้วยการใช้สีที่แตกต่างกัน Note: หากท่านไม่สามารถสร้างมุมมองไทม์ไลน์ได้อาจเกิดจาก ข้อมูลไม่ได้อยู่ในรูปแบบวันที่ที่ยอมรับ เช่น ‘Today’ หรือ ‘Yesterday’ เป็นต้น วันที่เริ่มต้นงานเป็นวันที่หลังสิ้นสุดงาน เช่น เริ่มต้นงาน 19 Dec 2022 แต่วันที่สิ้นสุดงาน 15 Dec 2022 เป็นต้น วันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดเป็นวันเดียวกัน แพ็กเกจที่รองรับการใช้งาน Google Workspace Business Standard, Business Plus และ Enterprise อัปเกรดแพ็กเกจ Google Workspace เพื่อปลดล็อกขีดจำกัดการทำงาน นำองค์กรของท่านก้าวทะยานสู่ความสำเร็จไปกับ Demeter ICT...

Continue reading

ใช้บริการ Google Meet แบบ Gmail ฟรี หรือ Google Meet แบบ Google Workspace ดีนะ?

แม้ว่าหลายบริษัทจะกลับมาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติแล้ว แต่ Google Meet ก็ยังคงเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการประชุมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบการใช้บริการก็มีทั้งการใช้บริการ Meet แบบฟรีจากบัญชี Gmail ส่วนตัวและการซื้อบริการจาก Google Workspace ที่วันนี้ Demeter ICT จะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจกันมากขึ้น ว่าการใช้ Meet แบบ Gmail กับแบบ Google Workspace มีความแตกต่างกันอย่างไรในแง่ของสิทธิประโยชน์และข้อจำกัด เริ่มกันเลย! Meet แบบ Gmail ฟรี ทำอะไรได้บ้าง? สามารถประชุมได้ 60 นาที/ครั้ง สำหรับคนที่ใช้เวอร์ชันแบบฟรี การประชุมได้ครั้งละ 60 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงก็ถือว่าไม่น้อยเกินไปสำหรับบริษัทขนาดเล็กถึงกลาง แต่เนื่องจากการประชุมมีระยะเวลาจำกัดดังที่กล่าวไป เมื่อครบเวลาที่กำหนด Meeting นั้นจะถูกตัดจบทันทีแบบไม่ทันได้เตรียมใจกันเลยทีเดียว สามารถเข้าร่วมประชุมได้ 100 คน/ครั้ง จำนวนผู้เข้าร่วม 100 คน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเลย โดยท่านสามารถเชิญผู้เข้าร่วมผ่านอีเมลได้เลยหรือจะส่งลิงก์ให้ผู้เข้าร่วมก็ได้เช่นกัน สามารถใช้งานบางฟังก์ชันได้ ถึงแม้ว่าท่านจะใช้บริการแบบฟรี แต่เพื่อไม่ให้เป็นการลดประสิทธิภาพของการประชุมมากเกินไป ท่านจะยังสามารถใช้ฟังก์ชัน Q&A, Polls, Breakout rooms, Jamboard และอื่น ๆ ได้ สามารถใช้ Filter/ Effect ได้ตามปกติ ณ ปัจจุบัน Google ยังมีการให้ผู้ใช้งานแบบฟรีสามารถใช้งาน Effect เปลี่ยนภาพพื้นหลังได้อยู่ จะมีทั้งการเบลอภาพพื้นหลัง ใส่ภาพเคลื่อนไหว หรือจะใช้ภาพที่อัปโหลดเองก็ได้  ข้อจำกัดของการใช้ Meet แบบฟรี แน่นอนว่าหากเป็นการใช้บริการแบบฟรี ก็ย่อมมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่บ้าง อาจจะมีบางฟังก์ชันที่ท่านจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่ทว่าข้อจำกัดเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบริษัท จะมีอะไรบ้าง Demeter ICT สรุปมาให้แล้วด้านล่างนี้ ไม่สามารถใช้ฟังก์ชันบางอย่างได้ เช่น Record meeting, Live streaming, และ Host control ต้องเริ่มการประชุมใหม่ทุก ๆ...

Continue reading

Work From Home/ Hybrid Working ทำงานได้อย่างสบายใจปลอดภัยจากโควิด (ละรอกใหม่)

ควิด-19 โรคระบาดที่ใคร ๆ ก็ต่างชินชากับเรื่องนี้ไปแล้ว ผู้คนต่างต้องการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการการใส่แมสในสถานที่ต่าง ๆ มากขึ้น แต่ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ โควิดก็ได้กลับมาระบาดอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า… ด้วยเหตุนี้ทำให้พนักงานเงินเดือนแบบเราจึงต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น เพราะโควิดระลอกใหม่นี้แพร่เชื้อได้เร็วและมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นในมุมมองของผู้ประกอบการ บริษัทหลายแห่งจึงต้องกลับมาพึ่งการทำงานแบบ Work From Home หรือ Hybrid Working เช่นเดิม ส่งผลให้ Google Workspace ถูกหยิบยกขึ้นมาซัพพอร์ตการทำงานแบบออนไลน์เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้โดยที่ไม่ต้องเดินทางมาออฟฟิศ ลดการแพร่เชื้อ และสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ ทำงานแบบออนไลน์ไม่มีสะดุดด้วย Google Workspace Google Docs, Google Sheets, และ Google Slides หากคุณเป็นสายทำงานออนไลน์คงรู้จักกันดีอยู่แล้วว่า Google Docs, Sheets, และ Slides นั้นช่วยให้คุณสามารถทำงานร่วมกันกับทีมได้ โดยในแต่ละแอปก็จะมีฟังก์ชันแตกต่างกันไป น่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งฟังก์ชันที่ทาง Demeter ICT อยากจะแนะนำในวันนี้ คือ ฟังก์ชัน Approvals ที่คุณสามารถส่งงานของคุณผ่านทางแอปนั้น ๆ ได้เลยโดยที่ไม่ต้องแชตบอกเจ้านายทีหลัง เพียงแค่เข้าไปที่เมนู File เลือก Approvals แล้วใส่ชื่อ Approver ตั้ง Deadline กดตกลงเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ! Google Meet ใคร ๆ ก็รู้จักกันดีกับ Google Meet แอปพลิเคชันสำหรับการประชุมออนไลน์ เมื่อพนักงานต้อง Work From Home Google Meet ก็กลายเป็นแอปที่บริษัทขาดไม่ได้ เนื่องจากทุกคนสามารถเข้าร่วมประชุมได้อย่างง่าย และมีฟังก์ชันช่วยให้การประชุมสะดวกมากขึ้น ฟังก์ชันสำหรับ Google Meet ก็มีหลายอย่างที่น่าสนใจที่จะช่วยให้การประชุมนั้นมีประสิทธิภาพ เช่น Q&A, Record meeting, Transcript, Jamboard และอื่น ๆ ทั้งนี้แต่ละฟังก์ชันก็ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่คุณใช้บริการอยู่ด้วยนะ Google Calendar Google...

Continue reading

4 Technology Trends 2023

ธันวาคม เดือนสุดท้ายของไตรมาสสุดท้ายปี 2022 ถึงเวลาแล้วที่ต้องเริ่มมองหาเทรนด์ของปี 2023 ซึ่งวันนี้ Demeter ICT ได้คัด 4 Technology Trend หลัก ๆ มาให้ผู้อ่านทุกคนได้ศึกษาเพื่อเตรียมปรับตัวรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในปีหน้าได้ทัน แต่ก่อนจะเข้าสาระสำคัญ Demeter ICT ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเทรนด์ที่จะกำลังจะพูดถึงนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว แต่ทว่าในปีหน้าและในอนาคต สิ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญมากขึ้นไปอีกหลายเท่าสำหรับธุรกิจทุกประเภท และแน่นอนว่าเทคโนโลยีจะเป็นความต้องการของตลาดทั้งในแง่ของสายอาชีพและการทำธุรกิจให้ตอบโจทย์ยุคสมัย ในปี 2023 จะมีเทรนด์อะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน ! 1. Internet of Things (IoT) เชื่อมทุกอย่างไว้ด้วยกัน หากใครที่ยังไม่ทราบว่า IoT คืออะไร ? มาฟังทางนี้ Demeter ICT จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจแบบง่ายที่สุด! Internet Of Thing (IoT) คือการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นถูกเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เช่น แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน (โทรศัพท์+อินเทอร์เน็ต) หรือการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน WIFi (ทีวี/ลำโพง/โทรศัพท์ + อินเทอร์เน็ต) และอื่น ๆ สรุปสั้น ๆ ก็คืออุปกรณ์ใดที่ต้องพึ่ง WIFI หรือใช้อินเทอร์เน็ต สิ่งนั้นแหละที่เราเรียกกันว่า IoT ทีนี้มาดูกันว่าเทรนด์ของ IoT จะเป็นอย่างไรในปี 2023 สมัยนี้อะไรอะไรก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจึงจะใช้งานได้ อุปกรณ์ถูกเชื่อมต่อและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบนโลกออนไลน์ ดังนั้นเทรนด์ของ IoT จะไม่หยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน และจะถูกพัฒนาไปอย่างไม่สิ้นสุดเลยก็ว่าได้ เพราะพฤติกรรมมนุษย์นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงไปทุกยุคสมัย การสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทันสมัยจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับภาคธุรกิจ ยิ่งถ้าการใช้งานมีความง่ายและต้องใช้เพียงแค่อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง IoT มีประโยชน์อย่างไร ? Demeter ICT จะขอยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่คุณติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้าน หากเป็นเมื่อก่อนคุณคงไม่มาเช็คว่าภายในบ้านเกิดอะไรขึ้นบ้างใช่หรือไม่ ? ติดกล้องวงจรปิดไว้ก็เพื่อที่จะได้มาเช็คทีหลัง หลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น แต่หากเป็นสมัยนี้ถ้าคุณมีกล้องวงจรปิดที่สามารถเชื่อมต่อ WIFI ได้ คุณก็สามารถดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านผ่านทางโทรศัพท์ของคุณได้แบบ Real Time เลย...

Continue reading
emoji in google docs

ใส่ Emoji ใน Google Docs ได้ง่าย ๆ เพียงทำตามนี้ !

Demeter ICT เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ชอบใช้ Emoji เพื่อดึงความสนใจของผู้อ่าน แต่บ่อยครั้งที่ต้องคอยไป Search ในเว็บต่าง ๆ เลือกอีโมจิหรือไอคอนที่ถูกใจ แล้ว Copy & Paste ลงบน Google Docs ซึ่งจริง ๆ แล้วมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องไปเข้าเว็บที่สองหรือเว็บที่สามเพื่อหา Emoji ที่ใช่อีกต่อไป เพราะใน Google Docs ก็สามารถใส่ Emoji ได้ เพียงทำตามนี้ ! พิมพ์ : (Colon) แล้วจะมี Emoji แนะนำขึ้นมา ? :Thumbs-up  ? :Clap ? :Slightly-happy ? :Smile ? :Joy ? :Scrunched-eyes ? :Rage ? :Party-popper ➕ :Plus-sign คลิก Emoji ที่คุณต้องการได้เลย ! แต่ถ้าคุณต้องการค้นหา Emoji ที่ต้องการด้วยตัวเอง ให้คุณพิมพ์ : ตามด้วย Key words ได้เลย เช่น :cat, :check-mark, :sparkles ซึ่งคุณจะต้องคั่น Emoji ด้วยการเว้นช่องว่าง (Space bar) จึงจะใส่ Emoji ต่อไปได้ และใครที่ใช้เวอร์ชันภาษาไทยก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะคุณก็สามารถใส่ Emoji ได้เหมือนกัน เช่น :ตบมือ :ชูนิ้วโป้งขึ้น :หัวใจสีแดง เป็นต้น ? :ชูนิ้วโป้งขึ้น ? :ตบมือ ? :หน้ายิ้มกว้างๆ ? :หน้ายิ้มยิงฟัน ?...

Continue reading
young generation with google workspace

เปิดตำราศึกษา Lifestyle คนรุ่นใหม่ทำไมถึงนิยมใช้และคุ้นชินกับ Google Workspace ในการทำงาน ?

2022 ยุคดิจิทัล หรือ ยุคแห่งโลกออนไลน์ ขับเคลื่อนให้คนรุ่นใหม่ต้องการทำงานกับองค์กรที่ทันสมัยและทำงานอย่างชาญฉลาด Google Workspace ซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานแบบออนไลน์จึงเป็นใบเบิกทางที่ดีให้กับองค์กรที่ต้องการร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ เพราะ Google Workspace สนับสนุนให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ได้ มีแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ที่หลากหลาย เหมาะกับ Lifestyle คนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ดังนั้นวันนี้ Demeter ICT จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ที่ทำให้ Google Workspace เป็นทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์การทำงานได้อย่างครบสมบูรณ์ 1. คนไทยส่วนใหญ่ใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 78% (อ้างอิงจากปี 2021) การใช้เวลาส่วนมากบนโซเชียลมีเดียมีส่วนทำให้พฤติกรรมของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไปโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี ชอบทำกิจกรรมต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ Shopping ออนไลน์ เรียนออนไลน์ รวมถึงการทำงานบนซอฟต์แวร์ออนไลน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในขณะที่ทุก ๆ อย่างกำลังก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์นั้น Google Workspace ก็ได้เริ่มพัฒนาและได้มีการนำมาปรับใช้ในหมู่นักเรียน นักศึกษา และองค์กรหลายแห่ง ในที่สุดก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายจนเป็นที่นิยมนั่นเอง ที่มา: เปิดสถิติ! คนไทยใช้ ‘โซเชียลมีเดีย’ อันดับ 1 ของโลก 2. ชอบความง่ายและความรวดเร็ว เมื่อเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาท ความรวดเร็วจึงถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึง หากในองค์กรของคุณมีระบบการทำงานที่ช้าและซับซ้อนจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าองค์กรมีการบริหารงานที่ล้าสมัยและอาจส่งผลให้หมดแรงกระตุ้นในการทำงานได้ ด้วยการดีไซน์ที่เรียบง่ายและฟีเจอร์ที่ใช้งานไม่ยาก Google Workspace จึงเป็นทางเลือกที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เลือกใช้ 3. ต้องการความยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ Work Life Balance ในปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจเรื่องของ Quality หรือ คุณภาพชีวิตกันมากขึ้น หนึ่งในโซลูชันนี้ คือ การทำงานแบบ Remote working สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงเพื่อเข้าออฟฟิศทุกวัน และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการเดินทาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถสร้าง Work Life Balance ได้ดีเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทีมนักพัฒนา Google Workspace จึงทำให้ซอฟต์แวร์มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ว่าจะ Remote working หรือ Hybrid working ก็สามารถทำงานได้สะดวก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็เริ่มทำงานได้เลยทันที 4. Smartphone...

Continue reading

3 ขั้นตอนกู้คืนเอกสารได้ง่าย ๆ ด้วย Google Drive

การเผลอลบไฟล์เป็นสิ่งที่หลาย ๆ ท่านคงจะไม่อยากให้เกิดขึ้นอยู่เป็นแน่ แต่สำหรับผู้ใช้งาน Google Workspace ท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นการทำงานบนคลาวด์ ดังนั้นท่านจึงไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะทุกไฟล์ของท่านจะไม่หายไปไหนถึงแม้ว่าท่านจะเผลอลบไปแล้วก็ตาม  แล้วถ้าเผลอไปกดลบ ไฟล์งานที่ถูกลบจะไปอยู่ที่ไหน? อยากกู้คืนกลับมาต้องทำอย่างไร? แล้วต้องกู้คืนภายในกี่วัน? บทความนี้ Demeter ICT มีคำตอบ ไปดูกัน! 3 ขั้นตอนกู้คืนไฟล์ด้วย Google Drive เปิด Google Drive  ไปที่ ถังขยะ (Trash)  คลิกขวาที่ไฟล์นั้น แล้วกดเลือกกู้คืนหรือ Restore เพียงแค่นี้คุณก็สามารถกู้คืนไฟล์ได้แล้ว ง่ายมาก ๆ ซึ่งไฟล์ที่คุณกู้คืนมานั้นจะกลับไปอยู่ที่แอปพลิเคชันเดิม เช่น คุณลบรายชื่อลูกค้าที่อยู่ใน Google Sheets เมื่อกู้คืนกลับ ไฟล์ก็จะเข้าไปอยู่ใน Google Sheets ตามเดิม แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถกู้คืนไฟล์เมื่อไหร่ก็ได้นะ! เพราะถึงแม้ว่าไฟล์จะถูกเก็บไว้บนคลาวด์ก็จริง แต่ Google Drive ก็มีเงื่อนไขว่า คุณจะสามารถกู้คืนไฟล์ได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ไฟล์ถูกลบเท่านั้น หลังจากนั้นไฟล์จะถูกลบไปอย่างถาวร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ Drive ของคุณมีพื้นที่ว่างเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง หากคุณเป็นเจ้าของไฟล์ ลบไฟล์ไปแล้วคนอื่นจะยังเห็นไฟล์นั้นอยู่หรือไม่? หากคุณเป็นคนสร้างไฟล์นั้น (Owner) แล้วลบออก ทีมของคุณจะยังเห็นไฟล์นั้นอยู่ แต่จะไม่สามารถทำงานบนไฟล์นั้นได้ ดังนั้นหากคุณต้องการใช้ไฟล์นั้นต่อ ให้คุณ Make a Copy ได้เลย (คลิกที่ไฟล์นั้นแล้วจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาให้คุณ Make a copy) หรือวิธีที่ง่ายกว่านั้นคือการ Transfer Ownership ให้กับคนในทีมก่อนที่คุณจะลบไฟล์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะเมื่อคุณไม่ใช่เจ้าของไฟล์แล้ว คุณลบไฟล์ออก ไฟล์จะถูกลบไปจาก Google Drive ของคุณคนเดียวเท่านั้น ต้องการลบไฟล์ทั้งหมดทำอย่างไร? เปิด Google Drive  ไปที่ ถังขยะ (Trash)  กดล้างข้อมูลในถังขยะ (Empty Trash) จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่าการกู้คืนไฟล์หรือการล้างข้อมูลนั้นไม่ซับซ้อนเลย ด้วยระบบ Cloud...

Continue reading
Trick to make an appointment in Calendar

แชร์ทริค! นัดประชุมใน Google Calendar อย่างไรไม่ให้ตารางชนกัน?

เคยไหมจะนัดประชุมที ต้องมานั่งเปรียบเทียบเวลาของทีมหรือเพื่อนร่วมงานแต่ละคนใน Google Calendar ว่าใครว่างวันไหนและเวลาไหนบ้าง? จะนัดประชุม 10 คนก็หาตารางเวลาที่ว่างตรงกันจนตาลายไปหมด! ดังนั้น Demeter ICT จึงมีทริคที่อยากจะแนะนำทุกท่านให้ลองใช้งานฟังก์ชัน Find a Time ใน Google Calendar เพื่อจะได้ลดเวลาในการทำงานและเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานมากขึ้นด้วย ทริคนัดประชุมด้วย Google Calendar เปิด Google Calendar คลิกเลือกวันที่คุณต้องการนัดประชุม เลือก More options ที่ด้านล่างของหน้าต่าง เพิ่มคนที่คุณต้องการให้เข้าร่วมประชุม >> ไปที่ Add guests ตรงด้านขวา จากนั้นคลิกไปที่ Find a Time ฟังก์ชันนี้จะเปรียบเทียบให้คุณเห็นเลยว่าในเวลาเดียวกัน Guest แต่ละท่านว่างหรือไม่ ลาหยุดหรือมีประชุมหรือเปล่า ซึ่งหากทุกคนว่างตรงกัน ตารางเวลาของทุกคนจะไม่มีสีหรือเป็นสีขาว หมายความว่าคุณสามารถนัดประชุมเวลานั้นได้เลย (หากมีประชุมหรือท่านใดไม่ว่างจะมีแถบสีอื่น ๆ ขึ้นมาในเวลานั้น)   6. คลิกเลือกเวลาที่คุณต้องการนัดประชุม   7. จากนั้นใส่ข้อมูลต่าง ๆ เหมือนนัดประชุมตามปกติ ไม่เพียงเท่านี้ จริง ๆ แล้ว Google Calendar หรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ใน Google Workspace ยังมีฟังก์ชันอีกมากมายที่จะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น ประหยัดเวลา และมีประสิทธิภาพมากขึ้น   ติดตาม Demeter ICT เพื่อที่จะไม่พลาดการอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Google Workspace ได้เลย!...

Create Portfolio & Resume by Google Site

How to สร้าง Portfolio & Resume ด้วย Google Sites

Google Sites แอปพลิเคชันสร้างเว็บไซต์จาก Google Workspace ที่เพียงแค่คลิกก็สามารถสร้างหน้าเว็บไซต์ของตัวเองได้ ไม่ต้องเขียนโค้ดให้ยุ่งยาก ใคร ๆ ก็ทำได้! ซึ่ง Google Sites นั้นไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือที่เอาไว้สร้างเว็บไซต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณยังสามารถออกแบบให้ Google Sites เป็นแหล่งจัดเก็บหรือแหล่งรวบรวมลิงก์ผลงานให้อยู่ในรูปแบบที่สวยงามดั่งหน้าเว็บไซต์ได้เลย!  โดยในวันนี้ Demeter ICT จะสอนทุกคนใช้งาน Google Sites เพื่อออกแบบ Portfolio & Resume ที่สามารถรวบรวมข้อมูลของคุณไว้ในที่เดียวได้อย่างง่าย ต้องทำอย่างไรบ้าง? ไปดูกัน! วิธีสร้าง Portfolio/ Resume ด้วย Google Sites 1.  เปิดหน้า Google Sites 2. ไปที่ Template Gallery ที่ด้านบนขวา เลื่อนลงมาแล้วเลือก Portfolio ในหมวดหมู่ Personal  3. ก่อนที่จะเริ่มออกแบบหน้าเว็บ ให้คุณเลือกก่อนว่าคุณต้องการแท็บเมนูอยู่ด้านบนหรืออยู่ด้านหน้า โดยไปที่ Settings เลือก Navigation คลิก Mode 4. จากเมนู Setting หากคุณมี Google Analytic และต้องการให้เชื่อมต่อกับหน้าเว็บที่คุณกำลังสร้างนี้ ให้คลิกไปที่ Analytics ใส่ Measurement ID แล้วกดสวิตช์เปิดที่ด้านล่าง 5. เมื่อตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเริ่มใส่ข้อมูล รูปภาพ หรือไฟล์งานตามที่ Template แนะนำได้เลย หรือหากต้องการออกแบบเนื้อหาเอง เช่น ปุ่มลิงก์ไปยัง Facebook, LinkedIn, หรือ Email คุณสามารถไปที่เมนู Insert ที่ด้านขวาแล้วเลือกฟังก์ชันที่คุณต้องการ โดยมีตัวเลือกดังนี้  Button  Table of Content  Image Carousel  YouTube  Map  Chart ...

Continue reading