หากจะพูดถึงการทำงานแบบ Collaboration ก็คงนึกถึงแพลตฟอร์มอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก Google Workspace และ Zimbra โดยเมื่อไม่นานมานี้ Zimbra ได้ประกาศยุติการซัพพอร์ตเวอร์ชัน Daffodil v10.0.x ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา และจะยุติการซัพพอร์ตทางเทคนิคในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 นี้ด้วย ส่งผลให้ผู้ใช้งาน Zimbra ในปัจจุบันได้รับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลและไม่สามารถแก้ไข Bug ระหว่างการใช้งานได้ ซึ่งหากคุณต้องการใช้งานต่อ คุณจะต้องอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Daffodil v10.1.x หรือเปลี่ยนโซลูชันเพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและสะดวกมากขึ้น ประกาศการยุติให้บริการจาก Zimbra ขอบคุณข้อมูลจาก www.zimbra.com ดังนั้นหากองค์กรของคุณกำลังพิจารณาและมองหาโซลูชันใหม่อย่าง Google Workspace เราจึงได้จัดทำบทความเปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง Google Workspace และ Zimbra เพื่อให้คุณสามารถเลือกโซลูชันให้เหมาะสมกับการใช้งานในองค์กรได้มากที่สุด เปรียบเทียบ Google Workspace และ Zimbra เจ้าของผลิตภัณฑ์ (บริษัทแม่) Google Synacor แอปพลิเคชันที่ได้รับ Email Calendar Drive Docs Slides Sheets Forms Meet Site Chat Vids (New) Gemini (Pro) NotebookLM (Pro) AppSheet Email Calendar Briefcase (งานเอกสารและการจัดการ Drive) Office (งานตารางและงานนำเสนอ) Chat and Video พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ / บัญชี 30 GB 2 TB 5 TB สามารถขอเพิ่มได้* หากคุณติดตั้งแบบ On-Premise พื้นที่จัดเก็บจะขึ้นอยู่กับ Hardware ของคุณ หากคุณติดตั้งแบบ Cloud-Hosted...
Continue readingสร้าง Infographic ด้วย Gemini เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นภาพที่เข้าใจง่าย
ล่าสุด Gemini (gemini.google.com) ช่วยสร้าง Infographic จากข้อมูลที่สืบค้นหรือจากไฟล์ข้อมูลที่มีก็ได้เช่นกัน ซึ่งฟังก์ชันนี้ช่วยให้คุณสามารถนำเสนอข้อมูลจากตัวหนังสือธรรมดาๆให้ออกมาเป็นภาพ Infographic ให้ดูน่าสนใจ เคยไหม? ที่บางทีข้อมูลที่เราสืบค้นมานั้นซับซ้อนแถมยังมีเนื้อหามากมาย ทำให้ต้องใช้เวลาอ่านทำความเข้าใจ ตรงนี้เราก็สามารถให้ฟังก์ชันนี้ช่วยแปลงข้อมูลเหล่านั้นออกมาเป็นภาพให้คุณทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง โต้ตอบข้อมูลบน Infographic ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา หรือรูปแบบ สี การจัดวางก็ทำได้ ซึ่งวิธีแปลงข้อมูลเป็น Infographic นั้นทำได้ง่ายๆ เพียง 3 สเต็ปนี้ วิธีสร้าง Infographic ด้วย Gemini ที่หน้าเว็บ gemini.google.com ไปที่เมนู Tools เลือก Canvas 2. พิมพ์ Prompt ที่ต้องการ เช่น “ขอรายละเอียดเกี่ยวกับ Human Resource Management” 3. จากนั้น Gemini จะสืบค้นข้อมูลออกมา ให้ไปที่เมนู Create แล้วเลือก Infographic เพื่อให้ประมวลผลออกมาเป็นแผนภาพ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้ Infographic มาแล้ว คุณก็ยังสามารถโต้ตอบข้อมูลที่อยู่บนกราฟิกได้ตลอดเวลาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่พึงพอใจมากที่สุด และนั่นก็คือความสามารถที่มาจาก Google Gemini API นั่นเอง การสร้างอินโฟกราฟิกด้วย Gemini ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การนำเสนอข้อมูลเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจ ไม่ว่าข้อมูลจะซับซ้อนแค่ไหนก็สามารถแปลงออกมาเป็นภาพที่เข้าใจได้ทันที หวังว่าคุณจะได้ไอเดียจากประโยชน์ของฟังก์ชันนี้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการนำเสนอข้อมูลในโอกาสต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ...
รู้จัก Gemini Deep Research ผู้ช่วยวิจัย AI ส่วนตัว ที่พร้อมค้นหาคำตอบในทุกข้อคำถาม และวิธีการใช้งาน
“หมดปัญหากับการค้นคว้าข้อมูลที่ซับซ้อน Gemin Deep Research จะช่วยคุณลงสำรวจหัวข้อที่ต้องการ และสรุปผลในรูปแบบรายงานที่อ่านง่าย” การค้นคว้าข้อมูลในเรื่องที่ซับซ้อนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องที่ท้าทาย เริ่มตั้งแต่การวางแผนเพื่อคัดกรองข้อมูลมหาศาล การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ การเปรียบเทียบเนื้อหา รวมไปจนถึงการรวบรวมข้อมูลและสรุปออกมาเป็นรายงาน ที่ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ Gemini Deep Research สามารถช่วยคุณได้ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น! Gemini Deep Research คืออะไร? Gemini Deep Research คือผู้ช่วยวิจัยส่วนตัวที่ใช้ AI ขั้นสูงที่อยู่ใน Gemini Advanced (Chat with Gemini) มีความสามารถในการวางแผนการวิจัย ค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและสรุปผลเป็นรายงานที่เข้าใจง่ายบน Google Docs ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ และสัมผัสประสบการณ์การเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน Dave Citron (Senior Director, Product Management, Gemini app) ได้กล่าวไว้ในบทความว่า Deep Research เป็นก้าวสำคัญในวิสัยทัศน์ของ Google ที่ต้องการพัฒนา AI ให้มีความสามารถในการดำเนินการและตัดสินใจได้ด้วยตนเองมากขึ้น (Agentic AI) จึงกลายเป็น Gemini Deep Research ที่สามารถค้นคว้าข้อมูลได้เองเหมือนนักวิจัยมืออาชีพ ที่อาศัยการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลมากถึง 1 ล้านโทเค็นให้ออกมาเป็นรายงานที่ละเอียดและเข้าใจได้ง่าย ข้อแตกต่างระหว่าง Gemini Deep Research และ Gemini Flash หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมการวิเคราะห์ข้อมูลต้องใช้ Gemini Deep Research แล้ว Gemini Flash ใช้แทนไม่ได้หรือ? เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างที่เข้าใจง่ายกันเลย ลองนึกภาพว่าคุณต้องการวิเคราะห์เทรนด์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย คุณอาจมีคำถามที่ซับซ้อนมากมาย เช่น – “แนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเป็นอย่างไร?”– “ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค?”– “คู่แข่งรายสำคัญในตลาดนี้มีใครบ้าง และมีกลยุทธ์อย่างไร?” เมื่อใช้ Gemini Flash Gemini Flash จะให้คำตอบที่รวดเร็วและกระชับ แต่ข้อมูลอาจจะไม่ละเอียดพอสำหรับการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น อาจจะได้ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า...
Continue readingใช้ Gemini อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ตรงใจ ง่าย ๆ เพียงเลือกใช้เครื่องมือให้ถูก !
“Gemini สร้างผลลัพธ์ไม่ตรงใจหรือยังตอบคำถามไม่ถูกต้อง” ถ้าปัญหานี้เคยเกิดขึ้นกับคุณ รู้หรือไม่? อาจเป็นเพราะว่าคุณแค่เลือกใช้เครื่องมือที่ไม่เหมาะสมกับ Prompt ก็เป็นได้ เพราะเครื่องมือแต่ละตัวใน Gemini จะได้รับการฝึกฝนทักษะและมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน เพื่อให้ผลลัพธ์จาก Gemini ดียิ่งขึ้น Demeter ICT แนะนำ ดังนี้ เลือกโมเดล (Models) ให้เหมาะกับงาน เลือกเครื่องมือ (Tools) ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการ หมายเหตุ: คุณไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องมือในทุก Prompt เสมอไป หากเป็น Prompt หรือคำถามทั่วไป การเลือกใช้โมเดลก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากคุณต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น เราแนะนำให้เลือกใช้เครื่องมือด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ใช้ Gemini โมเดลไหนดี Flash และ Pro แตกต่างกันอย่างไร ? ปัจจุบัน Gemini มีอยู่ 2 โมเดล คือ Flash และ Pro ซึ่งวิธีสังเกตว่าคุณกำลังใช้โมเดลไหนอยู่ ให้คุณเปิดเข้า https://gemini.google.com/app แล้วไปที่โมเดลด้านบนซ้าย ดังภาพนี้ ✨Flash โมเดลที่เน้นด้านการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลแบบรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน AI ในชีวิตประจำวันทั่วไป เพื่อการค้นคว้าข้อมูล ตอบคำถามที่ไม่ซับซ้อน และต้องการคำตอบอย่างรวดเร็ว ✨Pro โมเดลที่เน้นการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การเขียนโค้ด การคำนวณ และการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน ซึ่งโมเดลนี้จะใช้เวลาในการสร้างสรรค์คำตอบนานกว่าเล็กน้อย แต่จะมีความแม่นยำกว่าโมเดล Flash เปรียบเทียบการใช้โมเดล Flash และ Pro Flash Pro เครื่องมือต่าง ๆ ใน Gemini Deep Research – ฟีเจอร์สำหรับการค้นคว้าแบบเจาะลึก หากคุณต้องการเจาะลึกข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตโดยที่ไม่ต้องค้นหาด้วยตัวเอง ฟีเจอร์นี้สามารถช่วยคุณค้นหาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาน 5 – 10 นาทีเท่านั้น โดยหลังจากที่คุณพิมพ์ Prompt ลงไป Deep Research จะทำการคิดหัวข้อการค้นหาออกมาเป็นข้อ...
Continue readingเจาะเบื้องหลังความสำเร็จของไทยรัฐ: Google Workspace และ Gemini กลยุทธ์สู่ความเป็นผู้นำด้านข่าวในทุกแพลตฟอร์ม
เจาะเบื้องหลังความสำเร็จของไทยรัฐ: Google Workspace และ Gemini กลยุทธ์สู่ความเป็นผู้นำด้านข่าวในทุกแพลตฟอร์ม หากพูดถึงสื่อข่าวยักษ์ใหญ่ในไทย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องนึกถึงไทยรัฐ องค์กรข่าวชั้นนำที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งปัจจุบันไทยรัฐยังคงพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดยั้งด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการก้าวเหนือและเป็นผู้นำด้านข่าวสารในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และออนไลน์ ผู้บริหารจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์ เหตุผลที่ตัดสินใจนำ Google Workspace มาปรับใช้กับการทำงานของไทยรัฐ คุณเนติพิกัติ ตังคไพศาล (เจ้าหน้าที่บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ไทยรัฐทีวี และ ไทยรัฐออนไลน์) ได้เปิดเผยว่า หนึ่งในความท้าทายหลักขององค์กรคือ การทำงานร่วมกันของพนักงานจำนวนมากถึง 800 คน ซึ่งครอบคลุมทั้งส่วนของฝ่ายผลิตรายการโทรทัศน์ (TV) และฝ่ายสื่อออนไลน์ เดิมทีพนักงานแต่ละฝ่ายต่างใช้เครื่องมือทำงานพื้นฐานที่แตกต่างกัน ทำให้การประสานงานภายในองค์กรไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เกิดความติดขัดและขาดความต่อเนื่อง จึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการมองหาแพลตฟอร์มหลักที่สามารถเชื่อมการทำงานของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องใช้งานง่าย เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การทำงานที่หลากหลายของพนักงานในปัจจุบัน ซึ่งที่สุดแล้วไทยรัฐก็ได้ติดสินใจนำ Google Workspace เข้ามาช่วยแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการขององค์กรได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประสบการณ์ที่ดีจากการใช้ Google Workspace การตัดสินใจนำ Google Workspace มาใช้ในองค์กร ถือเป็นการยกระดับการทำงานของพนักงานไทยรัฐอย่างแท้จริง เพราะเครื่องมือต่างๆ สามารถตอบโจทย์การทำงานได้อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น: การทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์: พนักงานสามารถทำงานบน Google Docs และ Google Sheets เพื่อแก้ไขเอกสารร่วมกันได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์ ทำให้ลดความซับซ้อนและประหยัดเวลาในการส่งต่อไฟล์ไปมา การจัดเก็บและแชร์ไฟล์ที่ราบรื่น: Google Drive ช่วยให้ทีมงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์มีเดียขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์วิดีโอหรือรูปภาพที่มีความละเอียดสูง ทำให้การประสานงานระหว่างฝ่ายคล่องตัวยิ่งขึ้น Gemini – AI อัจฉริยะที่มาพร้อมกับ Google Workspace นอกจากการใช้เครื่องมือของ Google Workspace เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันในองค์กรแล้ว ไทยรัฐยังได้นำ Gemini ซึ่งเป็นสุดยอด AI จาก Google มาเป็นอีกเครื่องมือสำคัญในการยกระดับงานข่าวให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ “Deep Research” ของ Gemini ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตข่าว ด้วยความสามารถที่โดดเด่น ดังนี้:...
Continue readingวิธีเปลี่ยนภาพพื้นหลังใน Google Meet
สนุกไปกับการประชุมมากขึ้น Google Meet อัปเดตฟีเจอร์ สามารถเปลี่ยนพื้นหลังได้แล้ว โดยเลือกจากภาพที่คุณมี, สร้างใหม่ด้วย Gemini หรือภาพจาก Google Meet ที่มีภาพพื้นหลังให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพออฟฟิศ วิวทิวทัศน์ หรือแบบ Abstract โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอื่น ๆ สามารถใช้ในเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome ได้เลย ซึ่งในปัจจุบัน Google Meet ที่ติดตั้งในอุปกรณ์เคลื่อนที่ สามารถเปลี่ยนพื้นหลังได้แล้ว บนอุปกรณ์ในรุ่นดังต่อไปนี้ 1. หากต้องการใช้ฟีเจอร์เปลี่ยนพื้นหลัง Google Meet และเอฟเฟกต์ในอุปกรณ์ iOS คุณต้องใช้อุปกรณ์ในรุ่นดังต่อไปนี้ iPhone 8 ขึ้นไป iPad รุ่นที่ 5 ขึ้นไป iOS 12 ขึ้นไป 2. หากต้องการใช้ฟีเจอร์เปลี่ยนพื้นหลัง Google Meet และเอฟเฟกต์ในอุปกรณ์ Android คุณต้องใช้อุปกรณ์ในรุ่นดังต่อไปนี้ Samsung Galaxy S9 ขึ้นไป Pixel 3 ขึ้นไป อุปกรณ์อื่น ๆ ที่คล้ายกัน อ่านบทความที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจอื่น ๆGoogle Meet เปลี่ยนพื้นหลังบนโทรศัพท์และแท็บเล็ตได้แล้ว ไปดูวิธีกันเลย! วิธีเปลี่ยนพื้นหลัง Google Meet บนคอมพิวเตอร์ หรือเดสก์ทอป ตั้งค่าง่าย ๆ ดังนี้ 1. เปิดแอป Meet > เลือกการประชุม 2. คลิก Backgrounds and effects ที่มุมมองด้านล่างขวา หรือหากเข้าประชุมแล้วต้องการเพิ่มภายหลัง ไปที่ More options เลือก Background and effects พื้นหลัง (Backgrounds) หากต้องการเบลอพื้นหลัง เลือก ...
Continue readingGoogle Sites คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง?
Google Sites คืออะไร? Google Sites คือ แอปพลิเคชันสร้างเว็บไซต์จาก Google Workspace โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรมหรือการออกแบบใด ๆ ซึ่งหากคุณมีบัญชี Google Workspace คุณจะสามารถใช้งานได้ฟรีในทุกแพ็กเกจ จุดเด่นของ Google Sites ทำอะไรได้บ้าง? สร้างเว็บไซต์ได้ง่ายมากเพียงแค่ลากและวาง มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมาย เช่น สี ฟ้อนต์ และเลย์เอาต์ ตกแต่งและปรับรูปแบบให้ดูสวยงามได้ตามต้องการ เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันใน Google Workspace ได้ เช่น Google Docs, Sheets, Slides, Calendar, และ Forms รวบรวมและจัดหมวดหมู่ไฟล์เอกสารทั้งหมดได้ในที่เดียว ทีมสามารถแก้ไข Google Sites ร่วมกันได้แบบ Real time เว็บไซต์ปรับขนาดได้อัตโนมัติ (Responsive) ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน กำหนดการแชร์สิทธิ์การเข้าถึงไปยังบุคคลภายในและภายนอกองค์กรได้ วิธีสร้างเว็บไซต์ด้วย Google Sites หากคุณมีบัญชี Google Workspace คุณจะสามารถเข้าใช้งานได้ฟรี เพียงทำตามวิธีการสร้างเว็บไซต์ด้านล่างนี้ หรือหากคุณยังไม่มีบัญชี Google Workspace สมัครเพียง 1 บัญชีก็สามารถใช้งาน Google Sites และแอปอื่น ๆ ได้ทันที ดูแพ็กเกจและราคา คลิกที่นี่ Demeter ICT – Google Cloud Premier Partner ในประเทศไทยและเอเชียแปซิปิกอย่างเป็นทางการ สนใจใช้บริการและต้องการติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้ที่Email: sales@dmit.co.thLine: @dmit (มี @)โทร: 02-030-0066...
วิธีการเขียนคำสั่ง ‘Prompt’ สำหรับผู้ใช้ Gemini for Google Workspace
จากที่ Google ได้ประกาศเปิดตัว Gemini Generative AI รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2024 ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ Gemini เป็นอย่างมาก เพราะ Gemini มีจุดเด่นที่เหนือกว่า Generative AI ทั่วไป เช่น ความง่ายในการใช้งาน: Gemini ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิค ความสร้างสรรค์: Gemini ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เขียนเนื้อหา แปลภาษา แต่งเพลง เขียนโค้ด และอื่น ๆ การยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน: Gemini ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ใช้ Gemini ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด Demeter ICT จึงได้นำบทความจาก Google มาแชร์ให้กับทุกท่านได้ศึกษาวิธีการเขียน Prompt หรือการเขียนคำสั่งใน Gemini อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากที่สุด ไปดูกันเลย! Prompt ใน Gemini คืออะไร? Prompt (คำสั่ง) เปรียบเสมือนบทสนทนาที่คุณจะต้องใช้สื่อสารกับ Gemini อาจมีการตั้งคำถามและตอบโต้เหมือนบทสนทนาทั่วไป บอกสิ่งที่คุณต้องการ และแสดงความคิดเห็น เพื่อแชร์ความคิดให้ทั้งสองฝ่ายเห็นภาพตรงกันนั่นเอง ฉะนั้นหากคุณอยากที่จะสื่อสารเพื่อให้ Gemini สามารถทำตามคำสั่งของคุณได้อย่างถูกต้อง คุณจะต้องมีอย่างน้อย 1 ใน 4 ขององค์ประกอบนี้ องค์ประกอบในการเขียน Prompt 1. บุคคล (Persona) คุณคือใคร/คุณต้องการสร้างข้อมูลนี้สำหรับใคร? 2. งาน (Task) คุณต้องการให้ Gemini ทำอะไรให้คุณ? 3. บริบท (Context) ข้อมูลเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ Gemini สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้แบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น 4. รูปแบบ (Format) คุณต้องการให้ Gemini จัดรูปแบบผลลัพธ์อย่างไร? (เช่น รูปแบบ Bullet point ข้อความสั้น หรือเป็นรูปภาพ...
Continue readingGoogle Workspace VS Gmail ฟรี แตกต่างกันอย่างไร?
1. Gmail แบบฟรี ไม่มี Official Email ของบริษัท หากบริษัทของคุณไม่มีโดเมนเนมเป็นของตัวเองนั้นอาจจะทำให้องค์กรดูไม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากลูกค้าหรือผู้ติดต่อจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่า Email ที่ตนกำลังประสานงานด้วยอยู่นั้นเป็นของบริษัทจริง ๆ หรือไม่ ดังนั้นการใช้แพ็กเกจจาก Google Workspace จะทำให้บริษัทมีโดเมนเป็นของตัวเองซึ่งทำให้บริษัทดูมีตัวตนและได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้าและทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูดีและมีความ Professional มากขึ้นอีกด้วย 2. Gmail ฟรี ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลนั้นคือพนักงานของบริษัทหรือไม่ การที่พนักงานใช้ Gmail ส่วนตัวหรือ Gmail ฟรีเข้ามาทำงานนั้นแสดงว่าพนักงานทุกคนสามารถตั้งชื่อ Gmail อะไรก็ได้ ทำให้บริษัทหรือบุคคลอื่นไม่สามารถรู้ได้ว่า Gmail นั้นเป็นของพนักงานคนใด ฝ่ายไหน หรือหากต้องการจะติดต่อกับใครก็จะหาค่อนข้างยากเนื่องจากทุกคนต่างใช้ชื่อที่ตนต้องการ ว่าง่าย ๆ ก็คือ การที่องค์กรซื้อบริการจาก Google Workspace จะช่วยจัดการ Gmail ของพนักงานอย่างเป็นระบบทำให้บริหารพนักงานง่ายขึ้นและทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น 3. Gmail ฟรี ระหว่างทำงานร่วมกัน ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีใครที่กำลังใช้งานอยู่บ้าง สืบเนื่องมาจากข้อด้านบนที่พนักงานต้องใช้ Gmail ส่วนตัวเข้ามาทำงาน ไม่มีการกำหนดชื่อหรือควบคุมรายชื่อพนักงานแบบเป็นแบบแผน จึงทำให้เวลาทำงานร่วมกันแบบ Real time คุณไม่สามารถรู้ได้ว่ามีใครเข้ามาทำงานบ้าง คนที่คุณกำลังทำงานร่วมกันอยู่ด้วยนั้นเป็นใคร จะเห็นได้แค่นามสมมุติที่ถูกสร้างโดย Google แบบอัตโนมัติเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณใช้แพ็กเกจสำหรับองค์กร คุณสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของคนในทีมที่กำลังทำงานร่วมกันอยู่ได้ ซึ่งจะสามารถระบุตัวตนได้เลยว่าบัญชีที่กำลังเข้าใช้งานอยู่นั้นเป็นของพนักงานคนใดในบริษัท ไม่ต้องห่วงว่าจะมีบุคคลที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาร่วมงาน คุณสามารถเห็นและระบุตัวตนได้ทันที รวมถึงคุณยังสามารถดู Version history ได้ด้วย จึงไม่ต้องกังวลว่าใครแก้ตรงไหน เพิ่มตรงไหน ลบตรงไหนออกไป สามารถตรวจสอบและกู้คืนย้อนหลังได้ 4. Gmail ฟรี หากพนักงานลาออกบริษัทไม่สามารถดึงข้อมูลกลับมาใช้ได้ เมื่อพนักงานใช้ Gmail ส่วนตัวทำงานข้อมูลก็จะถูกเก็บไว้ในบัญชีนั้น ๆ ทำให้เมื่อพนักงานคนดังกล่าวลาออกไปบริษัทไม่สามารถนำข้อมูลที่อยู่ในบัญชีอีเมลนั้นมาใช้ได้เนื่องจากเป็นบัญชีส่วนตัว มิหนำซ้ำยังเสี่ยงต่อการถูกล้วงข้อมูลอีกด้วย แต่สำหรับ Google Workspace คุณจะมีแอดมินคอยควบคุมอยู่ ไม่ว่าพนักงานคนไหนลาออก ข้อมูลก็จะถูกดึงมายังส่วนกลางทันที ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวข้อมูลหายอีกต่อไป 5. Google Workspace แบบฟรี ข้อมูลไม่มีความปลอดภัย จากข้อมูลที่ได้กล่าวไปแล้วด้านบน คุณคงจะเห็นแล้วว่าบริษัทไม่สามารถควบคุม Gmail แบบฟรีได้ จึงทำให้ข้อมูลนั้นเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมได้ง่ายเพราะว่าใครก็สามารถปลอมแปลงเข้ามาเป็นบุคคลในบริษัทแล้วเข้าถึงข้อมูลได้...
Continue reading