การใช้ชื่อโดเมนเป็นชื่อเดียวกับบริษัทของคุณในการทำธุรกิจ (อย่างเช่น john@yourcompany.com) จะช่วยให้บริษัทของคุณดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และเป็นเครื่องยืนยันว่าคุณกำลังทำธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ยังมีหลายธุรกิจที่ยังใช้ชื่อโดเมนเป็น “@gmail.com” อยู่เลย สาเหตุหลักๆ อาจจะมาจากกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวระบบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หรือค่าใช้จ่ายบริษัทที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น แต่หมดกังวลไปได้เลย เพราะสิ่งที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ จะทำให้คุณสนใจหันมาใช้ G Suite ได้อย่างแน่นอน หน้าเว็บอีเมลแบบเดิม หน้าเว็บอีเมลของ G Suite ไม่มีอะไรต่างจาก Gmail ที่คุณใช้เลย เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการสร้างความคุ้นเคยใหม่ สร้างแบรนด์ให้ธุรกิจของคุณ นอกจากจะใช้อีเมลในการติดต่อธุรกิจที่เป็นชื่อโดเมนของคุณเองแล้ว หน้าเว็บอีเมลยังสามารถใส่โลโก้บริษัท แทนโลโก้ของกูเกิ้ลได้อีกด้วย หน่วยความจำบนระบบคลาวด์ แต่ละ user จะได้รับพื้นที่อีเมล เอกสารต่างๆ ถึง 30GB จากเดิม 15GB ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ G Suite ออกแบบมาให้คุณและเพื่อนร่วมกันสามารถทำงานร่วมกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ เวลาใด และยังสามารถแชร์เอกสารต่างๆ ด้วยบริการอื่นๆ ที่มีอยู่ใน G Suite อย่าง Google Drive, Google Docs, Google Sheets, หรือ Google Slides เป็นต้น เชื่อมต่อได้ทุกอุปกรณ์ สามารถใช้ IMAP เพื่อช่วยให้ข้อมูลในกล่องข้อความของคุณเชื่อมต่อได้กับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ แอปพลิเคชันอย่าง Apple Mail หรือ Microsoft Outlook สามารถรองรับการตั้งค่า IMAP ของกูเกิ้ลได้อีกด้วย ซึ่งการใช้ IMAP ข้อมูลของคุณถูกเก็บรวมอยู่ในระบบคลาวด์ เป็นระบบศูนย์กลาง เมื่อคุณละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ มาใช้โทรศัพท์มือถือ กล่องข้อความของคุณก็จะถูกซิงค์ ข้อมูลต่างๆ ยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง การตั้งค่าที่น่าเชื่อถือ หากโฮสต์ของเว็บคุณเกิดออฟไลน์ หรือคุณตัดสินใจที่จะเปลี่ยนโฮสต์ คุณยังสามารถใช้งานอีเมลต่อได้อยู่โดยไม่มีปัญหาขัดข้องใดๆ เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจคุณ G Suite สามารถเพิ่มหรือลบ user ตามการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจคุณได้อย่างอิสระ แต่ไม่ใช่แค่เพียงเท่านี้...
Continue readingแค่มี Google Translate ไม่ต้องกลัวหลงทางหรือสั่งอาหารไม่ได้
ปัญหาของคนที่ใช้ Google Translate หลายคนคือเวลาเห็นป้ายข้อความในภาษาต่างประเทศ ไม่รู้จะแปลยังไง แต่ต่อไปนี้เราไปเที่ยวประเทศไหนก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือสั่งอาหารไม่ได้แล้วครับ เพราะแค่พกเครื่องโทรศัพท์มือถือไปไหนมาไหน เราก็เที่ยวได้อย่างสบายใจ ก่อนหน้านี้ถ้าใครจำได้ Google Translate แอพแปลภาษาของ Google บนโทรศัพท์มือถือสร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกด้วยพีเจอร์ Instant translate ที่เพียงเราเอากล้องในโทรศัพท์มือถือไปส่องตามป้าย,หน้าจอแสดงผล,กระดาษ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มีตัวหนังสือพิมพ์อยู่ มันจะสามารถแปลคำหรือประโยคที่อยู่บนป้ายเหล่านั้นให้เป็นภาษาที่เราต้องการได้เลยทันที แต่น่าเสียดายที่ช่วงแรกที่ปล่อยออกมา Google รองรับเพียง 7 ภาษาเท่านั้นและไม่มีภาษาไทย มาจนถึงวันนี้ Google Translate อัพเดตใหม่รองรับภาษาไทยในการทำ Instant translate หรือ แปลสด แล้วครับ Google ประกาศเรื่องอัพเดตใหม่ของ Google Translate เมื่อวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า Quote: “พวกเราเริ่มต้นเปิดความสามารถนี้ให้กับ 7 ภาษาคือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โปรตุเกส, รัสเซีย และสเปน มาวันนี้เราขอเพิ่มเข้าไปอีก 20 ภาษา โดยคุณสามารถแปลแบบไปกลับระหว่างภาษาอังกฤษ, บัลแกเรีย, คาตาลัน, โครเอเชีย, เช็ก, เดนิช, ดัตช์, ฟิลิปปินส์, ฟินแลนด์, ฮังการี, อินโดนีเซีย, ลิทัวเนีย, นอร์เวย์, โปแลนด์, โรมาเนีย, สโลวัก, สวีเดน, ตุรกี และยูเครน นอกจากนั้นคุณยังสามารถแปลแบบทางเดียวจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาฮินดีและภาษาไทยได้อีกด้วย (หรือถ่ายภาพนิ่งของตัวหนังสือแล้วเอามาแปลทีหลัง เราก็แปลได้ถึง 37 ภาษา)” จากการทดลองด้วยตัวเองพบว่า เมื่อเราอัพเดต Google Translate แล้วเข้าไปใช้งานเลือกภาษาเป็น English -> Thai เมื่อกดปุ่มกล้องแล้วจะมีข้อความแจ้งมาให้ download language pack เพิ่มอีกประมาณ 3MB จากนั้นก็ใช้งานได้เลยครับ เอากล้องไปส่งตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่ไหนก็ได้ แล้วมันจะถูกแทนที่ด้วยภาษาไทยทันที มหัศจรรย์มาก คือเข้าใจอารมณ์ของ “วุ้นแปลภาษา” ของวิเศษในโดราเอมอนเลยทีเดียว วิดีโอต่อไปนี้จะเป็นวีดีโอแนะนำอัพเดตของ Google Translate ที่ทำประกอบเพลง La Bamba...
Continue reading3 เครื่องมือสุดเทพ บน Gmail ที่คุณอาจยังไม่รู้จัก
มาถึงวันนี้เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก Gmail บริการ Free Email ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ ที่สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ชนิดใดก็ได้ มาพร้อมกับ เครื่องมือการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินสำหรับบันทึกตารางการประชุม, ห้องสนทนาสำหรับเจรจาธุรกิจ, รวมถึงมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บ Email ที่มากถึง 15 GB ทำให้มีผู้ใช้งาน Gmail มากที่สุดในโลก คือมากกว่า 425 ล้านคน แต่เครื่องมือการใช้งานดังกล่าว เป็นเครื่องมือที่คนส่วนใหญ่รู้จักและใช้งานเป็นประจำอยู่แล้ว วันนี้เราจะขอแนะนำเครื่องมือที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น ด้วย 3 เครื่องมือบน Gmail ที่คุณอาจไม่เคยใช้ หรือไม่รู้มาก่อนว่ามีอยู่ ซึ่งจะเป็นอะไรบ้างนั้น ติดตามได้ที่นี่เลย 1. ปุ่ม “ยกเลิกการส่ง” คุณอาจเคยสะกดข้อความบนอีเมลผิด ลืมแนบไฟล์สำคัญ หรือส่งอีเมลไปให้ผิดคน! แต่กว่าจะรู้ตัวก็กด ส่ง อีเมลไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอีเมลที่ส่งไปอย่างผิดพลาดนั้นอาจทำให้ชีวิตต้องเจอกับปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาได้ ทาง Google จึงได้ออกแบบตัวช่วยนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานั้นให้กับคุณ เพียงแค่คลิกที่ปุ่ม “ยกเลิกการส่ง” แบบง่ายๆ เท่านั้นเอง วิธีการตั้งค่า “ยกเลิกการส่ง” คลิก ไอคอนเฟือง ที่มุมบนขวาของหน้า Gmail >> คลิกตัวเลือก การตั้งค่า >> คลิกแท็บ ทั่วไป >> และคลิก “เปิดใช้” ที่หัวข้อ ยกเลิกการส่ง และสามารถ ตั้งระยะเวลาการยกเลิก ได้ตามต้องการ สุดท้ายคลิก บันทึก เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีเวลา 5-30 วินาทีในการตรวจทานความถูกต้องของอีเมลหลังจากที่กด ส่ง ไปแล้ว เพื่อที่หากต้องการแก้ไขเพิ่มเติมก็สามารถกด Undo กลับสู่หน้าแก้ไขอีเมลได้อย่างทันท่วงที 2. เครื่องมือ “การตอบกลับสำเร็จรูป” หากคุณรู้สึกว่าต้องตอบคำถาม หรือพิมพ์ข้อความในรูปแบบซ้ำ ๆ เพื่อตอบกลับอีเมลอยู่บ่อยครั้ง เราขอแนะนำให้คุณใช้ตัวช่วย ด้วยเครื่องมือที่มีชื่อว่า “การตอบกลับสำเร็จรูป (Canned Responses)” ที่จะทำให้คุณสามารถพิมพ์เนื้อหาของอีเมลเก็บเอาไว้ และสามารถเรียกขึ้นมาใช้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ การเปิดใช้งานก็สามารถทำได้ง่าย เพียงแค่ไม่กี่คลิก วิธีการตั้งค่า “การตอบกลับสำเร็จรูป” คลิก ไอคอนเฟือง ที่มุมบนขวาของหน้า Gmail >> คลิกตัวเลือก การตั้งค่า >> คลิกแท็บ ห้องทดลอง (Labs) >> กรอกข้อความในช่องค้นหาห้องทดลอง ว่า “การตอบกลับสำเร็จรูป” >> เมื่อปรากฎหัวข้อดังกล่าวให้คลิก “ใช้งาน” >>...
Continue readingเผยกลยุทธ์มัดใจผู้เล่นจากค่ายที่ผลิตเกมยอดฮิตอย่าง LOL
จำนวนเอเจนท์ 500+ ปริมาณ Ticket / ปี มากกว่า 3 ล้าน จำนวนผู้เล่น / เดือน มากกว่า 100 ล้าน จำนวนมาโคร 2,000 Products Used “ ในโลกแห่งรูนเทอร์ร่า ด้วยทักษะ การทำงานเป็นทีม และโชคช่วยอีกนิดหน่อย จะนำชัยชนะมาสู่คุณ จงก้าวไปสู่ชัยชนะสูงสุดด้วยการทำลายทีมอื่น ๆ และปกป้อง Nexus ไว้ให้ได้ ” ด้วยยอดผู้เล่นที่มากกว่า 100 ล้านรายต่อเดือน ทำให้เกม League of Legends จากค่าย Riot Games มีฐานแฟนๆที่เหนียวแน่นทั่วโลกที่ทุ่มเทให้กับการเล่นในลีกและจับตาดูการแข่งขันบน Twitch และ YouTube เกม League of Legends หรือที่เหล่าเกมเมอร์ในประเทศไทยรู้จักกันดีในชื่อย่อว่า LOL เปิดตัวในปี 2009 โดยจัดเป็นเกมออนไลน์ประเภท MOBA ที่ยังคงรักษาและดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ เนื่องจากตัวเกมมีการออกแบบที่น่าสนใจ โดยผู้ก่อตั้ง Brandon Ryze Beck และ Marc Tryndamere Merrill ต้องการสร้างเกมในฐานะที่เป็นผู้เล่นเองเพื่อผู้เล่นทั่วโลก และในทุกๆวัน ทีม Support Engineering ของ Riot Games ที่นำทีมโดย Shaun BlueFire Randall (product manager in Support Engineering) ได้พยายามค้นหาวิธีการที่จะช่วยลดอุปสรรคต่างๆที่ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถเล่นเกมได้ และทำให้ประสบการณ์ของผู้เล่นดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ League of Legends ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการปรับกลยุทธ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งค่ายอื่นๆ ในช่วงแรก Riot ใช้ระบบอีเมลเพื่อจัดการกับคำขอสนับสนุนต่างๆจากผู้เล่น แต่เมื่อฐานบริษัทได้เติบโตขึ้นอย่างมาก จึงเห็นได้ชัดเลยว่าบริษัทต้องการโซลูชันที่ดีกว่าในการสนับสนุนผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลังจากทำการประเมินจากผู้จัดจำหน่ายหลายราย Riot Games ได้เลือกใช้ Zendesk...
Continue readingจับไอเดียจากความคิด เนรมิตให้เกิดขึ้นจริงด้วย G Suite
หลายคนคงทราบกันดีว่า ไอเดียสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ G Suite ช่วยสรรสร้างงานต่างๆ จากไอเดียของคุณได้อย่างง่ายดาย และนี่คือ 4 วิธิเบื้องต้น ในการใช้แอพพลิเคชันอันชาญฉลาดใน G Suite จาก Google 1. ไอเดียนั้นจะลงตัวได้ ถ้าทุกคนในทีมคุยกัน สำหรับบางคน ไอเดียใหม่ๆ มักจะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว รีบระดมสมองกับเพื่อนร่วมทีมของคุณก่อนที่ไอเดียนั้นจะหายไปด้วยฟีเจอร์ “Find a Time” และ “Find a Room” ใน Google Calendar ฟีเจอร์อัจริยะที่จะช่วยค้นหาวันเวลาที่ว่างตรงกันมากที่สุดของคนในทีม และยังสามารถค้นหาห้องประชุมที่ว่างอยู่ พร้อมทั้งบอกรายละเอียดต่างๆให้เสร็จสรรพ 2. พักสมองสักนิด แล้วค่อยกลับมาคิดงานต่อ ในบางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำโปรเจ็คอันยาวไกลนี้ให้ราบรื่นต่อไปได้ ก็คือการพักสายตา ร่างกาย หรือจิตใจสักหน่อย ออกไปสูดอากาศด้านนอกสักนิด แต่คุณก็ยังสามารถติดตามโปรเจ็คได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แม้ว่าตัวคุณจะอยู่นอกออฟฟิศก็ตาม ด้วย Google Drive ที่มีฟีเจอร์ค้นหาไฟล์ให้คุณอัตโนมัติ และถ้าคุณใช้ Team Drives ที่มาพร้อมกับ G Suite แพ็คเกจ Business ขึ้นไป คุณจะสามารถกำหนดสิทธิ์ในการแชร์ไฟล์ หรือการเข้าถึงข้อมูลของคนในทีม และยังรับรองในเรื่องความปลอดภัยข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย 3. แก้ไขครั้งสุดท้าย แล้วนำเสนองานให้โดนใจ นัดเวลาว่างตรงกันได้แล้ว แต่ไม่เคยได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาครบทีมเสียที สิ่งเหล่านั้นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณอีกต่อไป เพราะคุณสามารถนำเสนองานให้เพื่อนร่วมทีมผ่าน Google Hangouts ได้เลย ไม่ว่าเพื่อนร่วมทีมจะอยู่ที่ไหนเวลาใด แถมคุณยังสามารถแชร์ Google Slides ของคุณจากคอมพิวเตอร์ให้เพื่อนในทีมดูผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ของพวกเขาได้อีกด้วย 4. ติดตามผลโปรเจ็คของคุณ การคิดงานเป็นส่วนที่ยากแล้ว แต่ส่วนที่ยากกว่าก็คือการติดตาม หรือวัดผลความสำเร็จของโครงการ แต่ G Suite ก็ยังสามารถช่วยคุณได้เช่นเคย ลองใช้แบบสำเร็จรูปใน Google Sheets สร้างรายละเอียดตัวติดตามโครงการ Sheets ยังช่วยให้คุณสามารถหาจำนวนผลลัพธ์เมื่อสิ้นสุดโครงการของคุณ ใช้ Explore ใน Sheets เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกแบบทันที เพียงแค่ระบุคำถามที่ต้องการ แต่ต้องไม่ใช่สูตรเชิงคณิตศาสตร์ เมื่อเสร็จแล้วให้สร้าง Google Formขึ้นมาสักอัน เพื่อขอรับความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงการในครั้งต่อไป และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของการใช้เครื่องมือจาก G Suite เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่ไม่ใช่แค่เพียงเท่านี้ G Suite ยังสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด สนใจใช้ G Suite คุณสามารถสอบถามรายเอียดต่างๆ การใช้งาน หรือราคา G Suite กับทาง ดีมีเตอร์ ไอซีที ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยได้เลยค่ะ ที่มา – Google Blog บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite...
Continue readingGoogle Drive ถูกจัดให้เป็นผู้นำแห่งคลาวด์โซลูชัน
คุณทราบหรือไม่ว่าบริษัทระดับโลกอย่าง Whirlpool กำลังหันมาใช้ Google Drive เพราะต้องการเครื่องมือที่มีความปลอดภัย และใช้งานง่าย ที่สำคัญคือสามารถแชร์ข้อมูลต่างๆ ภายในองค์กรได้ ไม่เพียงแค่ Whirlpool ที่ใช้ ยังมีบริษัทชั้นนำระดับโลกอีกมากมายที่ใช้บริการ G Suite ของกูเกิ้ล อย่าง ASICS, HP, PWC, Salesforce ฯลฯ ในวันนี้จากรายงาน *The Forrester Wave™ ปี 2017 Google Drive ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำคลาวด์โซลูชันในด้าน Enterprise File Sync And Share (EFSS) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ บริการฝากและแชร์ไฟล์สำหรับองค์กรนั่นเอง *The Forrester Wave™ : เครื่องหมายการค้าของบริษัท Forrester Research ทำการสำรวจตลาด เปรียบเทียบ ให้คะแนน แสดงผลในรูปแบบกราฟฟิก โดยที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ข้อมูลที่ได้จะแสดงผลที่ดีที่สุดของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง แล้ว Google Drive ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจคุณได้อย่างไร? สำหรับหน่วยธุรกิจต่างๆ ที่กำลังใช้อยู่ หรือมีความคิดที่จะเริ่มใช้งานเครื่องมือบนระบบคลาวด์จาก Google คุณจะได้ประโยชน์มากมายจากการทำงานบนระบบคลาวด์อย่างแน่นอน ซึ่งทางกูเกิ้ลได้ทำการเพิ่มประสิทธิภาพของ Google Drive ด้วยฟีเจอร์ต่างๆมากมาย ให้คุณสามารถใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนี้ Team Drive มีอยู่ใน G Suite แพ็คเกจ Business ขึ้นไป เป็น Drive ส่วนกลางขององค์กร ให้คุณสามารถทำงานบนไฟล์ที่ทุกคนในทีมเป็นเจ้าของร่วมกันได้ แตกต่างกับ Drive ธรรมดาในเรื่องสิทธิ์ความเป็นเจ้าของไฟล์ ที่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งในทีม ไม่ใช่ของส่วนกลาง AppBridge องค์กรของคุณสามารถย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์อย่างปลอดภัย สะดวก และง่ายดายมากยิ่งขึ้น Drive File Stream ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่บนดิสก์จำนวนมาก ป้องกันข้อมูลสูญหาย และ Google...
Continue readingเรื่องจริงไม่อิงนิยาย มหันตภัยของ man-In-the-middle
คำว่า man-in-the-middle กำลังมาแรงในการสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจในยุคปัจจุบัน ฟังชื่อภาษาอังกฤษก็พอจะเดากันได้ครับว่าต้องมีบุคคลที่สามแทรกอยู่ระหว่างกลาง (ถ้าแปลกันตรงตัวเลยครับ) เช่น เป็นบุคคลที่สามระหว่างคนสองคน บุคคลที่สามที่มาสร้างความปั่นป่วนให้กับความสัมพันธ์ ซึ่งในทางธุรกิจ การทำ man-in-the-middle เป็นเทคนิคด้านไอทีที่มีคนเข้ามาแทรกระหว่างกลางของการสื่อสารระหว่างสองบริษัท ซึ่งช่องทางที่ง่ายที่สุดและจับได้ยากที่สุดก็คือช่องทางอีเมล!!! ในการติดต่อสื่อสารระหว่างสองบริษัทโดยเฉพาะการติดต่อคู่ค้าที่อยู่คนละประเทศ ช่องทางอีเมลย่อมเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดเนื่องจากประหยัดและสามารถอธิบายข้อความได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยในทางธุรกิจก็จะนิยมใช้อีเมลตามด้วยโดเมนเนมองค์กรตนเอง ซึ่งการใช้อีเมลโดเมนองค์กรตนเองก็มีหลายทางเลือก ทางเลือกที่คนทั่วไปนิยมใช้ที่สุดก็คือใช้ระบบเมลที่แถมมากับการจดโดเมนและเว็บโฮสติ้ง ซึ่งผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งก็มักจะแถมระบบเมลฟรีที่ให้มากับเว็บโฮสติ้ง ที่ใช้งานแบบง่ายๆ อาจจะเปลี่ยนรหัสผ่านไม่ได้ วันดีคืนดีระบบล่ม หรือข้อมูลหาย เนื่องจากระบบอีเมลมักจะเป็นช่องทางที่พวกแสวงหาผลประโยชน์ในทางธุรกิจจับตามองและหาช่องในการยิงข้อความหรือล้วงความลับจากอีเมล แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยายครับ เกิดขึ้นกับผู้ประกอบธุรกิจมาแล้วหลายราย และจะพบว่าการใช้เครื่องมือในทางธุรกิจที่ฟรีแต่มีจุดอ่อนมหาศาลย่อมไม่คุ้มค่ากับมูลค่าทางธุรกิจที่สูญเสียไป หนึ่งในเทคนิคที่มิจฉาชีพยุค 4.0 ใช้กันก็คือที่เราจั่วหัวครับ คือเทคนิคที่เรียกว่า man-in-the-middle วิธีการก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ผมขออนุญาตสมมติเหตุการณ์จริงที่เกิดกับผู้ประกอบธุรกิจหลายรายในนามสมมติ หากบังเอิญไปพ้องกับชื่อท่านใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ บริษัท AAA เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจส่งออกสินค้าจากประเทศไทย โดยมีบริษัท BBB เป็นผู้สั่งสินค้าอยู่ที่ประเทศอูกันดา โดยบริษัท AAA มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบสมมติว่าชื่อ สมชาย โดยสมชายใช้อีเมลว่า somchai@aaa.com และติดต่อกับฝั่งอูกันด้าชื่อว่าไมเคิล สมมติว่าใช้เมลว่า michael@bbb.com โดยที่ผ่านมาก็สั่งสินค้าและโอนเงินกันปกติ เป็นคู่ค้าที่ดีมาหลายปี แม้จะพูดภาษาอังกฤษกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เรื่องเขียนอีเมลสมชายเขียนได้ถูกหลักไวยกรณ์เป๊ะ มีอยู่วันหนึ่งมีบุคคลที่สามสมมติว่ามาจากประเทศบัลแกเรีย ที่เป็นมิจฉาชีพชื่อว่า จอห์น โดยจอห์นกำลังหาเหยื่อที่มีจุดอ่อนทางเทคโนโลยี จอห์นก็ได้ใช้เครื่องมือที่แฮกเกอร์ใช้กันประจำและสแกนเข้าไปเจอพอร์ตว่า โดเมน aaa.com นี่หวานหมูในการเข้าแทรกระหว่างกลางตามคอนเซปของ man-in-the-middle จึงได้แทรกตัวเข้าไประหว่างอีเมล ที่แทรกตัวเข้าไปได้ โดยจอห์นได้สร้างอีเมลขึ้นอันหนึ่งที่ดูแล้วเหมือนกับโดเมนของ AAA มาก โดยใช้ชื่อว่า somchai@aa-a.com มองผ่านๆ โดยไม่ทันได้สังเกต จะมองไม่ออกถึงความแตกต่าง ทำไมชีวิตถึงได้ง่ายดายขนาดนี้ ก็เพราะเหตุผลง่ายๆ คือระหว่างกลางของการส่งข้อความไม่มีการ “encrypt” ข้อมูลเพื่อความปลอดภัย โดยจอห์นได้แทรกเข้าไปในเมลที่โต้ตอบระหว่างกันด้วยเมล somchai@aa-a.com หลังจากแทรกตัวเข้าไปดูข้อมูลสักพัก ก็ทราบได้ว่าบริษัท BBB กำลังจะสั่งสินค้าจากบริษัท AAA อยู่พอดี ซึ่งจอห์นได้เล็งไว้เรียบร้อยแล้วว่า BBB จะสั่งสินค้ากับ AAA เป็นมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท!!! หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ถึงขั้นตอนการชำระเงิน สิ่งที่จอห์นทำก็คือ...
Continue reading5 กลยุทธ์ พิชิตใจลูกค้าด้วยการบริหารประสบการณ์
ตามที่ดีมีเตอร์ได้เคยกล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้ว่าในปี 2020 ประสบการณ์ของลูกค้าจะกลายเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์แซงหน้าราคาและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากราคา ผลิตภัณฑ์ และการบริการอาจยังไม่เพียงพอที่จะสร้างความรับรู้ของแบรนด์ หรือการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน แต่สิ่งที่จะทำให้คุณโดดเด่นจากคู่แข่งทางธุรกิจ คือ ประสบการณ์ที่คุณมอบให้กับลูกค้าของคุณนั่นเอง ประสบการณ์ของลูกค้าคืออะไร? ประสบการณ์ของลูกค้า คือ คุณภาพโดยรวมทั้งหมดที่ลูกค้าได้รับจากการปฏิสัมพันธ์กับบริษัทหรือแบรนด์ของคุณ ซึ่งการปฏิสัมพันธ์สามารถเป็นได้ทั้งโดยตรง เช่น เมื่อลูกค้าโทรเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ของบริษัท หรือโดยอ้อม เช่น เมื่อลูกค้าอ่านโพสต์เกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ของบริษัทกับลูกค้ารายอื่นบนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งหากถามว่าอะไรคือประสบการณ์ที่ดีสำหรับลูกค้า? หรือประสบการณ์ที่ดีเป็นอย่างไร? ก็คงต้องย้อนดูในแต่ละธุรกิจกันไป แต่หากให้พูดโดยภาพรวมก็คือการที่ลูกค้าได้รับการบริการตามความต้องการ หรือได้รับการบริการที่เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งในทาง customer services ก็คือ การเข้าถึงได้ง่าย การให้บริการด้วยความรวดเร็ว แก้ปัญหาได้ถูกต้องถูกจุด บริการด้วยความสุภาพ และประทับใจ นั่นเอง กลยุทธ์การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าที่ดีที่สุดจึงควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายก่อนว่าประสบการณ์ที่ดีที่ธุรกิจของคุณอยากมอบให้กับลูกค้าคืออะไร? จากนั้นจึงเริ่มมองหาเครื่องมือที่ทำให้การบริหารประสบการณ์ลูกค้าในด้านนั้นๆดีขึ้น เพราะการนำเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ในช่องทางที่เหมาะสม จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และบริษัทเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันตามส่วนขยายของธรรมชาติการตลาด และต่อไปนี้คือ 5 กลยุทธ์ พิชิตใจลูกค้าด้วยการบริหารประสบการณ์ 1. ความสามารถในการรองรับลูกค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ที่จะรวดเร็วไปกว่าโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน โดยในการวิจัยของ Pew Research Center พบว่า 91% ของคนวัยผู้ใหญ่มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง แต่เมื่อเป็นโลกของธุรกิจ สิ่งที่น่าสนใจคือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้บริโภคกำลังทำอะไรกับอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งจากรายงานพบว่า 63% ของผู้บริโภคมองหาช่องทางการรองรับลูกค้าทางโทรศัพท์มือถือหลายครั้งต่อเดือนหรือมากกว่า ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคใช้โทรศัพท์มือถือในการค้นหาข้อมูลและขอความช่วยเหลือต่างๆจากบริษัท จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณจะต้องมีการออกแบบเว็บไซต์ที่ตอบสนองต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่และให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผ่านโทรศัพท์มือถือได้มากที่สุด เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของคุณ 2. ความสามารถในการตอบสนองลูกค้า การตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็ว เป็นกลยุทธ์ในการบริหารประสบการณ์ลูกค้าโดยการแข่งกับเวลา ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาในการผลิตสินค้าน้อยลง สินค้าพร้อมส่ง พร้อมใช้งาน การใช้เวลาในการขนส่งสินค้าน้อยลง หรือ การใช้เวลาน้อยลงในการให้คำตอบแก่ลูกค้าที่มีการสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลสินค้า ซึ่งเมื่อคุณกำหนดแล้วว่าต้องการจะลดเวลาของการบริการในด้านใด จึงนำเครื่องมือหรือเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การลดเวลาในการตอบคำถามลูกค้าด้วย “ไลฟ์แชท” เนื่องจากไลฟ์แชทเป็นเครื่องมือที่ทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับบริษัทได้อย่างรวดเร็วและได้รับคำตอบแทบจะทันทีโดยไม่ต้องออกจากหน้าเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ทำธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ เป็นต้น 3. ความสามารถในการให้ข้อมูลข่าวสาร การที่ธุรกิจสามารถให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้โดยง่ายไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่สามารถใส่รูปภาพ คลิปวิดีโอประกอบ และ Link ที่เกี่ยวข้อง หรือการมีระบบแหล่งข้อมูลเพื่อการบริการด้วยตนเอง (Self-Service) บนเว็บไซต์ ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารและค้นหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกค้า ตัวอย่างของแหล่งข้อมูลเพื่อการบริการตนเองของลูกค้าก็อย่างเช่น ระบบฐานความรู้อัจฉริยะหรือหน้าคำถามที่พบบ่อย (FAQ)...
Continue reading