อยู่ที่ไหน เวลาไหน ก็บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพได้ เดี๋ยวนี้ออกจากบ้านก็ต้องพะว้าพะวังใหญ่ เรื่องฝุ่น PM 2.5 ยังไม่ทันจบ COVID-19 ก็ระบาดยังไม่มีท่าทีคลี่คลาย จนต้องตั้งคำถามว่าความปลอดภัยอยู่ตรงไหนกันแน่ แล้วมันจะดีกว่าไหมถ้าทำงานที่บ้านได้ ไม่ต้องเสี่ยงออกไปพบเจอปัญหาเหล่านี้ เรามารู้จัก Zendesk Customer Service Software อีกหนึ่งทางเลือกของชาวบริการลูกค้าที่อยาก work from home กัน Zendesk คืออะไร? Zendesk คือ ซอฟต์แวร์ Help Desk จากสหรัฐอเมริกา เป็นซอฟต์แวร์เพื่อการบริการลูกค้าแบบ Omnichannel ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ลูกค้าสามารถเลือกจะซื้อของผ่านช่องทางไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทาง Social Media หรือร้านค้า ซึ่งขั้นตอนการติดต่อซื้อขายอาจเกิดจากช่องทางใดช่องทางหนึ่ง แต่ลูกค้าสามารถไปรับสินค้า หรือใช้บริการผ่านอีกช่องทางหนึ่งได้ตามใจ กล่าวได้ว่า Zendesk เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างประสบการณ์เชื่อมโยงทุกช่องทางเข้าไว้ด้วยกันก็ว่าได้ Support เจ้าหน้าที่ในการทำงานร่วมกัน ให้สามารถบริการลูกค้าได้ทุกเวลา และยังมี Feature การใช้งานอื่นที่น่าสนใจอีกมากมาย Zendesk Feature มีอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย 1. Support บริการลูกค้าจากหลายช่องทางง่ายๆ ในแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ด้วย Zendesk Support ซอฟท์แวร์ Customer Service ชั้นนำของโลกที่โด่งดังเรื่อง Ticketing System ติดตาม จัดลำดับความสำคัญและแก้ไขปัญหาลูกค้าที่มาจากช่องทางต่างๆ จะ Facebook IG Line Zendesk สามารถเชื่อมได้หมด 2. Live Chat แบบเรียลไทม์ ลดเวลารอ เพิ่มความสุข เพราะทุกวินาทีมีค่า จะปล่อยให้ลูกค้ารอนานไม่ได้เด็ดขาด มารู้จักกับระบบ Live Chat and Messaging แค่ติดตั้งไว้หน้าเว็บก็สื่อสารกับลูกค้าเชิงรุกได้แบบ Real Time ส่วนตัว รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีแถมยังวัดผลการทำงานของพนักงานแต่ละคนไว้เพิ่มโบนัสได้ เพราะ Zendesk Live Chat...
Continue readingส่องวิกฤต Covid-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างไร?
ในตอนนี้ข่าวที่มาแรงที่สุดในทุกประเทศคงไม่พ้นเรื่อง ไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 นั่นเอง ที่ตอนนี้ได้แพร่ไปกว่า 40 กว่าจังหวัดทั่วประเทศแล้ว และหลายๆคนในที่นี้คงหวาดระแวง จนถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าตอนนี้เราติด COVID-19 รึยัง? จนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ซึ่งเจ้าไวรัสตัวนี้มันไม่ได้ส่งผลแค่ร่างกายของเราเท่านั้น มันยังส่งผลไปยังเรื่องอื่นๆมากมายดังข่าวที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายไปแล้ว เนื่องจากอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี และนอกเหนือจากตลาดหุ้นมันยังส่งผลถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอีกด้วย เนื่องจากการปิดให้บริการในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้คนอยู่บ้านหรือพบเจอผู้คนให้น้อยที่สุด เพราะในตอนนี้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่อยู่รอบข้างเรานั้น แต่ละคนกลับมาจากประเทศไหนมา ไปประเทศไหนมาบ้าง ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการป้องกันตัวเอง ซึ่งการป้องกันตัวเองของหลายๆคนก็ตัดปัญหาโดยการที่ไม่ออกไปข้างนอกหรือออกไปข้างนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นเองมันส่งผลให้ธุรกิจบางอย่างที่เป็นพวกธุรกิจออนไลน์ หรือ ธุรกิจบน Cloud นั้นยิ่งเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ อย่างเช่น Netflix ซึ่งตั้งแต่เปิดปี 2020 มาหุ้นของ Netflix ขึ้นมาแล้ว 15% มันแสดงให้เห็นว่าผู้คนได้หากิจกรรมและวิธีแก้เบื่อเวลาอยู่บ้านมากขึ้น ยังไม่รวมถึงหุ้นกลุ่มสตรีมมิ่งหรือเกมต่างๆที่พากันขึ้นในช่วงที่มีวิกฤต Covid-19 นี้ อีกมากมาย รวมไปถึงการศึกษาและการทำงาน ณ ตอนนี้โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาต่างๆได้ปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์แล้วในหลายๆประเทศ เพื่อให้นักเรียนไม่ต้องออกมาจากบ้านเพื่อเผชิญหน้ากับเจ้าไวรัสตัวนี้ และสำหรับคนทำงานก็มีหลายๆบริษัทที่เริ่มให้ Work from home กันแล้วเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อภายในองค์กร ทำให้ธุรกิจประเภทขนส่ง Logistics หรือ Delivery เป็นที่นิยมมากๆในตอนนี้ และเนื่องจากสถานการณ์ที่ต้องทำให้หลายๆคนต้องอยู่แต่ในบ้าน เพื่อจะต้องทำตัวเองให้เจอคนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันส่งผลให้ร้านค้าต่างๆเงียบเหงากันไปตามๆกัน จึงมีแคมเปญชื่อ #YESICAN ที่มีเหล่าคนเซเลปคนดังมากมายที่จะช่วยโปรโมทร้านให้ชาวพ่อค้าแม่ค้าที่มีร้านค้าเข้ามาฝากร้านได้ในช่องทางต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงที่ทุกคนไม่ออกจากบ้านไปจับจ่ายใช้สอย ดังนั้นเหล่าคนที่ขายของในช่วงนี้อาจจะมีลูกค้าที่มาจากหลากหลายช่องทางมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยน ดังนั้นช่องทางการขาย หรือวิธีการขายเราก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคเช่นกัน ซึ่ง Zendesk มีตัวช่วยที่เป็นฟีเจอร์ต่างๆที่ตอบโจทย์สำหรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปที่เข้ากับสถานการณ์นี้หลายอย่างเลย ตัวอย่างเช่น Zendesk มีระบบ Social Messaging Adds on ที่รวบรวมช่องทางการสื่อสารยอดนิยมมาไว้รวมกันที่เดียว เช่น Messenger, LINE, Direct Message Twitter, WhatsApp และ WeChat หรือ จะเป็นตัว Zendesk Chat ที่เป็นระบบ Live Chat Online...
Continue readingมาตรการจาก Google สนับสนุน Work from home ในช่วงวิกฤติ COVID-19
สืบเนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 บริษัทและสถานศึกษาต่างๆ เริ่มหันมาสนใจการทำงานที่บ้านแทนเพื่อควบคุมและหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของไวรัส ทาง Google ต้องการมีส่วนช่วยให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อถึงกัน และยังสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Google G Suite ซึ่งเป็นชุดแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การศึกษาและหน่วยธุรกิจทำงานร่วมกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เวลาใดก็ตาม อ่านบทความเพิ่มเติม: ตัวอยู่บ้าน แต่งานไปต่อได้ Work from home with G Suiteอ่านบทความเพิ่มเติม: ห่างไกล COVID 19 ด้วยเทคโนโลยีช่วยทำงานจากบ้าน (Work from Home) จากกรณีตัวอย่าง โรงเรียนหลายแห่งในฮ่องกงและเวียดนามได้หยุดทำการเป็นที่เรียบร้อย นักเรียนนับแสนคนเริ่มหันมาใช้ Hangouts Meet เครื่องมือสำหรับประชุมวิดีโอคอล หรือ Video-Conferencing (Hangouts Meets จะรวมอยู่ใน G Suite ทุกแพ็คเกจ) นอกจากนี้ครูและนักเรียนสามารถใช้ Google Classroom ทำการเรียนการสอนได้จากที่บ้านอีกด้วย รวมไปถึงบริษัทหลายแห่งเริ่มมีการปรับตัวให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยนำนโยบาย Work from home หรือการทำงานที่บ้านเข้ามาใช้ภายในองค์กรมากขึ้น ดังนั้นทาง Google จึงเปิดโอกาสให้ลูกค้า G Suite และ G Suite for Education สามารถใช้งาน Hangouts Meet ในแพ็กเกจ Enterprise ซึ่งเป็นแพ็กเกจสูงสุดแบบเต็มประสิทธิภาพได้ฟรี ถึงวันที่ 30 กันยายน 2020 มีรายละเอียดดังนี้: การประชุมที่ใหญ่มากขึ้น รองรับผู้เข้าร่วมได้สูงถึง 250 user ในครั้งเดียว สามารถถ่ายทอดสด (Live streaming) และรองรับผู้เข้าชมได้สูงถึง 100,000 คนภายในโดเมน สามารถบันทึกการประชุมได้ ไฟล์จะถูกเก็บไว้ใน Google Drive ที่มา – Google Cloud Work from home สบายๆ สไตล์ G...
Continue readingห่างไกล COVID 19 ด้วยเทคโนโลยีช่วยทำงานจากบ้าน (Work from Home)
ห่างไกล COVID 19 ด้วยเทคโนโลยีช่วยทำงานจากบ้าน (Work From Home) ตอนนี้คงไม่มีท่านผู้อ่านท่านใดที่ไม่รู้จักไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID 19 ที่กระทบสวัสดิภาพและความปลอดภัยของท่านผู้อ่าน ซึ่งตอนนี้หลายท่านกำลังวิงเวียนศีรษะมาก เพราะว่างานก็ต้องทำ ธุรกิจก็ต้องเดิน ชีวิตและความปลอดภัยของพนักงานก็ต้องดูแล ชีวิตมันช่างยากเหลือเกิน ทำให้หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็มีนโยบายในการให้พนักงานทำงานจากบ้านเป็นบางวัน หรือที่เราเรียกกันว่า Work from home นั่นเอง แต่โจทย์ที่ยากที่สุดในการให้พนักงานทำงานจากบ้านคือจะทำงานอย่างไร ให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่ตก เพราะปัญหาคือการนั่งทำงานที่บ้าน ทำให้เราไม่สามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานของเรา (Collaboration) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้านึกภาพไม่ออกก็ลองจินตนาการนะครับว่า เราจะแก้ไขปัญหาอย่างไร หากเกิดเหตุการณ์ดังนี้… ถ้าเราต้องใช้ไฟล์เอกสารสักอย่างที่เราเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือวางบนโต๊ะที่บริษัท แต่เราไม่สามารถเดินทางไปได้จะทำงานได้อย่างไร เราต้องประชุมกับเพื่อนร่วมงานที่ต้องให้เพื่อนนำเสนอเอกสารในรูปแบบสไลด์ แล้วแนะนำให้แก้ไขในเอกสารบางจุดแบบไม่สามารถขีดเขียนอะไรเพิ่มเติมได้ เพราะต่างคนต่างนั่งทำงานที่บ้านตัวเอง จะนัดประชุมงานเพื่อระดมสมองกัน แต่อยู่กันคนละที่ ต้องใช้โทรศัพท์โทรหากันแล้วเชื่อมสายกัน โทรนัดกันให้วุ่นวาย เพราะไม่ได้นั่งใกล้กัน นัดกันง่ายๆ เพื่อนร่วมงานต้องทำงานด้วยกันเพื่อส่งรายงานให้หัวหน้า แต่ต่างคนต่างอยู่กันคนละที่ มีข้อมูลผิดที่หน้า 15 ของรายงาน แต่ไม่รู้จะอธิบายหรือช่วยแก้ไขอย่างไร เลยต้องโทรบอกเพื่อนให้ส่งรายงานมาทางอีเมล จากนั้นแก้ไฟล์ส่งเมลกลับไปให้ แต่ตอนหลังพบว่ามีที่ผิดเพิ่มเติมจนต้องทำแบบเดิมซ้ำๆวนไป จะไปหาลูกค้าเพื่อนำเสนองาน แต่ช่วงนี้ลูกค้ากลัวไม่อยากให้พบ หรือเราก็ไม่ทราบว่าลูกค้าไปประเทศสุ่มเสี่ยงมาหรือไม่ แต่ของก็ต้องขาย งานก็ต้องนำเสนอ ฯลฯ เทรนด์ Work from home กับ G Suite – ตัวอยู่บ้านแต่งานไปต่อได้ อันที่จริงแล้วปัญหาข้างต้นในการทำงานจากบ้าน หรือ Work from home สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยเทคโนโลยีที่มีต้นทุนต่ำอย่าง G Suite ของ Google โดยที่ธุรกิจหรือองค์กรไม่ต้องลงทุนในเทคโนโลยีวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ หรือไฟล์เซิร์ฟเวอร์ หรือลงทุนในระบบเครือข่าย ให้เปลืองเงินลงทุนมหาศาลในสภาวะวิกฤติเช่นนี้ โดย G Suite จะช่วยองค์กรให้พนักงานสามารถ Work from home บนเทคโนโลยีที่เหมือนกับองค์กรระดับโลกทั้งหลาย ด้วยการทำงานหลักๆ 4 อย่างด้วยกัน เชื่อมต่อสื่อสาร ช่วยองค์กรเชื่อมการสื่อสารของพนักงานเข้าด้วยกันผ่านอีเมลองค์กร (Gmail) ปฏิทิน (Calendar) ระบบแชท...
Continue readingผลักดันเเบรนด์ไทยเข้าสู่ตลาดจีนด้วย WeChat Shop
ครั้งนี้ ทีมงาน บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณกรรภิรมย์ ศรีสวัสดิ์ (Assistant Vice President) เเละคุณเรขา ศิริชุมเเสง (Sales Manager) บริษัท ดีซูพรีม จำกัด เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางการค้าทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ด้วยประสบการณ์ของดีซูพรีม มีส่วนช่วยในความสำเร็จของคู่ค้าในการจัดซื้อสินค้าเกรดพรีเมี่ยม และวัสดุดีที่ได้รับมาตราฐานตรงกับความต้องการของตลาดเพื่อบรรลุเจตนารมณ์ของบริษัท ดีทีจีโอ จำกัด เป็นบริษัทแม่ของดีซูพรีม ซึ่งทางดีซูพรีมมีความมุ่งมั่นในการคัดสรรสินค้าที่มีความปลอดภัยสูง ได้คุณภาพที่ดี เข้ามาในเมืองไทย เรามาดูบทสัมภาษณ์จากคุณกรรภิรมย์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Vice President ของบริษัทดีซูพรีมกันนะคะ ความเป็นมา เเละภาพรวมธุรกิจของ Dees Supreme มีสินค้าบริการอะไรบ้าง Dees supreme เริ่มต้นจากการพัฒนาสินค้าพรีเมี่ยม (Premiun) จัดจำหน่ายใน 7-11 บริษัท Dees Supreme เปิดมายาวนานกว่า20 ปีเเล้ว เน้นขายเป็นสินค้านำเข้าPremium 80% อีก 20% เป็นสินค้าที่ผลิตเองในไทย ซึ่งสินค้าหลักๆ ที่นำเข้ามาจะเป็นพวกขนมจากต่างประเทศ เเละนำเข้าสินค้ามากระจาย (Distribution) ในประเทศไทย นอกจากนี้ก็มีนำเข้าอุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอนิเจอร์ต่างๆ พวก กระเบื้อง ประตูหน้าร้านในไทย เเละรับจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างให้กับบริษัทในเครือ อาทิ CPLT, Icon Siam เเละ ทำ OEM หรือ (Original Equipment Manufacturer) ให้กับบริษัทในเครือทรูอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ทางบริษัทให้การสนับสนุนธุรกิจในหลากหลายประเภท ทำไมถึงสนใจเข้าสู่ตลาดจีนในช่องทางออนไลน์ เเละใช้สินค้าอะไรเป็นธงนำในการเข้าสู่ตลาดจีน เพราะว่าตลาด online ในจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เเละทางบริษัทดีซูพรีมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะมีการเติบโต (growth) ขึ้นทุกๆ วัน ซึ่งตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตประจำวันของคนจีนเป็นอย่างมากเพราะคนจีนชอบชื้อของในออนไลน์มากขึ้นทุกวันจากที่ทางบริษัทศีกษามาว่าสังคมยุคนี้ชอบความสะดวกสบาย ง่ายดาย เเละรวดเร็ว จึงได้หาลู่ทางนำสินค้าของประเทศไทยไปขายที่จีนโดยผ่าน WeChat Mini...
Continue readingZendesk รวบรวมช่องทางการสื่อสารไว้ในที่เดียว
การพูดคุยกับลูกค้าในปัจจุบันสำคัญพอๆกับตัวสินค้าเลย ลูกค้าส่วนใหญ่สมัยนี้มักจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากการพูดคุยกับผู้ขาย เพราะคนไทยชอบการพูดคุยที่เป็นกันเองเหมือนเพื่อน ถ้ายิ่งมีไลฟ์สไตล์เดียวกันแล้วนั้นจะยิ่งคุยกันยาวเลย ซึ่งการตอบหรือพูดคุยกับลูกค้าเป็นสิ่งหนึ่งที่จะวัดว่าคุณให้ความสำคัญกับลูกค้าแค่ไหน ส่วนช่องทางที่ลูกค้าติดต่อเพื่อมาพูดคุยกับเราก็มีมากมาย และหลักๆในเวลานี้ก็จะมี Facebook Messenger, LINE, WhatsApp, Twitter Direct Message และ WeChat หรือศัพท์ทาง IT จะเรียกว่า Multichannel ซึ่งทาง Zendesk ได้รวบรวมช่องทางเหล่านั้นมารวมไว้ในที่เดียวและทำให้คุณสามารถพูดคุยหรือตอบกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยผ่านแค่ทางเดียว หรือศัพท์ทาง IT เรียกว่า Omnichannel ระบบของ Zendesk ที่จะทำให้คุณใกล้ชิดและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ามากขึ้น Respond right away ข้อความตอบกลับลูกค้าอัตโนมัติ สำหรับตอบคำถามที่ลูกค้าถามบ่อยๆโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลามาตอบเองทุกครั้ง และคุณยังสามารถปรับแต่งข้อความเป็นคำพูดที่เป็นตัวคุณเองได้อีกด้วยเพื่อสร้างความใกล้ชิดมากขึ้นไม่ให้ดูเป็นระบบเกินไป Be available ตั้งปุ่มแชทบนหน้าเว็บไซต์หรือแอปของคุณได้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถส่งข้อความหาคุณได้ ทุกที่ ทุกเวลา Get it together เป็นศูนย์รวบรวมและบอกช่องทางของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา แล้วยังสามารถดูข้อมูลของลูกค้าในขณะทำงานได้แบบเรียลไทม์ “ลูกค้าต้องการติดต่อเราทาง WhatsApp, และ Zendesk ก็สามารถช่วยให้เราลดระยะเวลาในการตอบกลับลูกค้าทาง WhatsApp จากเป็นวันลดมาเหลือไม่กี่นาที ก่อนที่จะมาใช้ Zendesk เราต้องให้เจ้าหน้าที่ใช้โทรศัพท์สามถึงสี่เครื่อง พร้อมหมายเลข WhatsApp ในการรับข้อความจากลูกค้า ซึ่งวิธีนี้มันไม่สามารถทำให้เราขยายธุรกิจและวัดผลอะไรไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เราสามารถรจสอบและจัดการข้อความใน WhatsApp พร้อมกับลูกค้าที่มาจากช่องทางอื่นๆ และมอบการบริการที่ดีกว่าเดิมให้กับลูกค้าในช่องทางต่างๆที่เขาสะดวกได้ การที่ Zendesk สามารถเชื่อมกับ WhatsApp ได้คือหัวใจสำคัญในการขยายตลาดสู้ระดับโลกอย่างต่อเนื่องของเรา” – Gib Lopez, Co-founder และ COO บริษัท PAYJOY Zendesk ช่วยให้ดีขึ้นได้ยังไง? สร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้าโดยเชื่อมต่อกับช่องทางที่ลูกค้าสะดวกที่สุด ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น ช่วยในการจัดการแและจัดลำดับความสำคัญของลูกค้าจากช่องทางต่างๆในที่เดียว เชื่อมต่อรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้นจากระบบการทำงานที่มีอยู่ ที่มา : Zendesk ทดลองใช้ Zendesk trial ฟรี สอบถาม ราคา Zendesk ติดต่อบริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการระบบ Zendesk ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ – Zendesk...
Continue readingMartech เครื่องมือยุคใหม่ที่เป็นยิ่งกว่า Data
รู้จัก Martech เครื่องมือการตลาดยุคใหม่ที่เป็นยิ่งกว่า Data ในยุคที่ Data เป็นหนึ่งใน Key Success Factor ยิ่งเข้าใจ รู้ข้อมูลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถจัดสรรประสบการณ์ที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น หากแต่ถึงแม้จะมีข้อมูลมหาศาลในกำมือ จะมีประโยชน์อะไรหากเราไม่สามารถบริหารข้อมูลเหล่านั้นได้ “CRM (Customer Relationship Management) มีความสำคัญมากในการทำธุรกิจ และถือเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าคุณไม่รู้จักลูกค้า ไม่รู้จัก Data ของลูกค้าของคุณ ก็ไม่มีเครื่องมืออะไรสามารถช่วยคุณทำการตลาดได้” – Michael Chen, CEO & Co-founder, Buzzebees ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยีสำหรับทำการตลาด ที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนด้านการทำการตลาดโดยเฉพาะขึ้นมามากมาย เรามารู้จัก Martech เทคโนโลยีทางการตลาดที่ทำให้นักการตลาดทำงานง่ายขึ้นกัน Martech คืออะไร และมีอะไรบ้าง? ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน โลกของธุรกิจและการตลาดได้เกิดศาสตร์ใหม่ที่กลายเป็นอาชีพที่เราคุ้นชินกันอย่าง Digital Marketing หรือนักการตลาดดิจิตัล หน้าที่ของ Digital Marketing ก็ครอบคลุมการทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย Google SEO SEM หลายสิบปีที่ผ่านมามีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค เทรนด์การตลาด และเครื่องมือใหม่ๆ ที่เราต้องปรับตัวให้ทันตลอดเวลา หนึ่งในนั้นก็คือ Martech “พื้นที่หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดที่เปลี่ยนไป MarTech (Marketing Technology) จึงมีความสำคัญอย่างมากในการทำการตลาดยุคใหม่ ซึ่งกรอบการทำงานของ Martech คือการใช้ข้อมูลและเครื่องมือเทคโนโลยีในการสร้าง engagement ตัดสินใจ และติดตามผล” – Dilip Mistry, Partner, Mckinsey& Company Martech เป็นคำที่มาจากการประสมกันของ Marketing กับ Technology เป็นคำเรียกโดยรวมของเครื่องมือทำการตลาด หรือก็คือ เป็นเทคโนโลยีสำหรับทำการตลาดที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานหลักๆ ในการทำงานการตลาดนั่นเอง แต่การหยิบจับ Martech สักตัวมาใช้ก็ถือเป็นความท้าทายเหมือนกัน อ้างอิงจากเว็บไซต์ chiefmartec.com ในปี 2011 Martech มีเพียงแค่ประมาณ 150 ตัว แต่จากข้อมูลล่าสุด ในปี...
Continue readingตัวอยู่บ้าน แต่งานไปต่อได้ Work from home with G Suite
เทรนด์ Work from Home กับ G Suite ด้วยฟีเจอร์การทำงานแบบ Real-Time ต่อจากเหตุการณ์ฝุ่นควัน pm2.5 ก็ตามมาด้วยการระบาดของไวรัส Covid-19 จึงทำให้หลายบริษัทและหน่วยงาน เริ่มทยอยหยุดทำการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค อาจส่งผลต่อผลประกอบการ การขาดรายได้ หรือประสิทธิภาพในการทำงานไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นเทรนด์ Work from home หรือการทำงานที่บ้านจึงเริ่มมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น หลายองค์กรเริ่มมีนโยบายให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ และเพื่อให้การทำงานที่บ้านมีประสิทธิภาพ จึงต้องใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ด้วย เรามีไอเดียการทำงานด้วย Google G Suite เนื่องจาก Google G Suite มีจุดเด่นคือการทำงานบนคลาวด์ เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าพนักงานจะอยู่ที่ใดก็สามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา แบบเรียลไทม์ (Real-time) สิ่งนี้จะช่วยให้พนักงานทุกคนทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ทำธุรกิจได้ไม่มีสะดุด ทำความรู้จักกับ G Suite เครื่องมือช่วยในการ Work from home ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Google G Suite หรือเรียกสั้นๆ ว่า G Suite กันก่อนดีกว่า G Suite เป็นอีกหนึ่งบริการจาก Google Cloud ให้บริการชุดแอปพลิเคชันและเครื่องมือในการทำงานสำหรับองค์กรโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย อีเมล ปฎิทิน ไดรฟ์ออนไลน์ ระบบจัดการเอกสาร ระบบแชท ฯลฯ โดยคุณสามารถใช้อีเมลชื่อโดเมนบริษัทได้ เช่น you@yourcompany.com อีกทั้งยังโดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วย เพียงแค่มีการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้งาน G Suite ได้อย่างเต็มรูปแบบ ฟีเจอร์ G Suite อยู่ตรงไหน? สำหรับใครที่คุ้นเคยกับการใช้ Free Gmail เป็นอย่างดี เมื่อเปิด Chrome เบราวเซอร์ขึ้นมาจะเห็นจุด 9 จุด ภายในมีแอปพลิเคชันต่างๆ มากมาย อย่าง Google Drive, Docs, Sheets,...
Continue readingVideo Conference กับ ธุรกิจยุคปัจจุบัน ขาดกันไม่ได้
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การพิจารณาเลือกเครื่องมือให้เหมาะสมกับงานและกลุ่มผู้ใช้ จะช่วยให้การขับเคลื่อนธุรกิจคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และอาจทำให้ลดต้นทุนบางส่วน และนำมาพัฒนาส่วนอื่นๆ ลงได้ อย่างเช่น การประชุมทางวิดีโอระหว่างสาขา หรือหน่วยงานอื่นเพื่อลดต้นทุนในเรื่องของการเดินทางได้ และที่สำคัญไม่ต้องไปอารมณ์เสียรถติดบนท้องถนนได้เพิ่มความสุขในการทำงานไปได้ในตัว เน้น Productivity ล้วนๆ การทำธุรกิจในยุคนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องไปต่อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เจ้าของธุรกิจอาจควบคุมไม่ได้ อาจจะต้องมีแผนสำรองไว้เพื่อกระจายความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ อย่างเช่น การสื่อสารกับพนักงานในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาทำงานที่ออฟฟิศได้ เราก็ใช้การพูดคุยผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่เป็นมากกว่าแค่การโทรศัพท์แบบธรรมดา หรือการประชุมกับลูกค้าผ่านห้องประชุมออนไลน์ ที่จะให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด และไม่มีข้อจำกัดเรื่องของสถานที่ ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตและระบบดีๆ รองรับไว้เท่านั้นเอง ตอบโจทย์คอนเฟอเรนซ์ยุคปัจจุบัน ด้วย Hangouts Meet Hardware ด้วยความสามารถ Hangouts Meet Hardware ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากทาง Google ที่จะช่วยตอบโจทย์ในแง่ของการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกองค์กร และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ เรามาทำความรู้จักกัน Hangouts Meet hardware กันเล Hangouts Meet Hardware เป็นระบบที่ใช้สร้างห้องประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภายในองค์กร โดยที่พนักงานสามารถเข้าร่วมการประชุมได้เพียงคลิกเดียว หากใครเคยมีโอกาสใช้งาน G Suite มาบ้างแล้ว ก็จะคุ้นชินกันดี เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือของชุด G Suite โดยสามารถทำงานร่วมกับปฎิทินออนไลน์ผ่าน Google Calendar และเอกสารนำเสนอออนไลน์ ผ่าน Google Slides ที่ช่วยให้แสดงข้อมูลที่ต้องการนำเสนอไปพร้อมกับการประชุมได้เลย ซึ่งเป็นระบบการประชุมผ่านวิดีโอที่ใช้งานง่ายมากๆ คุณสมบัติเด่นๆ คือ รองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงสุดถึง 250 คน สำหรับ G Suite Enterprise, 150 คน สำหรับ G Suite Business และ 100 คน สำหรับ G Suite Basic โดยอุปกรณ์ Hangouts Meet Hardware ประกอบไปด้วย Controller touch display ที่จะช่วยควบคุมการประชุมเป็นเรื่องง่ายเพียงไม่กี่คลิก...
Continue reading