ในช่วงสภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ “COVID-19” ในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว คำถามสำคัญ คือ นอกจากนโยบายจากภาครัฐแล้ว แต่ละบริษัทจะมีแผนรองรับการดำเนินการทางธุรกิจเพื่อเตรียมรับมือต่อสถานการณ์เหล่านี้อย่างไรบ้าง? แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ หรือแผนสำรองการทำงานในภาวะฉุกเฉิน (Business Continuity Planning: BCP) คือการวางแผนการบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก ในภาวะที่ธุรกิจต้องประสบกับสถานการณ์ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากภายนอกหรือภายใน ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายต่อทรัพย์สิน ข้อมูลภายในองค์กร โอกาสในการสร้างรายได้ และผลกระทบต่าง ๆ ต่อองค์กรแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในด้านของการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งจะสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนและลูกค้าได้ เนื่องจากธุรกิจสามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถบ่งบอกถึงสาเหตุของผลกระทบและความเสียหาย ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกต้องและรวดเร็ว เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากมีแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจที่ดีแล้ว การมีเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการทำงานในยุคดิจิตัลที่ตอบโจทย์สถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันมาผสมผสานและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะช่วยสนับสนุนให้แผนการบริหารจัดการธุรกิจสำเร็จและดำเนินต่อเนื่องไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ลงทะเบียน Agenda 13:30 – 13:50 Why Business Continuity Planning (BCP) is important? (20 นาที) 13:50 – 14:20 Replace Business Continuity Planning (BCP) with Business Transformation (30 นาที) 14:20 – 15:00 The Success of Business Transformation with collaboration tool (40 นาที) 15:00 – 15:45 How to manage data security (45 นาที) 15:45 – 16:15 What is G Suite? (30 นาที) 16:15 – 16:30 Q&A (15...
Continue readingHow to ขับเคลื่อนธุรกิจ ให้พร้อมรับ New Normal หลังโควิด-19
ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างไร? ให้พร้อมรับ New Normal หลังโควิด-19 เมื่อวิกฤตโควิด-19 บีบให้พฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกต้องปรับตัว จนเกิดเป็น ‘New Normal’ หรือวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม การซื้อขายออนไลน์ที่เติบโตขึ้นมหาศาล นโยบาย Work From Home ทำงานที่บ้านที่กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โลกกำลังขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีที่ Disrupt ธุรกิจรูปแบบเดิมๆ การปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยจึงเป็นสิ่งจำเป็น ให้ธุรกิจของเราอยู่รอดต่อไป ล่าสุด Super Poll สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำได้เปิดผลสำรวจภาคสนามในหัวข้อ ‘จริตใหม่ประชาชนหลังพ้นโควิด-19’ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ทั้งหมด 1,255 ตัวอย่าง สรุปผลบางส่วนออกมาได้ดังนี้ ร้อยละ 86.2 มีพฤติกรรมสั่งซื้อเดลิเวอรี่มากยิ่งขึ้น ร้อยละ 83.7 ติดโลกโซเชียล ร้อยละ 81.5 ใช้เทคโนโลยีสื่อสารมากยิ่งขึ้น ร้อยละ 79.8 คุ้นชินกับการลงทะเบียนแอปพลิเคชัน ร้อยละ 79.1 ใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองมากกว่าเดิม ร้อยละ 64.2 ใส่ใจดูแลสุขภาพของส่วนรวม ร้อยละ 62.6 เรียนออนไลน์ ร้อยละ 60.6 ใส่หน้ากากอนามัยเป็นแฟชันให้ดูดีมีสไตล์มากขึ้น ร้อยละ 55.2 ทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร การที่ต้องรับมือกับวิถีชีวิตแบบใหม่ทำให้หลายองค์กรจำต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบเดิมๆ จากที่เดิมทีเก็บข้อมูลด้วยเอกสารหนาเตอะ ก็เปลี่ยนเป็นระบบคลาวด์ อีกทั้งการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการทำงาน ทำให้การประชุมทางไกล และการทำงานร่วมกันจากที่บ้าน Work From Home สามารถเป็นไปได้ “วิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ คือสนามดิสรัปชั่นลูกใหม่ซึ่งผลักดันให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยี” -นาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทซีดีจีผู้ให้บริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร ดังนั้นถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเตรียมธุรกิจให้พร้อมรับ New Normal เหล่านี้? ในด้านธุรกิจ สิ่งที่ขาดไม่ได้ยังคงเป็นการเน้นโฟกัสที่ลูกค้า เราต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตนี้ที่ทุกคนต่างได้รับผลกระทบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือแม้แต่บางธุรกิจที่อาจได้ประโยชน์และบางธุรกิจที่สูญเสียรายได้มหาศาล การเข้าอกเข้าใจลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจ และการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเอาไว้ ในด้านองค์กร ไม่เพียงแต่ลูกค้าที่เราต้องดูแล แต่ความเป็นอยู่ของพนักงานในบริษัทก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะ Work From...
Continue reading4 ขั้นตอน ชี้ทางสว่างให้กับธุรกิจของคุณ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (May, 14 2020) ทาง Zendesk ได้มีการจัด Webinar ที่ชื่อว่า Zendesk Showcase ขึ้นมา และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจ ในช่วงที่มีวิกฤติ Covid-19 นี้ และมีท่านนึงที่ได้พูดเกี่ยวกับ CX หรือ Customer Experience ในช่วงนี้ได้อย่างสนใจ เขาก็คือ Riccardo Pasto หัวหน้าฝ่ายวิจัยประสบการณ์ลูกค้าของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัท Forrester ซึ่งเขาได้พูดถึงว่า “มีหลายๆองค์กรล้มเหลวในการวางแผนสำหรับสถานการณ์ในช่วงวิกฤต และพบว่าตัวเองกำลังดิ้นรนเพื่อตอบสนองในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความต้องการของผู้บริโภค แต่ถ้าหากไม่มีการวางแผนที่รัดกุมแล้วอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการได้แม่นยำ ในสถานการณ์นี้” ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำในวันนี้คือตอนนี้เพื่อช่วยธุรกิจของเรา เราจะเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร ในวิกฤตการระบาดครั้งนี้ หรือ เราควรที่จะมีการรับมืออย่างไรในการพบเจอวิกฤตในครั้งต่อๆไปให้ดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ ซึ่งทาง Riccardo Pastro ได้นำเสนอ 4 ลำดับความสำคัญ ที่จะช่วยนำพาให้ธุรกิจของคุณนั้น พ้นไปจากพายุลูกนี้ได้ 1. เริ่มต้นด้วย Start your Empathy การเอาใจใส่ คุณจะต้องรู้และเข้าใจลูกค้าของคุณในตอนนี้ เพราะในสถานการณร์ตอนนี้มีหลายปัจจัยมากที่ต้องบังคับให้ผู้บริโภคหรือพฤติกรรมของคนนั้นต้องเปลี่ยนไป เช่น พฤติกรรมการกักตุนของ พวก กระดาษชำระ, อาหาร, ยาฆ่าเชื้อ, รวมไปถึง หน้ากากอนามัย ซึ่งข้อมูลเรานี้ เรามักจะได้มาจากการ Survey และการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภค และนำข้อมูลมาวิเคราะห์กันในองค์กร เพือให้เข้าใจและรู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มากที่สุดและเป้นไปในแนวทางเดียวกัน 2. และเมื่อเรารู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้นแล้ว Adapt your CX accordingly หรือง่ายๆก็คือ ปรับธุรกิจของคุณให้เข้ากับผู้บริโภคเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ประกันภัย Suncorp ได้มีการลดราคา พรีเมี่ยมแพ็คเกจถึง 20% และยังสามารถตรวจโรคโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และยังสามารถให้คำปรึกษาฟรีทั้งเขาและครอบครัว และ Achie rose ที่รู้จักในการกันในนามของบริษัทผู้ผลิต วิสกี้ ของประเทศออสเตรเลีย ก็ได้มีการออกผลิตใหม่ คือ เจลทำความสะอาดมือ เพราะพวกเขาตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าของเขาในตอนนี้ แต่มันก็มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังหลายอย่างดังนั้น คุณควรก็ควรที่จะรอบคอบและทำความรู้จักลูกค้า และ...
Continue readingจีนเข้าสู่สังคมไร้เงินสดด้วย WeChat pay
WeChat pay คืออะไร ? คือ ระบบการชำระเงิน ผ่านสมาร์ทโฟนของประเทศจีน หรือที่เรียกว่า E-Wallet ที่ชาวจีนใช้ในการชำระเงินเเทนเงินสด จะเหมือนกับการฝากเงินของเราไว้ในกระเป๋าตังออนไลน์ ทำให้เราใช้เงินได้สะดวกมากขึ้นในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เช่น การจ่ายเงินชื้อของในห้างสรรพสินค้าผ่านการชำระเงินในออนไลน์เเทนบัตรเครดิตหรือเงินสด การช้อปปิ้งในออนไลน์ ช้อปปิ้งที่ห้าง หรือ จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน เเละอื่นๆได้ผ่านการสเเกนบาร์โค้ด เเล้วก็ใส่รหัสของเรา เเค่นั้นก็ถือเป็นการจ่ายเงินผ่าน E-Wallet เรียบร้อย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เเละเชื่อว่าเวลานี้คนไทยคงเริ่มรู้จักแอปพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง WeChat และ Alipay กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นแอปกระเป๋าเงินออนไลน์ หรือเรียกว่า E-Wallet ที่คนจีนนิยมใช้กันในปัจจุบัน ดังนั้นเจ้าของเเบรนด์ไทยที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดจีนควรรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของคนจีนที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เเละกำลังเข้าสู่ความเป็นยุคดิจิทัล ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การเข้าสู่สังคมไร้เงินสด มีการสำรวจพบว่า วัยรุ่นคนจีนนิยมใช้แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ แทนการใช้จ่ายแทนเงินสด สำหรับบริการที่ใช้งานร่วมกับแอพกระเป๋าเงินออนไลน์ หรือ WeChat pay เเละ Alipay ในการจับจ่ายใช้ส่อยในชีวิตประจำวัน เช่น การซื้ออาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ธุรกรรมทางการเงิน ธนาคาร ร้านค้าท้องถิ่น โรงพยาบาล โรงแรม ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน จองตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ โดยชำระค่าใช้จ่ายต่างผ่านระบบชำระเงินออนไลน์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้เเล้วในร้านค้าครอบคลุมทุกที่ของจีนเเละเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 2 เเอป คือ Alipay และ WeChatPay ในปัจจุบันมีรายงานจาก China internet watch ที่ชี้ว่า วีแช็ทเพย์ (WeChat Pay) มีผู้ใช้บริการมากกว่า 1,000 ล้านคน อาลีเพย์ (Alipay) มีผู้ใช้บริการมากกว่า 700 ล้านคน การชำระเงินผ่าน WeChat Pay ปัจจุบันประชากรกว่า 90 เปอร์เซ็นของจีนนิยมใช้การชำระเงินทางออนไลน์ผ่านทางมือถือทางออนไลน์มากกว่าการจ่ายเงินสด จากการสำรวจจากสถาบันการเงินศึกษาฉงหยัง (Chongyang Institute for Financial Studies) พบว่า คนจีนสบายใจในการจ่ายผ่านออนไลน์มากกว่าใช้เงินสด เพราะว่าการพกเงินสดติดตัวไม่เยอะทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะพกเงินตืดตัวเยอะๆ เเละไม่ต้องกลัวทำเงินหาย ระเเวงว่าจะมีคนมาขโมยหรือ...
Continue readingNew Normal ปรับตัวได้ ธุรกิจไปรอด ด้วย Google G Suite
วินาทีนี้น้อยคนนักที่จะไม่เคยได้ยินคำว่า New Normal บอกเลยว่าช่วงนี้จะเปิดโทรทัศน์ ฟังวิทยุ อ่านข่าวบนหน้าเฟส ต้องคุ้นๆคำว่า New Normal อย่างแน่นอน ซึ่ง New Normal มีอิทธิพลอย่างมากในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาคสังคมเศรษฐกิจ ธุรกิจ การศึกษา รวมถึงชีวิตประจำวัน เมื่อทุกอย่างก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์เกือบเต็มตัว หลากหลายภาคธุรกิจรวมถึงภาคการศึกษาเริ่มปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ Work from Home และ Study from Home เรียกได้ว่าสถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องปรับตัว บนสัญชาติญาณของความอยู่รอดจริงๆ New Normal คืออะไร New Normal ความหมายไทยที่บัญญัติโดยราชบัณฑิตยสภาก็คือ ความปกติใหม่ , ฐานวิถีชีวิตใหม่ หมายถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต สืบเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เกิดคำว่า New Normal ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคำนี้เคยถูกใช้ครั้งแรก โดย บิลล์ กรอส (Bill Gross) ผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ชาวอเมริกัน โดยเขาใช้คำว่า New Normal โดยตอนนั้นเขาใช้อธิบายถึงสภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ ในสหรัฐฯ ช่วงระหว่างปี 2007-2009 (อะไรๆก็ ‘New Normal’ แท้จริงแล้ว ‘New Normal’ คืออะไร? . 14 พฤษภาคม 2563, Workpointnews) ฉะนั้นแล้ว New Normal ก็คือ ความเปลี่ยนแปลงจากการปรับวิถีการดำรงชีวิตแบบใหม่ ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ จากพฤติกรรมเดิมๆที่ทำเป็นกิจวัตร ก็ถูกเปลี่ยนเเปลงไปในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ธุรกิจ การสื่อสาร การรักษาสุขอนามัย เป็นต้น ซึ่งสิ่งใหม่ๆเหล่านี้จะกลายเป็นปกติในที่สุด New Normal กับ G Suite หาก New Normal ในปัจุบัน คือออนไลน์ แน่นอนว่าธุรกิจที่ใช้ G...
Continue readingแก้ปัญหาแสงน้อยด้วยโหมด low-light ใน Google Meet เฉพาะบนมือถือ
หมดกังวลเรื่องแสงไม่พอขณะวิดีโอคอล Google Meet สามารถปรับแสงวิดีโอของคุณโดยอัตโนมัติเพื่อให้เข้ากับสภาพแสงน้อย ตอนนี้คุณสามารถใช้ Meet ได้จากทุกที่แม้จะมีแสงน้อย เฉพาะบนอุปกรณ์ Android หรือ iOS เท่านั้น เนื่องจากอุปกรณ์มือถือแต่ละเครื่องมีคุณภาพกล้องที่แตกต่างกัน และความสามารถในการประมวลผลเพื่อแสดงผลทางหน้าจอขณะวิดีโอคอลอาจแตกต่างกันด้วย การปรับแสงวิดีโอในโหมด low-light จะเริ่มขึ้นประมาณ 5 วินาที หลังจากเข้าสู่พื้นที่ที่มีแสงน้อย เมื่อสภาพแสงของคุณเปลี่ยนไปหรือมืดลง Meet จะปรับแสงภายในวิดีโอให้เองโดยอัตโนมัติ และจะหยุดการประมวลผลเมื่อสภาพแสงดีขึ้น ฟีเจอร์ low-light จะทำงานโดยอัตโนมัติตามค่าเริ่มต้น (Default) หากต้องการปิดโหมดนี้คุณสามารถทำได้ในเมนูการตั้งค่าระหว่างวิดีโอคอล คลิกเพื่อปิดโหมด low-light ที่มา – G Suite Updates G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...
6 คำศัพท์ที่ต้องรู้ในยุค Digital
มาทำความรู้จักคำศัพท์ที่คุณอาจจะเคยเห็นผ่านตาหรือยังไม่เคยได้เห็นเลย แต่เราจะมารู้จักกันมากขึ้นในวันนี้ และหลังจากนี้คุณจะได้เห็นคำพวกนี้ในยุค Digital นี้ไปอีกนาน CJ หรือ Customer Journey ก็คือ การเดินทางของลูกค้าโดยหลักจะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน 1. Awareness(การรับรู้ของแบรนด์) 2. Interest(สนใจสินค้า) 3. Evaluation(การเปรียบเทียบ+ตัดสินใจ) 4. Purchase(ซื้อสินค้า) 5. Use(ใช้สินค้า) 6. Loyalty(ความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์หรือการซื้อซ้ำ) เป็นการดูการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น CX หรือ Customer Experience ก็คือ ประสบการณ์ของลูกค้า เป็นกระบวนการสร้างความภักดี (Loyalty) ของแบรนด์ เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี และยังคงอุดหนุนแบรนด์ของเราแทนที่จะไปหาคู่แข่ง ซึ่งเราจะต้องรู้ถึง CJ และ Data ที่เรามีนำมาวิเคราะห์เพื่อที่จะได้รู้ถึง CX ของลูกค้าอย่างแท้จริง CRM หรือ Customer Relationship Management ถ้าแปลตรงตัวก็ คือ บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า คือกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ การรวบรวมข้อมูลลูกค้า รวมถึงมีสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าของแบรนด์ได้อีกด้วย ซึ่งไม่ได้มีแค่การขายกับบริการเท่านั้น CRM ยังรวมถึงความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าของเราอีกด้วย ตอนนี้หลายๆธุรกิจก็พยายามมุ่งไปทาง CRM มากขึ้น เพราะว่า ในปัจจุบันสินค้าหรือบริการไม่ใช่สิ่งเดียวที่ตอบโจทย์ลูกค้าอีกต่อไปในปัจจุบัน แต่มีความสัมพันธ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมและใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้นอีกด้วย PDPA หรือ Personal Data Protection Act คือ การป้องกันข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าซึ่งประเทศไทยกำลังจะนำพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้มาใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 27 พ.ค. 2563 ซึ่งพรบ. ฉบับนี้เป็นที่น่าจับตามองมาก เพราะว่าในปัจจุบัน ข้อมูลลูกค้าไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ พฤติกรรม หรือการจ่ายเงินต่างๆ เป็นข้อมูลที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ จึงทำให้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับบริษัทหรือฝ่าย Marketing มาก ดังนั้นทำให้ต้องมีพรบ.ฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิดหรือละเมิดเอาข้อมูลจากที่อื่นมา Martech หรือ Marketing Technology คือ การทำการตลาดแบบดิจิทัลที่จะมีการใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันเข้ามาช่วยมากขึ้น หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันคืออันเดียวกับ Digital Marketing แต่จริงๆแล้ว Digital...
Continue readingGoogle ให้คุณสนุกไปกับภาพ 3D และ AR ใน Search
สนุกไปกับประสบการณ์การเรียนรู้ที่บ้านด้วยภาพเสมือนจริง หรือที่รู้จักกันในนาม AR (Augmented reality) ในแอปพลิเคชัน Google Search บนมือถือ ที่ให้คุณสามารถนำวัตถุสามมิติเข้ามาในพื้นที่บ้านของคุณ เปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้เป็นสวนสัตว์เสมือนจริง หรือจะถ่ายภาพคู่กับนักบินอวกาศขณะสำรวจยานอวกาศอพอลโล 11 ใกล้ๆ ก็ยังได้ เรียนรู้ร่างกายมนุษย์ Google ร่วมมือกับ BioDigital เพื่อให้คุณสามารถสำรวจระบบร่างกายมนุษย์จำนวน 11 ระบบด้วยระบบ AR ใน Search บนมือถือ เช่น ลองค้นหาคำว่าระบบไหลเวียนโลหิต แล้วแตะปุ่ม “View in 3D” เพื่อดูการทำงานของหัวใจ หรือค้นหาระบบโครงกระดูกเพื่อสำรวจชิ้นส่วนกระดูกต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ โดยจะมีป้ายกำกับในแต่ละส่วนของร่างกายเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมหรือดูภาพเสมือนจริงด้วย AR เพื่อทำความเข้าใจกับขนาดตามของจริง เปิดมุมมองที่กว้างขึ้นในโลกของกล้องจุลทรรศน์ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เช่น แบคทีเรีย หรือเซลล์ในร่างกายนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เว้นแต่ว่าเราจะขยายดูแบบร้อยเท่า พันเท่า ทาง Google จึงร่วมมือกับ Visible Body เพื่อสร้างแบบจำลอง AR ของเซลล์สัตว์ เซลล์พืช และแบคทีเรีย ลองค้นหาคำว่าเซลล์สัตว์และขยายเข้าไปในนิวเคลียสเพื่อดูการเก็บ DNA มากไปกว่านั้น ระบบ AR ให้คุณสามารถนำเซลล์แบบสามมิติ เข้ามาในพื้นที่ที่คุณต้องการ สามารถหมุน ขยาย และดูรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนประกอบที่แตกต่างกันได้ เปลี่ยนบ้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วยปลายนิ้ว จากสถานการณ์ COVID-19 พิพิธภัณฑ์หลายแห่งอาจถูกปิดในขณะนี้ แต่ด้วย Google Arts & Culture และสถาบันต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ Smithsonian National Air and Space คุณสามารถเปลี่ยนบ้านของคุณให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์โดยใช้ระบบ AR ลองค้นหาคำว่า Neil Armstrong บนโทรศัพท์เพื่อดูดูชุดอวกาศของจริง ในขนาดเท่าตัวจริงในรูปแบบสามมิติ สำรวจ บันทึก และแบ่งปันได้อย่างง่ายดาย เพื่อช่วยให้คุณค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทาง Google กำลังพัฒนาการนำเสนอในรูปแบบ carousel ใหม่บน Android...
Continue readingGoogle ปรับโฉมหน้าต่างสำหรับการแชร์ไฟล์ใหม่ เรียบง่ายกว่าเดิม
Google ทำการอัปเดตอินเทอร์เฟซที่ใช้เพื่อแชร์ไฟล์ หรือจัดการสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์จาก Google Drive, Docs, Sheets, Slides และ Forms บนเว็บเราวเซอร์ ซึ่งจะทำให้การแชร์ไฟล์กับคนที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้นโดยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากเกินความจำเป็นออกไป การแชร์ไฟล์ให้กับเพื่อนในทีมนับว่ามีความสำคัญต่อการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ที่เราต้องอาศัยการทำงานจากระยะไกล แต่ละคนก็อยู่กันคนละสถานที่ Google จึงได้พัฒนาฟีเจอร์สำหรับการแชร์ไฟล์ให้ง่ายขึ้น ในขณะที่ลดความเสี่ยงในการเข้าถึงโดยผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ ซึ่งสิ่งที่คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มีดังนี้: กล่องหน้าต่างการแชร์ไฟล์แบบใหม่จะเน้นผู้ใช้งานที่สำคัญ คล้ายกับการแชร์ไฟล์ เปลี่ยนแปลงหรือดูสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ นอกจากนี้ยังแยกการแชร์ไฟล์ไปยังบุคคลกับกลุ่มออกจากกันด้วย เพื่อป้องกันการสับสน เพิ่มปุ่ม “คัดลอกลิงก์” เพื่อให้ง่ายต่อการนำลิงก์ไปใช้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนการอนุญาต อินเทอร์เฟซแบบใหม่นี้จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใครที่มีสิทธิ์เข้าถึงไฟล์นั้นๆ บ้าง เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ที่มา – G Suite Updates หน้าต่างแชร์ไฟล์แบบใหม่ หน้าต่างแชร์ไฟล์แบบเก่า G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...