ฟีเจอร์ลับ! Google Docs ที่คุณไม่ควรพลาด

ฟีเจอร์ลับ Google Docs ที่คุณไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาทั้งเอกสาร สั่งพิมพ์งานด้วยเสียง แปลงข้อความในภาพเป็นตัวหนังสือ หรือทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ได้พร้อมกันสูงสุด  100 คน! 1. แปลภาษาได้ทั้งเอกสาร คุณรู้หรือไม่ว่า Google Docs สามารถแปลเอกสารของคุณได้ทั้งหมด เพียงแค่กด Tools > Translate Document เลือกภาษาที่ต้องการ เพียงเท่านี้เอกสารของคุณทั้งหมดก็จะกลายเป็นภาษานั้น ๆ ปรับอีกนิดหน่อยก็จะได้งานแปลแบบ  สวย ๆ  ถือว่าเป็นการรวมฟีเจอร์ Google Translate ไว้ใน Docs เพื่อที่ง่ายต่อการทำงานนั่นเอง 2. สั่งพิมพ์งานด้วยเสียง คุณสามารถสั่งให้ Google Docs พิมพ์งานโดยที่คุณไม่ต้องพิมพ์เองให้เมื่อยมือใด ๆ โดยกดที่ Tools > Voice Typing หรือ Ctrl + Shift + S เลือกภาษาและพูดประโยคที่ต้องการจะพิมพ์ลงไป เพียงเท่านี้ Google Docs ก็จะพิมพ์ตามที่คุณพูด ถือว่าสะดวกสุด ๆ  3. เปลี่ยนข้อความในภาพเป็นตัวหนังสือใน Docs เข้าไปที่ Google Drive เลือกภาพที่ต้องการจะแปลงเป็นตัวหนังสือ คลิกขวา > Open With > Google Docs คุณก็จะได้ข้อความในภาพมาเป็นตัวหนังสือใน Docs ไม่ต้องเปิดไฟล์แล้วพิมพ์ตามให้เสียเวลา  4. เสิร์ชข้อมูลและหาภาพในกูเกิ้ลได้ไม่ต้องสลับหน้าต่าง หากคุณกดปุ่ม Explore ที่อยู่มุมขวาล่าง คณจะสามารถเสิร์ชข้อมูลจาก Google ได้โดยตรง แค่คุณพิมพ์คำที่ตรงการจะเสิร์ชลงไปและกดที่ WEB จะขึ้นข้อมูลต่าง ๆ ใน Google และสามารถเลือกรูปที่ IMAGES เพื่อแทรกลงในเอกสารได้เลยทันที ไม่ต้องกดเซฟ ไม่ต้องสลับหน้าต่างให้ยุ่งยากอีกต่อไป 5. ตรวจคำผิดด้วย Spelling and Grammar...

Continue reading

เชื่อมต่อ LINE OA เข้ากับ Zendesk ด้วย Social Messaging

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คำถามยอดฮิตของลูกค้าคือ จะเชื่อมต่อบัญชี LINE OA เข้ากับ Zendesk Support ได้ไหม? เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้แอปพลิเคชันไลน์ในการสื่อสารกันเป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นช่องทางยอดฮิตอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ทางเราก็จะตอบกลับลูกค้าไปตลอดว่าไม่ได้เนื่องจากติดปัญหาและมีข้อจำกัดของไลน์เอง แต่มาวันนี้คำตอบได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะ Zendesk ได้ออกตัว Connector ที่จำหน่ายแยกเป็น Add on ออกมาใหม่ เรียกว่า “Social Messaging” ที่จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยมอย่าง LINE OA (Official Account), Facebook Messenger, WhatsApp, WeChat และ Twitter Direct Messages (DMs) เข้ากับ Zendesk Support และ Zendesk Support Suite เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างง่ายดายไร้รอยต่อ ด้วย Social Messaging Add on นี้จะทำให้ทุกข้อความที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาจากช่องทางโซเชียลที่กล่าวไปข้างต้นถูกเปิดเป็น Ticket ใน Zendesk Support รวมถึงพนักงานหรือ Agents ก็สามารถตอบกลับจากหน้า Interface ของ Zendesk Support ได้เลย อีกทั้งยังสามารถสร้าง Business Rule ต่าง ๆ เช่น triggers, automations และ macros รวมถึงการเก็บข้อมูลการสนทนาซึ่งช่วยให้สามารถติดตามเคสของลูกค้าได้ แก้ปัญหาเคสหลุดและข้อความตกหล่นได้เหมือนกับ ticket ทั่วไป รายละเอียดจำนวน Account ของช่องทางต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อได้มีดังนี้LINE OA, WhatsApp และ WeChat = ไม่จำกัดจำนวน AccountFacebook Messenger = 15 pagesTwitter Direct Messages...

Continue reading

“Zendesk” Customer Service Software ที่ทั่วโลกยอมรับ

บริษัททั่วโลกเขารู้จัก และใช้กันมานานแล้ว แล้วคุณหล่ะรู้จัก Zendesk รึยัง? หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Zendesk มาบ้าง หรืออาจจะไม่เคยได้ยินก็แล้วแต่ แต่ในวันนี้คุณจะได้รู้จักเจ้า Zendesk มากขึ้นไปพร้อมๆกับเรา คุณเคยเจอปัญหาลูกค้าทักมาจากหลายหลายช่องทางจนตอบผิดตอบถูกไหม? คุณเคยเจอปัญหาลูกค้าเก่า แต่ต้องเสียเวลากรอกข้อมูลใหม่ทุกครั้งไหม? คุณเคยเจอปัญหาต้องจ้างพนักงานเพิ่ม ต้นทุนมากขึ้น เพื่อมารองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นไหม? ซึ่งการที่เราจะขยายธุรกิจต่อไปได้นั้น เราต้องวางรากฐานและกระบวนการทำงานให้พร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่พูดไว้ข้างต้น หรือลูกค้าที่จะเข้ามามากขึ้น นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้บริษัทชั้นนำหลายบริษัททั่วโลก เลือกใช้ Zendesk เพราะ ปัญหานี้พวกนี้แหละ สามารถแก้ได้ด้วยเจ้าระบบ Zendesk ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมช่องทางการสื่อสารแบบ Omnichannel เพื่อให้สะดวกและรวดเร็วต่อการตอบสนองของลูกค้าที่สุด และยังเป็นการช่วยลดการทำงานซับซ้อนให้กับพนักงานของเราอีกด้วย ดังนั้นพนักงาน 1 คน สามารถรับลูกค้าได้มากขึ้น หมายความว่าเราสามารถถึงประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เราประหยัดต้นทุนในเรื่องของค่าแรงอีกด้วย หรือจะเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า การที่คุณจะขยายธุรกิจและเติบโตให้ใหญ่ขึ้น หลักเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ให้เป็นระเบียบและปลอดภัยที่สุด เพราะเราไม่สามารถจำลูกค้าได้ทุกคนอยู่แล้ว แล้วถ้าลูกค้าคนนึงติดต่อมา จะให้เราถามข้อมูเขาทุกครั้งก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ซึ่งปัญหานี้ก็แก้ได้ด้วย Zendesk เช่นกัน ซึ่งที่กล่าวมาด้านบนก็เป็นปัจจัยหลักๆที่ทำไมบริษัทชั้นนำจึงเลือกใช้ Zendesk และสามารถทำให้บริษัทเหล่านั้นอยู่แนวหน้า และมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่ามีบริษัทอะไรที่ใช้ Zendesk บ้าง ต่างประเทศ Daniel Wellington บริษัทขายนาฬิกาชื่อดังที่มีสไตล์เรียบหรูดูแพง Airbnb สำหรับสายท่องเที่ยวน่าจะรู้จักกันดี คือ แอฟพลิเคชั่นจองที่พักออนไลน์ที่เป็นที่นิยมมากตอนนี้ Foodpanda บริษัทที่ฮิตและนิยมมากในช่วง Covid นี่คือบริษัท Food Delivery Discord สำหรับสายเกมเมอร์ บริษัทที่ทำระบบเชื่อมต่อการสื่อสารของคนจำนวนมากไว้ด้วยกัน Uber บริษัทที่ทุกคนรู้จักกันในเรื่องของการเรียก Taxi ทางออนไลน์หรือแอฟพลิเคชั่น ประเทศไทย Kerry Express สำหรับสายช้อปปิ้งออนไลน์ต้องรู้จักแน่นอน บริษัทขนส่งอันดับต้นๆของประเทศไทย 2C2P เป็นบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับการจ่ายเงิน หรือระบบการเงินออนไลน์ Finn Mobile หรือที่ทุกคนเคยรู้จักในชื่อของ Line Mobile นั่นเอง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเครือข่ายโทรศัพท์ ก็ได้ใช้ Zendesk ในการทำงานเช่นเดียวกัน SCG Express ก็เช่นกัน เพิ่งจะได้เริ่มใช้ Zendesk มาไม่นานมานี้เพื่อที่จะขยายธุรกิจและรองรับลูกค้าที่มากขึ้น...

Continue reading

ทริคการใช้ Google Calendar ที่คุณอาจจะยังไม่รู้

Google Calendar กำลังเป็นที่นิยมของหลาย ๆ องค์กรที่ใช้ในการนัดหมายประชุม บางท่านก็ใช้งานเป็นประจำ ส่วนบางท่านก็พึ่งเริ่มใช้ ซึ่งเราจะมาแนะนำเทคนิคและทริคดี ๆ ด้วยกัน 5 ทริค ในการใช้งาน Google Calendar ซึ่งบางท่านก็อาจจะยังไม่รู้และไม่เคยใช้ เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน Google Calendar เราไปดู ทริคการใช้ Google Calendar ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ กันเลย! 1. Drag & Drop สร้างการนัดหมาย คุณสามารถสร้างการนัดหมายแบบรวดเร็วได้ด้วยการลากและวางเม้าท์ในวันที่คุณอยากจะทำการนัดหมาย หรือต้องการย้ายการนัดหมายไปวันอื่น ๆ ก็ทำได้ด้วยการลากไปวางในวันที่ต้องการ  2. Keyboard Shortcuts ปุ่มลัดใช้ใน Calendar  คุณรู้หรือไม่? ว่าเราสามารถใช้ปุ่มลัดใน Google Calendar เพื่อใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยการกดที่แป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ          – ดูวัน อาทิตย์ หรือเดือนก่อนหน้า     K หรือ P          – ดูวัน อาทิตย์ หรือเดือนถัดไป         J หรือ N           – กลับมาวันปัจจุบัน                     T           – สร้างการนัดหมาย          ...

Continue reading

4 ทริค! เพิ่มการทำงานแบบ Productive ด้วย G Suite

หลาย ๆ ท่านคงจะเคยได้ยินการทำงานแบบ Productive มาบ้างแล้ว ซึ่งในการทำงานแบบนั้นคืออะไร เราจะอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังกันสักนิดนึง   การทำงานแบบ Productive คือ การทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไม่หักโหมให้ได้งานปริมาณเยอะ ๆ แต่เป็นการทำงานที่ให้ได้งานที่มีคุณภาพเหมาะสมตามเวลานั่นเอง เกิดมาจากการจัดการ การวางแผน ลำดับความสำคัญงานในแต่ละวัน และการทำงานแบบนี้ ไม่ได้หมายถึงว่าเราสามารถจัดการเวลางานได้เพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการจัดการด้านอื่น ๆ เช่น เวลาครอบครัว เวลาพักผ่อน ได้ดีอีกด้วย  ซึ่งวันนี้เรามี 4 ทริคที่จะช่วยให้การทำงานของคุณมี Productive มากขึ้น ด้วย G Suite ที่ทุก ๆ ท่านสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้เลยทันที! ทริคที่ 1 การจัดลำดับความสำคัญของงานและเวลา การที่เราสามารถจัดสำดับความสำคัญงานในแต่ละวันได้ จะทำให้เรานั้นสามารถทำงานได้งานเป็นระบบ อาจะเริ่มจากการทำ To-Do-List ในแต่ละวัน หลังจากนั้นเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ก็จะทำให้เราโฟกัสงานและเสร็จไปเป็นอย่าง ๆ แบบมีคุณภาพและเป็นไปตามเวลาที่เรากำหนด  ซึ่งการใช้ Google Calendar เราจะสามารถสร้าง Task ลงในปฎิทินของเราในแต่ละวันได้ สามารถดูตารางนัดประชุมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ได้ และเห็นภาพรวมงานที่เราจะต้องทำในแต่ละเดือนได้ อีกทั้งยังสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราบริหารเวลาในการทำงานได้ดีมากขึ้น ทริคที่ 2 Brainstorm หรือแชร์ไอเดียงานร่วมกับทีม ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันจะต้องมีการทำงานร่วมกันในหลาย ๆ ฝ่ายเพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพหรือบูรณาการ ซึ่งการมีเครื่องมือที่ดี ที่สะดวกสบาย สามารถแชร์ แก้ไข หรือ Feedback เอกสารได้แบบเรียลไทม์ ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการโหลดไฟล์ ก็จะสามารถ Support การทำงานร่วมกันได้อย่าง Productive มากขึ้น Google Docs, Sheets, Slides สามารถทำแบบนั้นได้ และทำงานสูงสุดถึง 100 คน ที่ Active พร้อมกัน โดยมีรายละเอียดในการติดตามชัดเจนว่าใครแก้ไขและเพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง ยืดหยุ่นต่อการทำงานอีกด้วย    ทริคที่ 3 ติดต่อสื่อสารกับคนในองค์กรให้ง่ายและเข้าใจตรงกัน หลาย ๆ ครั้งที่เราจะต้องนัดประชุมหรือคุยงาน แล้วหากเราฟังมาไม่เข้าใจมากพอหรือเข้าใจผิด...

Continue reading

ถอดบทเรียนรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าให้ได้ถึง 90% จาก Foodpanda

เพราะความหิว รอกันไม่ได้ ในวิกฤตโควิด-19นี้ หากพูดถึงแอปพลิเคชันเดลิเวรียอดฮิตที่คนไทยต้องมีติดเครื่อง เมื่อลองนับนิ้วไล่รายชื่อดูไม่พ้นต้องเจอผู้ให้บริการรายนี้เป็นแน่ “Foodpanda” Foodpanda ผู้ให้บริการสั่งซื้อ และจัดส่งอาหารออนไลน์เดลิเวรีผ่านแอปพลิเคชันเจ้าแรกในประเทศไทย เชื่อมโยงความหิวของลูกค้าเข้ากับอาหารที่พวกเขาชื่นชอบ โดยทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งซื้ออาหารจากร้านอาหารท้องถิ่นจำนวนมาก ผ่านทางออนไลน์หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้บริโภคต่างก็หลงใหลในทางเลือกที่หลากหลาย จนปัจจุบัน Foodpanda ดำเนินการทั้งหมด 40 ประเทศ เชื่อมต่อกับร้านอาหารกว่า 580,000 แห่งทั่วโลก และเป็นหนึ่งในบริการจัดส่งอาหารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตลาด ถึงอย่างนั้นท่ามกลางออเดอร์ที่ทะยานเข้ามาไม่หวาดไม่ไหวในแต่ละวัน Foodpanda ก็ยังสามารถรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีคะแนน CSAT (Customer Satisfaction Score) ที่พุ่งสูงถึง 90%   เรามาดูอีกหนึ่งเคล็ด(ไม่)ลับของเบื้องหลังการบริการลูกค้าอันยอดเยี่ยมนี้กัน เดิมทีนั้น คำร้องขอรับความช่วยเหลือของลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาของ Foodpanda จะเกิดขึ้นหลังจากลูกค้าสั่งซื้ออาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่มีความกังวลว่าอาหารของพวกเขาจะมาถึงไม่ทันเวลา จึงได้ติดต่อสอบถามมาทาง Foodpanda แต่ปัญหาของ Foodpanda คือการที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถรับรู้กระบวนการของคำสั่งซื้อได้ ไม่รู้ว่าสถานะคำสั่งซื้อไปถึงไหนแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับร้านอาหารที่เป็นพันธมิตรและผู้ขับขี่ทุกครั้ง โดยใช้วิธีการพกพาโทรศัพท์สองเครื่อง พักสายลูกค้าและโทรไปสอบถามสถานะคำสั่งซื้ออีกเครื่อง การซัพพอรต์ทางโทรศัพท์เป็นช่องทางที่รวดเร็ว เป็นส่วนตัว และเหมาะแก่ช่วงเวลาเร่งด่วน ถึงอย่างนั้นก็แลกมาด้วยทรัพยากรที่เสียไปอย่างใช่เหตุมหาศาล Foodpanda ตระหนักว่าเพื่อที่จะบริหารจัดการทีมซัพพอรต์ทั่วโลก กลยุทธ์ด้านการซัพพอรต์ที่ไม่เหมือนใครเป็นสิ่งจำเป็น จึงเลือกใช้ ‘Zendesk Support’ และ ‘Zendesk Chat’ ช่องทาง Live Chat ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งเจ้าหน้าที่และลูกค้า ในขณะที่ Zendesk Support ทำให้ Foodpanda สามารถรวมทุกช่องทางการติดต่อ และบริหารจัดการคำร้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ “Live Chat เป็นช่องทางที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดสำหรับลูกค้าในการติดต่อกับเรา ทุกครั้งที่ลูกค้ามีปัญหา เจ้าหน้าที่สามารถแชทตอบกลับลูกค้าได้หลายรายพร้อมกัน ดังนั้นเวลารอของลูกค้าจะลดลงและลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น” – Jorge Vernetta (Global Operations Manager at Foodpanda) กล่าว ความต่อเนื่องของการแชทผ่านแอปพลิเคชันทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม และช่องทาง Live Chat นี้เอง ที่ทำให้ Foodpanda สามารถคงค่าคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าเอาไว้ได้ถึง 90% ปัจจุบัน Foodpanda ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ...

Continue reading

Android ใช้โหมด Dark Theme ใน Docs, Sheets และ Slides ได้แล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ Google ได้อัพเดตระบบการทำงานใน Google Docs, Sheets และ Slides ที่สามารถใช้โหมด Dark Theme ในระบบ Android ได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ยังปล่อยให้อัพเดตเฉพาะระบบนี้เท่านั้น และคาดว่าระบบ IOS ก็คงจะปล่อยให้อัพเดตกันตามมาติด ๆ  ในโหมด Dark Theme นี้จะสามารถปรับ Interface และการใช้งานได้อย่างชาญฉลาด! โดยเฉพาะการทำงานที่มีสภาพแวดล้อมแสงน้อย ถ้าใช้โหมดนี้ก็จะทำให้การทำงานของคุณนั้นง่ายมากขึ้น  อีกทั้งยังประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วย Docs, Sheets, and Slides ในโหมด Dark Theme  การตั้งค่า สำหรับใน Android ถ้ามีการเปิดใช้งาน Dark Theme อยู่แล้ว Google Docs, Sheets และ Slides ก็จะปรับเข้าสู่โหมด Dark Theme แบบอัตโนมัติ หรือคุณสามารถเปิดหรือปิดโหมดนี้ได้อย่างอิสระเพียงตั้งค่าในแอป และขั้นตอนในการเปิดโหมดนี้นั้นก็ง่ายมาก โดยมีวิธีการตั้งค่า ดังนี้ เปิดแอป Google Docs, Sheets, Slides ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ กดที่เมนู มุมบนซ้าย เลือก Setting เลือก Choose theme จากนั้นเลือก Theme ที่ต้องการ เช่น Dark, Light หรือ System defaut การดูตัวอย่างเอกสารหรือชีตในโหมด Light Theme หากคุณเปิดใช้ Dark Theme การกดดูตัวอย่างเอกสารหรือชีตของคุณก็จะเป็นโหมด Dark Theme แบบอัตโนมัติ แต่คุณสามารถดูตัวอย่างเอกสารว่าจะแสดงอย่างไรในรูปแบบ Light Theme ได้ ดังนี้ เปิดแอป Google Docs, Sheets, Slides ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ เปิดเอกสารหรือชีตที่คุณต้องการจะดู...

Continue reading

4 เเอปสร้างรายได้ขายของออนไลน์ในจีน

การสร้างเเบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นต้องเข้าใจเเละรู้จักกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเเบรนด์ก่อนว่า เป็นใคร อยู่ในอายุช่วงไหน เพศไหนบ้าง หลังจากที่ได้กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเเล้วเจ้าของเเบรนด์ควรมีสตอรี่ที่น่าสนใจ บอกประวัติความเป็นมาของเเบรนด์ เเละสำรวจ Big Data เพื่อรวบรวมข้อมูลของลูกค้าของเราตั้งเเต่เริ่มสร้างเเบรนด์  เเละสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเลือกเครื่องมือที่ทันสมัย เเละทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าหรือเเบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ยุคปัจจุบันที่คนเริ่มเกียจคร้านในการออกจากบ้านไปซื้อของ ดังนั้นการมีเครื่องมือออนไลน์เข้ามาช่วยทำให้ทั้งผู้ซื้อเเละผู้ขายสะดวกสบายมากขึ้นเเละก้าวทันโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนเเปลงไปอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในประเทศจีนผ่านเเอป ทุกวันนี้การนำของเข้าไปขายในประเทศจีนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก เจ้าของเเบรนด์ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านที่จีนหรือมีใบจดทะเบียนบริษัทที่ประเทศจีนอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซที่ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงลูกค้าชาวจีนได้ง่ายขึ้นผ่าน แพลตฟอร์มออนไลน์ที่คนจีนนิยมใช้ ซึ่งก็มีหลายแพลตฟอร์มด้วยกัน เช่น TMall Taobao JD.com เเละ WeChat Mini Program ซึ่งเเต่ละแพลตฟอร์มก็มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับ เเละระบบที่เเตกต่างกันไป ดังนั้นวันนี้เเอดมินขออนุญาติมาเล่าให้ฟังว่าเเต่ละเเอปทำอะไรได้บ้างเเละต้องมีเตรียมเอกสารอะไรในการสมัครบ้าง ใช้เวลาในการสมัครนานเเค่ไหนไปดูกันเลย  การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในจีนผ่านเเอปต่างๆ  >> TMALL, Taobao, JD.com, WeChat Mini Program     T- mall Taobao JD.com WeChat Mini Program   ประเภทการขาย ขายปลีก ขายปลีก ขายปลีก ขายปลีก ประเภทสินค้า เฉพาะสินค้าเเบรนด์เนม เเละถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น สินค้าทุกประเภท สินค้าทุกประเภท สินค้าเเบรนด์เนม จนถึง สินค้าระดับกลาง ราคาการสมัคร ราคาสูง ราคาถูก ราคาสูงกว่าทุกอัน ราคาปานกลาง ภาษาในการสื่อสาร สื่อสารภาษาจีนเเละ อังกฤษได้ สื่อสารภาษาจีน สื่อสารภาษาจีน สื่อสารภาษาจีนเเละ อังกฤษได้ การชำระเงิน Alipay Alipay WeChat Pay WeChat Pay การจัดส่ง ที่อยู่จัดส่งในจีนเท่านั้น ที่อยู่จัดส่งในจีนเท่านั้น จัดส่งปลายทาง ที่อยู่จัดส่งในจีน เเละในไทย คุณภาพสินค้า สินค้ามีคุณภาพดี ไม่รับรองคุณภาพสินค้า ความน่าเชื่อถือน้อย สินค้ามีคุณภาพดี สินค้ามีคุณภาพดี อื่นๆ บริษัทต้องมีการจดทะเบียนในจีน เเอปนี้ในไทยสามารถจดได้ เว็บไซด์เปิดฟรีสำหรับคนจีนเท่านั้น บริษัทต้องมีการจดทะเบียนในจีนเท่านั้น บริษัทต้องมีการจดทะเบียนในจีน เเอปนี้ในไทยสามารถจดได้...

Continue reading

สร้าง Dashboard ออนไลน์แสนง่าย ด้วย Data Studio

ผ่านมาแล้วครึ่งปี หลาย ๆ ท่านอาจจะต้องรวบรวมข้อมูลการทำงานที่ผ่านมาแล้วสรุปรายงานต่าง ๆ ให้เจ้านายได้วิเคราะห์ข้อมูลกัน ใช้เวลาหมดไปเป็นวัน ๆ กับการเตรียมข้อมูลจากระบบในองค์กรที่หลากหลาย รวมทั้งข้อมูลตารางจาก Excel ที่แต่ละแผนกได้จัดทำและเราต้องมานั่งรวบรวมข้อมูล จับสูตรใส่ลงไปเพื่อให้ข้อมูลได้ผลมาตามต้องการ รวมถึงการสร้างกราฟแสดงผลสรุปข้อมูลส่งให้เจ้านายของคุณได้เอาไปดูกันอย่างง่ายดาย ในการสร้างรายงานประจำปี รายงานประจำเดือน หรือรายงานประจำวัน คงปฏิเสธไปไม่ได้ที่จะมีการเก็บข้อมูลแบบ spreadsheet ไว้ เพราะการจัดการข้อมูลที่สะดวก มีสูตรช่วยการคำนวณที่รวดเร็ว และยังนำข้อมูลไปสร้างกราฟได้ไม่ยากมากนัก หากท่านมีการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้อยู่แล้วนั้น การปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการสร้างกราฟข้อมูลก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป Data Studio อีกหนึ่งเครื่องมือของ Google ที่ช่วยในการสร้างกราฟแสดงผลข้อมูลแบบ interactive ที่ท่านสามารถเลือกกรองข้อมูลที่ต้องการได้ด้วยตนเอง สามารถสร้างให้แสดงผลลัพธ์จากหลายแหล่งที่มา มารวมกันที่เดียว ทำให้การติดตามการเคลื่อนไหวของข้อมูลมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถสนับสนุนการทำงานร่วมกันแบบ collaboration ที่ให้ท่าน เพื่อนร่วมงาน และเจ้านายหรือหัวหน้าของท่านใช้กราฟสรุปผลข้อมูลเดียวกันได้ การใช้งาน Data Studio ด้วยวิธีการ 3 ขั้นตอน ทำได้ดังนี้ เตรียมไฟล์ข้อมูลบน Google Sheets (ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลตัวอย่างได้ที่นี่ คลิก) เปิดโปรแกรม Google Data Studio (datastudio.google.com) แล้วเลือก สร้างรายงาน (Create report)  กำหนดแหล่งข้อมูลของท่าน (Create New Data Source) เลือกการเชื่อมต่อข้อมูลจาก Google Sheets แล้วเลือกชื่อไฟล์ข้อมูลของท่าน พร้อมทั้งเลือกชื่อแผ่นงาน (Workbook) ที่ท่านต้องการ Data Studio จะทำการอ่านข้อมูลใน Spreadsheet ของท่าน และได้สร้างข้อมูลชุดใหม่บน Data Studio ท่านสามารถตรวจสอบ หรือแก้ไขชื่อหัวข้อของข้อมูลตามที่ท่านต้องการได้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเลือก Add to Report เมื่อท่านเชื่อมต่อกับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว การนำไปใช้งานอยู่ที่ความเหมาะสม และความสวยงามได้เลย เครื่องมือที่ท่านควรรู้ไว้ ประกอบด้วย Add Chart จะรวบรวมประเภทของการแสดงผลข้อมูลไว้ ท่านสามารถเลือกการแสดงผลที่ต้องการ แล้วกำหนดการเชื่อมต่อข้อมูลตรงส่วน Data (ด้านขวา)...

Continue reading