อย่างที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลจีนบล็อกการใช้แพลตฟอร์ม Google หรือ Facebook ในประเทศจีน ไม่ให้ใช้ชาวจีนใช้แพลตฟอร์ม หรือเว็บไซร์ออนไลน์จากต่างประเทศ เเต่ให้ใช้เว็บที่ถูกทำขึ้นเเละควบคุมโดยคนจีนในประเทศจีนเท่านั้น เพราะทางภาครัฐสามารถควบคุมข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์เพื่อไม่ให้ข่าวสารที่สำคัญหรือเป็นความลับหลุดออกไปจากประเทศจีน เพื่อเป็นการทำให้เกิดความสงบสุขสบายใจของรัฐบาลให้อยู่ในกฎที่ตั้งเอาไว้ เเละไม่ผิดกฎหมายรัฐบาลของจีน ก่อนจะเข้าเรื่องของ China digital marketing Trends จะของเกริ่นนำเกี่ยวกับพฤติกรรมของชาวจีนก่อนในเรื่องของวัฒนธรรมของจีนที่เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มากจึงมีวัฒนธรรม เเละมีความคิดที่หลากหลายไม่เหมือนกันในเเต่ละภาค ซึ่งประเทศจีนมีประชากรกว่า1,400 ล้านคนจึงมีพฤติกรรมที่มีความซับซ้อนกว่าประเทศอื่นๆ เเละมีความเป็นตัวเองสูงมาตั้งเเต่สมัยอดีตกาล ดังนั้นการพัฒนาการใช้อินเทอร์เน็ตของจีนจึงไม่เหมือนประเทศอื่น ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไทย จะเริ่มจาก เดสก์ท็อป โน๊ตบุ๊ค แล้วค่อยมาเป็นสมาร์ทโฟน เเต่ที่ประเทศจีนนั้นสามารถก้าวกระโดดมาเป็นสมาร์ทโฟนได้เลย เนื่องจากจีนสามารถผลิตสมาร์ทโฟนได้ด้วยตัวเอง เเละส่วนมากไม่ว่าจะเป็นในหรือต่างประเทศทุกที่ก็จะติดต่องาน หรือธุรกิจต่างๆด้วยการขอ E-mail เเต่ที่เมืองจีนถ้าจะติดต่องานจะขอเป็น WeChat เเทน นี่ก็เป็นอีกพฤติกรรมที่ไม่เหมือนประเทศไหนๆเลย ดังนั้นการทำ Digital Marketing ของประเทศอื่นๆไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศจีนได้เลย ซึ่งเป็นที่มาของChina Digital Marketing Trends ซึ่งวันนี้เราจะมาอธิบายว่าSocial Commerce คืออะไร Social Commerce คือการที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคสามารถ ดูสินค้า สั่งสินค้า เเละจ่ายสินค้าได้ครบจบใน Social Mediaเลย ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกับโซเชียลมีเดียนั้นถือเป็นเรื่องเดียวกันในประเทศจีน เเละมีความเเตกต่างกับต่างประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย ดังนั้นที่ประเทศจีนคำว่า “Social Commerce” จึงถือเป็นเทรนด์ที่ต้องจับตามองอย่างมาก ยกตัวอย่างว่าจีนเเตกต่างจากประเทศอื่นๆหรือเเม้เเต่ประเทศไทยยังไงบ้าง อย่างในประเทศไทยเวลาเราซื้อของในออนไลน์ เฟสบุค หรือ ไอจี ก็จะเเคบรูปสินค้าที่สนใจมาให้คนขายผ่านทางไลน์ พอเเม่ค้าบอกยอดเงิน หรือค้าต้องจดเลขบัญชีหรือจำเลขบัญชีเเละธนาคารเพื่อโอนผ่านทางโมบายแบงกิ้งต่างๆ เเต่สำหรับเมืองจีนโดยเฉพาะ WeChat ไม่ต้องเข้าออกเเอปให้ยุ่งยากสามารถ สามารถเลือกชื้อของกดสั่งสินค้าเเละจ่ายเงินผ่าน WeChat ได้เลย เรียกได้ว่าครบถ้วนจบในเเอปเดียวจริงๆ เพราะWeChat ไม่ได้ทำได้แค่แชทอย่างเดียว เเต่ยังเป็นโซเชียลมีเดีย และวีเเชทเพย์อีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่องทางทำมาหากินของคนจีนได้อย่างดี เพราะเมื่อลูกค้าดูสินค้าเเล้วถูกใจอยากได้ก็สามารถสั่งซื้อ เเละชำระเงินได้ทันทีซึ่งสะดวก รวดเร็วทันใจกว่าในการที่ไม่ต้องนั่งกดเปลี่ยนเเอปไปมา หรือจำเลขบัญชี จำเงินที่ต้องโอน จำซื่อคนรับเงิน ยิ่งไปกว่านั้นไม่เปลืองเมมโมรี่มือถือในการโหลดเเอปเยอะๆอีกด้วย ในประเทศไทย การซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เเละส่วนมากที่ใช้ช่องทางออนไลน์ยังเป็นคนกรุงเทพที่อยู่เมืองใหญ่ เเตกต่างกับคนจีนที่คนจีนส่วนมากทุกคนไม่ว่าจะวัยรุ่น เป็นผู้สูงอายุ หรือจะอยู่เมืองไหนก็ตามของจีนก็มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากกว่าออกมาชื้อเเบบออฟไลน์ชะอีก ปัจจุบัน WeChat มีผู้ใช้ในจีนกว่าเกือบ...
Continue readingสำรวจกลยุทธ์ เพิ่มยอดเปิดอ่านอีเมลอย่างไร ให้สูงกว่าค่าเฉลี่ย Open Rate เดิม
Email Marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าเชิงลึกได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างก็ต้องเริ่มจากการให้ลูกค้ากดคลิกเปิดมันขึ้นมาก่อน อัตราการเปิดอ่าน หรือ Email Open Rate จึงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการวัดผลประสิทธิภาพของอีเมลนั้นๆ ก่อนอื่น เรามาดูค่าเฉลี่ยการเปิดอีเมลโดยทั่วไปกัน จากรีเสิรช์ล่าสุด สามารถสรุปค่าเฉลี่ยการเปิดอีเมลจาก 3 เครื่องมือหลักไว้ได้ดังนี้ Constant Contact : 13.94% Mailchimp : 21.33% GetResponse : 22.15% ดังนั้น หาก Open Rate ของคุณอยู่ในตัวเลขเฉลี่ยระหว่าง 12% ถึง 25% แล้วล่ะก็ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แล้วเราจะเพิ่มค่าเฉลี่ยการเปิดอ่านนี้ได้อย่างไร? 1. Email list ให้เป็นปัจจุบัน Open rate, Conversion rate และ Click-through rate ล้วนขึ้นอยู่กับคุณภาพของลิสต์รายชื่ออีเมล การสร้างลิสต์อีเมลที่จะส่งไปจึงเป็นอะไรที่สำคัญและควรค่าแก่การให้ความใส่ใจอย่างมาก ถึงอย่างนั้นการสร้าง Email list ก็ไม่ได้วัดคุณภาพได้จากจำนวนเสมอไป สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึง คืออีเมลลิสต์ในนั้น ต้องการที่เห็นอีเมลของคุณจริงๆ หรือเปล่าต่างหาก คุณควรเลือกให้ดีว่าจะเพิ่มใครลงในลิสต์เหล่านั้นบ้าง การส่งคำยืนยันซ้ำสองครั้งให้แน่ใจว่าพวกเขาต้องการอีเมลจากคุณจริงๆ และช่วยลดความเสี่ยงที่เมลของคุณจะกลายเป็นสแปม ให้ความสนใจกับ Email bounce rate และลบรายชื่อที่ล้าสมัยออกไป ตรวจหารายชื่อที่มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมลน้อย สอบถามว่าพวกเขายังต้องการรับอีเมลจากคุณอยู่หรือไม่ หากไม่ได้รับการตอบกลับ ก็ควรจะลบจากรายชื่ออีเมลออกไป การลบลิสต์อีเมลที่เพียรหามาอย่างหนักแน่นอนว่าอาจทำให้รู้สึกไม่ดีนัก แต่การเพียรสร้างลิสต์อีเมลให้เป็นปัจจุบัน จะทำให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์และเลือกโฟกัสในอีเมลลิสต์ที่สำคัญกว่าได้ 2. ตั้งชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ ชื่อหัวข้อเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ลูกค้าจะเลือกตัดสินใจว่าจะคลิกเปิดเข้าไปหรือไม่ ดังนั้นในการตั้งชื่อจะต้องคำนึงในมุมมองของลูกค้า อะไรคือสิ่งที่พวกเขาจะได้ หรือคุณต้องการให้พวกเขาทำอะไรกันแน่ ใช้ความคิดเหล่านี้เป็นตัวโฟกัสหลักในการตั้งชื่อหัวข้อเหล่านั้น การตั้งชื่อหัวข้อไม่ควรจะยาวเกินไป และมุ่งเน้นให้ตรงประเด็น จำนวนตัวอักษรไม่ควรมากเกิน 40 ตัว ยิ่งถ้าวิเคราะห์จากพฤติกรรมลูกค้าแล้วมีแนวโน้มที่จะเปิดผ่านโทรศัพท์มือถือที่มีการจำกัดการแสดงผลเป็นหลัก ก็ยิ่งควรตั้งให้รัดกุมเข้าไว้ อีกกฎข้อหนึ่งที่สำคัญ คือควรเลือกใช้คำที่หลีกเลี่ยงจะโดนเสี่ยงเข้าใจผิดว่าเป็นสแปม เพราะหากอีเมลของคุณส่งไปไม่ถึงกล่องข้อความเข้าล่ะก็ ลูกค้าก็ไม่สามารถเห็นได้เหมือนกัน 3. ใช้ประโยชน์จาก Preheader Text Preheader Text เป็นอีกข้อความที่ผู้รับของคุณจะเห็นก่อนตัดสินใจคลิก ดังนั้นการเลือกใช้คำส่วนนี้ให้ชาญฉลาดก็สำคัญอย่างมาก...
Continue readingGithub
Github เลือก Zendesk ผนึกกำลังสร้างแพลตฟอร์มซัพพอร์ต...
Google Meet เพิ่มมุมมองขณะวิดีโอคอลได้ถึง 49 คน
ตอนนี้ใน Google Meet สามารถเห็นผู้ร่วมประชุมได้ถึง 49 คนพร้อมกัน ด้วยตัวเลือกมุมมองแบบอัตโนมัติและแบบตาราง (Tiled) นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในหน้าจอด้วย ซึ่งแต่เดิมคุณจะไม่เห็นภาพตัวเองเมื่อวิดีโอคอล โดยการวางเมาส์เหนือภาพ thumbnail ของตัวเองที่มุมขวาบน คุณจะเห็นตัวเลือกในการเพิ่มหรือลบตัวเองออกจากตาราง การเห็นผู้คนมากขึ้นในเวลาเดียวกันขณะประชุมช่วยให้สามารถเห็นปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อสิ่งที่กำลังพูดคุย และช่วยให้รู้สึกว่าการวิดีโอคอลเหมือนเป็นการประชุมแบบตัวต่อตัว กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนี้การเพิ่มตัวเองเข้าไปในหน้าจอจะช่วยให้คุณรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมนั้นๆ อีกด้วย ฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานใน Google Meet บนเว็บเบราวเซอร์เท่านั้น ตามค่าเริ่มต้นจำนวนตารางสูงสุดที่คุณจะเห็นในการจัดวางอัตโนมัติคือ 9 ช่อง และในรูปแบบ Tiled คือ 16 ช่อง แต่หลังจากอัปเดตนี้คุณจะสามารถใช้แถบเลื่อนเพื่อปรับจำนวนตารางได้ตามต้องการ หากคุณจำนวนตารางน้อยลงก็อย่าเพิ่งตกใจ จำนวนจะขึ้นอยู่กับขนาดหน้าต่างของคุณ เนื่องจากตารางที่มีจะปรับให้พอดีกับหน้าจอของคุณ โดยคุณสามารถใช้งาน Google Meet ได้ใน Google Workspace ทุกแพ็คเกจ ที่มา – G suite Updates Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...
Google Meet เพิ่มมุมมองขณะวิดีโอคอลได้ถึง 49 คน
ตอนนี้ใน Google Meet สามารถเห็นผู้ร่วมประชุมได้ถึง 49 คนพร้อมกัน ด้วยตัวเลือกมุมมองแบบอัตโนมัติและแบบตาราง (Tiled) นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในหน้าจอด้วย ซึ่งแต่เดิมคุณจะไม่เห็นภาพตัวเองเมื่อวิดีโอคอล โดยการวางเมาส์เหนือภาพ thumbnail ของตัวเองที่มุมขวาบน คุณจะเห็นตัวเลือกในการเพิ่มหรือลบตัวเองออกจากตาราง การเห็นผู้คนมากขึ้นในเวลาเดียวกันขณะประชุมช่วยให้สามารถเห็นปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อสิ่งที่กำลังพูดคุย และช่วยให้รู้สึกว่าการวิดีโอคอลเหมือนเป็นการประชุมแบบตัวต่อตัว กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนี้การเพิ่มตัวเองเข้าไปในหน้าจอจะช่วยให้คุณรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมนั้นๆ อีกด้วย ฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานใน Google Meet บนเว็บเบราวเซอร์เท่านั้น ตามค่าเริ่มต้นจำนวนตารางสูงสุดที่คุณจะเห็นในการจัดวางอัตโนมัติคือ 9 ช่อง และในรูปแบบ Tiled คือ 16 ช่อง แต่หลังจากอัปเดตนี้คุณจะสามารถใช้แถบเลื่อนเพื่อปรับจำนวนตารางได้ตามต้องการ หากคุณจำนวนตารางน้อยลงก็อย่าเพิ่งตกใจ จำนวนจะขึ้นอยู่กับขนาดหน้าต่างของคุณ เนื่องจากตารางที่มีจะปรับให้พอดีกับหน้าจอของคุณ ที่มา – G suite Updates G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...
10 ข้อ ที่ต้องรู้หากคุณใช้ G Suite (ต่อ)
6. สร้างรายการงานที่แชร์ใน Google Chat และมอบหมายงานได้เลย การใช้งานห้องแชทบน Gmail จะมีตัวจัดการงานเพื่อช่วยให้ทีมติดตามและจัดลำดับความสำคัญของงาน สมาชิกทีมจะมอบหมายงานให้กันและติดตามความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้โดยตรงในห้องแชท ดูข้อมูลเพิ่มเติม : สร้างรายการงานที่แชร์ 7. ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ทั้งในอีเมลและแชทในหน้า Gmail เมื่อคุณทำการค้นหาบน Gmail คุณจะเลือกดูผลลัพธ์จากอีเมลหรือข้อความแชทก็ได้ และการควบคุมใหม่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนไปมาระหว่างผลลัพธ์จากอีเมลและแชทได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดและค้นหาในแอปแยกต่างหาก ดูข้อมูลเพิ่มเติม : ค้นหาใน Gmail 8. สามารถรับการช่วยเตือนและการกระตุ้นเตือนแบบอัตโนมัติ (AI) ได้ การช่วยเตือนอัตโนมัติจะแสดงข้อความที่คุณยังไม่ได้ตอบกลับ และจะใช้ AI ในการประมวลผลให้ เพื่อช่วยลดสิ่งรบกวนสมาธิและแจ้งเตือนเฉพาะข้อมูลที่สำคัญให้กับคุณ จัดลำดับความสำคัญของรายชื่อติดต่อที่ต้องการเพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อความที่สำคัญที่สุดให้คุณทราบ ดูข้อมูลเพิ่มเติม : ไม่ลืมติดตาม “การกระตุ้นเตือน” 9. ควบคุมและจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในช่องทางต่างๆ ได้ คุณอาจปิดเสียงหรือการแจ้งเตือนของ Chat เพื่อไม่ให้รบกวนเวลายุ่ง ๆ หรือจะตั้งค่าให้แจ้งเตือนเกี่ยวกับบุคคลและข้อความที่สำคัญที่สุดเท่านั้นก็ได้เช่นกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งค่าการแจ้งเตือนของ Chat 10. ทราบได้ทันทีเมื่อผู้อื่นลางานหรืออยู่ในช่วงวันหยุด เมื่อคุณดูรายชื่อติดต่อในอีเมลหรือข้อความแชท คุณจะเห็นว่าบุคคลนั้นลางานอยู่หรือไม่โดยอิงจาก Google Calendar ของบุคคลดังกล่าว คุณจึงทราบได้ว่าอาจไม่ได้รับคำตอบในทันทีหากบุคคลนั้นไม่อยู่ และยังช่วยให้คุณเลือกได้ว่าจะยังคงส่งข้อความ หรือจะตั้งเวลาส่งอีเมลหลังจากที่บุคคลนั้นกลับมาทำงานแล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติม : การควบคุมการลางานในปฏิทิน G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...
10 ข้อ ที่ต้องรู้หากคุณใช้ G Suite
เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เราจะพามาดู 10 ข้อที่ต้องรู้หากคุณใช้ G Suite ซึ่ง 10 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 1. สื่อสารครบจบที่เดียวใน Gmail G Suite ได้รวมเอาช่องทางการสื่อสารทั้งหมดเข้ามาไว้ที่หน้า Gmail ที่เดียว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และเข้าถึงได้ทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต การใช้งานในหน้า Gmail จะไม่ได้มีเพียงแค่รับส่งเมลเท่านั้น แต่ยังมีห้องแชท (Google Chat) และการประชุมทางวิดีโอ (Google Meet) ทำให้คุณสามารถสื่อสารครบจบที่เดียวโดยที่ไม่ต้องสลับหน้าต่างหรือย้ายแอปให้ยุ่งยาก หากไม่พบ Google Chat และ Meet ให้ตรวจสอบการตั้งค่า Gmail และสามารถเปิดใช้งานได้ที่แถบ Chat and Meet ได้เลย ดูข้อมูลเพิ่มเติม: แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสื่อสารในกลุ่ม 2. แชทตัวต่อตัวหรือกลุ่ม ได้ง่ายยิ่งขึ้น ใช้ Google Chat ส่วนตัวเพื่อการสนทนาแบบตัวต่อตัวอย่างรวดเร็วกับเพื่อนร่วมงาน หรือสร้างกลุ่มแบบเป็นกันเองและแชทกับหลาย ๆ คนได้พร้อมกันในหน้า Gmail ทางด้านขวา เรามาดูกันเลยว่าในหน้าต่าง Chat กับ Room คืออะไร Chat: เป็นช่องส่งข้อความส่วนตัวเพื่อสนทนาอย่างรวดเร็วและใช้ Bot เพื่อค้นหาข้อมูลและทำงานแบบอัตโนมัติได้ * หมายเหตุ: หากใช้ Gmail จากที่ทํางานหรือสถานศึกษา คุณอาจไม่เห็น Bot หากผู้ดูแลระบบ G Suite ปิดใช้ Bot ให้กับองค์กร และสร้างห้องแชทสำหรับการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างเป็นทางการมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นที่ให้ทีมได้ร่วมกันดำเนินโครงการ ในห้องแชท ทีมจะมีชุดข้อความที่เรียกว่าการสนทนาในหัวข้อต่าง ๆ ได้ในห้องเดียว และทุกคนที่ถูกเพิ่มไปยังห้องแชทก็จะดูประวัติการสนทนาเพื่อติดตามการพูดคุยก่อนที่ตนจะเข้ามาได้ ปักหมุด (Pin) คนหรือห้องแชทที่คุณติดต่อด้วยบ่อย ๆ ไว้ที่ด้านบนของรายการเพื่อให้สะดวกต่อการค้นหา Rooms: สร้างพื้นที่ทำงานสำหรับโครงการหรือทีมของคุณที่มีข้อความแชท เอกสาร และงานที่ใช้ร่วมกัน แก้ไขเอกสารไปพร้อมกับสตรีมแชท ดูข้อมูลเพิ่มเติม : ...
Continue readingWeChat Official Account มีความสำคัญในการบุกตลาดจีนหรือไม่ ?
WeChat Official Account เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดออนไลน์สำหรับเเบรนด์ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดจีน หรืออยากที่จะเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ซึ่งมีเเบรนด์ธุรกิจทั่วโลกหันมานิยมใช้ WeChat Official Account (WeChat OA) ในการบุกตลาดจีนกันมากขึ้น จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องสื่อสารกับคนมากๆ เช่น ร้านค้าต่างๆ เเบรนด์กระเป๋า, เสื้อผ้า, รองเท้า, โรงพยาบาล หรือ คลินิกใหญ่ๆ เเม้เเต่เเบรนด์ใหญ่ๆของโลกอย่าง Apple ก็ยังมีบัญชี WeChat OA สาเหตุก็คือพฤติกรรมชาวจีนได้เปลี่ยนเเปลงไปเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปเเบบ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ชาวจีนกว่า 90% ทำการชำระเงินทางออนไลน์ผ่านมือถือกันมากที่สุด เเละมีผู้ใช้งานชาวจีนราว 80% ติดตาม WeChat OA ของเเบรนด์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน การมี WeChat OA ทำให้ลูกค้ามีช่องทางติดต่อเจ้าของเเบรนด์ได้โดยตรง เเละทำให้ง่ายกว่าการติดต่อเเบบอื่นๆ เช่น การติดต่อผ่านทางเว็บไชต์ที่เป็นเหมือนการสื่อสารทางเดียว คือเเบรนด์สื่อถึงลูกค้าได้อย่างเดียว นอกจากนี้การนำเข้าสินค้า หรือเเบรนด์ไปสู่ตลาดการค้าในจีนนั้น WeChat OA ก็เป็นสิ่งทีจำเป็นพอสมควรเพราะว่า WeChat OA เปรียบเสมือนการสร้างตัวตนในประเทศจีน ให้ชาวจีนรู้จักได้อย่างกว้างขว้าง อย่างไรก็ตาม WeChat OA สามารถลงคอนเทนต์ วีดีโอ หรือรูปภาพ เพื่อทำการโปรโมทได้ 4 ครั้งต่อเดือน เเละควรทำการโปรโมทอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ในขณะเดียวกัน การทำโฆษณาใน WeChat OA จะต้องตรวจเช็คให้ดีก่อนลง เพราะกฎหมายในจีนค่อนข้างเข้มงดในการลงโฆษณาเกินความเป็นจริง หรืออวดสรรพคุณเกินพอดีก็จะโดนตรวจสอบ เเละไม่สามารถลงโฆษณาได้ ตัวอย่างสินค้าที่ไม่สามารถลงโฆษณาได้ เช่น ยา สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ บุหรี่ เหล้า สมุนไพรบางชนิดอย่างไรก็ตามการมี WeChat OA ทำให้ลูกค้าเข้าถึงเเบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น คือลูกค้าสามารถรับรู้โปรโมชั่นได้ทันที เเละเจ้าของเเบรนด์สามารถเพิ่มยอดติดตาม WeChat OA ได้ด้วยการที่ทางเเบรนด์เเปะ QR Code ไว้ที่ตัวของสินค้านั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าสเเกน เเละกดติดตามร้านค้าได้ทันทีเพื่อรับรู้ข่าวสารบัญชี ซึ่ง WeChat OA มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำหลักหมื่นบาทต่อปี ...
Continue readingSLA คืออะไร?
SLA ย่อมาจาก Service Level Agreement หรือแปลเป็นไทยก็คือ ข้อตกลงระดับในการให้บริการ ระหว่างผู้ให้บริการ และ ลูกค้า ซึ่งเป็น “สัญญา” ที่เป็นทางการคือมีผลทางกฏหมาย หรือ จะไม่เป็นทางการคือไม่มีผลทางกฏหมายก็ได้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละบริษัท และส่วนประกอบหลัก ๆ ในข้อตกลง SLA นั้นจะประกอบไปด้วย หน้าที่และข้อจำกัดของการบริการ ระยะเวลาในการให้บริการ การยกเลิกข้อตกลง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้รับการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างสม่ำเสมอ โดยส่วนใหญ่ธุรกิจหรือองค์กรที่เริ่มนำระบบ SLA มาใช้ มักจะเป็นบริษัทจำพวกเครือข่ายอินเตอร์เน็ต, ธุรกิจ E-commerce, โทรคมนาคม, ธุรกิจที่มีจำนวนลูกค้าในระดับหนึ่งหรือผู้ให้บริการ Cloud Service อย่างเช่น การบริการลูกค้าบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันก็เป็นที่นิยมในหลากหลายธุรกิจและเริ่มแพร่หลายอย่างมากในหลายประเทศ ซึ่งทาง Zendesk ที่เป็น Digital Customer Service Software ก็มองเห็นถึงความสำคัญและความต้องการของธุรกิจที่อยากจะนำ SLA มาใช้ในกระบวนการบริการลูกค้า Zendesk จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ SLA ขึ้นมาในระบบของตนเองด้วย โดยที่ระบบ SLA ของ Zendesk นั้นจุดประสงค์หลักคือ การนำเอามาเพื่อประเมินการปฏิบัติงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น Business Hour คือ พนักงานตอบกลับลูกค้าที่ส่งเคสเข้ามาครั้งแรกเมื่อไหร่? แต่ละเคสใช้เวลาในการปิดเท่าไหร่? ต้องแก้ให้ได้กี่เคสภายในกี่วัน? กี่วันอาทิตย์? กี่เดือน? และมีหัวข้อในการวัดผลอีกมากมายตามเป้าหมายของบริษัท ก็จะสามารถนำข้อมูลมาประเมินผลการทำงานของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยลดการทำงานทั้งระหว่างคนประเมินผลและคนถูกประเมินอีกด้วย หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกเลย! ทดลองใช้ Zendesk trial ฟรี สอบถาม ราคา Zendesk ติดต่อบริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการระบบ Zendesk ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ – Zendesk Thailand Partner ซอฟต์แวร์เพื่อการซัพพอร์ตลูกค้าแบบ Omnichannel สำหรับทุกธุรกิจ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด – Your CX Transformation Partner ผู้ให้บริการ Zendesk...
Continue reading