โควิดไม่จบ WFH ไปกับ Google Meet Work From Home หรือ WFH นั้นดูท่าจะกลายเป็นสิ่งที่ยังอยู่กับเราไปอีกนาน การทำงานจากที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ออฟฟิศจะไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบันยังไม่มีวี่แววที่จะดีขึ้นเอาซะเลย แถมตอนนี้ยังเกิดโควิดสายพันธ์ุใหม่อย่างเช่นโอไมครอนและเดลตาครอนอีก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลาย ๆ องค์กรยังคงต้อง Work From Home กันต่อไปอีกยาว ๆ Google Meet เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันจากทาง Google Workspace ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดประชุมออนไลน์ได้อย่างไม่สะดุด ซึ่งจะตอบโจทย์การทำงานแบบ WFH ได้เต็มรูปแบบเพราะพนักงานแต่ละคนนั้นทำงานจากต่างสถานที่จึงทำให้เกิดการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น การประชุมออนไลน์ก็มีความสำคัญมากขึ้นอีกด้วย Google Meet ใช้อย่างไร? (ฉบับคนสร้าง Meeting) ค้นหา Google Meet ในเว็บไซต์หรือจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ก็ได้ กดสร้าง Meeting โดยมี 3 ข้อให้เลือกคือ สร้างห้องประชุมไว้ล่วงหน้า สร้างห้องประชุมเพื่อประชุมตอนนี้ สร้างห้องประชุมไว้ใน Google Calendar โดยการสร้างแบบนี้คุณจะสามารถใส่รายละเอียดของการประชุมได้ เช่น Location, Notification และอื่น ๆ หรือหากคุณมี Account อยู่แล้วจะสร้างโดยการเข้าจาก Google Calendar โดยตรงเลยก็ได้เช่นกันเพียงแค่เปิด Google Calendar แล้วคลิกวันที่ที่คุณต้องการประชุม การเพิ่มผู้เข้าร่วมประชุมทำได้ 2 วิธี ดังนี้ แชร์ Link ให้กับบุคคลอื่น (Link จะปรากฎตอนสร้างห้องประชุม) เพิ่มอีเมล โดยกดที่ Add Others หรือ Add Guests วิธีการเข้าร่วมประชุม (ฉบับผู้เข้าร่วม) เข้าร่วมผ่าน Link ที่ได้รับ -> คลิก Link ที่คุณได้รับ จากนั้นกด Join Meeting เข้าร่วมผ่านการเชิญจากอีเมล เช็คอีเมลของคุณว่าได้รับการเชิญให้เข้าร่วมการประชุมหรือไม่ คลิก...
Continue readingซอฟต์แวร์เก็บข้อมูลลูกค้า (Customer database software) สำคัญแค่ไหน ต้องเลือกอย่างไรถึงจะดี?
ในอดีตมีคำเปรียบเปรย ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ ฉันใด ในสมัยนี้ ‘ข้อมูลมีค่ากว่าน้ำมันดิบ’ ฉันนั้น และสำหรับในแวดวงธุรกิจด้วยแล้วข้อมูลลูกค้าก็มีน้ำหนักเทียบเท่าดั่งทองคำได้เลยทีเดียว.. หากว่าเรานำข้อมูลที่ว่านั้นมาบริหารจัดการใช้ประโยชน์เป็น ด้วยเหตุผลนี้เราจึงเห็น CRM ซอฟต์แวร์บริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการส่งโปรโมชันหาลูกค้าที่สนใจหรือกระทำการตลาดใด ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เริ่มต้นที่เข้าใจลูกค้า มีระบบบริหารเก็บข้อมูลลูกค้าที่ดีก่อนทั้งสิ้น ในบทความนี้ เรามาดูว่าด้วยเรื่องการเก็บข้อมูลลูกค้ารวมถึงแนะนำ Customer database software ที่น่าสนใจกัน ก่อนอื่น.. เราจะเก็บข้อมูลลูกค้าได้จากที่ไหน? ก่อนจะสร้างฐานข้อมูลลูกค้า ธุรกิจจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าเสียก่อน ขั้นตอนส่วนนี้มีวิธีการหลายอย่าง ที่พบกันบ่อยมักจะเป็น ขอข้อมูลผ่านการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม เก็บ Feedback สินค้าและบริการ หรือการทำแบบสอบถามต่าง ๆ โซเชียลมีเดีย เก็บผ่านการบริการลูกค้า รายละเอียดการซื้อ / ขาย ต่าง ๆ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เครื่องมือ Website Analytics ธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากรวมข้อมูลลูกค้าด้วยการสร้าง Spreadsheet ซึ่งเป็นข้อดีเพราะหาก CRM ตัวนั้น ๆ รองรับก็จะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้โดยตรง ฟีเจอร์ที่ Customer Database Software ควรมี Customer Database Software ซอฟต์แวร์เก็บข้อมูลลูกค้า หรือที่รู้จักในความหมายเดียวกันอย่าง Customer relationship management system (CRM) มักจะมีขอบเขตฟีเจอร์ที่กว้างขึ้นอยู่กับจุดเด่นของซอฟต์แวร์ตัวนั้น ๆ ทว่าสามารถสรุปเป็นฟีเจอร์หลักที่พึงมีได้ดังนี้ เก็บข้อมูล Leads ฟีเจอร์หนึ่งในเป้าหมายหลักของ CRM รวบรวมข้อมูลลูกค้า ปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์มาเก็บไว้ที่ศูนย์กลาง 2. บริหารจัดการ Pipeline เมื่อมีฐานข้อมูลลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถวางแผนการขายและติดตามปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าได้ 3. ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า ช่วยให้เจ้าหน้าที่ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้จากภายในแพลตฟอร์ม 4. ระบบ Integration สามารถรวมหรือเชื่อมต่อเข้ากับระบบอื่น 5. วิเคราะห์และออกรีพอร์ต ซอฟต์แวร์ที่ดีควรจะสามารถดูรีพอร์ตและส่งออกเป็นข้อมูลไฟล์ที่หลากหลายได้ 6. รองรับผู้ใช้งานหลายคน ผู้ใช้งานไม่ว่าจะแผนกไหนก็ต่างสามารถเข้าสู่ระบบในเวลาเดียวกัน...
Continue readingถ้าการเขียนโค้ดเป็นเรื่องยุ่งยากลองใช้ App Script ช่วยสิ!
ถ้าการเขียนโค้ดเป็นเรื่องยุ่งยากลองใช้ App Script ช่วยสิ! Apps Script คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยการเขียนโค้ดที่น้อยลง (Low-Code) ซึ่งตอบโจทย์ในการขยายฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถปรับให้เป็นระบบอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างผู้เชียวชาญแต่อย่างใด Apps Script ช่วยเปลี่ยนงานที่แสนน่าเบื่อให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ โดยการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันจาก Google Workspace ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานหรือปรับแต่งการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาที่จำเป็น ทำให้ผู้ใช้มีเวลาให้ความสำคัญกับงานส่วนอื่นและสามารถใช้เวลาเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย นอกจากนี้ Apps Script สามารถใช้งานได้หลากหลาย อาทิ สามารถเพิ่มเมนู กล่องโต้ตอบ และแถบด้านข้างที่ต้องการใน Google Docs, Sheets, และ Forms ได้ด้วยตนเอง สามารถเขียน functions และ macros ใน Google Sheets ด้วยตนเอง สามารถเผยแพร่เว็บแอป — ทั้งแบบ Standalone หรือแบบฝังใน Google Sites สามารถโต้ตอบกับบริการอื่นๆ ของ Google ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น AdSense, Analytics, Calendar, Drive, Gmail และ Maps สามารถสร้างส่วนเสริมและเผยแพร่ไปยัง Google Workspace Marketplace วิธีการสร้างสคริปต์ หากคุณใช้ Docs, Sheets, หรือ Slides ให้คลิกที่เครื่องมือ (Tools) จากนั้นเลือกโปรแกรมแก้ไขสคริปต์ (Script editor) หากคุณใช้ Forms ให้คลิกเพิ่มเติม (More) จากนั้นเลือกโปรแกรมแก้ไขสคริปต์ (Script editor) สร้างสคริปต์ของคุณ Apps Script รองรับภาษายอดนิยมบนเว็บ อาทิ HTML, CSS และ JavaScript ทำให้คุณสร้างงานได้โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เฟรมเวิร์กใหม่ นอกจาก App Script แล้ว Google...
Continue readingถึงเวลา! 4E Marketing กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่สำหรับยุคดิจิทัล ที่มาแทน 4P แบบเดิม ๆ
หลาย ๆ ท่านคงจะคุ้นเคยหรือเคยได้ยินคำว่า 4P มาก่อน มันคือส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) โดยที่จะแบ่งตัว P ออกเป็นตัว 4 ตัว ได้แก่ Product, Price, Place และ Promotion แต่ทว่าส่วนผสมทางการตลาดแบบเดิม ๆ นั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์นักสำหรับยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีผลทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ด้วยเหตุผลนี้ธุรกิจจึงต้องมองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมากขึ้นจึงได้ออกมาเป็นส่วนผสมทางการตลาดรูปแบบใหม่จาก 4P กลายเป็น 4E มาแทน โดยที่หลาย ๆ ธุรกิจก็เริ่มนำ 4E Marketing มาปรับให้เข้ากับธุรกิจของตน 4E Marketing นั้นมีอะไรบ้างไปดูกันเลย! Experience สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า แปลงมาจาก Product ในตอนนี้ผู้บริโภคไม่ได้คาดหวังเพียงแค่สินค้าและบริการที่ดีเท่านั้น แต่ผู้บริโภคคาดหวังไปถึงประสบการณ์ที่จะได้รับทั้งก่อนซื้อจนไปถึงหลังการซื้อไปแล้ว เพราะสำหรับตอนนี้ไม่ว่าสินค้าและบริการจะดีเพียงใดแต่ถ้าลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี ลูกค้าก็พร้อมที่จะไปหาเจ้าอื่นหรือเลิกใช้ได้ทุกเมื่อ Exchange สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจและความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค แปลงมาจาก Price จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ ธุรกิจสมัยนี้ทำไมราคาแพงแต่ขายดีกว่าบางธุรกิจที่ถูก เพราะผู้บริโภคไม่ได้มองเรื่องราคาเป็นประเด็นหลักอีกต่อไปแล้ว แต่มองในเรื่องของความคุ้มค่า หากเสียเงินที่แพงกว่าแต่ได้รับสินค้าหรือการบริการที่ดีกว่าก็พร้อมที่จะยอมเสียแพง เพราะมันคือการแลกเปลี่ยนความพึงพอใจระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภคนั่นเอง Everywhere ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายที่สุด แปลงมาจาก Place การมีหน้าร้านทำเลทองหรือสาขาที่มากอาจไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจอีกต่อไป และบางทีลูกค้าเข้าถึงได้ยากกว่าเดิมอีกด้วยในสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ หลาย ๆ ธุรกิจหันมาศึกษาเกี่ยวกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อที่จะให้ธุรกิจเข้ามาอยู่ในโลกออนไลน์ ผู้บริโภคจะได้เข้าถึงได้ง่าย แถมยังเปิดโอกาสที่กว้างมากขึ้นอีกด้วย เพราะสำหรับโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะผู้บริโภคอยู่มุมไหนของโลกก็สามารถเห็นร้านของคุณได้ Evangelism เปลี่ยนผู้บริโภคให้เป็นลูกค้าขาประจำ แปลงมาจาก Promotion การจะเปลี่ยนให้ผู้บริโภคมาบริโภคของเราซ้ำหรือปากต่อปากมีมานานแล้ว แต่แค่ในปัจจุบันมีวิธีการที่เปลี่ยนไปจากการลด แลก แจก แถมแบบเดิม ๆ แต่เป็นการนำทั้ง 3E ก่อนหน้านี้มาผสมรวมกันให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจลูกค้าที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น (Brand Loyalty) ยิ่งส่งผลดีต่อในระยะยาว ทุกท่านคงจะพอเห็นภาพมากขึ้นแล้วว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในโลกยุคดิจิทัลนี้เป็นอย่างไร และธุรกิจควรนำกลยุทธ์ใดมาปรับไปในแนวทางไหน จากที่อ่านมามันอาจจะฟังดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงจาก 4P ไป 4E นั้นมีรายละเอียดที่ซ่อนอยู่และบางอย่างก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ทันที...
Continue readingJamboard คืออะไร? มีฟีเจอร์อะไรบ้าง?
Jamboard คือ กระดานสร้างสรรค์ไอเดียจาก Google Workspace ที่คุณสามารถออกแบบไอเดียได้ตามต้องการแล้วแชร์ลงบนหน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึก Sticky notes รูปภาพ หรือไฟล์งานจาก Google Workspace ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้ ฟีเจอร์เด็ดจาก Jamboard หน้ากระดาษ เลือกพื้นหลังหน้ากระดาษได้ก่อนจะเริ่มสร้างสรรค์ผลงาน ก่อนอื่นเลยคุณต้องทำการเลือกพื้นหลังของกระดาษก่อน โดย Jamboard มีพื้นหลังให้คุณเลือกมากมาย ทั้งหน้ากระดาษเปล่า ลายตาราง ลายจุด ลายเส้น หรือจะใช้รูปที่คุณต้องการก็ได้ เลือกใช้ได้ตามสไตล์ของคุณ เลือกปากกาได้ปากกาจะมีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ปากกาธรรมดา ปากกาเมจิก ปากกาไฮไลท์ และพู่กัน มาพร้อมกับสีหมึกถึง 6 สี หรือหากคุณไม่มีปากกา Stylus (ปากกาที่ใช้กับอุปกรณ์ที่มีระบบสัมผัสจอ) ก็ไม่ต้องกังวลไป คุณสามารถใช้งานด้วยนิ้วมือของคุณได้เลย ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ สามารถใช้งานได้อย่างไม่สะดุดเช่นเดิม สร้าง Sticky notes ได้Jamboard จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การสร้าง Notes ได้ดียิ่งขึ้น สร้างง่าย สีสันสดใสสะดุดตา อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ ดึงรูปภาพจาก Cloud ได้หากคุณต้องการใส่รูปภาพ คุณสามารถอัปโหลดรูปภาพจากอุปกรณ์ของคุณได้ทันที หรือวาง URL ก็ได้ ไม่เพียงเท่านั้น Jamboard ยังสามารถเข้าถึง Google Search, Google Drive, และ Google Photos ได้อีกด้วย สร้างรูปทรงได้ไม่ว่าจะเป็นสี่เหลี่ยม วงกลม ลูกศร และอื่น ๆ ก็สามารถสร้างได้ง่าย ๆ แค่ลากวาง ลูกศรเลเซอร์หากมีการใช้งาน Jamboard ร่วมกับบุคคลอื่น อย่างเช่น การประชุมใน Google Meet การที่มีลูกศรเลเซอร์ชี้ข้อความต่าง ๆ ถือว่ามีความสะดวกอย่างมาก ทำให้ผู้ฟังเข้าใจในงานนำเสนอได้ง่ายขึ้นและการสื่อสารดำเนินไปอย่างราบรื่นมากขึ้นอีกด้วย การใช้งาน ใช้งานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน คุณก็สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ทันทีเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต หรือหากคุณต้องการแชร์ไฟล์ให้กับบุคคลอื่นก็ทำได้เช่นกัน นำเสนอผลงานร่วมกันกับ...
Continue readingซื้อ Zendesk ตรง VS ซื้อผ่าน Partner ต่างกันอย่างไร?
หลาย ๆ ท่านที่กำลังสงสัยและอยากเปรียบเทียบว่าการซื้อ License Zendesk ตรงกับซื้อผ่าน Partner อย่าง Demeter ICT (DMIT) ที่เป็นพาร์ทเนอร์ระดับ Master ในด้าน Solution Provider (Master Partner) ที่ได้รับการรับรองจาก Zendesk มีความแตกต่างกันอย่างไร? แล้วแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน? วันนี้บทความนี้มีคำตอบ! ซื้อผ่าน Zendesk โดยตรง มีความง่ายและรวดเร็วกว่าการซื้อผ่าน Partner ตรงที่สามารถสั่งซื้อ License และใช้งานได้เลยทันที โดยสามารถซื้อได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ Zendesk ในราคาที่เป็นหน่วย USD (โดยจะมีการส่งใบแจ้งหนี้และตัดวงเงินทุกเดือน) แต่การ Support ทุกอย่างจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และไม่รองรับการติดต่อแบบภาษาไทย ส่วนเรื่องของการชำระค่าบริการจะต้องชำระด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตเท่านั้น ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีและออกใบหัก ณ ที่จ่ายได้ ซื้อผ่าน Partner อย่าง Demeter ICT ค่าใช้จ่ายในส่วนของ License ที่ทาง Demeter ICT ให้บริการจะถูกแปลงและคิดเป็นค่าเงินบาทไทยเรียบร้อยแล้ว (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) ตามที่โชว์บนหน้าเว็บไซต์ของ DMIT (เป็นสัญญารายปี) ซึ่งทาง Demeter ICT สามารถออกใบกำกับภาษีและออกใบหัก ณ ที่จ่ายได้ นอกจากนี้ยังมีบริการซัพพอร์ตหลังการขาย ดูแลตลอดอายุการใช้งานเป็นภาษาไทย และเวลาทำการตามเวลาไทย โดยระยะเวลาให้บริการจะบริการตามเวลาทำการ จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8:30 น. – 17:30 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ พร้อมกับมีทีมงานที่ให้คำปรึกษา ออกแบบระบบ และตั้งค่าระบบ โดยผู้เชี่ยวชาญของ DMIT จากที่ทุกท่านได้เห็นถึงความแตกต่างของการซื้อ Zendesk ทั้งสองแบบกันไปแล้ว ทั้งสองแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ว่าธุรกิจของท่านต้องการแบบไหน แต่ถ้าท่านใดมีคำถามเพิ่มเติม มีข้อสงสัยอื่น ๆ หรือสนใจซื้อ Zendesk ผ่าน Partner สามารถติดต่อ Demeter ICT เพื่อสอบถามข้อมูลหรือสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำคุณอย่างมืออาชีพและเป็นกันเองได้ที่ช่องทางดังนี้...
Continue readingPitching day for Business Transformation กับบสย. ด้วย Google Workspace by Demeter ICT 2021
ต่อยอดจากความสำเร็จในงาน “TCG KM & INNO Day” ในปี 2563 ที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ได้ตัดสินใจนำ Google Workspace เข้ามาสนับสนุนกระบวนทำงานขององค์กรให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยมอบความไว้วางใจให้ Demeter ICT เป็นผู้สนับสนุนหลักในการพัฒนาศักยภาพการทำงานผ่านการอบรมและเป็นที่ปรึกษาการใช้งาน Google Workspace อย่างใกล้ชิด จึงได้ขยายผลไปสู่การจัดกิจกรรม “Pitching Day” เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา “Pitching Day” เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอไอเดียและโซลูชันที่พัฒนาขึ้นเอง จากการประยุกต์ใช้ Google Workspace กับกระบวนการทำงาน โดยภายในงานจะมีการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาทีมที่สามารถสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆในการนำ Google Workspace มาประยุกต์กับการทำงานให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด ชิงเงินรางวัลเงินสดและของรางวัลอื่นๆมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท เรียกได้ว่าแจกหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว! กิจกรรมนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน บสย. ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ให้พนักงานได้แบ่งปันองค์ความรู้ให้แก่ผู้บริหารและเพื่อนร่วมองค์กร ชูให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนากระบวนการการทำงานจาก Google Workspace ไม่ว่าจะเป็นทีมกฎหมาย ทีมบริหารงานกลาง ทีมบัญชีและการเงิน รวมทั้งทีมอื่นๆต่างก็ได้ไอเดียนำไปพัฒนากระบวนการทำงานของตนเอง ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้จะช่วยให้ บสย. ค้นพบแนวทางในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และพร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูป เป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาองค์กร สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด https://www.youtube.com/watch?v=nRYZsSTGCAo ภาพบรรยากาศงาน Pitching Day “Demeter ICT ขอขอบคุณ บสย. ที่ให้โอกาสเราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์กรด้วยโครงการดี ๆ อย่าง Business Transformation with Google Workspace โดยผลสำเร็จในครั้งนี้จะช่วยให้องค์กรก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง”...
สรุป 7 เทรนด์ดิจิทัลเตรียมปรับตัวให้ทันปี 2565
หลาย ๆ คนคงได้ยินคำว่ายุคดิจิทัลกันมาบ้างแล้ว แต่ทว่ายุคดิจิทัลนั้นไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาแล้วหายอีกต่อไป การเข้าสู่โลกดิจิทัลจะเปลี่ยนการทำงานของคุณไปตลอดกาล เพื่อให้เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2565 นี้ ไปดูพร้อม ๆ กันเลยว่าคุณจะต้องปรับตัวและรับมืออย่างไรเพื่อให้รู้เท่าทันสถานการณ์และตอบโจทย์ต่อธุรกิจของคุณมากที่สุด 1. ในโลกอนาคต การทำงานจะถูกเชื่อมต่อกันมากขึ้น McKinsey คาดการณ์ว่ามากกว่า 20% ของแรงงานทั่วโลก สามารถทำงานได้เกือบตลอดเวลาโดยไม่ต้องอยู่ที่ออฟฟิศและไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตหรือประสิทธิภาพของงาน ระบบอัตโนมัติจะมีบทบาทสำคัญในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Hybrid และจะทำให้งานและคนมีการเชื่อมต่อกันมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากสถิติด้านล่างนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลในปี 2564 ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงกระบวนการการทำงาน (66%) และเทคโนโลยี (49%) ระบบอัตโนมัติที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับปี 2565 ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน (54%) การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน (49%) และการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกันได้ดีขึ้น (41%) 2. ธุรกิจที่ปรับตัวเร็วเท่านั้นที่จะอยู่รอด MuleSoft บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มกล่าวว่าเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยโลกดิจิทัลนั้นสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับองค์กรในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ อ้างอิงจากข้อมูลของ PwC ผู้บริโภค 1 ใน 3 จะหยุดบริโภคแบรนด์นั้น ๆ หากเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีแค่เพียงครั้งเดียว ทางออกขององค์กรคือองค์กรจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมากที่สุด เพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในแต่ละช่วง ส่วนประกอบพื้นฐานสามประการของธุรกิจที่จะอยู่รอดได้คือ ต้องมีการคิดแบบผสมผสานซึ่งจะช่วยให้คุณไม่สูญเสียความคิดสร้างสรรค์ อะไร ๆ ก็ปรับเปลี่ยนได้ มีความเป็นอิสระทางความคิดมากขึ้น ต้องมีสถาปัตยกรรมธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนได้ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าองค์กรของคุณถูกสร้างขึ้นให้มีความยืดหยุ่นและฟื้นคืนสภาพได้เร็วจากสถานการณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้คือความสามารถเชิงโครงสร้างขององค์กรที่จะทำให้คุณมีกลไกที่จะใช้ในการออกแบบธุรกิจ เทคโนโลยีคือเครื่องมือที่จะเชื่อมโยงหลาย ๆ ส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งงาน คน และองค์กร 3. นักเทคโนโลยีธุรกิจจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก ภายในปี 2567 ผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยี 80% จะถูกสร้างขึ้นโดยผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การเข้าถึงรูปแบบการเขียนโค้ดที่น้อยลงหรือไม่ต้องเขียนโค้ดและเครื่องมือในการพัฒนาโดยใช้ AI จะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ บทความเพิ่มเติม:ไม่ต้องเขียน Code ก็สร้าง Application ได้จริงเหรอ? 4. Hyperautomation ระบบอัตโนมัติเพิ่มความเป็นดิจิทัลที่มากขึ้น ระบบอัตโนมัติจะเป็นแรงผลักดันขั้นพื้นฐานสำหรับองค์กรดิจิทัลยุคใหม่ การวิจัยในปี 2564 ชี้ให้เห็นว่าระบบอัตโนมัติจะช่วยเร่งการกระจายอำนาจของธุรกิจด้วยการลงทุนทางด้านดิจิทัล การบริการลูกค้าถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด การมีระบบอัตโนมัติรองรับจะสามารถเพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความพึงพอใจในงานของทีมได้อย่างดี เช่น แชทบอท บริการอัตโนมัติที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันลูกค้า...
Continue readingสรุปสถิติ Customer Service ปี 2021 ที่ควรรู้ ก่อนขึ้นปี 2022
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วันก็จะหมดปี 2021 กันแล้ว เชื่อว่าช่วงเวลานี้คงมีหลายบริษัทที่กำลังวางแผนคิดหาหนทางพัฒนาให้ปีหน้าที่จะมาถึงนี้บรรลุความสำเร็จได้มากกว่าเดิม ดังนั้นแทนที่จะคาดเดาอาศัยสัญชาตญาณหาคำตอบว่าลูกค้าต้องการอะไรกันแน่ จะดีกว่ามั้ยถ้าเราจะมาดูสถิติข้อมูลที่อ้างอิงได้และช่วยให้รู้ทิศทางสำหรับปี 2022 นี้แทน? สำหรับบทความนี้เราก็มีสถิติด้านการบริการลูกค้าในหลายหมวดหมู่มานำเสนอแบบจัดเต็ม ข้อมูลเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง มาเริ่มดูกันเลย บริการลูกค้าดี ผลที่ได้ย่อมดีตามไปด้วย การจะส่งมอบประสบการณ์ด้านการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมนั้น ไม่เพียงแต่ต้องทำทุกอย่างให้ได้ตามที่ลูกค้าคาดหวัง แต่ต้องไปให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า ดังนั้นนอกจากการตอบคำร้องของลูกค้าอย่างรวดเร็ว หรือการไม่ปล่อยให้ลูกค้ารอนาน เจ้าหน้าที่ควรจะคิดเสริมไปอีกว่ามีอย่างอื่นอีกหรือไม่ที่จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีต่อบริษัทของเรามากขึ้น สถิติต่อไปนี้จะเป็นตัวช่วยชี้แนะให้บริษัทสร้าง CX (Customer Experience) ที่ดีขึ้นกว่าเดิม 65% ของลูกค้ามีความคาดหวังสูงต่อการบริการลูกค้าในปัจจุบันมากกว่าที่เคยคาดหวังเมื่อ 3-5 ปีก่อน (Netomi) 62% ของลูกค้ายินดีจะแนะนำบอกต่อแบรนด์ให้แก่เพื่อนหรือคนรู้จัก หากว่าได้รับการบริการลูกค้าที่ดี (Gladly) 83% ของลูกค้ายกให้การบริการลูกค้าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า นอกเหนือจากตัวสินค้าและราคา (Khoros) 58% ของผู้บริโภคเชื่อว่าประสบการณ์ลูกค้าคือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกแบรนด์ (Sitel Group) 77% ของผู้บริโภคคิดว่าการบริการลูกค้าที่ดีสำคัญต่อการได้รับความภักดีต่อแบรนด์และการสร้างธุรกิจ (Netomi) บริการลูกค้าย่ำแย่ มีราคาที่ต้องจ่าย เราทุกคนต่างรู้ว่าการบริการลูกค้าแย่ ๆ ย่อมส่งผลร้ายต่อธุรกิจ สถิติเหล่านี้จึงมีเพื่อย้ำเตือนและให้ตระหนักถึงความสำคัญ เพราะประสบการณ์ลูกค้าที่ติดลบแม้เพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ที่สาดเทธุรกิจจนเสียหายหนักได้ 50% ของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์คู่แข่งทันทีหากได้รับประสบการณ์ย่ำแย่เพียงครั้งเดียว และ 80% ของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์คู่แข่ง หากได้รับประสบการณ์ย่ำแย่มากกว่าหนึ่งครั้ง (Zendesk) 20-30% ของลูกค้า ให้คะแนนการบริการทางออนไลน์ของผู้ให้บริการว่า ‘จำเป็นต้องปรับปรุง’ ถึง ‘ย่ำแย่’ (Airkit) มีเพียง 19% ของลูกค้าเท่านั้นที่เชื่อว่าจะได้รับการบริการที่เกินความคาดหวัง (Gladly) 64% ของผู้บริโภคไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาได้ผ่านช่องทางการบริการลูกค้า (Airkit) 40% ของบริษัทในสหรัฐอเมริการายงานว่าสิ่งที่ท้าทายมากที่สุดที่ต้องเผชิญในการปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าก็คือการขาดความร่วมมือกันระหว่างแผนก (Statista) ROI ที่ได้จากการบริการลูกค้าที่ดี หลายคนคงจะเคยตั้งคำถามว่าปรับปรุงการบริการลูกค้าไปจะช่วยให้ธุรกิจทำกำไรได้มากขึ้นหรือไม่ หรือว่ามันจะได้ผลตอบรับที่คุ้มทุนจริง ๆ หรือ? การจะตัดสินใจใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ไปกับอะไรสักอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย ล้วนต้องมีผลที่คาดหวังมารองรับ ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้เห็นภาพเกี่ยวกับการบริการลูกค้าและ ROI มากขึ้น 75% ของลูกค้าเต็มใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจที่มอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า (Zendesk) 82% ของลูกค้าจะใช้จ่ายเงินมากขึ้นกับบริษัทที่มีการบริการออนไลน์ที่ยอดเยี่ยม (Gladly) 62% ของผู้บริหารเห็นด้วยว่าลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากประสบการณ์ลูกค้ามากกว่าในปี 2018 (Forrester) การกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ 5%...
Continue reading