Google AI Talks: Winning Business Potential with Next-Gen AI

Winning Business Potential with NEXT-GEN AI Club Siam Glowfish 13.30 – 16.30 น. พบกับอีเวนต์ที่จะพาธุรกิจของคุณไปท่องโลกที่ AI กลายเป็นส่วนสำคัญในทุกกระบวนการและทุกการตัดสินใจ ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี AI โซลูชันใหม่จาก Google – AI ที่คิดเป็นเพื่อนคุณและเข้าใจทุกความต้องการ เพราะยุคนี้คุณไม่ได้แข่งกับ AI แต่แข่งกับคนที่ใช้ AI เป็น ท่ามกลางคู่แข่งมากมาย Demeter ICT และ Google Thailand จึงได้ร่วมกันจัดงานสัมมนานี้เพื่อพลิกเกมการทำงานในองค์กรด้วย AI ที่ชาญฉลาด ปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจให้ก้าวนำเทรนด์การทำงานยุคใหม่ได้อย่างแท้จริงด้วย Google Technologies: Gemini Pro: Generative AI อัจฉริยะ ค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอย่างรวดเร็วด้วยโมเดลที่เร็วและแรงกว่าที่เคย  Google Workspace: ชุดแอปพลิเคชันเพื่อการทำงานร่วมกันบน Cloud ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การทำงาน ครบจบในแพลตฟอร์มเดียว Google Workspace Flows (New!): Agentic AI นวัตกรรมใหม่ที่ทำงานแทนคุณได้ เชื่อมทุกกระบวนการให้ลื่นไหลแบบอัตโนมัติ หากคุณกำลังมองหาโชลูชันเพื่อการทำงานมาตรฐานสากลและคิดว่าเทคโนโลยีโซลูชันจาก Google เหมาะกับธุรกิจของคุณ เราขอเรียนเชิญผู้ประกอบการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานสัมมนาครั้งสำคัญนี้ “Google AI Talks: Winning Business Potential with Next-Gen AI”วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2025 เวลา 13.30 – 16.30 น.ที่ Club Siam Glowfish (BTS: National Stadium) มาร่วมงานนี้แล้วคุณจะค้นพบว่า อะไรคือ The Right AI สำหรับคุณ? งานสัมมนาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย  ปิดลงทะเบียนแล้ว...

Continue reading

Asana Features Updated ประจำเดือนมิถุนายน 2025

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! สำหรับ Asana Package Personal และ Basic Inbox notifications in Microsoft Teams: รับการแจ้งเตือนผ่าน Inbox ของ Asana และดำเนินการได้ทันทีจากใน Microsoft Teams จากแถบด้านข้าง ให้เข้าไปที่แชทของคุณแล้วคลิกที่แชทกับบอท Asana พิมพ์คำว่า “link project” จากนั้นคลิกปุ่ม Link project ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Multi-task manual triggers: เรียกใช้กฎ (Riles) ที่ตั้งไว้แบบ Manual พร้อมกันหลายงานได้จากแถบเครื่องมือด้านล่างในมุมมองแบบรายการ (List View) ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Improved mobile task detail UI tap states: โหลดหน้ารายละเอียดงานได้เร็วขึ้น พร้อมเอฟเฟกต์ภาพและการสั่น (haptics) และการตอบสนองที่ดีขึ้นเมื่อแตะองค์ประกอบต่าง ๆ iOS project saved tabs: จัดการมุมมองโครงการที่กำหนดเองของคุณได้โดยตรงจากอุปกรณ์ iOS ของคุณด้วยแท็บที่บันทึกโปรเจกต์ไว้ https://dmit.co.th/wp-content/uploads/2025/06/AnimatedUI-HelpCenter-Projects-Projectcustomizationandviews-001-en-US.mp4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ สำหรับ Asana Package Starter และ Premium Enhanced request approval in mobile: ตรวจสอบและตอบรับคำขอการเข้าถึงโปรเจกต์จากอุปกรณ์มือถือได้โดยตรง Custom work schedules: ปรับเวลาทำงานให้ตรงกับวันที่ทีมของคุณทำงานจริง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Refreshed AI settings page in the Admin console: เปิดใช้งาน AI ทั่วทั้งองค์กรได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว Add variables in Slack message rules:...

Continue reading

รวมอัปเดตฟีเจอร์เด็ดใน Gemini for Google Workspace ประจำเดือนพฤษภาคม 2568

หลังจากการเปิดตัว Google I/O 2025 ที่ผ่านมา กระแสความฮือฮาถึงความสามารถอันน่าทึ่งของ Gemini-AI จาก Google ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจไปทั่วโลก ด้วยฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ ที่จะทยอยเปิดให้สาวก Google ได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำจาก Gemini ในปี 2025 นี้ มาดูกันว่าตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ได้มีฟีเจอร์ AI อะไรที่ผู้ใช้งาน Google Workspace ได้ลองใช้กันแล้วบ้าง AI summaries: สรุปเนื้อหา จับประเด็นในแอป Gmail, Google Chat และ Google Docs Gmail: เข้าใจเนื้อหาอีเมลได้เร็วขึ้นด้วย “การ์ดสรุป Gemini” บนมือถือ ที่ปรากฏด้านบนสุดของอีเมล มีประโยชน์มากหากอีเมลนั้นเป็นชุดข้อความยาวๆ ซึ่งจะช่วยสรุปประเด็นสำคัญเพื่อให้คุณเห็นภาพรวมคร่าวๆ โดยไม่ต้องอ่านรายละเอียดทั้งหมด Google Chat: จะแชทยาวหรือเยอะขนาดไหน ไม่ต้องเสียเวลาไล่อ่านทีละแชทอีกแล้ว เพราะ Gemini จะช่วยให้คุณตามทันบทสนทนาใน Chat ได้ไวขึ้น ช่วยลิสต์ประเด็นสำคัญ รวมถึงระบุไฟล์ที่มีการแชร์ในแต่ละแชท Google Docs: ฟีเจอร์ “สรุป (Summary building block)” จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาหลักทั้งหมดของเอกสารนั้นๆได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเอกสารงานวิจัย แผนงานโครงการ คู่มือการใช้งาน บทความหรือข่าวสาร เป็นต้น โดยที่คุณสามารถอัปเดตสรุปให้เป็นปัจจุบันได้ตลอดเวลา แค่กดรีเฟรชเมื่อมีการแก้ไขเนื้อหาในเอกสาร  NotebookLM: เชื่อมโยงและค้นพบแหล่งข้อมูลต่างๆ พร้อมให้ผลลัพธ์ภาษาที่หลากหลาย NotebookLM เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้รวดเร็วขึ้น ด้วย AI ที่มีความแม่นยำสูง ไม่ว่าแหล่งข้อมูลคุณจะอยู่ในรูปแบบ ไฟล์ PDF, URL ของเว็บไซต์, YouTube, ไฟล์เสียง, ข้อความ, และอื่น ๆ ก็สามารถนำมารวบรวมให้ NotebookLM ช่วยวิเคราะห์ได้ในที่เดียว ปัจจุบันได้มีการอัปเดตความสามารถเพิ่มเติม เช่น Mind Maps สร้างแผนผังอัจฉริยะ: แปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบแผนผังความคิดหรือแผนภาพ ให้คุณดูภาพรวมและทำความเข้าใจประเด็นสำคัญของข้อมูลทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว...

Continue reading

สรุป 5 ฟีเจอร์เด่นของ Braze ที่ตอบโจทย์นักการตลาดยุคใหม่!

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! ในยุคที่การตลาดมีการแข่งขันสูงทั้งในเรื่อง ‘การแย่งลูกค้าใหม่’ และ ‘การรักษาฐานลูกค้าเก่า’ นักการตลาดต้องไม่หยุดแค่การ “ยิงแอด” แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาถูกใส่ใจ และทำให้อยากกลับมาซื้อหรือใช้บริการของเราอีก การที่เราจะเข้าใจความต้องการของลูกค้าและตอบสนองออกได้อย่างตรงจุดนั้น พูดกันตามตรงว่าถ้าเราไม่มีเครื่องมือหรือตัวช่วยในการจัดการมันยากมากที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่แบรนด์ระดับโลกไว้วางใจและใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบ Real Engagement ก็คือ Braze บางคนอาจเคยได้ยินชื่อ Braze มาก่อน…แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว Braze ทำอะไรได้บ้าง นอกจากแค่ส่ง Email หรือ Push Notification? บทความนี้เราสรุปแบบเข้าใจง่ายมาให้แล้วแบบเน้น ๆ กับ 5 ฟีเจอร์เด่นของ Braze ที่จะช่วยให้นักการตลาดของคุณสามารถทำ Personalized Marketing และ Retention Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากคุณอยากรู้จัก Braze ให้มากขึ้น..คลิกที่นี่ Braze คือ แพลตฟอร์ม Customer Engagement ที่ช่วยยกระดับให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้แบบตรงจุด เฉพาะตัว ในเวลาที่ใช่ ผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Email, Push Notification, In-App Message, Web Push, SMS, หรือแม้แต่แอปแชตยอดฮิตของไทยอย่าง LINE อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ 5 ฟีเจอร์เด่นของแพลตฟอร์ม Braze มีอะไรบ้าง? 1. Braze Data Platform Braze Data Platform เป็นหัวใจหลักของ Braze ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนได้แบบเรียลไทม์ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำ เช่น ลูกค้า A เพิ่งลงทะเบียนสมัครสมาชิก ลูกค้า B กำลังกดดูสินค้าชิ้นหนึ่งในแอป ลูกค้า C เพิ่มของในตะกร้าบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่จ่ายเงิน ลูกค้า D คลิกลิงก์โปรโมชันสินค้าหนึ่งในอีเมล ลูกค้า F ไม่ได้เข้าเว็บหรือแอปเรามาเกิน 1...

Continue reading

API คืออะไร? ทำไมถึงฮิตขึ้นทุกวัน? อธิบายแบบเข้าใจง่าย

API ศัพท์นี้สำหรับใครหลายคนอาจดูไกลตัวไปบ้าง แต่เชื่อไหมว่าเกือบทุกอย่างรอบตัวเราล้วนมีเบื้องลึกเบื้องหลังมาจาก API ทั้งสิ้น ถึงขั้นกล่าวได้ว่า API เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ก้าวกระโดด นำมาสู่นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นในทุกวันนี้เลยก็ว่าได้ แท้จริงแล้ว API คืออะไร? ทำงานอย่างไรกันแน่ ในบทความนี้ เราจะมาหาคำตอบกัน API คืออะไร? API ย่อมาจาก Application Programing Interface แปลความหมายแบบตรงตัว คือ การเชื่อมต่อโปรแกรมประยุกต์ ในบริบทนี้ คำว่า “Application” หมายถึงทุกซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันชัดเจน และ “Interface” ก็คือตัวประสาน API จึงหมายความถึงกลไกหนึ่งที่ใช้เชื่อมต่อโปรแกรมสองตัวเข้าด้วยกัน  ยกตัวอย่างระบบซอฟต์แวร์ขององค์กรด้านอุตุนิยมวิทยานั้นประกอบด้วยข้อมูลสภาพอากาศรายวัน แอปพยากรณ์อากาศในโทรศัพท์มือถือของเราก็จะใช้ API ทำการ “สื่อสาร” ไปยังซอฟต์แวร์ตัวนี้ จากนั้นก็นำข้อมูลสภาพอากาศรายวันมาอัปเดตในโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกันกับแอปสั่งอาหารที่จะใช้ API ดึงข้อมูลแผนที่จาก Google Map ทำให้สามารถใช้แผนที่นี้ได้โดยไม่ต้องลงทุนสร้างแผนที่ใหม่ขึ้นมาเอง API ทำงานอย่างไร? เรามักนิยามการทำงานของ API ในรูปแบบของ ‘ผู้ให้บริการ (Servers)’ กับ ‘ผู้ใช้บริการ (Clients)’ โดยฝ่ายที่ส่งคำขอเป็นผู้ใช้บริการ ขณะที่ฝ่ายที่ตอบรับคำขอเป็นผู้ให้บริการ ดังตัวอย่างที่ยกมานั้นแอปพยากรณ์อากาศเป็นผู้ใช้บริการ ส่วนองค์กรเจ้าของซอฟต์แวร์ที่มีข้อมูลสภาพอากาศรายวันก็เป็นผู้ให้บริการนั่นเอง ตั้งแต่อดีต API ก็ได้มีการพัฒนาเรื่องรูปแบบการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ SOAP APIs ที่มีความยืดหยุ่นน้อย เน้นการเข้าถึงอย่างง่าย ตลอดจนถึงรูปแบบของ API ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันอย่าง REST APIs  REST APIs ถือเป็น API ที่ยืดหยุ่นมากที่สุด ตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้ REST APIs ก็คือ Zendesk  เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นจะขอยกตัวอย่าง Zendesk Support  ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งของ Zendesk โดย Zendesk Support เป็นส่วนของซอฟต์แวร์ที่จะช่วยเชื่อมต่อให้องค์กรใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น มีหลายอย่างที่ Zendesk Support สามารถทำได้ อย่างเช่น Create...

Continue reading

Enterprise Service Management คืออะไร ทำไมถึงควรมี และควรเริ่มปรับใช้งานอย่างไร?

เมื่อพูดถึงการจัดการบริการ คนเรามักจะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับแผนกไอที ทว่าในความเป็นจริงทุกแผนกในองค์กรต่างก็มีการให้บริการในรูปแบบของตนเอง แผนกบริการลูกค้าคอยสนับสนุนลูกค้า แผนกบุคคลคอยดูแลพนักงาน หรือฝ่ายจัดซื้อที่รับผิดชอบเรื่องการส่งมอบสินค้า ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามล้วนมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ดังนั้นในการบริหารองค์กรจึงมีคำอย่าง Enterprise Service Management หรือ ESM ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ขยายหลักการของการจัดการบริการให้ครอบคลุมทั้งองค์กร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ความสอดคล้อง และความร่วมมือในทุกฝ่าย Enterprise Service Management คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ บทความนี้เราจะมาบอกเล่าคำตอบให้ทุกคนทราบกัน Enterprise Service Management (ESM) คืออะไร? Enterprise Service Management หรือ ESM คือแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่นำหลักการของการจัดการบริการจากฝ่ายไอทีไปประยุกต์ใช้กับแผนกอื่น ๆ ภายในองค์กร เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายการเงิน และฝ่ายบริหารอาคารสถานที่ หัวใจสำคัญของ ESM คือการสร้างมุมมองที่เน้นการให้บริการทั่วทั้งองค์กร ซึ่งหมายถึงการมองว่าแต่ละแผนกทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ เช่น การให้การสนับสนุนด้านไอที การดูแลกระบวนการรับพนักงานใหม่ หรือการจัดการคำขอจัดซื้อ Enterprise Service Management (ESM) สำคัญอย่างไร? ด้วยการขยายหลักการจัดการบริการไปสู่แผนกต่าง ๆ ESM ช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนและยกระดับคุณภาพของบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการใช้กระบวนการที่เป็นมาตรฐาน รายการบริการที่ชัดเจน (Service Catalogs) และข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLAs) ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ESM ช่วยสร้างความสอดคล้องในการให้บริการระหว่างแผนกต่าง ๆ เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว เชื่อถือได้ และตรงเวลา นอกจากนี้ ESM ยังส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างแผนกที่มีหน้าที่ต่างกัน ยกระดับการสื่อสารระหว่างทีม ช่วยให้เกิดการแบ่งปันความรู้ ประสานงาน และสร้างความสอดคล้องในเป้าหมายองค์กร  การรวมศูนย์กระบวนการจัดการบริการขององค์กรไว้ในแพลตฟอร์ม ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและติดตามบริการต่าง ๆ ได้อีกด้วย องค์ประกอบของ Enterprise Service Management (ESM) มีอะไรบ้าง? องค์ประกอบของ ESM ประกอบด้วยกระบวนการที่สำคัญในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร ดังนี้ 1. การจัดการรายการบริการ (Service Catalog Management) รายการบริการ (Service Catalog)...

Continue reading

Gemini for AppSheet สร้างแอปองค์กรด้วย AI ใน 1 นาที

อยากมีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การทำงานในองค์กรของคุณง่ายขึ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน? นั่นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป! ถ้าได้ลองใช้ AppSheet แพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องเขียนโค้ด (No-code) ให้คุณสร้างแอปได้ง่ายๆ แค่ไม่กี่คลิก ไม่ต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรมก็ทำได้แน่นอน และสิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างแอปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นไปอีกขั้นก็คือ Gemini – AI อัจฉริยะจาก Google ซึ่ง Gemini จะเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะของคุณตั้งแต่เริ่มต้น เพียงแค่คุณบอกความต้องการ แอปพลิเคชันที่คุณคิดไว้ก็จะใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกแบบหน้าตาแอป ฟังก์ชันการทำงาน หรือแม้แต่การจัดการข้อมูลซับซ้อน Gemini ก็ช่วยให้คุณสร้างแอปที่ตอบโจทย์การทำงานในองค์กรได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วิธีการสร้างแอปด้วย Gemini ใน AppSheet มาดูกันว่าการใช้ Gemini ใน AppSheet เพื่อสร้างแอปสำหรับ “บันทึกการเข้า-ออกงานของพนักงานในองค์กร” จะช่วยให้กระบวนการพัฒนาแอปของคุณรวดเร็วและง่ายดายขึ้นได้อย่างไร ลองทำตามกันได้เลย ไปที่ AppSheet.com และเข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย  จากนั้น ไปที่ Create > App > Start with Gemini พิมพ์พร้อมพ์ที่แสดงความต้องการของแอปที่จะสร้างลงไป โดยตัวอย่างพร้อมพ์ของแอปที่จะสร้างก็คือ  “สร้างแอป AppSheet สำหรับบันทึกเวลาเข้า-ออกงานของพนักงานประจำวัน ต้องการฟิลด์ข้อมูลดังนี้: รหัสพนักงาน: (Unique ID) ชื่อ-นามสกุล: (ดึงจากข้อมูลพนักงาน หรือกรอกเอง) วันที่: (อัตโนมัติ) เวลาเข้างาน: (อัตโนมัติเมื่อกด Check-in) เวลาเลิกงาน: (อัตโนมัติเมื่อกด Check-out) สถานะ: (เช่น ‘มาทำงาน’, ‘ลา’, ‘ขาด’) หมายเหตุ: (ถ้ามี) ให้มีหน้าจอหลักสำหรับพนักงานแต่ละคนกด ‘Check-in’ และ ‘Check-out’ และมีหน้าจอแยกสำหรับผู้ดูแลระบบดูรายงานการเข้างานทั้งหมดได้ พร้อมฟังก์ชันค้นหาตามชื่อพนักงานหรือวันที่” เมื่อพิมพ์พร้อมพ์เสร็จแล้ว Gemini จะร่างโครงสร้าง (Structure) ขึ้นมาพร้อมกับ Preview ให้ดูว่าสิ่งที่เราพิมพ์พร้อมพ์ไปนั้นจะกลายเป็นแอปที่มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะทำผิด เพราะคุณสามารถเพิ่มเติมและแก้ไขได้ หรือสามารถคลิกที่ Start over เพื่อทำการป้อนพร้อมพ์ใหม่ได้ จนกว่าจะได้แอปที่คุณต้องการ 4. คลิก...

Continue reading

เพิ่มสปีดการทำงานกับ Asana ให้รวดเร็วด้วย Keyboard Shortcuts!

สำหรับลูกค้าและผู้ใช้งาน Asana ทุกคน..คุณเคยใช้เวลาคลิกเมาส์ไปมาใน Asana แล้วรู้สึกว่าน่าจะมีวิธีที่เร็วและคล่องตัวกว่านี้ไหม? ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ เรามีข่าวดี! ด้วยฟีเจอร์ Keyboard Shortcuts คุณสามารถยกระดับการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ประหยัดเวลา ลองใช้คีย์ลัดเหล่านี้ดู แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนได้เพิ่มพลังให้กับการจัดการโปรเจกต์และงานแบบมืออาชีพเลยทีเดียว ทำไมต้องใช้ Keyboard Shortcuts? รวดเร็วทันใจ: ลดเวลาที่เสียไปกับการเลื่อนหาเมนูและคลิกเมาส์ ทำงานลื่นไหล: สลับการทำงานระหว่างส่วนต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว ไม่มีสะดุด ดูเป็นมือโปร: ใคร ๆ ก็อยากทำงานกับคนที่ใช้เครื่องมือได้อย่างชำนาญใช่ไหมล่ะ? 5 Keyboard Shortcuts สุดฮิตสำหรับ Asana ที่ต้องรู้! เริ่มต้นใช้งาน Asana อย่างมืออาชีพด้วย 5 คีย์ลัดยอดนิยมเหล่านี้ Tab + Q: เพิ่มงานด่วน (Quick Add task) Tab + N: สร้าง Section ใหม่ Tab + /: ค้นหา (Search) Tab + F: เพิ่มผู้ติดตาม (Add follower) Tab + X: เข้าสู่โหมดโฟกัส (Focus mode) เราจัดหมวดหมู่คีย์ลัดอื่น ๆ ที่น่าสนใจมาให้แล้ว! การจัดการ Task (Task Actions & Tasks) Tab + Q: เพิ่ม Task ด่วน Tab + N: สร้าง Section ใหม่ Tab + BKSP: ลบ Task ที่เลือก Shift + ↑...

Continue reading

SME ต้องรู้ ! 5 วิธีใช้ Google Drive ช่วยค้นหาและจัดการเอกสารธุรกิจแบบมือโปร

Google Drive เครื่องมือจัดการไฟล์ยอดนิยมของธุรกิจทั่วโลก เพราะนอกจากความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud แล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ และทำงานได้อย่างสะดวกจากทุกที่ทุกเวลา  หากคุณเป็น SME ที่มีการใช้งาน Google Drive อยู่แล้ว แต่เพียงใช้ Google Drive เพื่อจัดเก็บไฟล์เท่านั้น ไม่มีการใช้ฟังก์ชันอื่นเลย วันนี้ Demeter ICT จะพาคุณมาทำความรู้จักฟังก์ชันต่าง ๆ บน Google Drive เพื่อนำไปสร้างประโยชน์และจัดการธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ ใช้แล้วชีวิตการทำงานของคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ! 1. สรุปโฟลเดอร์และไฟล์ด้วย Gemini ใน Google Drive เมื่อคุณจัดเก็บข้อมูลใน Google Drive คุณจำได้หรือไม่ว่าในแต่ละโฟลเดอร์นั้นเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ? ข้อมูลที่คุณต้องการอยู่ในไฟล์ไหน ? ตอนนี้คุณกำลังเปิดทีละไฟล์เพื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดอยู่หรือไม่ ? และใช้เวลานานกี่ชั่วโมง ? ด้วย Gemini ใน Google Drive คุณจะไม่ต้องเสียเวลาแบบนั้นอีกต่อไป เพียงแค่คุณคลิก Summarize this folder เพื่อสรุปข้อมูลคร่าว ๆ ให้คุณเห็นภาพรวมของข้อมูลทั้งหมดและรู้ว่าในโฟลเดอร์มีข้อมูลที่คุณต้องการจะค้นหาหรือไม่  และหากคุณรู้แล้วว่าในโฟลเดอร์มีข้อมูลที่คุณต้องการ ให้คุณคลิกไปที่ไฟล์นั้นเพื่อค้นหาแบบเจาะลึกมากขึ้น จากนั้นพิมพ์ Prompt ที่ Gemini ใน Side Panel เพื่อค้นหาข้อมูล เช่น “ค้นหาและสรุปข้อมูลค่าใช้จ่ายของทีมจัดซื้อในเดือนเมษายน ปี 2025” เป็นต้น ซึ่งการใช้ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการสรุปข้อมูลได้เยอะมากเลยทีเดียว https://www.youtube.com/watch?v=qMYZZPlM0Ok 2. ค้นหาไฟล์ที่ต้องการด้วย Gemini ใน Google Drive หากคุณต้องการค้นหาไฟล์จากข้อมูลทั้งหมดที่มีใน Google Drive แต่คุณดันจำชื่อไฟล์ไม่ได้ คุณสามารถค้นหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่าย ๆ ด้วย Gemini ที่ Side Panel จากนั้นพิมพ์ Keywords หรือข้อมูลสำคัญที่คุณพอจะนึกออกลงไป เช่น...

Continue reading