มีบัญชี Google Workspace สามารถใช้ Gemini ตัวไหนได้ฟรี?

หลังจากที่ Google ได้เปิดตัว Gemini Generative AI เวอร์ชันล่าสุดออกมา ก็มีหลายท่านได้เข้ามาสอบถามกับทาง Demeter ICT ถึง Gemini ตัวนี้ว่าหากมี Google Workspace อยู่แล้วใช้ Gemini ได้ฟรีหรือไม่? มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Gemini กันก่อน Gemini สำหรับ Google Workspace จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ Gemini Chat Experience for Google Workspace Gemini for Google Workspace  ซึ่งหากท่านมีบัญชี Google Workspace อยู่แล้วจะสามารถใช้งาน Gemini ทั้งสองประเภทได้ฟรี  แล้ว Gemini Chat Experience for Google Workspace คืออะไร? Gemini Chat Experience คือ Gemini ที่คุณใช้เสิร์ชหาข้อมูล ถามคำถาม ปรับแต่งประโยค หรือขอคำแนะนำต่าง ๆ บนเว็บไซต์นี้ Gemini.google.com  ซึ่งหากคุณเข้าใช้งานผ่านบัญชีของ Google Workspace Gemini Chat Experience จะถูกอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน Advanced ให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งเวอร์ชันนี้ผู้ใช้งาน Gmail ฟรีจะไม่สามารถเข้าใช้งานได้ Gemini Chat Experience เวอร์ชัน Advanced ต่างจากเวอร์ชันปกติอย่างไร? Gemini Chat Experience เวอร์ชัน Advanced สำหรับ Google Workspace นั้นจะมีความสามารถมากกว่า คุณสามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลอัปเดตล่าสุด และสามารถปรับแต่งข้อมูลภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ...

Continue reading

Zendesk Reveal: Unlock The Power of AI for Customer Experience

มาร่วมปลดล็อคแนวทางและกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ลูกค้าในยุค AI ธุรกิจขนาด Mid-Market และ Enterprise ไม่ควรพลาด Zendesk Reveal: Unlock The Power of AI for Customer Experience วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2024 เวลา 13.30 – 17.00 น. ณ The Great Room, Park Silom (BTS ศาลาแดง) งานสัมมนาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน รับจำกัดเพียง 40 ที่นั่งเท่านั้น! ปิดลงทะเบียนแล้ว Zendesk Reveal: Unlock The Power of AI for Customer Experience วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2024 เวลา 13.30 – 17.00 น. ณ The Great Room, Park Silom (BTS ศาลาแดง) ปิดลงทะเบียนแล้ว Personalization, Speed และ Privacy คือสามสิ่งที่กลายเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ลูกค้า (CX) ทว่าต้องทำอย่างไรถึงจะปรับใช้ให้เกิดผลลัพธ์ได้จริง? ในปัจจุบันที่ AI ได้เข้ามามีบทบาท แต่เราจะใช้ AI ในการส่งเสริมความประทับใจ สนับสนุนทีมงาน และยกระดับธุรกิจอย่างไรได้บ้าง? Demeter ICT ร่วมกับ Zendesk ขอเชิญคุณ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน Customer Service, CX Leader และ IT Decision Maker มาพบกับงานสัมมนาสุด Exclusive...

Continue reading

Zendesk สามารถเชื่อมต่อกับ Shopee และ Lazada ได้หรือไม่?

คำถามของหัวข้อนี้มักจะเป็นคำถามที่เกิดจากกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในวงการค้าปลีกและ e-Commerce ที่มีช่องทางการติดต่อของลูกค้าไม่เพียงแค่เฉพาะช่องทาง Social Messaging อย่าง LINE, Facebook Messenger, WeChat, Whatsapp, Instagram, X และอีกหลายช่องทางที่เชื่อมต่อกับ Zendesk แบบ Out-Of-The Box แต่ยังมีช่องทางที่ธุรกิจมักจะนิยมเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Shopee และ Lazada อีกด้วย  บ่อยครั้งที่เรามักจะมีลูกค้าทักแชทเข้ามาสอบถามหรือแจ้งปัญหาผ่านช่องทางแชทของร้านค้าบน Shopee และ Lazada แต่คำถามก็คือ เราจะเชื่อมต่อช่องทางแชทที่อยู่บน Shopee และ Lazada เข้ามาที่ Zendesk เพื่อให้ทีม Customer Service สามารถทำงานจากระบบงานเดียว และเรียกดูข้อมูลการขายของลูกค้าได้อย่างไร? จุดแข็งของ Zendesk ก็คือการเปิด API สำหรับการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ทำให้ระบบ Zendesk สามารถรับข้อมูลคำร้องขอ (Tickets) และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการลูกค้าเข้ามาที่จุดเดียวบน Zendesk และเป็นที่น่ายินดีเมื่อล่าสุด Shopee และ Lazada ก็ได้เปิด API สำหรับการเชื่อมต่อระบบแชทกับระบบภายนอก เพิ่มเติมกับก่อนหน้านี้ที่มีการเปิด API สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลลูกค้าและการขายมาแล้ว ทำให้การเชื่อมต่อการสนทนาผ่านช่องทางแชท และข้อมูลลูกค้าไปยังระบบ Zendesk สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อ Shopee และ Lazada เข้ากับ Zendesk การเชื่อมต่อ Zendesk เข้ากับ Shopee และ Lazada สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า CXBOX COMMERCE ทำให้การบริหารจัดการประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ในการให้บริการในช่องทางต่าง ๆ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบและต่อเนื่อง  ทีม Customer Service จะสามารถทำงานในการให้บริการลูกค้าทั้งหมดได้ในที่เดียวบนระบบ Zendesk ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาผ่านช่องทางแชทของ Shopee และ Lazada หรือการดึงข้อมูลลูกค้าเข้ามาที่เดียวเพื่อให้บริการง่ายขึ้น ที่สำคัญการเชื่อมต่อหรือ...

Continue reading

“พบกับหน้าตา Gemini for Google Workspace แบบ Side panel” คิดงานไม่ออกบอก Gemini ที่ Prompt อยู่ข้างๆคุณ

มี AI ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันว่าเจ๋งแล้ว แต่การมี AI ที่พร้อมซัพพอร์ตข้างๆคุณตลอดเวลาการทำงานยิ่งเจ๋งกว่า เพราะ AI ใน Google Workspace ในชื่อ “Gemini for Google Workspace” ได้อัปเดตหน้าตา Interface แบบ Side panel ปรากฎเพิ่มในรูปแบบหน้าต่างที่แถบด้านข้างของ Gmail, Docs, Sheets, Slides, และ Drive ที่จะช่วยคุณสรุป วิเคราะห์ และสร้างคอนเทนต์ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยความสามารถของ Gemini อัจฉริยะ โมเดลเวอร์ชัน 1.5 Pro ที่สามารถประมวลผลจากบริบทที่ยาวขึ้น ประกอบกับการใช้หลักเหตุผลขั้นสูง ทำให้ผู้ใช้งาน Google Workspace สามารถใช้งาน Gemini ในเวอร์ชันที่มีความแม่นยำและฉลาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม !  หน้าตา Gemini แบบ Side panel มีอะไรแปลกใหม่ ? แน่นอนว่าการอัปเดต Interface ของ Gemini แบบ Side panel สามารถให้ผู้ใช้งาน ใช้งานได้สะดวกกว่า เข้าถึงได้ง่ายกว่า ไม่ต้องกดหลายแท็ปสลับเปลี่ยนไปมา ทำให้การทำงานร่วมกับ Gemini ไม่มีสะดุด ที่สำคัญอัดแน่นด้วยคำสั่งแนะนำ (Prompt Suggestion) ที่ช่วยคุณเริ่มต้นหาไอเดียได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างแสดงการใช้งาน Gemini ใน Google Docs ด้วยคำสั่ง “Help me write” ทั้ง Interface “แบบเดิม” และ “แบบ Side panel” จะเห็นได้ว่า Gemini แบบ Side panel สามารถสร้างคำสั่งแนะนำในการวิเคราะห์เนื้อหาเพิ่มเติมต่อไปได้อีกมายมายจนกว่าคุณจะได้เนื้อหาที่พอใจ   หมายเหตุ สังเกตไหมว่าถึงแม้จะป้อนคำสั่งแบบไม่ถูกหลักไวยากรณ์ แต่ Gemini ก็สามารถทำความเข้าใจได้ ฉะนั้นการที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ ก็สามารถใช้...

Continue reading

Spotify สตรีมมิ่งเพลงอันดับ 1 ที่ขับเคลื่อนโปรแกรมให้เติบโตด้วย Asana

ผลลัพธ์จากใช้งาน เพิ่มขึ้น 50% การผลิตแคมเปญโฆษณาให้กับลูกค้าทั่วโลก เพิ่มขึ้น 50% ต่อเดือน ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่า ประสิทธิภาพของ Project Manager ในองค์กรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ด้วยกระบวนการสร้างแคมเปญโฆษณาที่กระชับมากยิ่งขึ้น ลดการทำงานแบบ Manual ลดการทำงานแบบ Manual ผ่านกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ การแจ้งเตือน และแบบฟอร์ม บริหาร Asana แบบอัตโนมัติ การบริหารผู้ใช้งาน Asana แบบอัตโนมัติ มอบสิทธิ์การเข้าถึง และการถอนสิทธิ์โดยอิงจากข้อมูลประจำตัวได้ง่าย ๆ Spotify บริษัทสตรีมมิ่งเพลงยักษ์ใหญ่ที่เปิดตัวในปี 2008 (พ.ศ. 2551) ครองอันดับ 1 ในด้านการสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมเพลงในปัจจุบัน ด้วยฐานผู้ฟังกว่า 456 ล้านคน ที่ช่วยผลักดันให้มีการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับศิลปินหลายล้านคน บริษัทมุ่งเน้นการสร้างรายได้ผ่านช่องทางหลัก อย่างการร่วมมือกับแบรนด์โฆษณาต่าง ๆ และการสมัครสมาชิก Spotify Premium นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ ๆ เช่น แพลตฟอร์มพอดแคสต์ชั้นนำ หนังสือเสียง และคอนเทนต์ต้นฉบับต่าง ๆ มากมาย พนักงานจำนวนมากของ Spotify ใช้ Asana เพื่อจัดการงานต่าง ๆ และเพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงทีมสร้างรายได้ที่คอยผลิตแคมเปญโฆษณาสำหรับลูกค้าและพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ไปจนถึงทีมไอทีที่คอยดูแลและมองหาโซลูชันให้พนักงานมีเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการทำงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม Asana ช่วยให้พวกเขาทำงานร่วมกับเอเจนซี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก และช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นภาพรวมความคืบหน้าของโปรเจกต์ทั้งหมดเทียบกับเป้าหมายของบริษัท ทั้งนี้ Asana เป็นระบบ Project Management แบบมีศูนย์กลาง ที่มาพร้อมการจัดสรรทรัพยากรบุคคลแบบอัตโนมัติ เพื่อสนับสนุนทีมงานที่ทำงานจากระยะไกลทั่วโลก ในขณะที่พวกเขายังคงปฏิวัติวงการสตรีมมิ่งผ่านเสียงต่อไป “Asana ช่วยให้เราขยายการผลิตแคมเปญโฆษณาสำหรับ Spotify และรายงานผลกระทบของทีมที่นำไปใช้ประเมินผลการทำงานของทีมได้อย่างชัดเจน” Blair Wilson Senior Manager, Project Managment การบริหาร Asana แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงแรมใน Milan...

Continue reading

วิธีเปรียบเทียบไฟล์เอกสาร 1:1 ใน Google Docs หาจุดแตกต่างระหว่าง 2 ไฟล์ได้ในไม่กี่วิ!

คุณมีวิธีการหาความแตกต่างระหว่างเนิ้อหาของเอกสาร 2 ไฟล์อย่างไร หลายคนอาจจะใช้วิธีการเปิดหน้าต่าง 2 ไฟล์พร้อมกัน แล้วไล่ตัวอักษรทีละตัว ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจ และส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพดวงตาก็เป็นได้ แค่คิดก็ปวดหัวแล้วใช่ไหมล่ะ สำหรับใครที่กำลังใช้วิธีนี้อยู่ต้องหยุดก่อน! เพราะ Google Docs สามารถช่วยทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องง่ายได้ เพียงใช้ฟีเจอร์ “เปรียบเทียบเอกสาร หรือ Compare Documents“  ก็สามารถช่วยคุณแสกนหาข้อความที่เหมือนหรือแตกต่างระหว่าง 2 ไฟล์เอกสารได้ในไม่กี่วินาที ! ใช้ฟีเจอร์ “เปรียบเทียบเอกสาร”ทำอะไรได้บ้าง เปรียบเทียบเอกสารของเวอร์ชันก่อนหน้ากับเวอร์ชันปัจจุบัน เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เปรียบเทียบเอกสารสองฉบับที่เขียนโดยบุคคลต่างกัน เพื่อหาจุดที่แตกต่างกัน วิธีการใช้งานฟีเจอร์ “เปรียบเทียบเอกสาร” จากตัวอย่างจะแสดงการเปรียบเทียบเอกสารทั้ง 2 ไฟล์ ระหว่างไฟล์ A และ B ในบทความเรื่อง “เกาะช้าง” ว่ามีข้อความที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (เจ้าของเอกสารและผู้ที่มีสิทธิ์แก้ไขเท่านั้นที่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้) 1. เข้าไปที่ Docs แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการมาเป็นไฟล์หลัก (แทนด้วยไฟล์ A) 2. ไปที่แถบเครื่องมือ เลือกเครื่องมือ (Tools) > เปรียบเทียบเอกสาร (Compare Documents) 3. เลือกไฟล์​ที่ต้องการนำมาเปรียบเทียบ (แทนด้วยไฟล์ B) แล้วใส่ชื่อผู้ที่ต้องการให้ระบบแสดงเป็นผู้ที่ให้การแนะนำแก้ไขข้อความที่แตกต่าง จากนั้นให้คลิก “เปรียบเทียบ (Compare)” เพียงเท่านี้ระบบจะทำการสร้างไฟล์เอกสารใหม่ที่แสดงรายละเอียดที่แตกต่างระหว่างไฟล์ A และ ไฟล์ ขึ้นมา ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะสำหรับการหาจุดที่แตกต่างระหว่าง 2 เอกสาร ด้วยฟีเจอร์ “เปรียบเทียบไฟล์เอกสาร หรือ “Compare Documents“ ที่มีอยู่ใน Google Docs นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะแล้ว ยังทำให้การทำงานเอกสารเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกด้วย...

รวมพลังฟีเจอร์ AI ใน Gmail ที่เปลี่ยนเรื่องเมลให้เป็นเรื่องง่าย

อีเมลนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญที่สุดของทุกองค์กร แม้ว่าปัจจุบันจะมีช่องทางการสื่อสารมากมายที่สะดวกและรวดเร็ว แต่ถึงอย่างไรการสื่อสารผ่านอีเมลก็ยังคงได้รับความนิยมในแวดวงของธุรกิจ เพราะแสดงถึงความเป็นทางการ และความน่าเชื่อถือขององค์กร  อย่างที่ทราบกันดีว่าการเขียนอีเมลแต่ละฉบับจะต้องมีการระบุทั้งอีเมล ชื่อ คำขึ้นต้น คำลงท้าย และมีส่วนประกอบอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการร่างและตรวจสอบอยู่พอสมควร แต่ข่าวดีสำหรับผู้ใช้งาน Gmail ใน Google Workspace หลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้แล้ว การใช้งานอีเมลของคุณจะเปลี่ยนนับจากนี้ไป เพราะใน Gmail มีฟีเจอร์ AI อัจฉริยะมากมายที่จะช่วยให้การใช้งานบน Gmail ง่ายขึ้น ไวขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้น  จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 1. ร่าง – ตอบกลับอีเมลทั้งฉบับได้ด้วย “Help me write” “Help me write” คือหนึ่งเทคโลยี AI หนึ่งในฟีเจอร์ของ Gemini สำหรับ Google Workspace ด้วยความสามารถน่าทึ่งที่จะช่วยคุณร่างอีเมลทั้งฉบับได้ เพียงแค่บอกจุดประสงค์ที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถเลือกปรับ Mood and tone ของเนื้อหาได้อีกด้วย “Help me write” ใน Gmail ทำอะไรได้บ้าง สรุปอีเมล: ช่วยวิเคราะห์สรุปเนื้อหาอีเมลที่ยาวและซับซ้อน ให้คุณเข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว แปลภาษา: แปลอีเมลจากภาษาอื่นให้อยู่ในรูปแบบภาษาที่คุณต้องการ ร่างอีเมล: ช่วยร่างอีเมลได้ตามคำสั่ง prompt ของคุณ สามารถเลือกรูปแบบของเนื้อหาอีเมลได้ เช่น อยากได้เนื้อหาอีเมลที่ดูเป็นทางการ (Formalize) ละเอียด (Elaborate) หรือ สั้นกระชับ (Shorten) ค้นหาข้อมูล: ค้นหาข้อมูลสำคัญๆจากอีเมลก่อนหน้า เช่น หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่เว็บไซต์ ตอบกลับอีเมล: ช่วยแนะนำการตอบกลับอีเมลด้วยเทมเพลตการตอบกลับที่เกี่ยวข้องกับอีเมลนั้นๆ ฟีเจอร์ “Help me Write” ใน Gmail นี้ได้รับการพัฒนามาและต่อยอดจากฟีเจอร์ Smart Compose และ Smart Reply ที่หลายท่านเคยใช้งานมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ โดย “Help me...

Continue reading

คู่มือฉบับเต็ม! สร้างกลยุทธ์ Email Marketing อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) เป็นหนึ่งในการส่งข้อความบนช่องทางดิจิทัลแบบดั้งเดิม ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนสูง เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นวิธีที่มีพลังในการเข้าถึง สร้างการมีส่วนร่วม และเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าได้ พวกเราส่วนใหญ่ส่งอีเมลเป็นประจำทุกวัน แม้ว่าแอปแชท โปรแกรมส่งข้อความบนมือถือรวมถึงโซเชียลมีเดียจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อีเมลยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ จากผลสำรวจในปี 2022 มีผู้ใช้อีเมล 4.26 พันล้านคนทั่วโลก และคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.73 พันล้านคนภายในปี 2026 แม้ว่าอีเมลจะมีความเรียบง่าย แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าอีเมลเป็นช่องทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่สุด: ที่อยู่ของอีเมลสามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างกว้างขวางและสร้างผลกำไรมหาศาล เนื่องจากมีการแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุผลหลายประการ (เช่น ข้อมูล ข้อเสนอ ชุมชน และการซื้อขาย) ดังนั้นธุรกิจจะใช้อีเมลในการเชื่อมต่อกับลูกค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร? บทความนี้จะกล่าวถึง ความสำคัญของการทำ Email Marketing วิธีการกำหนดกลยุทธ์ให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว วิธีวัดประสิทธิภาพและแสดงตัวอย่างแคมเปญเชิงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจของคุณ เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! กลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) คืออะไร? กลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing) คือ กระบวนการที่ช่วยให้นักการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางอีเมล โดยกลยุทธ์นี้จะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับอีเมลที่จะส่ง จำนวนอีเมลที่จะส่ง ส่งไปหาใครและส่งเมื่อไหร่ เพื่อให้กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพมากที่สุดจะต้องประกอบไปด้วย 1. การตั้งเป้าหมายและวิธีวัดผล การตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้นักการตลาดรู้ว่าเราจะต้องทำอะไร? และทำเพื่ออะไร? และเราจะวัดผลอย่างไร? เพื่อให้ง่ายต่อการดูว่าแคมเปญหรืออีเมลที่เราส่งไปหาลูกค้านั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ กลยุทธ์แบบใดที่ใช้ได้ผล อะไรที่ไม่ได้ผล ทำให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ Email Marketing ที่มีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งขึ้นได้ 2. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ หากคุณต้องการให้ลูกค้ารักและภักดีกับแบรนด์ของคุณ การทำความเข้าใจถึงความต้องการและบุคลิกของลูกค้า คือ กุญแจสำคัญ ยิ่งถ้าคุณสามารถแบ่งกลุ่มอีเมลของลูกค้าตามความต้องการหรือบุคลิกของพวกเขาได้ละเอียดมากเท่าไหร่ คุณก็จะมีโอกาสในการสร้างประสบการณ์ที่ดีแบบ Personalized และความภักดีต่อแบรนด์ของคุณได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะลูกค้าจะรับรู้ได้ว่าคุณให้ความสำคัญกับพวกเขา รู้ว่าเขาต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไรจากแบรนด์ของคุณ 3. การแบ่งกลุ่มลูกค้า เครื่องมือการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าแบบเฉพาะตัว (Personalized Customer Engagement Platform) อย่าง Braze ช่วยให้นักการตลาดสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าและส่งข้อความที่มีความละเอียดและเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น เช่น ลูกค้าบางคนมักมีส่วนร่วมดีกับแบรนด์ในตอนเช้า ลูกค้าบางคนไม่ต้องการโฆษณาที่เกี่ยวกับการขายเลยหรือลูกค้าบางกลุ่มจะเปิดเฉพาะโปรโมชันที่เกี่ยวกับรองเท้าเท่านั้น พบว่ายิ่งคุณมีข้อมูลมากเท่าไร คุณก็ยิ่งสามารถส่ง Email Marketing ถึงกลุ่มลูกค้าได้ละเอียดและตรงกับความต้องการยิ่งขึ้นเท่านั้น 4. การผสาน Email...

Continue reading

M&C Saatchi กับการยกระดับความพึงพอใจถึง 97.9% ด้วย Freshservice

M&C Saatchi คือใคร? M&C Saatchi เป็นเอเจนซีโฆษณาชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2538 โดยพี่น้อง Maurice Saatchi และ Charles Saatchi มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน และพนักงานกว่า 2,400 คนทั่วโลก เรียกได้ว่า M&C Saatchi เป็นหนึ่งในเครือข่ายบริษัทโฆษณาที่ดำเนินงานอย่างอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อต้องตัดสินใจต่ออายุการใช้งานเครื่องมือ ITSM อีกครั้ง M&C Saatchi ก็ตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการโซลูชันที่เหมาะสมกว่าเดิม พวกเขาได้พิจารณาผลิตภัณฑ์ ITSM อื่น ๆ โดยให้ความสำคัญกับระบบ Software-as-a-service (SaaS)  เนื่องจากทีม IT ของ M&C Saatchi ในสหราชอาณาจักรมีเพียง 15 คนเท่านั้น โดย 5 คนเป็นเจ้าหน้าที่ Service Desk ต้องสนับสนุนผู้ใช้งานกว่า 1,200 คนและคอมพิวเตอร์กว่า 1,200 เครื่อง (แบ่งเป็น Windows 70% และ Mac 30%) อีกทั้งโซลูชันใหม่นี้จะต้องใช้งานได้ภายในสองเดือน และมีการใช้การกำหนดค่าและทรัพยากรที่น้อยที่สุด ทำไม M&C Saatchi ถึงเลือก Freshservice? ถึงแม้ M&C Saatchi จะต้องการใช้งานเครื่องมือโดยเร็ว แต่ทีม IT ก็ยังคงประหลาดใจกับความรวดเร็วในการติดตั้ง Freshservice  “ตัวเลือกด้านการปรับแต่ง Portal นั้นดีจนน่าประหลาดใจมาก ทั้งยังสามารถใช้ HTML, CSS และ JavaScript ในการออกแบบ Portal ที่ก็เปิดโอกาสให้เราได้มาก”  ตั้งแต่นำมาใช้ Freshservice ก็กลายเป็นเครื่องมือที่มีผู้ใช้งานสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากทีม IT ของ M&C Saatchi ที่ใช้ Freshservice ในการติดตาม Log...

Continue reading