มีบทความหนึ่งน่าสนใจเขียนโดยซิลวิโอ พอเซลลาน่า (Silvio Porcellana) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง mob.is.it เป็นการตอกย้ำกว่าเรื่องการมีโมบายแอพ (Mobile App) เป็นของตัวเองเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางหรือขนาดเล็กที่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ ซึ่งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มมีการใช้สมาร์ทโฟนกันอย่างแพร่หลาย เราจะเห็นว่าธุรกิจที่มีโมบายแอพ มักจะเป็นธุรกิจที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก มีงบการตลาดแบบมหาศาล แต่สถานการณ์ปัจจุบันได้พลิกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า ณ ขณะนี้ จำนวนโมบายแอพ (Mobile App) ที่อยู่บนทั้ง Android และ IOS มีมากกว่าสองล้านโมบายแอพพลิเคชั่น (Mobile Application) เข้าไปแล้ว แต่ที่เห็นแนวโน้มกันชัดๆ คือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหันมาลงทุนจ้างพัฒนาโมบายแอพ (Mobile App) ของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มักจะมีคำถามว่าเราจะได้ประโยชน์จริงแท้แน่เหรอจากการลงทุนมหาศาลเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจ แต่ก่อนจะด่วนสรุปว่าไม่มีประโยชน์ ต้องมาดูข้อมูลจาก Ericsson Mobility Report ปี 2560 กันนะครับว่า ปี 2559 คนไทยมีสมาร์ทโฟน (Smartphone) มากกว่า 50 ล้านเครื่อง ซึ่งกระโดดจากปี 2558 ที่มี 40 ล้านเครื่อง และประมาณการณ์ว่าในปี 2564 ประเทศไทยอาจจะมีจำนวนสมาร์ทโฟน (Smartphone) กว่า 80 ล้านเครื่อง (มากกว่าประชากรในประเทศไทยเสียอีก!!) เรียกง่ายๆ ว่าเข้าสู่สังคมคนก้มหน้าอย่างสมบูรณ์แบบเรียบร้อยแล้วครับ (ตามหลังสังคมผู้สูงอายุเล็กน้อย) คำถามต่อมาคือแล้วเราในฐานะผู้ประกอบการจะทำอย่างไรให้มีโมบายแอพของตัวเองแบบถูกหลัก เพราะว่าหลายท่านอาจจะเจอมาหลายคนที่ทำโมบายแอพแล้วก็ไม่ได้ใช้งาน ทั้งนี้เนื่องจากการออกแบบฟีเจอร์และฟังก์ชั่นไม่ถูกหลักและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งเรามาดูกันว่าผู้เชี่ยวชาญแบบซิลวิโอเค้ามีความเห็นอย่างไรว่าทำไมต้องนำโมบายแอพ (Mobile App) มาใช้ในทางธุรกิจ 1. เพราะโมบายแอพ (Mobile App) เป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการทำโปรโมชั่น บริษัทหลายแห่งเชื่อว่าการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยๆ และรองรับการแสดงผลบนมือถือหรือแทบเล็ตก็เพียงพอสำหรับการสร้างภาพลักษณ์และสื่อสารในทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จแล้ว แต่เอาเข้าจริงเว็บไซต์เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ และโปรโมตธุรกิจของเราผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่โมบายแอพ (Mobile App) เป็นเครื่องมือที่เร็วกว่า ง่ายกว่า และล้ำกว่าในการขายสินค้าและปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจหรือแบรนด์ของเรา ซึ่งหลักการในการขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางดิจิทัลในยุคนี้มีสามคำคือ “เร็ว (Quick)” “ง่าย (Simple)” และ “สนุก (Fun)”...
Continue readingการเพิ่มตารางนัดหมายผ่านอีเมล์
เมื่อมีผู้ส่งอีเมล์มา เพื่อบอกวันที่ต้องการสร้างการนัดหมาย หรือวันที่อยากชวนทำกิจกรรมอะไรบางอย่างโดยที่ไม่ invite จากปฏิทินโดยตรง คุณสามารถเป็นผู้เพิ่มวันและเวลานั้นลงไปยังปฏิทินของคุณโดยผ่านทางอีเมล์ได้ ซึ่งมีวิธีการทำได้ง่ายๆ ดังนี้ Login เข้าสู่ระบบอีเมล์ G Suite (Google apps for business) แล้วเลือก inbox หรือกล่องข้อมูลขาเข้า แล้วเปิดอีเมล์ขึ้นมา จากนั้นดูที่วันเวลาในเนื้อหาอีเมล์ กดที่วัน หรือเวลานั้น 1ครั้ง เพื่อเริ่มการเพิ่มกิจกรรมลงในปฏิทิน จะมี Pop- up แสดงขึ้นมา เพื่อให้เราแก้ไขหัวข้อ วันและเวลา ซึ่งค่าเริ่มต้น จะนำชื่อเรื่องของอีเมล์มาเป็นชื่อกิจกรรมหรือเหตุการณ์ในปฏิทิน ส่วนวันและเวลานั้นก็จะนำมาจากเนื้อหาในอีเมล์ จากนั้นกดปุ่ม “Add to calendar” เพื่อเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์นี้ลงในปฏิทินของคุณ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย *** หมายเหตุ: ผู้รับเมลล์จะสามารถเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์ลงปฏิทินได้นั้น ผู้ส่งอีเมล์จะต้องระบุวันและเวลา เป็นภาษาอังกฤษ เช่น Monday, on Monday about 10.00 AM เป็นต้น และเมื่อผู้รับอีเมล์ทำการเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์ลงปฎิทิน Google จะเลือกวันที่ใกล้วันปัจจุบันมากที่สุดเป็นค่าเริ่มต้นให้ เช่น วันนี้เป็นวันอังคารที่10 มิถุนายน 2556 ถ้าได้รับอีเมล์มีเนื้อหาว่า Let’s meeting on Tuesday ค่าเริ่มต้นจะเป็นวันอังคารสัปดาห์ถัดไป คือ วันอังคารที่17 มิถุนายน 2556 นั้นเอง บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ตัวแทน Google ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทร! 02-675-9371 092-262-6390 097-008-6314 (ฝ่ายขาย) support@dmit.co.th Official LINE...
มีอีเมล์บริษัทโดเมนตัวเอง ง่ายนิดเดียว
สืบเนื่องจากงานสัมมนาที่ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ร่วมกับกูเกิ้ล (Google) เมื่อปลายเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา มีท่านผู้ประกอบการหลายท่านได้สอบถามว่าตอนนี้ใช้อีเมล์แบบฟรีอยู่คือใช้เป็นชื่อบริษัทแล้วตามด้วย @gmail.com หรือ @yahoo.com หรือ @hotmail.com หรือที่มีอีกแบบคือใช้ชื่อตัวเองแล้วตามด้วยโดเมนฟรีทั้งหลาย ปัญหาที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่านรับทราบร่วมกันคือการทำธุรกิจแต่ใช้โดเมนอีเมล์แบบฟรีดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ เพราะว่าโดเมนเนมของตัวเองเปรียบเหมือนการเอาใจใส่หน้าบ้าน ว่าง่ายๆ เปรียบเหมือนป้ายชื่อบริษัทเราถ้าทำไม่ดี เอากระดาษ A4 มาแปะแล้วเขียนชื่อ ความน่าเชื่อถือก็หายไปทันที เพราะการมีโดเมนตัวเองนั่นหมายถึงการพิสูจน์ตัวตนมาระดับหนึ่ง คำถามที่ผู้ประกอบการหลายท่านมักจะถามว่าอยากอีเมล์โดเมนตัวเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะไม่รู้วิธีจะทำอย่างไร ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้ครับ ขั้นตอนที่ 1 : จดโดเมนเนม (Domain Name) ก่อน การมีโดเมนก็เหมือนการมีเลขที่บ้านเป็นของตัวเอง ใครผ่านไปผ่านมาก็จะรู้ว่า อ๋อ นี่คือบ้านจริงๆ นะ มีตัวตน มีทะเบียนบ้าน คล้ายๆ กับการที่เราไปจดทะเบียนการค้านะครับ คนที่มาซื้อของกับเราก็จะเชื่อถือ เพราะการจดโดเมนโดยเฉพาะโดเมน .co.th เราต้องมีการยืนยันตัวตนไม่มากก็น้อย ซึ่งการมีโดเมน .co.th นี่ชัดเจนเลยว่าต้องเป็นบริษัทอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ใครที่มาเถียงบอกว่าไม่จริงหรอก ทำไมต้องจดทะเบียนการค้าหรือมีโดเมนตัวเอง ก็ลองดูไปเสนอสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้ารายใหญ่ๆ หรือขยายช่องทางการขายแบบ mass ดูนะครับแล้วท่านจะเข้าใจ หลังจดโดเมนเนมท่านก็จะมีเลขที่ต่างๆ หลังบ้านที่บอกว่าโดเมนของเราเบอร์อะไร จะให้เว็บไซต์เราชี้ไปที่เบอร์อะไร และอีเมล์คืออะไร ค่าใช้จ่ายไม่แพงหลักร้อยบาทเท่านั้น ขั้นตอนที่ 2 : มีข้อมูลหน้าบ้านบนเว็บไซต์และอีเมล์เท่ห์ๆ ถึงขั้นนี้เราต้องร้องเฮเพราะเรามีโดเมนตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทีนี้อยากมีเว็บไซต์กับอีเมล์ตัวเองบ้างที่เป็น www.mydomain.com และอีเมล์ somchai@mydomain.com จะทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสองเรื่องนี้ต้องแยกกันนะครับ การมีเว็บไซต์ตัวเองเราเปรียบเหมือนกับเราเอาบ้านเลขที่เราไปแขวนหน้าบ้าน ว่าแต่บ้านเราอยู่ไหนครับ ก็มีสองวิธีคือ 1 ซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์มาเอง (ปลูกบ้านเอง) อันนี้วุ่นวายมากสำหรับมือใหม่ ไม่แนะนำ กับวิธีที่ 2 คือ เช่าพื้นที่กับผู้ให้บริการโฮสติ้ง (เช่าบ้านเค้าอยู่ จ่ายค่าเช่ารายปี) ค่าเช่าจ่ายก็แล้วแต่ขนาดความกว้างของบ้านมีตั้งแต่สามพันจนถึงมากกว่านั้น ซึ่งโดเมนเราก็ต้องบอกกับคนทั่วโลกด้วยการใส่ตัวเลขในระบบโดเมนในขั้นแรกว่าเว็บเราบ้านเลขที่เท่าไหร่ (แต่ถ้ายังไม่อยากมีเว็บไซต์ตัวเอง ก็ข้ามไปขั้นตอนที่ 3 นะครับ) ซึ่งโดยปกติถ้าเช่าเว็บโฮสติ้งเค้าจะมีฟรีอีเมล์มาให้ด้วยที่เป็นโดเมนตัวเอง somchai@mydomain.com แบบฟรีๆ แต่แบบที่ทราบกันครับว่าของฟรีของแถมต้องทำใจกับความเสถียรและข้อจำกัด...
Continue readingชนะใจลูกค้าด้วยการบริหารประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Management)
โดย ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์, Founder & CEO บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา เราร่วมกับ Zendesk ได้จัดสัมมนาเรื่องการบริหารประสบการณ์ลูกค้า หรือ Customer Experience Management โดยเชิญวิทยากรผู้มากประสบการณ์ คุณอนุชิต ขำน้อย Anuchit Khamnoi จาก LINE Mobile ประเทศไทยมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง บังเอิญผมเพิ่งจะมีเวลาเลยขออนุญาตสรุปเนื้อหาที่ดีๆ เพื่อแบ่งปันข้อมูลให้กับทุกท่านนะครับ ส่วนตัวผมได้ยินคำว่า Customer Experience Management หรือการบริหารประสบการณ์ลูกค้า จากกรณีศึกษาของสตาร์บัค (Starbucks) อันโด่งดัง ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าสตาร์บัคอาจจะเป็นต้นตำรับของการกำหนดเรื่อง Customer Experience Management เป็นหนึ่งในกลยุทธธุรกิจนะครับ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มีมานานแล้ว แต่อาจจะไม่ได้กำหนดให้มันชัดๆ เท่านั้นเอง คำว่าประสบการณ์ลูกค้าก็คือสิ่งที่ลูกค้า “รับรู้” จากการเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเราตั้งแต่ต้นกระบวนการคือการทำให้ลูกค้ารับรู้ว่าเรามีสินค้าหรือบริการประเภทนี้ เข้ามาสอบถามข้อมูล ตัดสินใจ ปิดการขาย ใช้สินค้าหรือบริการ และบริการหลังการขาย ว่าง่ายๆ คือการบริหารประสบการณ์ลูกค้าคือการทำให้ลูกค้าประทับใจตลอดระยะเวลาที่ใช้สินค้าหรือบริการกับเรา หลายคนอาจจะบอกว่านี่ไง เราก็มีการบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยการให้พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะ อันนั้นก็ถูกต้องครับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แต่เอาเข้าจริงๆ การบริหารประสบการณ์ลูกค้ามันมีมากกว่านั้น โดยเฉพาะการเอาใจใส่ในความรู้สึกของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น เราจดจำชื่อหรือข้อมูลของเค้าได้หรือไม่ เราต้องให้เค้ารอรับบริการนานมั๊ย สินค้าหรือบริการที่ขายมีเพียงพอหรือไม่ ลูกค้าถูกถามคำถามซ้ำๆ มั๊ย ทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าทั้งนั้นครับ ล่าสุดผมเพิ่งซื้อข้าวกระเพาหมูสับไข่เจียวที่โรงอาหารออฟฟิสกับป้าคนนึงที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ระหว่างรอผมเดินไปซื้อเครื่องดื่มรับประทาน ปรากฏว่าแกเอาอาหารที่ผมสั่งไว้ไปให้ลูกค้าอีกคนที่มาสั่งทีหลัง แล้วก็ลืมไปว่าผมก็สั่งเหมือนกัน ป้าแกบอกว่าจะทำให้ใหม่ ผมปฏิเสธและเดินจากไปทันที เพราะว่าได้พบกับประสบการณ์ที่เลวร้ายไปเรียบร้อยแล้ว และจากนั้นก็ไม่ไปสั่งอาหารจากร้านคุณป้าท่านนั้นอีกเลย ทั้งที่เป็นร้านโปรดของผม เชื่อว่าหลายท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันความอดทนของลูกค้ามีน้อยลงเพราะว่าลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น รวมไปถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ทุกคนบนโลกใบนี้เข้าถึงข้อมูลและรับบริการผ่านอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น ดังนั้นลูกค้าจะเลือกช่องทางที่เข้าถึงสินค้าและบริการที่เค้าคิดว่าเร็วที่สุดและสะดวกที่สุด ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ธุรกิจ e-Commerce ไม่ว่าจะเป็นลาซาด้า อูเบอร์ แกร๊บ อโกด้า ฯลฯ ที่มีการให้บริการสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และประทับใจลูกค้าสามารถผงาดขึ้นไปยืนอยู่บนแป้นแห่งชัยชนะในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดได้ไม่ยากนัก เพราะถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียวลูกค้ารายนั้นจะไม่กลับมาใช้บริการอีก แถมช่วยโปรโมตเราในทางลบผ่านช่องทางออนไลน์อีกต่างหาก ยิ่งเจอพลังการกดแชร์แบบไม่ได้คิดยิ่งไปกันใหญ่ครับ...
Continue readingGoogle ร่วมฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิด 136 ปี หลวงประดิษฐไพเราะ
หลวงประดิษฐไพเราะ มีนามเดิมว่า ศร ศิลปบรรเลง เกิดในครอบครัวนักดนตรีเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2424 ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก หลวงประดิษฐไพเราะได้ติดตามบิดาไปแสดงดนตรีตามที่ต่างๆ และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวงปีพาทย์ของบิดาด้วย เมื่ออายุได้ 19 ปี ท่านได้แสดงอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่ง และได้รับการสนับสนุนให้ย้ายไปอยู่เมืองหลวงเพื่อศึกษาทางด้านดนตรี หลวงประดิษฐไพเราะได้รับการยกย่องให้เป็นนักประพันธ์เพลงไทยเดิมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ท่านได้มีโอกาสถวายการสอนดนตรีให้กับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในปี พ.ศ. 2468 นายศร ศิลปบรรเลง ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงประดิษฐไพเราะ เพื่อรำลึกถึงหลวงประดิษฐไพเราะ และเพื่อร่วมฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิด 136 ปีของท่าน Google จึงได้ทำ Doodle เป็นภาพวาดหลวงประดิษฐไพเราะทีมีฉากหลังเป็นระนาดเอก ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีหลักในวงปี่พาทย์ และเป็นเครื่องดนตรีที่หลวงประดิษฐไพเราะชำนาญเป็นพิเศษ ที่มา: Google อ่านมาถึงตรงนี้ หากคุณเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้วล่ะก็ ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอคำแนะนำได้เลย บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทร! 02-675-9371 092-262-6390 097-008-6314 (ฝ่ายขาย) support@dmit.co.th Official LINE...
Gmail อัพเกรดตัวกรองมัลแวร์-อีเมลหลอกลวง ใช้ Machine Learning คาดเดามัลแวร์ที่ยังไม่รู้จักได้
ต่อไปไม่ต้องกลัวอีกแล้วว่าจะถูกโจรกรรมข้อมูล กูเกิลใช้ AI เพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยให้ Gmail/G Suite ทั้งหมด 4 อย่าง ดังนี้ เพิ่มความแม่นยำในการดักอีเมลหลอกลวง (phishing) ด้วยเทคนิค machine learning และเทคนิคใหม่คือการหน่วงเวลาอีเมลบางฉบับให้ไปถึงผู้รับช้าลงเล็กน้อย เพื่อให้เวลาอัลกอริทึมของกูเกิลทดลองวิเคราะห์ดูว่าเป็น phishing หรือไม่ ด้วยระบบเดียวกับ Google Safe Browsing ที่เช็ค URL อันตราย click-time warning ในกรณีที่ผู้ใช้คลิกลิงก์ phishing จาก Gmail ระบบจะแจ้งเตือนลิงก์อันตรายแบบเดียวกับ Chrome แต่เป็นในหน้าของ Gmail เลย ระบบตรวจสอบมัลแวร์ในไฟล์แนบแบบใหม่ โดยใช้ machine learning เรียนรู้ความน่าจะเป็นของผู้ส่งรายนั้นในการส่งมัลแวร์ ช่วยให้ Gmail สามารถกรองมัลแวร์ที่ “ยัง” ไม่รู้จักได้มากขึ้น ระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลจากองค์กร (data loss prevention) จากพนักงานที่เผลอส่งอีเมลไปหาคนนอกโดยไม่ระวังตัว โดย Gmail จะแจ้งเตือนถ้าเราส่งเมลไปหาคนที่อยู่ภายนอกองค์กร แต่มันก็จะเรียนรู้ว่าถ้าคนไหนส่งหากันบ่อยๆ ก็อาจไม่แจ้งเตือนโดยไม่จำเป็น ฟีเจอร์ click-time warning ฟีเจอร์ data loss prevention ที่มา – Google Blog บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite (Google Apps for Work) ในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทรเลย! 02-675-9371 092-262-6390 097-008-6314 (ฝ่ายขาย) support@dmit.co.th Official LINE...
Google Hangouts ออกอัพเดตบน iPhone รองรับ CallKit สามารถรับสายได้เหมือนโทรศัพท์
สำหรับคนใช้ iPhone คงยิ้มกับการอัพเดทใหม่ของ Hangout แน่ๆ เพราะตอนนี้ Google Hangout เวอร์ชัน 16 มีการอัปเดต Feature ใหม่ เพื่อให้รองรับการใช้งาน CallKit ใน iOS ให้ผู้ใช้สามารถรับสายและโทรออกได้โดยใช้ Ul แบบเดียวกับการโทรศัพท์ปกติใน iPhone รวมถึงสามารถใช้กับคำสั่งเสียงหรือ SIRI ได้อีกด้วย น่าสนใจมากเลยทีเดียวใช่ไหมคะ มาดูกันดีกว่าค่ะว่าสามารถเปิดใช้งาน CallKit นี้ได้อย่างไร คุณสามารถที่จะเปิดใช้งาน Callkit ได้โดยการเข้าไปที่ Setting และเปิดสวิตส์ Answer on lock screen ได้ตามต้องการ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้ Hangout รับสายได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว นอกจากนี้ Google Hangouts เวอร์ชันล่าสุดบน iOS ยังมีการปรับปรุงการซูมภาพในโหมดพรีวิวรวมถึงแก้ปัญหาการแครชขณะวิดีโอคอลอีกด้วย เจ๋งไปเลย! บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ Google Apps for Work ในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทรเลย! 02-675-9371 092-262-6390 097-008-6314 (ฝ่ายขาย) support@dmit.co.th Official LINE...
“Waymo”หยุดทดสอบรถไร้คนขับแบบ”คันเล็ก”
“เวย์โม”เตรียมหยุดการทดสอบรถไร้คนขับขนาดเล็กที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2014 และเปลี่ยนมาใช้เป็นรถเอสยูวีแทน กูเกิ้ล 14มิ.ย.60: เวย์โมผู้พัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับของอัลฟาเบ็ต บริษัทแม่ของกูเกิล เตรียมปลดประจำการ Fireflies รถยนต์ไร้คนขับขนาด 2 ที่นั่งที่บริษัทใช้ทดสอบระบบมาตั้งแต่ปี 2014 ในสมัยที่ยังคงเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับกิจการของกูเกิล และจะเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับสำหรับรถเอสยูวี และรถตู้โดยสารแทน โดยเริ่มจาก Chrysler Pacifica เป็นรุ่นแรก ผู้บริหารของเวย์โมบอกว่า หลังจากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ผลิตรถยนต์ได้เร็วที่สุด บริษัทจึงจำเป็นต้องทิ้งรถทดสอบรุ่น Firefly ซึ่งอยู่กับบริษัทมาตั้งแต่ปี 2014 เนื่องจากตัวรถมีขนาดเล็ก และวิ่งได้เพียง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมองว่าการหยุดการพัฒนารถไร้คนขับ Firefly ของกูเกิลถือเป็นจุดยืนใหม่ของบริษัทที่ต้องการให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเทคโนโลยีรถไร้คนขับ มากกว่าการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ของตนเอง ที่มา: TNN News บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite (Google Apps for Work) ในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทรเลย! 02-675-9371 092-262-6390 097-008-6314 (ฝ่ายขาย) support@dmit.co.th Official LINE ...
เพื่อสิ่งแวดล้อม Google Maps ทำแผนที่แสดงมลภาวะในเมืองที่เกิดจากควันเสียรถยนต์
วันนี้อากาศร้อนขนาดไหนกันนะ ? การเดินทางไปทำงานวันนี้การจรารเป็นอย่างไรบ้าง? ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน? … จากคำถามข้างต้น บอกได้เลยว่า ทุกวันนี้เราใช้ข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลรอบตัวเราเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจไม่มากก็น้อย และหนึ่งในข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลด้านมลพิษทางอากาศซึ่งประกอบด้วยข้อมูลที่จำเป็นมากที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่าจะมีชีวิตที่มีสุขภาพที่ดี ในเมืองใหญ่ได้อย่างไร เป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชาญฉลาดและยั่งยืนมากขึ้นอีกทั้งยัง ลดก๊าซเรือนกระจกที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพภูมิอากาศได้ทั้งในเมืองและในชนบท… Google ร่วมมือกับองค์กรสิ่งแวดล้อม Environmental Defence Fund (EDF) และ Aclima ทำแผนที่แสดงมลภาวะ การกระจายตัวของก๊าซไนตริกออกไซด์, ไนโตรเจนไดออกไซด์ และ black carbon ที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์และรถบรรทุก โดยอาศัยอุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถ Google Street View ผู้ใช้สามารถเห็นการกระจายตัวมลภาวะในเขตเมือง เมื่อขยายหน้าจอแผนที่จะเห็นค่ามลภาวะในแต่ละจุดไม่เท่ากัน เช่นบริเวณ Bay Area เป็นทางจราจรคับคั่ง ค่ามลภาวะสูง I-80 ทาง Google ระบุว่า ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการมลภาวะในพื้นที่เขตเมือง และยังสามารถประยุกต์ใช้กับเมืองอื่นที่พยายามปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้ดีขึ้นอีกด้วย ที่มา : https://goo.gl/ee5lUR บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ Google Apps for Work ในประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทรเลย! 02-675-9371 092-262-6390 097-008-6314 (ฝ่ายขาย) support@dmit.co.th Official LINE ...