Digital Transformation ไม่ใช่จบแค่เรื่องของเทคโนโลยี

โดย ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ , CEO บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด วันนี้ผมได้พูดสองหัวข้อในงาน Event ที่ Google Thailand เรื่องแรกได้พูดถึงวิธีการเติมไฟในการทำงานแบบ Google ครับ จุดเริ่มคือเคยสังเกตุไหมครับว่าหนึ่งในสาเหตุที่บุคลากรในองค์กรของเราเริ่มออกอาการเซ็งและหมดไฟคือเรามีกระบวนการในการทำงานที่ไม่มีมูลค่าถึงร้อยละ 70 เนื่องจากเป็นงานที่ต้องเสียเวลาในการเตรียมข้อมูล ต้องปิงปองไปกลับระหว่างเพื่อนร่วมงาน ต้องเดินเอาเอกสารไปให้ ต้องพิมพ์เอกสารออกมาเซ็นต์ และต้องเก็บเอกสารเป็นตั้งๆ เพราะกลัวตรวจสอบไม่ได้ หรือแม้แต่ต้องเดินทางมาประชุมด้วยการฝ่ารถติดเข้ามา โดยที่ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวอาจจะแค่ 30% ที่เหลือเป็นการเสียเวลาในกระบวนการโดยทั้งนั้น เหตุว่าทำไม Google ถึงได้เป็นองค์กรนวัตกรรมระดับโลก เพราะ Google เน้นในเรื่องแค่สามเรื่องคือ 1) เน้นการทำงานแข่งกับเวลา 2) มีกระบวนการขั้นตอนในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้าใจ pain points ของผู้ใช้งาน และ 3) การแบ่งปันข้อมูลในการทำงานร่วมกัน ซึ่งหากเรามีเครื่องมือในการทำให้ทั้งสามเรื่องเกิดขึ้นได้ง่าย เท่ากับว่าเวลาที่ต้องสูญเสียไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องในการพูดคุย การแก้งานไปมา การแชร์ข้อมูลเดียวกันก็จะหายไปอย่างมหาศาล ซึ่ง Google ได้ใช้ G Suite ในการเป็นเครื่องมือการทำงานในชีวิตประจำวันนั่นเอง เอาเข้าจริงหลายองค์กรมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการทำ Digital Transformation คือการใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการซื้อเครื่องมือเทคโนโลยี (Technology) มาใช้งานในองค์กร แต่องค์กรจำนวนมากได้ลืมปัจจัยอีกสองอย่างที่ละเลยเสมอในการทำ Digital Transformation ขององค์กร นั่นก็คือ 1. People และ 2. Process!!!! ทั้งสองอย่างประกอบกับ 3. Technology จึงจะทำให้การทำ Digital Transformation ในองค์กรเกิดขึ้นได้จริง เพราะตอนนี้คนรวยสุดคือทรัพย์ศรีไทยที่รับจ้างเก็บเอกสารกองพะเนินให้เราอยู่ การทำ Digital Transformation ในองค์กรจะประกอบไปด้วยสามเรื่องคือ 1) Technology 2) People และ 3) Process ฟังดูจะรู้ว่ามันไม่จบแค่ใช้เงินซื้อเทคโนโลยีเหมือนกับที่หลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนเข้าใจคำว่า Thailand 4.0 ว่ารีบๆ ไปหาระบบงานมารองรับ ทั้งกระบวนการทำงานและการวิเคราะห์ข้อมูล เสร็จแล้วก็จบแล้ว แต่นั่นเรากำลังพูดแค่ในมุมของ Technology...

Continue reading

G Suite: Your Digital Transformation Partner

โดย: ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์, Founder & CEO, Demeter ICT ผ่านไปด้วยดีกับอีเวนทํประจำไตรมาสของ Demeter ICT ร่วมกับ Google ในหัวข้อ G Suite: Your Digital Transformation Partner คำว่า Digital Transformation คำนี้ค่อนข้างฮิตกันในยุคนี้ ที่ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนก็พูดถึง ซึ่งเรามักจะมองว่ามันเกี่ยวข้องกับองค์กรขนาดใหญ่ แต่องค์กรระดับ SME ไม่น่าจะเกี่ยวข้องเพราะว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือมักจะมองว่า Digital Transformation คือการลงทุนทางด้าน ‘เทคโนโลยี’ ใช้เงินแก้ปัญหาแล้วจบเลย แต่จริงๆ แล้วเรื่องราวไม่ได้ง่ายแบบนั้นครับ หลายองค์กรมักจะตั้งต้นคำว่า Digital Transformation คือการไปเอาเทคโนโลยีเป็นตัวตั้งต้น ด้วยการดูว่าปัจจุบันในอุตสาหกรรมเดียวกับธุรกิจมีเทคโนโลยีอะไรบ้าง แล้วก็ลงทุนซื้อเทคโนโลยีมาใช้งานเลย แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาขององค์กรจริงๆ เพราะกินยาผิด เนื่องจากเทคโนโลยีที่เอามาใช้ไม่ได้แก้ปัญหาขององค์กรจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนในองค์กรยังคงมีรูปแบบการทำงานที่เหมือนเดิม แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาใช้ก็ตาม ในความเห็นผมการทำ Digital Transformation จะต้องเริ่มที่ Pain point หรือจุดที่องค์กรมีปัญหาองค์กรก่อน เช่น ทำการวิเคราะห์ว่าทุกวันนี้องค์กรมีปัญหาอะไร ทำงานช้าที่ตรงไหน data discrepancy อยู่จุดไหน ขาดข้อมูลส่วนไหนบ้าง โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงเทคโนโลยีก่อน จากนั้นพอสรุปประเภทปัญหาได้แล้ว จึงคิดต่อว่าเครื่องมืออะไรบ้างที่มาแก้โจทย์นี้ได้ และที่สำคัญคือ ‘คนในองค์กร’ จะมีภาพความฝันในการทำงานบนเทคโนโลยีนั่นด้วยวิธีการทำงานแบบไหนที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งมาถึงจุดนี้เราจะตอบได้ทันทีว่า Digital Transformation จะไม่ใช่เรื่องของ CIO เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ CEO ที่ต้องทำหน้าที่ Project Sponsor ในการไดรฟ์ให้คนในองค์กรมาทำงานด้วยวิธีใหม่ บนเทคโนโลยีใหม่ ไม่ใช่ทำงานบนเทคโนโลยีใหม่ด้วยวิธีการทำงานแบบเดิม ซึ่งการทำ Change Management หรือการบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คนในองค์กรปรับเปลี่ยนวิธีทำงานบนเทคโนโลยีใหม่ เป็นสิ่งทีืจำเป็นในการทำ Digital Transformation มากครับ ผมมักจะยกตัวอย่างขององค์กรที่ใช้ Google G Suite อยู่เสมอว่า G Suite ไม่ใช่มาแทนระบบอีเมลเดิม...

Continue reading

มารู้จักสำนักงานใหญ่ภาคพื้นเอเชียของ Zendesk กัน

วันนี้จะพาทุกคนมารู้จักพาร์ทเนอร์ของ Demeter ICT ที่มีสำนักงาน APAC ที่อาคารนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ อาคารนี้มียาหม่องตราเสือเป็นเจ้าของตึก แต่พาร์ทเนอร์เราไม่ได้ทำยาหม่องขายนะครับ แต่เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เติบโตเร็วมาก เริ่มต้นมาจากผู้ก่อตั้งสามคนทำงานพัฒนาระบบในห้องครัวที่เดนมาร์ก จนมาจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลัทรัพย์ NYSE ทำงานด้วยกันมาสองปีกว่าเพิ่งได้มาเยี่ยมเยียนเพื่อนร่วมงานกันนี่ล่ะครับ เฉลยนะครับ พาร์ทเนอร์ของเราก็คือ Zendesk เป็น Multi-Channel Customer Service Solution อันดับหนึ่งของโลก โดยเริ่มจาก Founders คนทำงานพัฒนาระบบ Customer Service ในห้องครัวที่เดนมาร์ก ด้วยคอนเซปว่าลูกค้าจะ Happy ต้องทำให้ทีมงานของเราที่ให้บริการลูกค้า Happy ด้วย การออกแบบซอฟต์แวร์ใช้คอนเซปของ Customer Experience คือออกแบบเครื่องมือที่ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกันทุกช่องทาง โดยเริ่มธุรกิจในปี 2007 ปัจจุบันทั่วโลกมีพนักงาน 2,000 คน เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ NYSE ในปี 2014 ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการกว่า 1 แสนบริษัท ใน 150 ประเทศ ถ้าถามหาว่าใครเป็นลูกค้าบ้าง นับนิ้วแทบไม่ไหว มีตั้งแต่ AirBNB, Agoda, Uber, Grab, aCommerce, LINE Mobile, Minor Group, Kerry Express, Booking, GoJek, Lazada ฯลฯ เรียกว่าเยอะมากๆ ที่โด่งดังในองค์กรที่ให้ความสำคัญของบริการแบบ Multi-Channel Customer Service การเริ่มธุรกิจของ Zendesk คือการแก้ Pain Points ของการที่ Agent ที่ให้บริการต้องแก้ปัญหาให้ลูกค้าโดยเร็วที่สุด และประทับใจ ปัญหาของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาในหลายที่คือ ต้องเล่าความเจ็บปวดของตัวเองที่ได้รับจากการบริการแบบซ้ำๆ ทุกครั้งที่วางสายไป หรือติดต่อเข้ามาอีกช่องทาง ไม่เชื่อลองไป complain อะไรกับธนาคารหรือบริษัทที่ให้บริการหรือขายสินค้าอะไรที่ไหนสักแห่งผ่าน Call Center แล้วไปตามเรื่องผ่าน Facebook Chat หรือ Email...

Continue reading

ห้องพิเศษสำหรับคุณแม่ โดย TMall

เมื่อไม่นานมานี้อาลีบาบา (Alibaba) มีโครงการสุดแจ่มเรียกว่า TMall Mother’s Lounge หรือห้องพิเศษสำหรับคุณแม่โดย TMall ซึ่งโครงการนี้มีต้นกำเนิดมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ให้ภายในปี 2020 สถานที่สาธารณะทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ อาคารสำนักงาน ฯลฯ ในประเทศจีน จะต้องมีห้องสำหรับให้นมบุตร ทั้งนี้เนื่องจากการผ่อนคลายการมีนโยบายลูกคนเดียวโดยให้คนจีนสามารถมีลูกคนที่สองได้ เป็นการแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะทำให้คุณแม่และเด็กน้อยที่เกิดใหม่ทั้งหลายได้รับความสะดวกมากขึ้นในการไปไหนมาไหน นับเป็นการมองเห็นความสำคัญของแม่และเด็กของรัฐบาลจีนโดยแท้ อาลีบาบาจึงได้มีโครงการนี้ขึ้นตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่สาธารณะต่างๆ โดยสร้างเป็นตู้เล็กๆ ที่ข้างในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นจอทีวี อุปกรณ์สำหรับแม่และเด็ก วัสดุที่ใช้ในการอำนวยความสะดวก ผ้าอ้อม นมผง ม่านอัตโนมัติ ที่อุ่นนม ที่ปรับอุณหภูมิ ฯลฯ เรียกได้ว่าคุณแม่ลูกอ่อนไปไหนมาไหนไม่ต้องกังวลเรื่องจะหาพื้นที่ส่วนตัวในการจัดการกับเจ้าตัวน้อยที่แสนจะวุ่นวายแถมพูดก็ไม่ได้ จะเอาอะไรก็ร้องไห้อย่างเดียว สุดแล้วแต่คุณพ่อคุณแม่จะเดาภาษาเบบี้เอา การใช้งานสุดแสนง่ายถ้าเป็นสมาชิกเว็บไซต์ TMall อยู่แล้ว ท่านก็แค่สแกน QR Code โดยแอพของ TMall เท่านี้ก็เข้าไปใช้งานได้แล้ว ส่วนเจ้าของสถานที่เป็นคนจัดเตรียมพื้นที่และระบบไฟฟ้าให้ เรียกว่า win-win หลายท่านอาจจะสงสัยว่าอาลีบาบาได้อะไรจากโครงการนี้ คำตอบคือนอกจากได้ชื่อเสียงแล้ว อาลีบาบาก็อาจจะไม่ได้ลงทุนอะไรในของใช้ที่แจกฟรีในตู้เอนกประสงค์นะครับ เพราะว่าเป็นของที่เจ้าของสินค้าเอามาส่งให้เพื่อให้คุณแม่และเด็กทดลองใช้นั่นเอง ส่วนอาลีบาบาเองก็ได้เต็มๆ อีกอย่างคือข้อมูลพฤติกรรมของคุณแม่ ก็จะรู้ทันทีว่าคุณพ่อรายไหนหรือคุณแม่รายไหนที่กำลังมีลูกอ่อน เนื่องจากสถิติที่สำคัญบอกว่า… ผู้หญิงจีนโดยเฉลี่ยใช้เงินจับจ่ายซื้อของมากกว่าผู้ชายเวลาออกไปข้างนอก และกลุ่มที่ใช้เงินมากที่สุดคือกลุ่มคุณแม่มือใหม่ครับ    Contact Us: Demeter ICT Company Limited บุกตลาดจีนครบวงจรกับ WeChat Partner Official LINE For additional information and special promotion call now! Tel. 02 030 0066 (TH/EN) Tel. +86 14778852841 (CH) Facebook Page : @demeterict support@dmit.co.th...

สร้างระบบ IT Help Desk ง่ายๆ ต้นทุนต่ำสำหรับองค์กรทุกขนาดด้วย Zendesk

ด้วยความสำคัญของเทคโนโลยีที่มีต่อการทำธุรกิจมากขึ้นเรื่อย แผนก IT Support ขององค์กรก็เปรียบเสมือนกับเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่จะช่วยให้การทำงานของทุกๆ แผนกในองค์กรนั้นเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและไม่ติดขัด แน่นอนว่าระบบ Application ที่จะมาช่วยให้แผนก IT Support สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และ Zendesk ที่เป็นระบบ Cloud Customer Service & Engagement Platform นั้น ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ตอบโจทย์ด้าน IT Support ได้ในราคาประหยัดและคุ้มค่ามากทีเดียว ประยุกต์ระบบสื่อสารเอนกประสงค์ สู่การเป็นระบบ IT Help Desk ที่เข้าถึงได้จากทุกช่องทาง อันที่จริงแล้ว Zendesk นั้นเป็นระบบ Cloud Customer Service & Engagement Platform ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการให้บริการและการสื่อสารภายในองค์กรได้อย่างหลากหลาย โดยมีจุดเด่นดังต่อไปนี้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Website, Web Chat, Chat Application, Social Media, Call Center หรือแม้แต่ Mobile Application ก็ตาม สามารถนำไปปรับใช้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อสื่อสารและร้องขอบริการต่างๆ ได้จากทุกช่องทาง Zendesk นั้นจะแปลงทุกการสื่อสารให้อยู่ในรูปของ Ticket และนำไปจัดการในระบบ Ticketing System เพื่อให้ทีมงานนั้นรู้ถึงสถานะของทุกๆ การสื่อสารว่าเป็นอย่างไร เช่น ลูกค้าส่งเรื่องเข้ามาแล้วยังไม่มีผู้รับเรื่อง, มีผู้รับเรื่องแล้วและกำลังดำเนินการอยู่ หรือดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว ทำให้การให้บริการใดๆ ที่เกิดขึ้นนั้นสามารถชี้วัดประสิทธิภาพออกมาในเชิงตัวเลขได้อย่างชัดเจน สามารถสื่อสารกันภายในทีมเพื่อช่วยสนับสนุนให้บริการลูกค้าแต่ละรายได้อย่างสะดวก และทำให้มีข้อมูลตรวจสอบย้อนหลังได้สำหรับทุกๆ การแก้ไขปัญหา สามารถเชื่อมต่อกับระบบ ERP, CRM, Email, Chat, Mobile Application และอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลหรือเหตุการณ์จากระบบต่างๆ มาใช้ร่วมกันภายใน Zendesk เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีระบบ Knowledge Base ให้คนในทีมแชร์ความรู้ต่างๆ รวมถึงสร้างคู่มือและวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ผู้ใช้บริการนั้นทำการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองแบบ Self Service ได้ Zendesk นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำหลักการ...

Continue reading

ก้าวทันนวัตกรรมโลกกับ 5 หนังสือนวัตกรรมที่ไม่ควรพลาดในปี 2018

ภายใต้ความเจิดจรัสของโลกทุนนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ ‘นวัตกรรม’ (Innovation) เข้ามามีบทบาทสูงในทุกวงการธุรกิจ เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนความก้าวหน้าขององค์กร ในทางตรงกันข้าม บางองค์กรยังคงบริหารธุรกิจด้วยรูปแบบเดิม ๆ ไม่ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ วันนี้ Krungsri Plearn เพลิน By Krungsri Guru ได้รับเกียรติมาพูดคุยกับ ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ กูรูมากประสบการณ์ด้านไอทีที่จะมาไขปัญหาคาใจ…ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับนวัตกรรม (Innovation) พร้อมแนะนำ 5 หนังสือนวัตกรรมที่ไม่ควรพลาดในปี 2018 เพื่อก้าวทันนวัตกรรมโลก   ดร.วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ ปัจจุบันคุณทำหน้าที่และดำรงตำแหน่งอะไรบ้าง ดร.วรัญญู: ผมเป็นเจ้าของกิจการ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด (Demeter ICT) ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายคลาวด์เซอร์วิส (Cloud Service) ให้กับ Google ถัดมาเป็น Product Partner ของ Multichannel Customer Service ในอดีตเวลาลูกค้าต้องการติดต่อบริษัทจะมีช่องทางเดียว คือโทรศัพท์ ภายหลังถูกพัฒนาจนมีซอฟต์แวร์ (Software) ตัวหนึ่งชื่อว่า Zendesk ที่สามารถรับความต้องการ ของลูกค้าได้จากหลายช่องทาง เช่น ไลน์ (Line), อีเมล (Email), เฟซบุ๊ก (Facebook) หรือ เมสเซนเจอร์ (Messenger) ให้เข้ามาช่องทางเดียว และสามารถควบคุม (Handle) ลูกค้าให้อยู่ในช่องทางเดียวได้เช่นกัน นอกจากนี้ เรามีทำโมบาย แอพพลิเคชั่น (Mobile Application) เช่น หากลูกค้าอยากมีโมบาย แอพพลิเคชั่น (Mobile Application) ของตัวเอง เราก็ให้บริการแบบแพลตฟอร์ม (Platform) ลูกค้าจึงสามารถมีแอพพลิเคชั่น (Application) ของตัวเองได้ แค่เปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนรูปภาพ และอีกหนึ่งธุรกิจสุดท้ายที่ผมทำ คือ Cross-border E-commerce เป็นแอพพลิเคชั่น (Application) ที่เชื่อมต่อกับ WeChat...

Continue reading

จัดโครงสร้างทีมงานสนับสนุนการบริการ (Customer Support) แบบไหนถึงโดนใจลูกค้า

หลายท่านมักจะมีคำถามว่าทีมสนับสนุนการทำงานลูกค้า (customer support) ที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีรูปแบบการทำงานอย่างไร แล้วเราจะบริหารจัดการอย่างไรให้ลูกค้าได้รับบริการดีที่สุดและได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในการรับบริการ แล้วทีมงานเราต้องมีทักษะอะไรที่จะเข้าใจและให้บริการลูกค้าอย่างประทับใจ ฟังดูแล้วเป็นเรื่องยากจริงๆ ครับ แต่อันที่จริงแล้ว เรื่องราวไม่ได้ยากขนาดนั้น ขอให้เราเข้าใจในการใช้เครื่องมือและรูปแบบในการทำงานของทีมงานที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอย่างสูงสุด กำหนดหน้าที่ ทีมงาน และลำดับชั้นในการให้บริการ แน่นอนครับว่าทีมงานที่ดีต้องเริ่มจากหลักการที่ถูกต้องก่อน เพราะถ้ากระดุมเม็ดแรกกลัดผิดที่เหลือก็แทบไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว ซึ่งอย่างแรกของแรกก็คือจะต้องตอบคำถามตัวเองก่อนว่าบริษัทเราต้องให้บริการลูกค้าในเรื่องอะไรบ้างเป็นหลัก เช่น ถ้าเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ แน่นอนครับว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะถามปัญหาด้านเทคนิค และปัญหาการใช้งาน ถ้าเราเป็นบริษัทค้าปลีกก็ต้องตอบให้ได้ว่าปัญหาไหนคือปัญหาที่ลูกค้าถามไถ่เข้ามามากอันดับต้นๆ จุดเริ่มต้นนี้จะทำให้เรากำหนดหน้าที่ การทำงาน และทีมงานที่ตอบสนองการให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงจุด  ตัวอย่างบริษัทผู้ให้บริการระบบ Multi-Channel Customer Service ระดับโลกอย่าง Zendesk ที่ให้บริการลูกค้าและพาร์ทเนอร์ให้กับองค์กรใหญ่ๆ ทั่วโลกก็ได้แบ่งการทำงานเป็น 3 ระดับ (Tiers) ตามความซับซ้อนของการให้บริการ ดังนี้ (ท่านผู้อ่านอาจจะเอาไปประยุกต์ใช้ก็ได้ครับ) ระดับที่ 1 (Tier 1) ตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ระดับที่ 2 (Tier 2) ตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้งานและปัญหาทางเทคนิค  ระดับที่ 3 (Tier 3) ตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิคเชิงลึก และปัญหาที่ซับซ้อน การแบ่งระดับการตอบคำถามของทีมงานจะช่วยให้ทีมสนับสนุน (Agents) สามารถตอบคำถามภายใต้ความรับผิดชอบของตนเองได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องบอกให้ลูกค้ารอแล้วขอไปถามคนที่รู้เรื่อง (ซึ่งเรามักจะเจอในหลายแห่ง เวลาโทรศัพท์ไปสอบถามคำถาม) ซึ่งการตอบคำถามในเรื่องที่ตนเองชำนาญจะช่วยให้ทีมงานยิ่งเกิดความมั่นใจและต่อยอดไปยังเรื่องอื่นๆ ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ก็ยังไม่มีสูตรสำเร็จว่าจัดทีมงานอย่างไรให้การสนับสนุนการให้บริการเป็นไปอย่างดีเยี่ยม แต่หลักๆ เราก็อาจจะเริ่มทีละนิดทีละหน่อยตามขนาดของจำนวนการติดต่อเข้ามาของลูกค้าก็ได้ครับ เช่น  กำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่เราจะมีโครงสร้างทีมงาน Customer Support กำหนดว่าเมื่อไหร่จะแบ่งการให้บริการเป็นลำดับขั้น (Tier) กำหนดว่าเมื่อไหร่จะแบ่งปัญหาเป็นทีมงานเฉพาะแต่ละเรื่อง กำหนดว่าเมื่อไหร่จะมีการติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า การสนับสนุนเสริมทัพให้ทีมสนับสนุนการให้บริการ หลังจากที่เราได้มีโครงสร้างทีมงานแล้ว เราก็ต้องมาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้ทีมงานของเราเองทำงานอย่างมีความสุขและมีประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน (คงไม่มีใครอยากโดนลูกค้าบ่นและพูดจาแรงๆ ทุกวันใช่มั๊ยครับ) ซึ่งการให้บริการลูกค้าที่ดีต้องเริ่มที่เราต้องทำให้ทีมงานของเรามีความสุขและมีประสบการณ์ที่ดีในการทำงานก่อน ทักษะที่สำคัญ 5 ประการในการให้บริการลูกค้า ทักษะ 5 ประการที่หัวหน้าทีม customer support ต้องกำหนดในการรับสมัครทีมงานมาทำงานด้าน customer support เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี มีดังต่อไปนี้ เข้าใจในความเดือดร้อนหรือข้อสงสัยของลูกค้า ชำนาญในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เพราะบางครั้งต้องใช้ทักษะในการหาคำตอบจากที่ต่างๆ มีทักษะในการสื่อสารที่ดี ทำเรื่องยากเป็นเรื่องง่ายๆ ชอบพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นทุกวัน สมรรถนะหลัก 6...

Continue reading

แค่มี Google Translate ไม่ต้องกลัวหลงทางหรือสั่งอาหารไม่ได้

ปัญหาของคนที่ใช้ Google Translate หลายคนคือเวลาเห็นป้ายข้อความในภาษาต่างประเทศ ไม่รู้จะแปลยังไง แต่ต่อไปนี้เราไปเที่ยวประเทศไหนก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือสั่งอาหารไม่ได้แล้วครับ เพราะแค่พกเครื่องโทรศัพท์มือถือไปไหนมาไหน เราก็เที่ยวได้อย่างสบายใจ ก่อนหน้านี้ถ้าใครจำได้ Google Translate แอพแปลภาษาของ Google บนโทรศัพท์มือถือสร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกด้วยพีเจอร์ Instant translate ที่เพียงเราเอากล้องในโทรศัพท์มือถือไปส่องตามป้าย,หน้าจอแสดงผล,กระดาษ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มีตัวหนังสือพิมพ์อยู่ มันจะสามารถแปลคำหรือประโยคที่อยู่บนป้ายเหล่านั้นให้เป็นภาษาที่เราต้องการได้เลยทันที แต่น่าเสียดายที่ช่วงแรกที่ปล่อยออกมา Google รองรับเพียง 7 ภาษาเท่านั้นและไม่มีภาษาไทย มาจนถึงวันนี้ Google Translate อัพเดตใหม่รองรับภาษาไทยในการทำ Instant translate หรือ แปลสด แล้วครับ  Google ประกาศเรื่องอัพเดตใหม่ของ Google Translate เมื่อวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า Quote: “พวกเราเริ่มต้นเปิดความสามารถนี้ให้กับ 7 ภาษาคือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โปรตุเกส, รัสเซีย และสเปน มาวันนี้เราขอเพิ่มเข้าไปอีก 20 ภาษา โดยคุณสามารถแปลแบบไปกลับระหว่างภาษาอังกฤษ, บัลแกเรีย, คาตาลัน, โครเอเชีย, เช็ก, เดนิช, ดัตช์, ฟิลิปปินส์, ฟินแลนด์, ฮังการี, อินโดนีเซีย, ลิทัวเนีย, นอร์เวย์, โปแลนด์, โรมาเนีย, สโลวัก, สวีเดน, ตุรกี และยูเครน นอกจากนั้นคุณยังสามารถแปลแบบทางเดียวจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาฮินดีและภาษาไทยได้อีกด้วย (หรือถ่ายภาพนิ่งของตัวหนังสือแล้วเอามาแปลทีหลัง เราก็แปลได้ถึง 37 ภาษา)” จากการทดลองด้วยตัวเองพบว่า เมื่อเราอัพเดต Google Translate แล้วเข้าไปใช้งานเลือกภาษาเป็น English -> Thai เมื่อกดปุ่มกล้องแล้วจะมีข้อความแจ้งมาให้ download language pack เพิ่มอีกประมาณ 3MB จากนั้นก็ใช้งานได้เลยครับ เอากล้องไปส่งตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่ไหนก็ได้ แล้วมันจะถูกแทนที่ด้วยภาษาไทยทันที มหัศจรรย์มาก คือเข้าใจอารมณ์ของ “วุ้นแปลภาษา” ของวิเศษในโดราเอมอนเลยทีเดียว วิดีโอต่อไปนี้จะเป็นวีดีโอแนะนำอัพเดตของ Google Translate ที่ทำประกอบเพลง La Bamba...

Continue reading