การสร้างตารางนัดหมาย (Appointment Schedule) ใน Google Calendar ถือเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ไม่แพ้ฟังก์ชันอื่นเลยทีเดียว เพราะนอกจากการนัดประชุมด้วยการใช้ Finding Time แล้ว ฟังก์ชัน Appointment Schedule นี้จะช่วยให้คุณใช้งาน Google Calendar ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะคุณจะสามารถส่งตารางนัดหมายผ่านอีเมลของคุณให้ผู้รับได้เลือกเวลานัดที่ต้องการและทำการนัดหมายได้เลยทันทีนั่นเอง หากคุณต้องการใช้งาน Appointment Schedule อันดับแรกให้คุณสำรวจ Google Calendar ของคุณก่อนว่าฟังก์ชันนี้ได้แสดงอยู่บนปฏิทินอยู่แล้วหรือไม่ โดยคลิกไปที่ Create เลื่อนหาเมนู Appointment Schedule หากคุณยังไม่มี ให้คุณทำตามนี้ เปิด Google Calendar แล้วกดที่รูปฟันเฟืองด้านขวาบน เลือกตั้งค่า (Setting) จากนั้นแท็บด้านซ้ายจะปรากฏขึ้น ให้คุณเลือก Appointment Schedules(ในตั้งค่าจะมีS) กดเครื่องหมายถูกที่หัวข้อ Create appointment schedules instead of appointment slots เพียงแค่นี้คุณก็จะมีฟังก์ชัน Appointment Schedule แสดงอยู่บนหน้า Google Calendar ของคุณแล้ว ขั้นตอนต่อไปคุณจะต้องทำการสร้างตารางนัดหมายของคุณ มาดูวิธีกัน! วิธีสร้างตารางนัดหมาย (Appointment Schedule) ใน Google Calendar เมื่อคุณทำตามขั้นตอนด้านบนเรียบร้อยแล้ว ให้คุณกลับไปที่ Google Calendar หน้าหลัก จากนั้นกดวันที่วันใดก็ได้ เลือก Apppointment Schedule แล้วกด Set up the schedule หรืออีกวิธีหนึ่งคือกดปุ่ม Create ที่ด้านซ้ายบนจากหน้าหลักแล้วเลือกเมนู Appointment Schedule ก็ทำได้เช่นกัน จากนั้นคุณจะต้องตั้งค่า Appointment Schedule ซึ่งคุณสามารถดูรายละเอียดตามด้านล่างนี้ได้เลย สัญลักษณ์และฟังก์ชัน กดเครื่องหมาย ‘ห้าม’ เพื่อลบ Time slots ทั้งหมดสำหรับการนัดหมายในวันนั้น...
Continue readingPort Authority of Thailand The Ideator Hackathon Gen 2 2023 “แค่เข้าใจโครงสร้างก็สร้าง AppSheet ได้” by Demeter ICT
เมื่อวันที่ 16-17 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา Demeter ICT ได้รับเกียรติให้ดูแลและสนับสนุน “การท่าเรือแห่งประเทศไทย” ในการทรานฟอร์มธุรกิจให้สามารถพัฒนากระบวนการทำงานรูปแบบใหม่ด้วย AppSheet ก่อนอื่นหากใครที่ยังไม่รู้จัก AppSheet มาก่อน Demeter ICT ขอแนะนำ AppSheet กันสักเล็กน้อย AppSheet คือ แพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันแบบ No code หมายความว่าท่านสามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเลยสักบรรทัดนั่นเอง อย่างนั้นแล้วจะสร้างแอปได้อย่างไรล่ะ? ท่านสามารถสร้างแอปได้ด้วยการกำหนดข้อมูลและการกำหนด action ว่าต้องการให้แอปทำงานอย่างไร ไม่ต้องมีทักษะการเขียนโค้ด ด้วยไอเดียนี้เองจึงเกิดเป็นงาน The Ideator Hackathon Gen 2 2023 นี้ขึ้นเพื่อสนับสนุนให้บุคลากรของการท่าเรือแห่งประเทศไทยสามารถสร้างแอปเพื่อการทำงานได้ด้วยตนเอง โดยขั้นตอนกิจกรรมเริ่มจากการแบ่งกลุ่มสู่การแชร์ไอเดียเพื่อการพูดคุยถึงปัญหาของกระบวนการทำงานที่ใช้อยู่และปรึกษาแนวทางการแก้ไขด้วยแอปพลิเคชันร่วมกัน และตัวอย่างปัญหากระบวนการทำงานในปัจจุบันที่ผู้เข้าร่วมโครงการสรุปออกมาได้ เช่น ไม่สามารถเรียกดูข้อมูลในเวลาที่ต้องการได้ ใช้เวลาในการส่งต่อข้อมูลหรือตรวจสอบนาน และอื่น ๆ ซึ่งผู้เข้าร่วมจะต้องนำปัญหาเหล่านี้มาออกแบบ Workflow ใหม่ ออกแบบให้เป็นแอปพลิเคชันที่ตนต้องการ ซึ่งต้องสามารถแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปใช้ต่อได้จริง และเผยแพร่ให้กับบุคลากรในองค์กรได้ และในส่วนถัดไปเมื่อผู้เข้าร่วมเริ่มเข้าใจการทำงานของ Workflow ใหม่แล้ว ผู้เข้าร่วมจะต้องทำ List ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับ Workflow นั้นทั้งหมดเพื่อที่จะนำมาใช้งานและเชื่อมต่อกับส่วนต่าง ๆ ใน AppSheet เมื่อได้ลองทำแล้วจึงกลายมาเป็นแนวคิดที่ว่า “แค่เข้าใจโครงสร้างก็สามารถทำได้” แน่นอนว่าพอทุกคนเริ่มสร้างแอปพลิเคชันได้แล้ว จะต้องมีการแข่งขันสร้างแอปให้สมกับการเป็น Hackathon 2023 ซึ่งผู้ชนะจะเป็นใคร ติดตามได้ด้านล่างนี้! Demeter ICT ขอขอบคุณการท่าเรือที่ให้โอกาสและไว้วางใจให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราเข้าไปดูแลถึงการทรานฟอร์มธุรกิจด้วยการเริ่มใช้งาน AppSheet แพลตฟอร์มสร้างแอปที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ด งาน The Ideator Hackathon Gen 2 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “แค่เข้าใจโครงสร้างก็สามารถสร้างแอปของคุณได้จริง ๆ”...
Q&A จากงานสัมมนา Google Workspace Showcase: Generative AI & AppSheet
Generative AI/ Duet AI Duet AI ใช้โมเดล PaLM2 ตัวเดียวกันกับ Google Bard หรือไม่? ใช่ Duet AI ใช้โมเดล PaLM2 ตัวเดียวกันกับ Google Bard ข้อแตกต่างของ Duet AI เมื่อเทียบกับ Chat GPT หรือ Bard Chat GPT และ Bard เป็น Generative AI ที่มีการสอนด้วย Module คนละตัว ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะเหมาะกับการถามคำถาม ขอข้อมูล หรือขอไอเดีย ส่วน Duet AI ของ Google Workspace นั้นจะเหมาะกับงานในองค์กร ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถให้ AI ช่วยสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องเปิดเว็บไซต์อื่น เช่น เขียนจดหมายในอีเมล ร่างเอกสาร และอื่น ๆ วิธีการนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้กับแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวแบบดิจิทัล คำถามข้อนี้ค่อนข้างกว้าง อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม อย่างเช่น ความต้องการและ Pain point ของลูกค้า แต่หากเป็นไอเดีย Demeter ICT แนะนำว่าท่านสามารถใช้ Duet AI ในการช่วยสร้างคอนเทนต์สำหรับธุรกิจของท่านได้ อีกทั้งท่านยังสามารถใช้ AI ใน AppSheet ช่วยสร้างแอปพลิเคชันและช่วยวางแผนเที่ยวต่าง ๆ เพื่อนำเสนอต่อลูกค้าได้อีกด้วย หากต้องการให้ AI ช่วยประเมินจาก Data Sheets, Data Slides มาวาง Business Approach เพื่อ Specific Customer ทำได้ละเอียดได้แค่ไหน? หากท่านมีข้อมูลอยู่บน Google Sheets...
Continue readingสร้าง Template เอกสารได้ง่าย ๆ ด้วยฟังก์ชัน Variable ใน Google Docs
หากคุณต้องการสร้าง Template ใน Google Docs บอกเลยว่าวิธีต่อไปนี้ง่าย สะดวก และรวดเร็วที่สุด ! จากเดิมที่คุณต้องคอยพิมพ์ข้อความลงบนเอกสารแล้วเว้นช่องว่างไว้เพื่อเติมข้อมูล ซึ่งบางทีเนื้อหาในบริบทนั้นอาจมีความกำกวมอยู่เล็กน้อย ทำให้ข้อมูลที่ถูกเติมลงไปนั้นยังไม่ใช่คำตอบที่คุณต้องการซะทีเดียว และนี่แหละคือเหตุผลที่พาคุณมายังบทความนี้ มาทำความรู้จักฟังก์ชัน Variable ใน Google Docs กัน ฟังก์ชัน Variable สามารถ… ✅ จัดระเบียบหน้ากระดาษได้ ✅ กำหนดข้อมูลคำตอบได้อย่างแม่นยำ ✅ สร้าง Template สำหรับเอกสารภายในองค์กร จัดระเบียบหน้ากระดาษได้ กำหนดข้อมูลคำตอบได้อย่างแม่นยำ สร้าง Template สำหรับเอกสารภายในองค์กร ชื่อ Variable นี้อาจจะฟังดูยาก แต่เราขอท้าให้คุณลองทำไปพร้อม ๆ กับเรา แล้วจะรู้ว่าประโยชน์ของ Variable นั้นมีมากมาย มากกว่าที่ระบุไว้เสียอีก ! หากพร้อมแล้ว ไปสร้าง Templates ด้วย Variable ใน Google Docs กันเลย ! สร้าง Templates ใน Google Docs คุณต้อง… เปิด Google Docs สร้างเอกสารฉบับใหม่ พิมพ์เนื้อหาที่คุณต้องการสร้าง Templates ลงบนเอกสาร เช่น จดหมายขออนุมัติเบิกหรือจดหมายลา เป็นต้น จากนั้นเมื่อมีส่วนใดที่คุณต้องการเว้นช่องว่างไว้ให้ผู้กรอกข้อมูลเติมข้อมูลลงไป ให้คุณหยุดพิมพ์ก่อนแล้วอ่านต่อที่ข้อถัดไป สำหรับส่วนที่คุณต้องการเว้นไว้เพื่อกรอกข้อมูล ให้คุณพิมพ์ @ เลือก Variable 4. จากนั้นคุณจะต้องตั้งชื่อ Variable ซึ่งตรงนี้เราจะยกตัวอย่างเป็น ‘ชื่อและนามสกุล’ 5. เมื่อคุณคลิกสร้างเรียบร้อยแล้ว จะมีหน้าต่างด้านขวาปรากฏขึ้นดังรูปภาพด้านล่าง ซึ่งคุณสามารถแก้ไข ลบ และแทรกลงบนเอกสารเพื่อนำเข้า Variable ในจดหมายของคุณได้ตลอดเวลา 6....
Continue readingGenerative AI คืออะไร ? ทำอะไรได้บ้าง ?
Generative AI คืออะไร ? Generative AI คือ แขนงหนึ่งของ Artificial Intelligence (AI) ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เสียง ข้อความ โมเดลสามมิติ และอื่น ๆ ตัวอย่างที่คุณสามารถเห็นได้ชัดคือ ChatGPT แน่นอนว่า 90% ของคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ คงเคยใช้งาน ChatGPT กันมาบ้างแล้ว และคงทราบวิธีการทำงานของ ChatGPT ว่าเป็น AI ที่สามารถตอบคำถามหรือให้ข้อมูลต่าง ๆ ได้เพียงแค่คุณพิมพ์ (Input) สิ่งที่คุณต้องการลงไปในระบบ จากนั้น Generative AI ใน ChatGPT ก็จะทำงานโดยการประมวลผลจากข้อมูลที่มีอยู่มาสร้างสรรค์เป็นคำตอบให้คุณได้เลยทันที หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ Google Workspace ที่ไม่นานมานี้ Google ก็ได้ประกาศออกมาว่า จะมีการนำ Generative AI มาช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการทำงานให้ผู้ใช้บริการสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดียิ่งขึ้น เช่น การใช้ Generative AI ช่วยสร้างเอกสารและสร้างสไลด์นำเสนองานได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น จะเห็นได้ว่าตอนนี้หลายธุรกิจเริ่มมีการนำ Generative AI เข้ามาใช้งานกันแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่า Generative AI จะไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาแล้วหายไปแต่อย่างใด แต่ Generative AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ผลักดันธุรกิจให้สามารถก้าวหน้าไปอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นองค์กรใดที่นำ Generative AI เข้ามาปรับใช้จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้เร็วกว่าคู่แข่งอื่นในท้องตลาดอย่างแน่นอน Generative AI ทำอะไรได้บ้าง ? 1. ช่วยแนะนำไอเดียและสร้างสรรค์เนื้อหาที่แปลกใหม่ หากคุณเป็นสายคอนเทนต์ต้องบอกเลยว่า Generative AI นี้เกิดมาเพื่อคุณเลยนะ ! อย่าเข้าใจผิดว่า Generative AI จะมาแทนที่คุณได้ แต่ Generative AI จะมาช่วยสร้างสรรค์ผลงานของคุณให้ดียิ่งขึ้นต่างหาก เพราะเวลาใดที่คุณนึกไอเดียเกี่ยวกับงานไม่ออกหรือไม่รู้ว่าจะเริ่มโปรเจกต์อย่างไรและตรงไหนดี คุณสามารถใช้ Generative AI...
Continue readingGoogle Workspace Showcase: Generative AI & AppSheet โซลูชันอัจฉริยะพลิกโฉมโลกธุรกิจ
งานสัมมนาเปิดตัว Google Workspace Generative AI ครั้งแรกในประเทศไทย 20 กันยายน 23 l 13.30 – 17.00 น. Showcase: Generative AI & AppSheet โซลูชันอัจฉริยะพลิกโฉมโลกธุรกิจ หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มเพื่อการทำงานที่ตอบโจทย์ครบทุกโซลูชันด้วย AI บอกเลยว่าปีนี้เป็นปีแห่ง Generative AI เทคโนโลยีที่สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและแน่นอนที่สุด! “มาร่วมทำความรู้จัก Generative AI สู่ Duet AI ใน Google Workspace งานสัมมนาเปิดตัว AI ของ Google Workspace ครั้งแรกในประเทศไทย” พร้อมทั้งต่อยอดการทำงานให้ล้ำขึ้นไปอีกขั้นด้วย AppSheet แอปพลิเคชันไร้โค้ดจาก Google มาช่วยทรานฟอร์มธุรกิจให้สามารถทำงานได้อย่างอัจฉริยะและอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ลงทะเบียนขอสิทธิ์เข้าร่วมงานได้เลย ! งานสัมมนาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์เข้าร่วมงาน SPEAKERS WarissaraChawalitsoonthorn Customer Engineer, Google Cloud, Thailand Chutimon Phattaraworadech Google Workspace Solutions Consultant Anucha Jaemjaeng AVP, Google Business Change Consultant KanjawanPayakkat AppSheet Engineer PariyaMeeros AppSheet Specialist PrawfaPhermpoonboon AVP, Sales (Google Cloud Solutions) AGENDA 13.30 – 14.00 น. Register 14.00 – 14.25 น. Introduction to Google Workspace Generative AI ...
Continue reading3 เหตุผลที่ไม่ควรใช้อีเมลส่วนตัวในการทำงาน ”แทน” อีเมลบริษัท
การทำงานด้วยอีเมลส่วนตัวเป็นทางเลือกหนึ่งของหลาย ๆ บริษัทที่ให้พนักงานได้ใช้ช่องทางของตัวเองสำหรับการทำงานในแต่ละวัน ถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะให้ความสะดวกและสามารถลดต้นทุนได้ในระยะสั้น แต่หารู้ไม่ว่าการใช้อีเมลส่วนตัวในการทำงานนั้นสามารถส่งผลเสียระยะยาวต่อบริษัทได้เลย ซึ่งหากปล่อยไว้จนบานปลายก็คงไม่ดีเท่าไหร่นักหากจะต้องมารื้อระบบการทำงานในภายภาคหน้า ดังนั้นเพื่อเป็นการเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันให้บริษัทก่อนจะสายเกินแก้ เราจึงได้คัดเลือก 3 เหตุผลหลักที่คุณไม่ควรใช้อีเมลส่วนตัวทำงานแทนอีเมลบริษัท เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มก่อตั้งบริษัทหรือกำลังใช้อีเมลแบบส่วนตัวอยู่ ให้เห็นภาพและทำความเข้าใจข้อจำกัดในการทำงานด้วยอีเมลแบบส่วนตัวมากขึ้นว่าส่งผลเสียต่อบริษัทอย่างไรบ้าง 1. อีเมลไม่มีความน่าเชื่อถือ ดูเหมือนมิจฉาชีพ ในฐานะผู้รับหากคุณได้รับอีเมลจาก AAA@gmail.com / BBB@hotmail.com หรือ CCC@yahoo.com คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าอีเมลนี้คืออีเมลจากคนในบริษัทที่คุณต้องการจะติดต่อจริง ๆ ? และอีเมลนี้ถูกส่งมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ ? ปลอดภัยที่จะเปิดเข้าไปอ่านมากแค่ไหน ? กว่าจะได้เปิดอีเมลต้องคิดวนไปวนมาอยู่หลายครั้งเลยใช่ไหมล่ะ ? ว่าจะอันตรายไหม จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนในยุคที่มิจฉาชีพทางไซเบอร์ระบาดหนักขนาดนี้ และในกรณีที่คุณเป็นผู้ส่งเอง คุณอาจจะไม่ได้รับการติดต่อกลับจากคนที่คุณต้องการก็ได้เช่นกัน เนื่องจากอีเมลส่วนตัวของคุณเข้าข่ายเป็นอีเมลที่ไม่น่าเชื่อถือมากพอสำหรับการติดต่องานของบริษัท ทำให้คุณดูเหมือนมิจฉาชีพถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ก็ตาม ดังนั้นเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือคุณจึงควรใช้อีเมลสำหรับบริษัท (@company.co.th / .com) สำหรับการติดต่องานของบริษัทจึงจะเป็นวิธีที่เหมาะสมมากที่สุด 2. บริษัทไม่สามารถควบคุมและตรวจสอบข้อมูลได้ ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องของข้อมูลและความปลอดภัย เนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยเรามี พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า PDPA ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบับนี้เป็นกฎหมายคอยปกป้องข้อมูลไม่ให้รั่วไหลออกไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต หากคุณใช้อีเมลสำหรับบริษัท คุณจะสามารถตั้งค่าและตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ เช่น การแชร์ข้อมูลต้องห้ามออกนอกบริษัท เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลหรือการถูกโจรกรรมข้อมูล ซึ่งหากใครที่มีการใช้งานบัญชีอีเมลบริษัทของ Google Workspace จะไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้เลย เพราะ Google นั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก แต่หากคุณใช้อีเมลส่วนตัวล่ะก็ คุณจะไม่มี Admin Console เหมือนกับอีเมลบริษัท ดังนั้นหากพนักงานคนไหนส่งข้อมูลอะไรออกไป คุณจะไม่สามารถควบคุมและตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ออกไปได้นั่นเอง 3. พนักงานลาออก = ข้อมูลบริษัทหาย เมื่อพนักงานใช้อีเมลส่วนตัวในการติดต่องาน นั่นก็หมายความว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกรับ-ส่ง ก็จะถูกเก็บไว้ใน Drive ส่วนตัวของพนักงานคนนั้นเช่นกัน ดังนั้นแล้วหากพนักงานคนใดคนหนึ่งลาออก ข้อมูลทั้งหมดนั้นจะไม่ถูกโอนมายังบริษัทแต่อย่างใด หรือหากโอนย้ายจาก Drive มาได้ คุณก็จะไม่ใช่เจ้าของข้อมูลนั้นอยู่ดี ทำให้เวลาที่คุณจะเข้าไปตั้งค่าหรือเข้าไปใช้งานอาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก ตัวอย่างเช่น พนักงาน A ต้องการจะลาออก จึงได้แชร์ไฟล์ทั้งหมดที่ตนมีให้บริษัท ซึ่งพนักงานคนอื่น...
Continue readingธุรกิจ SMB ใช้ Google Workspace อย่างไรให้ปัง!
ธุรกิจขนาดเล็ก (SMB) ไม่จำเป็นต้องมีการทำงานที่เป็นระบบมากก็ได้ ทำเท่าที่ทำได้ก็พอ ความคิดนี้อาจไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะหากวางแผนการใหญ่ การทำให้ลูกค้าพอใจด้วยระบบการทำงานที่ง่ายทั้งต่อลูกค้าและองค์กรเองนั้นก็สำคัญนะ มาเช็กกันหน่อยว่าขณะนี้คุณกำลังทำงานแบบนี้อยู่หรือไม่ ? ส่งอีเมลสำหรับข้อความที่เป็นทางการหรือต้องการหลักฐานยืนยันเท่านั้น นัดประชุมหรือนัดพบลูกค้าด้วยโทรศัพท์ ใช้หลายแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มในการติดต่อประสานงาน จาก Checklist นี้จะเห็นว่าคุณต้องใช้ถึง 3 ช่องทางในการดำเนินงาน 1 งาน ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนได้ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้ธุรกิจ SMB หันมาใช้การสื่อสารจากช่องทางเดียวกันด้วยฟังก์ชันจาก Google Workspace เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณมีการทำงานที่ง่ายมากขึ้น สามารถติดต่อลูกค้าได้ครอบคลุมด้วยแพลตฟอร์มเดียว ฟังก์ชันที่ว่านี้ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย ! 3 ฟังก์ชันจาก Google Workspace แนะนำสำหรับธุรกิจ SMB 1. นัดหมายด้วย Appointment Schedule จาก Google Calendar ก่อนหน้านี้ฟังก์ชัน Appointment Schedule นั้นมีไว้สำหรับผู้ใช้บริการ Google Workspace Individual เท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นบัญชีฟรีหรือใช้บริการแพ็กเกจสำหรับองค์กรก็สามารถใช้ฟังก์ชันนี้ได้แล้ว โดยคุณสามารถสร้างหน้าเพจสำหรับการนัดหมายได้ โดยไปที่ Google Calendar คลิกวันที่ใดก็ได้ เลือก Appointment Schedule กด Set up the schedule จากนั้นก็ตั้งค่าต่าง ๆ ได้เลย เช่น ชื่อหน้า booking เวลาที่เปิดให้นัดหมาย เวลาต่อรอบนัดหมาย และอื่น โดยคุณสามารถแชร์หน้า Booking ให้กับลูกค้าของคุณได้ 2 ช่องทาง คือ Google Calendar: ลูกค้าสามารถเปิดปฏิทินของคุณแล้วเลือกเวลาที่ต้องการนัดหมายได้เลย Gmail: คุณสามารถส่งลิงก์ให้ลูกค้าจองตารางนัดหมายได้โดยไปที่ Appointment Schedule กดปุ่ม Share สำหรับฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น การสร้างหน้าการนัดหมายแบบไม่จำกัด การส่งแจ้งเตือนการนัดหมายแบบอัตโนมัติ การเช็กดูตารางว่างจากปฏิทินหลายฉบับ หรือการตรวจสอบตัวตนของผู้นัดหมาย เป็นต้น คุณสามารถเลือกดูแพ็กเกจของ Google...
Continue readingAppSheet VS Google Forms เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ? คุ้มค่าไหมหากจะซื้อ AppSheet ?
หากคุณเคยเห็น AppSheet หรือเคยใช้งาน AppSheet กันมาบ้างแล้ว คุณจะทราบว่าเจ้าตัว AppSheet เนี่ยมีการทำงานคล้าย Google Forms เลย คือการสร้างฟอร์มขึ้นมาเพื่อเก็บหรือนำเข้าข้อมูล และด้วยความเหมือนที่ว่านี้เองอาจจะทำให้คุณไม่เห็นถึงการนำไปใช้งานจริงของ AppSheet กันมากนัก ซึ่งหากจะพูดตามความเป็นจริงในฐานะผู้ที่ได้ทดลองใช้งานมาแล้ว ต้องบอกเลยว่ามีทั้งส่วนที่เหมือนและส่วนที่แตกต่างในเรื่องของการนำไปใช้งานและการตั้งค่าเชิงลึกต่าง ๆ ดังนั้นบทความนี้จะช่วยให้คุณได้ทำความรู้จัก AppSheet มากขึ้นว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง มีความเหมือนและแตกต่างกับ Google Forms อย่างไร เปรียบเทียบกันชัด ๆ ไปเลย ! Google Forms ทำอะไรได้บ้าง ? สร้างฟอร์มแบบสอบถาม เก็บข้อมูล และอื่น ๆ สามารถดูผลลัพธ์ใน Google Forms และใน Google Sheets ได้ (Google Forms → Google Sheets) ตกแต่งได้ เช่น สี ฟอนต์ และภาพหน้าปก AppSheet ทำอะไรได้บ้าง ? สร้างแอปในรูปแบบของฟอร์มนำเข้าข้อมูลได้ โดยการนำข้อมูลจาก Google Sheets มาใช้งานเพื่อกำหนดเป็นหัวข้อและใช้เพื่อเก็บข้อมูล (Google Sheets → AppSheet) สามารถกำหนดฟังก์ชันเองได้ (ภาษา AppSheet เรียกว่า Action) เช่น ส่งแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อมีคนส่งฟอร์มเข้ามา หรือการส่งฟอร์มขอ Approvals ไปยังหัวหน้างาน สามารถสแกน Barcode, QR code, OCR และอื่น ๆ สามารถออกแบบ Workflow ให้เข้ากับการทำงานของแต่ละแผนกได้ สามารถคำนวณให้ได้แบบอัตโนมัติ สามารถตั้งค่าการแสดงผลบนหน้าแอปได้ เช่น ข้อมูลที่ต้องการและรูปแบบการแสดงผล สร้าง Chatbot ได้ ตกแต่งได้ เช่น ธีมของแอป ฟอนต์ ไอคอน โลโก้...
Continue reading