เปิดเคล็ดลับ Work From Home อย่างไร? Stay Connected ดี Work-Life Balance เยี่ยม

ทราบหรือไม่? หลังจากวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมาถึงสองปีนี้ จากการสำรวจพบว่ามี 83% ขององค์กรที่คิดว่าตนประสบความสำเร็จในการทำงานแบบรีโมทหรือทำงานทางไกล 99% ของพนักงานอยากที่จะ Work From Home อย่างน้อยตามโอกาสบางครั้งหรือตลอดชีวิต และ 68% ขององค์กรที่คิดว่าการทำงานทางไกลยิ่งผ่านไปก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายขึ้น ถึงขั้นที่ว่ามี 26.7% ที่เชื่อว่าแม้ในปีหน้าทีมก็จะยังทำงานทางไกลแบบเต็มเวลาอยู่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการ Work From Home ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งความปกติในช่วงเวลานี้ไปแล้ว กระทั่งในอนาคตข้างหน้าเองมันก็จะยังไม่หายไปไหน หากแต่ในขณะเดียวกันการทำงานทางไกลก็ใช่จะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ในบทความนี้ เราจะมาดูข้อดี-ข้อเสียของ Work From Home รวมถึงข้อแนะนำจาก Zendesk ในการแก้อุปสรรคที่ว่านี้กัน ข้อดีของ Work From Home 1. ให้ความยืดหยุ่น จากการสำรวจของ Buffer พบว่า ในบรรดาผลประโยชน์ทั้งหมดของ Work From Home หัวข้อที่พนักงานลงความเห็นว่าเป็นข้อดีสูงที่สุดก็คือความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดสรรเวลาหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ การทำงานทางไกล (Remote Working) หรือการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ช่วยให้พนักงานมีเวลาทำสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าทำผม ออกไปฝ่าการจราจรที่ติดขัดยามเช้าและยังสามารถจัดสรรสภาพแวดล้อมตอนทำงานได้ตามใจ อาจจะเปิดเพลงขณะทำงานคลอตามไปด้วยหรือตอบอีเมลทั้งที่มีแมวนอนบนตักก็สามารถทำได้ ในส่วนขององค์กรเองก็ได้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นจากการทำงานทางไกลเช่นกัน เมื่อมีความยืดหยุ่นด้านการจัดสรรเวลามากขึ้น พนักงานก็มีแนวโน้มจะมีสมาธิในการทำงานในช่วงเวลาที่ตนถนัดมากที่สุด จากการวิจัยของ Prodoscore ยังพบว่าพนักงานจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในวันอังคาร พุธ พฤหัส ตามลำดับ 2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ Prodoscore ยังสรุปผลการวิจัยได้อีกว่าพนักงานที่ทำงานทางไกล มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าที่ทำตอนอยู่ในออฟฟิศเสียอีก ข้อสรุปนี้สอดคล้องกับผลการสำรวจของ Airtasker ที่ว่าพนักงานสามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ยถึง 8.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จากการเดินทางไปบริษัท และพนักงานที่ทำงานทางไกลจะทำงานมากกว่าพนักงานที่ประจำอยู่ออฟฟิศเฉลี่ย 1.4 วันต่อเดือน หรือกล่าวได้ว่าพนักงานที่ทำงานทางไกล มีแนวโน้มจะประหยัดเวลาที่ใช้เดินทางมาใช้ในการทำงานให้ได้นานมากยิ่งขึ้น การทำงานทางไกลยังช่วยลดข้อขัดแย้งของพนักงานในบริษัทและช่วยให้พนักงานฟุ้งซ่านน้อยลงได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาของ UC Irvine พบว่าพนักงานมักใช้เวลาเฉลี่ย 23 นาที 15 วินาที หลังถูกทำให้เสียสมาธิ ในการกลับมาโฟกัสที่งานอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น จากรายงานของ...

Continue reading

Live Chat VS Phone Support แบบไหนที่ใช่ ในการบริการลูกค้า?

ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกค้ามีทางเลือกในการติดต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น การเพิ่มช่องทางติดต่อหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแอปโซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ อีเมล ไลฟ์แชท ต่างให้ความสะดวกในรูปแบบที่ต่างกันแก่ลูกค้า จากบรรดาทุกช่องทางนั้น ไลฟ์แชทกับโทรศัพท์ถือเป็นทางเลือกที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้รวดเร็วมากที่สุด  ทว่า ทั้งไลฟ์แชทกับโทรศัพท์ก็มีรูปแบบการบริการที่ต่างกันอยู่มาก หากไม่ระวังให้ดี แทนที่จะได้ประโยชน์ก็อาจกลายเป็นติดลบได้ ความแตกต่างที่ว่านั้นคืออะไร อะไรคือข้อดีข้อเสียของสองระบบนี้ แล้วแบบไหนที่ควรเลือก ในบทความนี้ เราจะมาหาคำตอบกัน Live Chat คืออะไร? Live Chat เป็นช่องทางให้ลูกค้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ทันทีไม่ว่าจะทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน หน้าต่างไลฟ์แชทสามารถตั้งค่าให้เด้งขึ้นมาเผื่อลูกค้ามีข้อสงสัยอยากจะสอบถาม หรือเป็นทางเลือกให้ลูกค้าติดต่อไปด้วยตนเองได้ตามต้องการ  จากรายงาน Customer Experience Trends 2021 ของ Zendesk พบว่าในภาวะวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา Tickets ในช่องทาง Live Chat เพิ่มสูงขึ้นเกือบจะถึง 50% กล่าวได้ว่า 25% ของลูกค้าได้หันมาใช้ช่องทาง Live Chat มากขึ้น เหตุผลสำคัญคือ Live Chat ร่วมกับ AI Chatbot ทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมงตลอดเวลา  Chatbot อย่าง Zendesk Answer Bot สามารถตอบกลับลูกค้าได้อัตโนมัติแม้นอกเวลาทำการ แก้ปัญหาสามัญต่าง ๆ หรือแม้แต่เปิดเป็น Ticket เพื่อให้เจ้าหน้าที่มารับช่วงต่อได้ ข้อดี-ข้อเสียของ Live Chat ข้อดี มอบการตอบกลับเชิงรุก ทำงานครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่สามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าหลายคนในเวลาเดียวกัน ปรับขยายฟังก์ชันเพิ่มเติมตามธุรกิจได้ วิเคราะห์ข้อมูลจากแชทของลูกค้าได้ง่าย ข้อเสีย  อาจให้ความรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวนัก  แก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนยาก  ลูกค้าอาจเลือกจะกดปิดทิ้งถ้าเจ้าหน้าที่ตอบกลับช้า หรือถ้ารู้สึกว่ากำลังคุยกับแชทบอท แล้ว Phone Support คืออะไร? แต่ไหนแต่ไรการซัพพอร์ตลูกค้าทางโทรศัพท์ถือเป็นของตายที่ต้องมีทุกบริษัท แม้ปัจจุบันจะมีช่องทางติดต่อที่หลากหลายมากขึ้นให้ลูกค้าเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นการแชทหรือการส่งข้อความ สำหรับลูกค้าระบบบริการทางโทรศัพท์ก็ยังคงเป็นตัวเลือกยอดฮิตและคาดหวังว่าจะได้รับการตอบกลับได้เร็วที่สุดอยู่ดี 62% ของลูกค้าเห็นตรงกันว่าช่องทางแก้ปัญหาที่ชอบที่สุดก็คือทางโทรศัพท์ ทว่าแม้จะเป็นทางเลือกยอดฮิต หากเทียบกับแนวโน้มหลายปีที่ผ่านมาการซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าเมื่อก่อนนัก ข้อดี-ข้อเสียของ Phone Support ข้อดี ให้การบริการที่เป็นส่วนตัวแก่ลูกค้า...

Continue reading

Customer Experience Trends 2021 ปรับให้ทัน ก่อนตกยุค

ไม่เพียงแต่โควิด19 จะเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต ไลฟ์สไตล์ หรือการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของเราเท่านั้น ภาวะทางเศรษฐกิจหรือแม้แต่การเข้าสังคมที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงคุณค่าของตัวเองมากขึ้น ความคาดหวังที่มีต่อฝ่ายบริการก็เพิ่มพูนมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน Zendesk บริษัท Customer Service Software ที่โด่งดังเรื่องการสร้าง Customer Experience จึงได้ทำการสำรวจลูกค้า เจ้าหน้าที่ หัวหน้าฝ่ายบริการลูกค้าและผู้จัดซื้อเทคโนโลยีกว่า 90,000 องค์กร จากทั้งหมด 175 ประเทศทั่วโลก นำมาสรุปเป็นเทรนด์ประสบการณ์ลูกค้าสำหรับปี 2021  ผลสำรวจได้ความว่าอะไรบ้าง มาดูกัน TREND 1 : Spotlight on CX วิกฤตไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกกลายเป็นตัวเร่งให้ลูกค้าหันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากรายงานของ Mckinsey พบว่ายอดขายอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นถึง 30% ลูกค้าคาดหวังการบริการที่ดีกว่ามาตรฐานเดิมที่เคยเป็นมา 80% ของลูกค้าเห็นด้วยว่าจะเปลี่ยนไปใช้บริษัทคู่แข่งทันทีที่ได้รับประสบการณ์ย่ำแย่แม้เพียงครั้งเดียว 65% ต้องการซื้อสินค้าจากบริษัทที่เสนอธุรกรรมออนไลน์ที่สะดวกรวดเร็ว 75% ยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถ้าบริษัทเสนอ CX ที่ดี TREND 2 : A more conversational world เทียบกับช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการโทรหรืออีเมลแล้ว Messaging เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าประมาณการณ์ผู้ใช้งานต่อเดือนทั้งหมดทั่วโลกได้ถึง 2.77 พันล้านคนเลยทีเดียว ลูกค้าหลายคนเลือกติดต่อกับบริษัทผ่าน Messaging ในเว็บไซต์หรือในแอป แต่แอปส่งข้อความในโซเชียลมีเดียก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน คำร้องของลูกค้าที่เข้ามาทางแอปอย่าง WhatsApp หรือใน Facebook Messenger ทะยานสูงในช่วงวิกฤตไวรัสระบาดนี้ 64% ของลูกค้าเริ่มมองหาและใช้ช่องทางบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากขึ้น 45% เลือกใช้งานระบบ Messaging บนหน้าเว็บไซต์ เช่น Live Chat 31% เลือกส่งข้อความผ่านแอปโซเชียลมีเดีย TREND 3 : Emphasis on agility เมื่อต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการเองก็ต้องหาหนทางปรับให้รับกับความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้า ระบบซัพพอร์ตที่ยืดหยุ่น บริการที่รวดเร็วฉับไวถือเป็นอีกกุญแจสำคัญที่ขาดไม่ได้ 85% ของเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่าโควิด19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านการบริการลูกค้า กว่า 60% ของเจ้าหน้าที่มองว่าการบริการที่รวดเร็วเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด...

Continue reading

SaaS (Software as a Service) คืออะไร? ทำไมใคร ๆ ก็ใช้ SaaS?

เชื่อว่าหลายคนที่ติดตามข่าวสารเทรนด์ธุรกิจหรือแม้แต่คนทั่วไปในชีวิตประจำวันเองคงจะได้ยินคำว่า ‘SaaS’ หรือ ‘Software as a Service’ มาบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่เร่งให้หลายองค์กรต้องปรับตัวเพื่อรองรับการทำงานทางไกลมากขึ้น SaaS ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีปริมาณความต้องการสูงขึ้นมาก  โลกยุคดิจิทัล หันไปทางไหนใคร ๆ ก็ใช้ SaaS ทว่า SaaS แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ สำคัญมากแค่ไหนยังคงเป็นเรื่องที่หลายคนตั้งคำถาม ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาคลายข้อสงสัยนี้กัน SaaS คืออะไร? SaaS หรือ Software as a Service แปลตรงตัวได้ว่า การให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ ในที่นี้คือการให้บริการระบบซอฟต์แวร์รูปแบบหนึ่งที่ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันในอีกนามว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบ Cloud นั่นเอง ตัวอย่างของ SaaS ที่คุ้นเคยกันดีก็อย่างเช่นอีเมล ที่เราสามารถเชื่อมต่อเน็ตแล้วคลิกเข้าไปรับส่งอีเมลได้เลยโดยไม่ต้องโหลดโปรแกรม หากขยับการใช้งานให้หลากหลายมากขึ้นก็จะพบ Dropbox, Google Workspace, Zendesk ที่ล้วนเป็น SaaS ที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน  ข้อได้เปรียบของ SaaS ที่แตกต่างจากการใช้งานเดิม ๆ ก็คือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องลงทุนในการซื้อ Hardware เช่น Server หรือ Harddisk เพื่อใช้ในการประมวลผล จัดเก็บข้อมูลเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องคอย Backup อัปเกรดระบบหรือพัฒนาระบบเอง เพราะทุกข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้โดยผู้ให้บริการผ่านระบบ Cloud ลักษณะของการซื้อซอฟต์แวร์ SaaS จึงอยู่ในรูปแบบของการซื้อ License คล้ายกับการเช่าใช้ โดยคิดค่าบริการตามลักษณะการใช้งานจริง เช่น จำนวนผู้ใช้งาน ระยะเวลาการใช้ ซึ่งถือว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการติดตั้งและดูแลระบบไปได้มหาศาล เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะมาแตกแยกกันไปทีละข้อกันว่า SaaS มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง คุ้มค่าแค่ไหนที่จะลงทุน ข้อดีของ SaaS ใช้ต้นทุนต่ำ เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการติดตั้งบำรุงรักษา อัปเดตระบบ หรือการจัดเก็บข้อมูล สามารถใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลาเพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต SaaS ไม่จำกัดประเภทของคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะใช้ Window หรือ Mac ก็สามารถใช้งานได้ หรือใช้งานผ่านอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น...

Continue reading

Zendesk Sell เครื่องมือขาย เพื่อฝ่ายขาย ที่ตอบโจทย์ ‘มากกว่า’ การขาย

หากว่าคุณเป็นพนักงานขายที่กำลังหัวหมุนอยู่กับการจดข้อมูลลูกค้าล่ะก็ ‘เราเข้าใจคุณ’ หากว่าคุณเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่ไม่รู้จะอัปเดต Sales Pipeline ของพนักงานคนอื่นอย่างไร ‘เราก็เข้าใจคุณเหมือนกัน’ และหากว่าคุณกำลังอ่านบรรทัดนี้ด้วยความต้องการที่จะตามหาเครื่องมืออะไรสักอย่างให้เรื่องยุ่งยากทั้งหมดมันง่ายขึ้นล่ะก็ ‘คุณมาถูกทางแล้ว’ จากแบบสำรวจ 80% ขององค์กรทั้งหมด เห็นตรงกันว่า Zendesk Sell ทำให้ฝ่ายขายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนี่ก็คือเหตุผลใน 4 มุมมองว่าทำไมองค์กรของคุณถึงต้องใช้ Zendesk Sell ?Zendesk Sell รวมทุกอย่างที่พนักงานขายต้องการ ขึ้นชื่อว่าพนักงานขายก็หัวหมุนพออยู่แล้ว ไหนลูกค้าจะโทรเข้ามา ไหนจะจดบันทึก ไหนจะส่งอีเมล กว่าจะปิดดีลได้ก็ไม่รู้ว่าเผลอละเลยใครไปบ้างหรือเปล่า  หมดยุคที่พนักงานขายจะต้องจดบันทึกลงสมุดโน๊ตที่แสนจะเสี่ยงต่อการทำข้อมูลสูญหายทั้งยังเหนื่อยอย่างไม่จำเป็น ระบบของ Zendesk Sell ให้พนักงานขายสามารถทำงานร่วมกันในหน้าแพลตฟอร์มเดียวแบบเรียลไทม์ ช่วยซัพพอร์ตพนักงานขายอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหน้าข้อมูลลูกค้าที่จัดระเบียบได้ทั้งหมดว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร นอกจากเรื่องจัดเก็บข้อมูลแล้ว Zendesk Sell ก็ช่วยลดงานที่ไม่จำเป็นได้มหาศาล พนักงานขายไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอไปมาระหว่าง CRM กับ Inbox เลยแม้แต่น้อย เพียงกดซิงค์อีเมลก็รับส่งอีเมลจาก Zendesk Sell ได้เลย พร้อม Tracking จำนวนครั้งที่ลูกค้าเปิดหรือคลิกอีเมลเสร็จสรรพ ในเรื่องของการนัดหมายก็ทำได้ง่ายแสนง่าย ติดตั้งแอปพลิเคชัน Zendesk Sell ลงโทรศัพท์มือถือเพื่อเข้า Google Map ไปหาลูกค้าได้ทันใจ หรือหากต้องการโทรสายหาก็เพียงกดคลิกเดียวจบก็ทำได้แล้ว ไร้กังวลว่าต้องมาคอยรายงานหัวหน้าหรือจดบันทึกไม่ทัน เพราะ Zendesk Sell ช่วยลดการซ้ำซ้อนในการบันทึกข้อมูล ทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้แม้ในโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ ‘86% ของพนักงานยขาย ใช้เวลากับงานซ้ำซ้อนน้อยลงเพราะ Zendesk Sell’ ?Zendesk Sell ทำให้หัวหน้าเห็นภาพรวมทุกอย่าง เพราะเป็นหัวหน้า พนักงานขายดีลกับลูกค้าถึงไหน วัน ๆ หนึ่งคุยกับใครบ้าง ไปที่ไหน หรือแม้แต่จะประมาณการณ์ยอดขายอย่างไรย่อมเป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ ถึงอย่างนั้นการจะอัปเดตสถานะการขายกลับเป็นเรื่องยาก Sales Stage ของพนักงานแต่ละคนกลับไม่มีมาตรฐานตรงกันเสียเลย จะออกรีพอร์ตก็ยากไปหมด Zendesk Sell ทำให้ทุกคนในฝ่ายร่วมกันกำหนด Sales Pipeline เป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมระบุตัวเลขระดับขั้นของ Sales Stage ให้ดูได้ง่าย...

Continue reading

Zendesk แจ้งปรับแพ็กเกจใหม่ ไฉไลกว่าเดิม!

Zendesk ปรับแพ็กเกจใหม่ นำเสนอโซลูชันการบริการแบบครบวงจร รวมทุกอย่างที่ต้องใช้ในการมอบประสบการณ์สนทนากับลูกค้า โดยจำแนกเป็น Zendesk สำหรับบริการและ Zendesk สำหรับการขาย ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวจะมีผลสามารถใช้ได้ทันทีนับตั้งแต่วันนี้ แล้วแพ็กเกจใหม่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาดูกัน Zendesk สำหรับการบริการหรือ Zendesk Suite Zendesk Suite เป็นแพ็กเกจที่รวมทุกสิ่งที่ธุรกิจต้องการเพื่อการบริการลูกค้าไม่ว่าจะเป็น Messaging, Analytics, Community forums, Collaboration และอย่างอื่นอีกมากมาย รวมครบจบไว้ในแพ็กเกจเดียว Zendesk Suite เป็นแพ็กเกจที่ผ่านกระบวนการออกแบบด้วยแนวคิดถึงความเรียบง่าย และให้ความมั่นใจว่าธุรกิจจะสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีเพื่อตอบรับความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด Zendesk Suite แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 แผนตามระดับการใช้งาน ได้แก่ Suite Team Suite Growth Suite Professional Suite Enterprise คลิกเพื่อดูรายละเอียดเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ ได้ที่นี่ Zendesk สำหรับการขายหรือ Zendesk Sell แพ็กเกจ Zendesk ที่รวบรวมฟังก์ชันระบบ Sales CRM เพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการขาย ติดตาม Pipeline และดีลของลูกค้าได้ง่าย ไม่สะดุด ตอบโจทย์สำหรับฝ่ายขายโดยเฉพาะ Zendesk สำหรับการขายมีทั้งหมด 4 แผน ได้แก่ Sell Team Sell Professional Sell Enterprise Sell Elite สามารถดูรายละเอียดเพื่อเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ ได้ที่นี่เลย FAQs รวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบ 1. แพ็กเกจใหม่นี้ส่งผลอย่างไรต่อลูกค้าปัจจุบันบ้าง? Ans ไม่ส่งผลอะไรต่อลูกค้าปัจจุบัน แพ็กเกจและราคาที่ลูกค้าปัจจุบันใช้อยู่จะยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน ทว่าหากลูกค้าต้องการจะยกระดับการบริการให้มากขึ้นก็สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Zendesk Suite อันใหม่นี้และโทร 02 030 0066 เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับฝ่ายขายของเราได้ 2. หากต่อสัญญาจะยังคงอยู่ในแผนเดิมได้อยู่หรือไม่? Ans ได้ 3....

Continue reading

เจาะลึก Customer Experience ให้อะไรกับธุรกิจคุณได้บ้าง?

คุณเคยเดินเข้าร้านสะดวกซื้อแล้วเจอ ‘ชื่อ’ ของตัวเองอยู่บนขวด Coca-Cola ไหม? วันอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณอาจกดเข้า Netflix สังเกตไหมคะว่าทำไมหน้าจอของคุณกับเพื่อนถึงได้แสดงผลไม่เหมือนกันเลย? วันดีคืนดีเดินเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ Ikea แต่ไป ๆ มา ๆ กลับมาเจอตู้กดไอศกรีมเสียอย่างนั้น? แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั้งหมดเป็นแน่ เพราะหนึ่งสิ่งที่สามแบรนด์ชั้นนำมองเห็นตรงกัน ก็คือ Customer Experience หรือประสบการณ์ของลูกค้า เมื่อพูดถึง Customer Experience ในไทยเองถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนัก ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่อง ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ ยังคงเป็นเรื่องที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญน้อยหรือเป็นรองลงมา ทั้งที่ในความเป็นจริงประสบการณ์ลูกค้านี่แหละ ที่ทำให้แม้แต่สินค้าที่มีฟีเจอร์คล้ายคลึงกัน ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกให้รู้แจ้ง รู้ชัดกันว่า Customer Experience ให้อะไรกับธุรกิจของคุณได้บ้าง เริ่มจากแคมเปญการตลาดอันเป็นไวรัลโด่งดังเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาห้ามพลาดอย่าง “Share a Coke” ของ Coca-Cola  ย้อนกลับไปปี 2011 โค้กได้ทำการสำรวจชื่อที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในแต่ละพื้นที่ และตัดสินใจนำชื่อเหล่านั้นมาสกรีนลงในกระป๋อง แรกเริ่มเดิมทีมีทั้งหมด 150 ชื่อในออสเตรเลียเท่านั้นที่ถูกเลือก ก่อนจะเริ่มขยับขยายสเกลไปทั่วโลกในเวลาต่อมา ผลที่ได้คือรูปภาพพร้อมแฮชแทค Share a Coke ถูกแชร์ไปในโซเชียลมีเดียกว่า 500,000 ครั้ง เพียงในปีเดียวที่ทำแคมเปญนี้โค้กได้ผู้ติดตามใน Facebook เพิ่มขึ้นถึง 25 ล้านคน แม้จะเป็นแคมเปญที่มีมานานทว่าก็ยังคงใช้ได้ผลดีเยี่ยม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ Coca-Cola ก็ได้นำแคมเปญนี้มาปรับใช้ในธีม “Holiday Heroes” เพื่ออุทิศให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างหนักในภาวะโรคระบาดโควิด-19 สำหรับในไทยเองก็มีการเพิ่มชื่อยอดฮิตขึ้นมาอีกกว่า 400 แบบ ใครบ้างจะไม่ชอบความรู้สึกที่ว่า ‘นี่มันชื่อของฉันบนกระป๋องโค้ก’ หรือ ‘กระป๋องนี้มันถูกสร้างมาเพื่อฉัน’ บ้างล่ะ จริงไหม? แนวคิดแบบ Personalized หรือการตลาดแบบรู้ใจได้ถูกนำมาปรับใช้ใน Netflix Netflix ใช้เทคโนโลยี Deep Learning เพื่อแนะนำซีรีส์ที่ระบบเอไอวิเคราะห์แล้วว่าลูกค้ามีโอกาสชื่นชอบสูง ดังที่เราสังเกตได้ว่ากดเข้า Netflix ไปที่ไร ก็มักจะเจอหนังหรือซีรีส์แนวที่คุ้นตาเต็มไปหมด การจะทำเช่นนั้นได้ไม่เพียงแต่ต้องผ่านการออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีพอ ทว่ายังต้องมีระบบฐานข้อมูลที่ใหญ่พอด้วยเช่นกัน เพราะให้ความสำคัญกับข้อมูลของลูกค้า และการออกแบบประสบการณ์รับชมแบบ Online Streaming นี้เอง...

Continue reading

จับตา CX Trends 2021 ที่ต้องรู้ พร้อมรับมือ The Next Normal

“I’m not a cat” ทนายความคนหนึ่งกล่าวในไลฟ์สดการพิจารณาคดี เมื่อบังเอิญกดเปิดฟิลเตอร์หน้าแมวอย่างลืมตัวและหาทางปิดไม่ได้ “I can see that” ผู้พิพากษาตอบกลับ หลังจากเผลอนิ่งไปสักพักหนึ่ง ว่ากันว่าอะไรที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็จะได้เห็นในยุคนี้ ในระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มากมาย พวกเราถูกบีบให้ต้องมีการปรับเปลี่ยน ปรับตัว และต้องยอมรับว่าวิถีชีวิตใหม่หรือความปกติถัดไป (Next Normal) ที่จะเกิดขึ้นนี้ จะทำให้การตลาดและการบริการลูกค้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หมดยุคของการขายที่มุ่งเน้นเรื่องสรรพคุณเพียงอย่างเดียว เมื่อในตลาดเต็มไปด้วยคู่แข่งที่มีสินค้าคล้ายคลึงกัน หมดยุคของการบริการที่ล่าช้าและต้องบอกข้อมูลเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเสียอารมณ์ได้ หมดยุคที่จะมีช่องทางขายเพียงช่องทางเดียว และแค่มีสินค้าขายในออนไลน์ ก็อาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะสิ่งที่สำคัญและเข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกิจยุคนี้ ก็คือ “Customer Experience (CX)” หรือประสบการณ์ของลูกค้า มาร่วมหาคำตอบถึงการสร้างประสบการณ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยกันกับเรา กับงานสัมมนา “จับตา CX Trends 2021 พร้อมรับมือ The Next Normal” โดยในงานสัมมนานี้ Demeter ICT จะขอพาคุณอัปเดตเทรนด์สร้างประสบการณ์ลูกค้าให้เท่าทันก่อนใคร เผยแนวทางการบริการให้ตอบโจทย์โลกในยุค Next Normal พร้อมแนะนำเครื่องมือสร้างประสบการณ์ลูกค้าระดับโลกอย่าง Zendesk ให้ธุรกิจของคุณพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ชนะใจลูกค้า และดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง ลงทะเบียน สิ่งที่คุณจะได้รับจากการเข้าร่วม อัปเดตเทรนด์สร้าง ‘ประสบการณ์ลูกค้า’ ก่อนใคร ปรับอย่างไร ให้ธุรกิจอยู่รอด ระบุปัญหาที่ธุรกิจต้องเผชิญในปัจจุบัน เผยแนวทางการบริการลูกค้ายุคใหม่ วิธีการในการพัฒนากระบวนการบริการลูกค้าของบริษัท การวัดผล ควรจะวัดจากอะไรบ้าง คำแนะนำในการเลือกเครื่องมือและตัวช่วยที่เหมาะสม Agenda 14:00 – 14:10 Opening & Welcoming Speech 14:10 – 14:30 Customer Experience Trends 2021 อัปเดตเทรนด์สร้าง ‘ประสบการณ์ลูกค้า’ ก่อนใคร ปรับอย่างไร ให้ธุรกิจอยู่รอด 14:30 – 14:40 Way...

Continue reading

1-Stop Connections จับมือ Zendesk ยกระดับการบริการให้ลูกค้าโลจิสติกส์ทางเรือระดับโลก

ทราบหรือไม่? กว่า 90% ของสินค้าทุกอย่างที่มีการซื้อขายไปทั่วโลกล้วนต้องผ่านการขนส่ง ไม่ว่าจะทางบก ทางอากาศ หรือแม้แต่ทางทะเล เป็นสถิติที่ตอกย้ำถึงขนาด ความสำคัญ และความซับซ้อนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก แม้แต่ขณะที่คุณกำลังอ่านข้อความนี้เอง ก็มีตู้คอนเทนเนอร์กว่า 20 ล้านตู้บนท้องทะเล คอยขนส่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอย่างน้ำมัน เหล็ก ไม้ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างทีวี ของเล่น ของสิ่งทอ เรือขนส่งที่ใหญ่ที่สุดสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุตได้ถึง 18,000 ตู้ ซึ่งเพียงพอต่อการจัดเก็บรถยนตร์ 36,000 คัน หรือกระป๋องถั่วอบ 850 ล้านกระป๋อง เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เหล่านี้บรรทุกและขนถ่ายไปยังท่าเรือหลายสิบแห่งทั่วโลก ท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดจึงเปรียบได้ดั่งเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง ลังขนส่งกว่า 10 ล้านลังที่ถูกถ่ายไปมาในทุก ๆ ปี เหมือนระบบสลับซับซ้อนที่ต้องการเครื่องมือที่ชาญฉลาดมาช่วยบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุผลที่บริษัทอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าโลจิสติกส์หันมาหาบริษัทอย่าง 1-Stop Connections บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ในรูปแบบซัพพลายเชน (SAAS) ที่ช่วยให้ท่าเรือขับเคลื่อนเหมือนดั่งเครื่องจักร “เราช่วยจัดการสิ่งที่เราเรียกว่าระบบชุมชนท่าเรือ” Alex Wood, head of customer service, 1-Stop Connnections กล่าว “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนอย่างน่าเหลือเชื่อ สำคัญที่ทุกคนต้องทำงานร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่บริษัทขนส่ง บริษัทปลายทาง เอเจนซี่ขนส่งสินค้า ฝ่ายกำกับดูแล ไปจนถึงแม้กระทั่งนักบัญชี” การจะดูแลระบบงานที่สลับซับซ้อนได้ ก็ย่อมหมายความว่าโครงสร้างภายในของตัวองค์กรนั้นต้องมีความเป็นระเบียบมากพอเสียก่อน แล้วอะไรที่ทำให้ 1-Stop Connections มีระบบการทำงานที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มาหาคำตอบกัน สร้างความเรียบง่าย ให้ลูกค้าที่ซับซ้อน เพื่อจัดระเบียบสภาพการทำงานที่วุ่นวายนี้ บริษัทได้นำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการดำเนินงาน การติดตาม การรายงานและด้านความปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ 1-Stop Connections ทำทุกอย่างตั้งแต่บริหารจัดการตารางเวลาการรับสินค้า ไปจนถึงการออกการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานเทียบท่า “ลูกค้าทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และใช้โซลูชันของเราแตกต่างกันไป” Wood กล่าว “ลูกค้าสามารถผสมสานหรือจับคู่โซลูชันของเราหลายรายการตามแต่องค์กรของตน และตั้งค่าบทบาทของผู้ใช้งาน ระดับการเข้าถึง และช่วงการดูแลระบบที่แตกต่างกันได้ไม่หลักร้อยก็หลักพันคน” หากจะกล่าวให้ซับซ้อนกว่านั้น ไม่เพียงแต่ธุรกิจหลักจะดำเนินงานแบบ Business-to-Business แล้ว 1-Stop Connections ยังรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้โซลูชันของบริษัทในการสร้างระบบความปลอดภัยให้ตัวเองอีกด้วย เครื่องมือรวมหนึ่งเดียวที่จะคอยบงการทั้งหมด ด้วยลักษณะเฉพาะของธุรกิจที่เข้ากันได้ทั้งกลุ่มลูกค้าแบบ B2B...

Continue reading