เผยกลยุทธ์ Customer Engagement คืออะไร? สำคัญกับทีมการตลาดและธุรกิจ B2C อย่างไร?

Customer Engagement คืออะไร? Customer Engagement หรือการมีส่วนร่วมของลูกค้า คือ การกระทำหรือกิจกรรมทั้งหมดตั้งแต่ก่อนซื้อ ตอนซื้อและหลังซื้อที่ธุรกิจใช้เพื่อการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเอาไว้ เพราะการสร้าง Customer Engagement นั้นเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจเพราะการที่ธุรกิจมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้านั้น จะส่งผลดีต่อการรับรู้แบรนด์ (Brand Perception) ไม่ว่าเราจะมีกิจกรรมอะไรลูกค้าก็จะคอยสนับสนุนอยู่เสมอและสามารถเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ลูกค้านึกถึง (Top of Mind) ได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งในตลาดต่อไปได้อย่างยั่งยืน ยากที่จะมีคู่แข่งหรือธุรกิจที่มีสินค้าคล้าย ๆ กันจะตามได้ทัน การสร้าง Customer Engagement มีความสำคัญอย่างไรกับทีมการตลาดและธุรกิจ B2C ? การเพิ่มยอดขายเป็นเป้าหมายหลักของทุกธุรกิจ ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มีกลยุทธ์และวิธีการที่แตกต่างกันออกไปซึ่งการสร้าง Customer Engagement ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่หลาย ๆ ธุรกิจเลือกใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของพวกเขาและเพิ่มยอดขายได้ในระยะยาว ซึ่งวันนี้ Demeter ICT จะมาบอกถึง 5 เหตุผล ว่าทำไมธุรกิจ B2C ถึงต้องสร้าง Customer Engagement กับลูกค้าของคุณ? 1. สร้างความสัมพันธ์ของลูกค้ากับแบรนด์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของลูกค้ากับแบรนด์เปรียบเสมือนว่าให้ลูกค้ามีที่พึ่งทางใจ มองลูกค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัวเราคนหนึ่ง ถ้ามีปัญหาเขาจะนึกถึงเราเป็นคนแรก ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ของธุรกิจที่มีหน้าร้านเป็นสิ่งที่มีมายาวนานอยู่แล้ว แต่สำหรับยุคดิจิทัลที่ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ส่งผลให้การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าคือความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องเจอ ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่าง Braze ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้าง Customer Engagement ในช่องทางต่าง ๆ กับลูกค้าให้ง่ายขึ้น ทั้งในการสร้างลูกค้าใหม่ การรักษาลูกค้าเดิม เพราะ Braze เชื่อว่าการสร้างการสื่อสารและการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์นั้นดียิ่งขึ้นและจะทำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์เราเป็นอันดับแรก ๆ ในการตัดสินใจ 2. พัฒนาความภักดีและการรักษาลูกค้า การสร้าง Customer Engagement กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ลูกค้าเริ่มมีความผูกพันกับแบรนด์ซึ่งจะนำทางไปสู่ความภักดี (Brand Loyalty) รู้ว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ? ส่วนใดที่ธุรกิจควรพัฒนาและปรับปรุงเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น? ลูกค้าต้องการให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้รับความสำคัญ เมื่อคุณแสดงความสนใจต่อลูกค้าอย่างจริงใจ มีแนวโน้มที่พวกเขาจะซื้อสินค้าของคุณในอนาคตและจะนึกถึงแบรนด์ของเราเป็นอันดับแรก (Top of Mind) 3. ค้นพบโอกาสใหม่ในการเพิ่มยอดขาย เมื่อลูกค้ามีความผูกพันกับแบรนด์แล้ว จะทำให้ลูกค้าเปิดใจรับการโปรโมทหรือขายสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ย้ำว่าการโปรโมทนั้นจะต้องเฉพาะตัวและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนนั้น ๆ ไม่ใช่จะโปรโมทอะไรก็ได้...

Continue reading

Braze คืออะไร? ทำความรู้จักกับ Braze แพลตฟอร์มเพื่อการตลาดสำหรับธุรกิจ B2C

Demeter ICT จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Braze – MarTech Solutions ระดับโลกที่แบรนด์ดังมากมายไว้วางใจใช้บริการ โดยวันนี้ Demeter ICT จะมาแนะนำ Braze ให้กับทุกท่านได้รู้จักกันอย่างละเอียดในหลาย ๆ มุมมอง เริ่มกันที่ Braze คืออะไร? Braze คือ แพลตฟอร์มสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ (Customer Engagement Platform) บนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และมือถือ ช่วยส่งเสริมด้านการตลาดแบบหลายช่องทาง (Multichannel Marketing) เป็นหนึ่งในโซลูชัน Marketing Technology หรือที่เรียกกันว่า Martech Braze ช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ และกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการโต้ตอบกับแบรนด์ ซึ่งนำไปสู่การเติบโตของรายได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน พร้อมฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือทีมการตลาดโดยเฉพาะ เช่น ฐานเก็บข้อมูล (Customer Database), BrazeAI™ สำหรับแบ่ง Segmentation ของลูกค้า, Braze Canvas สร้างการตลาดแบบ Cross-channel และเครื่องมือ Marketing Automation อีกมากมาย https://www.youtube.com/watch?v=MZwG8etqyi8&t=3s ฟีเจอร์ของ Braze มีอะไรบ้าง? 1. Braze Data Platform Braze Data Platform เป็นหัวใจหลักของ Braze ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนได้แบบเรียลไทม์ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำ เช่น ลูกค้า A เพิ่งลงทะเบียนสมัครสมาชิก ลูกค้า B กำลังกดดูสินค้าชิ้นหนึ่งในแอป ลูกค้า C เพิ่มของในตะกร้าบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่จ่ายเงิน ลูกค้า D คลิกลิงก์โปรโมชันสินค้าหนึ่งในอีเมล ลูกค้า F ไม่ได้เข้าเว็บหรือแอปเรามาเกิน 1 เดือนแล้ว ทุกพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน Braze สามารถเก็บเป็นข้อมูล เพื่อให้คุณสามารถนำไปตั้ง Automation ส่งข้อความหรือแคมเปญการตลาดตามพฤติกรรมเหล่านั้นได้ทันทีแบบเรียลไทม์ เช่น ลูกค้า C เพิ่มของในตะกร้า แต่ยังไม่จ่ายเงินเกิน 30 นาที → ส่งส่วนลดไปให้ลูกค้าทาง...

Continue reading

8 Workflows การบริการลูกค้าที่สร้างได้โดย Answer bot จาก Zendesk

ผู้ที่ใช้งาน Zendesk คงคุ้นหูกับคำว่า Answer bot มาบ้างแล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่เห็นภาพชัดมากนักว่าจริง ๆ แล้ว Answer bot ทำอะไรได้บ้าง? วันนี้ Demeter ICT มีรูปแบบ Workflows ของ Answer bot มาแชร์ให้กับลูกค้า Zendesk ทุกท่านจะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า Answer bot คืออะไร? คลิก Answer bot คือ แชทบอทสำหรับการบริการลูกค้าอัตโนมัติรูปแบบหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นและตั้งชื่อโดย Zendesk ซึ่งหน้าที่ของ Answer bot ไม่เพียงแต่ตอบแชทของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้าง Workflows การบริการลูกค้าอื่น ๆ เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่องค์กรของคุณต้องการได้ 8 Workflows การบริการลูกค้าที่สร้างได้โดย Answer bot จาก Zendesk Send Message (ส่งข้อความอัตโนมัติหาลูกค้า) Present Options (เสนอตัวเลือกที่ใช่ให้กับลูกค้า) Show Help Center Articles (แสดงบทความบน Help center) Ask for Details (สอบถามรายละเอียด) Ask if Question Resolved (สอบถามสถานะการแก้ไขปัญหา) Make an API call (เสริมทัพการบริการลูกค้าของคุณด้วย API) Transfer to Agent (ส่งต่อการบริการสู่เจ้าหน้าที่) Add a Business hours Condition (เพิ่มเงื่อนไขเวลาทำการ) 1. Send Message ส่งข้อความอัตโนมัติหาลูกค้า Answer bot จะทำการส่งข้อความหาลูกค้าขึ้นอยู่กับ Workflow ที่คุณสร้างไม่ว่าจะเป็นคำทักทายพร้อมกับช่องทางที่ลูกค้าสามารถขอความช่วยเหลือได้เมื่อต้องการ หรือจะเป็นการตอบกลับอัตโนมัติเมื่อลูกค้าพิมพ์คำถามเข้ามา...

Continue reading

เผยที่มา Customer Service เกิดขึ้นได้อย่างไร? กลายเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องมีในปัจจุบัน!

Customer Service (การบริการลูกค้า) คือคำที่ทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้รู้จักกันอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า “Customer Service” มีที่มาจากที่ไหน? ใครเป็นคนที่คิดค้นคำนี้หรือตำแหน่งนี้ขึ้นมากันนะ..? ต้องขอย้อนไปถึงอดีตอันแสนยาวนานสมัย 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ที่เริ่มมีการค้าขายทางไกลเกิดขึ้น ด้วยแนวโน้มการค้าขายที่เพิ่มสูงขึ้น แนวคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อลูกค้าหรือที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า “การบริการ” นั้นมันก็เกิดขึ้นตามมาด้วย คำนิยามของการบริการหรือ Customer Service จาก Investopedia คือ “การโต้ตอบแบบตัวต่อตัวโดยตรงระหว่างผู้บริโภคที่ทำการซื้อกับตัวแทนของบริษัทที่ขายผลิตภัณฑ์นั้น” แต่จริง ๆ แล้วไม่มีบันทึกว่าใครเป็นผู้กำหนดคำว่า “การบริการลูกค้า” ขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เราเห็นว่าคำ ๆ นี้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตามพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วยการขยายตัวของการค้า โดยที่จะมีการแบ่งเป็นช่วงของการบริการได้ดังต่อไปนี้ Stage 1 : Face to Face Service การบริการแบบตัวต่อตัว ในระยะแรก การบริการลูกค้าเกิดจากปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดด้วยตัวเองระหว่างผู้บริโภคกับผู้ค้าเนื่องจากยังเป็นช่วงที่ยังไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ จดหมายจึงเป็นหนึ่งช่องทางในการติดต่อของลูกค้า แต่มันก็ใช้เวลานานเกินไปกว่าจะได้รับการแก้ไขปัญหานั้น ค.ศ. 1760 – 1820 ได้มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก ทำให้ระบบเศรษฐกิจของยุโรปและอเมริกาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีการสร้างโรงงานใหม่ การผลิตที่รวดเร็ว รวมถึงทีมบริการลูกค้ากลุ่มแรกก็ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงสมัยนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งวิธีการบริการลูกค้าในช่วงนั้นยังเป็นแบบตัวต่อตัวเพื่อความสะดวกและรวดเร็วที่สุด ค.ศ. 1776 อดัม สมิธ ตีพิมพ์ The Wealth of Nations ซึ่งอธิบายถึงระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม วางรากฐานของการแข่งขันในตลาดและ Customer Service ก็ถูกนำมาเป็นหนึ่งเครื่องมือในการทำธุรกิจในตอนนั้น Original Edition of An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations ค.ศ. 1868 Watkins Liniment ซึ่งเป็นพนักงานขายแบบ door-to-door เป็นบริษัทแรกที่เสนอการรับประกันคืนเงิน เขาเสนอการคืนเงินเต็มจำนวนให้กับลูกค้าหากพวกเขาไม่พอใจในสินค้า Stage 2 : The invention of...

Continue reading

ข่าวดี! สำหรับแอดมิน Zendesk สร้างแหล่งข้อมูลการตั้งค่าบัญชีอย่างง่ายเพียงไม่กี่คลิก

Zendesk ได้ทำการอัปเดตแหล่งข้อมูลใหม่สำหรับการตั้งค่าบัญชีของคุณให้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงคลิกไอคอนความช่วยเหลือ (?) ที่มุมขวาของหน้าเพจ Admin center เพื่อเปิดแถบทางด้านขวาของหน้าจอ แถบเหล่านี้จะประกอบไปด้วย คลิปวิดีโอสาธิตการตั้งค่าอย่างง่าย (สามารถเลือกซับภาษาไทยได้ด้วยนะ) คำแนะนำและขั้นตอนการทำอย่างละเอียด ลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลการเรียนรู้หรือบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม หลักสูตรการฝึกอบรม (Training) และการค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ (Help center) 1. คลิปวิดีโอสาธิตการตั้งค่าอย่างง่าย (สามารถเลือกซับภาษาไทยได้ด้วยนะ) 2. คำแนะนำและขั้นตอนการทำอย่างละเอียด 3. ลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลการเรียนรู้หรือบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม (Knowledge Base) 4. หลักสูตรการฝึกอบรม (Training) และการค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ (Help center) ตอนนี้เนื้อหาการตั้งค่าอาจจะมีเพียงบางส่วน แต่ในอนาคต Zendesk จะอัปเดตข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ Zendesk ไม่เพียงแต่ที่จะคำนึงถึง Customer Experience (CX) หรือประสบการณ์ของลูกค้าเพียงเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึง Agent Experience หรือประสบการณ์ของผู้ใช้งานเองอีกด้วย เพราะการทำงานที่มีประสิทธิภาพจะนำพามาซึ่งการบริการลูกค้าที่ดีตามไปด้วย ทดลองใช้ Zendesk trial ฟรี สอบถาม ราคา Zendesk ติดต่อ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการระบบ Zendesk ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ – Zendesk Thailand Partner ซอฟต์แวร์เพื่อการซัพพอร์ตลูกค้าแบบ Omnichannel สำหรับทุกธุรกิจ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด – Your CX Transformation Partner ผู้ให้บริการ Zendesk ระดับ Premier Partner ในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ 02 030 0066 แพ็กเกจและราคา...

ฟีเจอร์ยอดฮิต! ของ Zendesk ระหว่าง Automations VS Triggers ต่างกันอย่างไร?

วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ลูกค้า Zendesk หลาย ๆ ท่านสงสัยเกี่ยวกับสองฟีเจอร์ยอดนิยมของ Zendesk ที่ช่วยในเรื่องของการบริการลูกค้าอย่างฟีเจอร์ Automations และฟีเจอร์ Triggers ที่มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? เริ่มจาก Automations จะทำงานเมื่อเข้า เงื่อนไขของเวลา (Time Based) Triggers จะทำงานเมื่อเข้า เงื่อนไขของการกระทำที่เกิด (Action Based) 1. Automations คือ ระบบที่ใช้เงื่อนไขของเวลาเป็นหลัก คุณสามารถตั้งค่าให้การกระทำบางอย่างเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขของเวลาที่คุณได้กำหนดไว้ หรือก็คือให้ครบระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว Automations ค่อยทำงาน ยกตัวอย่างสำหรับการออกแบบ Workflow ของระบบ Automations แบบง่าย ๆ แนะนำให้คุณระบุข้อกำหนดและกระบวนการทำงานด้านการบริการลูกค้าขององค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับเวลาที่เฉพาะเจาะจงในขั้นตอนต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น องค์กรของคุณต้องการให้ระบบทำการส่งแบบสำรวจความพึงพอใจ (CSAT) ไปให้ลูกค้าหลังจากการแก้ปัญหาให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้วและ Ticket นั้น ๆ ได้ถูก Solved ไปแล้ว 24 ช.ม. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่รอการตอบกลับจากลูกค้านานเกิน 3 วัน ให้ระบบ Automations ทำการส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังลูกค้า เป็นต้น วิธีการตั้งค่าระบบ Automations ให้เข้าไปหน้า Zendesk ของคุณและไปที่ Support (Agent Workspace) คลิกที่ไอคอน Admin ที่แถบด้านข้างเพื่อไปยัง Admin Center > คลิกที่หัวข้อ Objects & rules ที่แถบด้านซ้าย > เลื่อนไปที่หัวข้อ Business rules > คลิกที่ Automations เพื่อการตั้งค่า 2. Triggers คือ ระบบที่ใช้เงื่อนไขของการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นหลัก คุณสามารถตั้งค่าให้การกระทำบางอย่างเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเงื่อนไขของการกระทำหรือมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่คุณได้กำหนดไว้ หรือก็คือให้มีการกระทำหนึ่งเกิดขึ้นก่อนแล้ว Triggers ค่อยทำงาน ยกตัวอย่างสำหรับการออกแบบ Workflow ของระบบ Triggers แบบง่าย...

Continue reading

รวมสุดยอดเคล็ดลับสร้าง Help center อย่างไร? ให้ประสบความสำเร็จ!

Help center หรือศูนย์ช่วยเหลือที่หลาย ๆ คนเคยพบเจอบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ คือการบริการลูกค้าแบบ Self-service รูปแบบหนึ่งที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมมากของลูกค้าในต่างประเทศ แต่ทำไมในประเทศไทยลูกค้าถึงไม่ค่อยนิยมใช้ระบบ Help center กัน ทุกคนเคยสงสัยไหมครับ? ทุกคนรู้หรือไม่ว่าจากผลสำรวจของ Zendesk (CX Trends) พบว่าลูกค้ากว่า 69% ชอบช่วยเหลือหรือหาคำตอบด้วยตนเอง (Self-service) เพราะว่ามันรวดเร็วและสะดวกที่สุด ฉะนั้นหรือจริง ๆ แล้วเรามีอะไรที่ทำพลาดไป ทำให้ระบบ Help center หรือการบริการลูกค้าแบบ Self-service ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับบริษัทและลูกค้าในประเทศไทยมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าระบบ Help center ของคุณยังไม่น่าสนใจพอหรือยังไม่ตอบโจทย์ของลูกค้ารึเปล่า? ซึ่งวันนี้ Demeter ICT มีเคล็ดลับวิธีการสร้างระบบ Help center ให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับภาพตัวอย่างระบบ Help center ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จมาฝากทุกคนกัน เคล็ดลับสร้างระบบ Help center ให้ประสบความสำเร็จ! 1. วางแผนกำหนดเป้าหมาย การวางแผนและกำหนดเป้าหมายจะช่วยบอกคุณได้ว่า คุณต้องการ Help center ไปช่วยในเรื่องใดของธุรกิจ? หากคุณกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะช่วยให้การสร้างระบบ Help center ง่ายยิ่งขึ้น เช่น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบการบริการตนเองและต้องการแบ่งเบาปริมาณงานของทีม Customer Service หรือไม่? หรือต้องการระบบฐานความรู้ของบริษัทหรือ Knowledge base ที่เก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทเพื่อเป็นฐานข้อมูลให้พนักงานในองค์กรสืบหาข้อมูลเป็นต้น 2. มุ่งเน้นที่ประสบการณ์และสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการ สิ่งที่คุณต้องคำนึงต่อมาหลังจากการกำหนดเป้าหมายแล้ว คือ ผู้ใช้งานต้องการอะไรบนระบบ Help center ของคุณบ้าง? เช่น คำตอบหรือวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เข้าใจง่ายและทำได้เอง การจัดระเบียบเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจนค้นหาได้ง่าย มีช่องการค้นหาบทความได้ทุกเรื่องที่ต้องการ เป็นต้น ทำอย่างไรก็ได้ให้การใช้ Help center เป็นเรื่องง่ายไม่ยุ่งยากเพราะถ้าหากว่า Help center ของคุณไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ใช้งานได้ อาจจะทำให้เขาเข้ามาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแล้วไม่เข้ามาอีก 3. ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีส่วนร่วม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่ได้พบเจอกับลูกค้า มักจะเข้าใจถึงความต้องการและปัญหาที่ลูกค้าพบเจอมากที่สุด...

Continue reading

Self-service กลยุทธ์การบริการลูกค้ายุคดิจิทัลที่ถูกมองข้าม

ปัจจุบันด้วยสถานการณ์หลาย ๆ อย่างเป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป “ความสะดวกสบายและความรวดเร็ว” ไม่ได้เป็นสิ่งที่ลูกค้า ‘Want’ อีกต่อไปแล้ว… แต่เป็นสิ่งที่ลูกค้า ‘Need’ ไม่ว่าจะด้วยการสั่งซื้อสินค้า, การสอบถามข้อมูล, การชำระเงินหรือการแจ้งปัญหาต่าง ๆ ทุกอย่างต้องง่ายและไม่ซับซ้อน ส่งผลให้ธุรกิจหรือองค์กรต้องมีการปรับปรุงการบริการอยู่เสมอเพื่อให้สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าได้ คุณเคยไหม..ที่เจ้าหน้าที่ต้องตอบคำถามของลูกค้าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้ต้องพิมพ์คำตอบวนไปวนมา คุณเคยไหม..ที่ลูกค้าทักมาสอบถามข้อมูลตอนกลางคืนแล้วไม่มีใครคอยตอบ แต่การจะจ้างพนักงานมาบริการตอนกลางคืนก็ไม่คุ้มค่า อาจทำให้ลูกค้ารอและเสียโอกาสในการขาย คุณเคยไหม..ที่เจ้าหน้าที่ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการตอบคำถามของลูกค้า ต้องคอยไปสอบถามฝ่ายอื่น ๆ จนเสียเวลาและอาจเกิดความผิดพลาดได้ แล้วธุรกิจต้องทำอย่างไร? ถึงจะตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ “ไม่ชอบรอ” ได้ Self-service การบริการลูกค้าที่หลายคนมองข้าม Self-service หรือการบริการตนเอง คือ หนึ่งทางออกที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการลูกค้าของคุณให้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยการสร้าง Help center เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาคำตอบของปัญหาได้ด้วยตนเอง รวมถึง Bot ที่สามารถดูแลลูกค้าได้ทุกเวลา ซึ่งผลสำรวจจาก Zendesk CX Trends 2022 พบว่า 69% ของลูกค้าต้องการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองเพราะมันสะดวกและรวดเร็วที่สุด Self-service กลยุทธ์ที่ Win-Win ทั้งลูกค้าและธุรกิจ ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาจะถูกแก้ไขได้โดยการนำระบบ Self-service มาปรับใช้ในการบริการลูกค้าของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่เพียงแค่แก้ปัญหาของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปริมาณงานที่ไม่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ของคุณและยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถมอบการบริการลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่งได้อีกด้วย ยกระดับการบริการแบบ Self-service ด้วย Digital Platform อย่าง Zendesk Zendesk ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้าน Digital Customer Service อันดับ 1 จาก Gartner ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริการแบบ Self-service จึงได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะช่วยวางรากฐานให้กับธุรกิจ สามารถนำระบบ Zendesk ไปใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยที่จะมีทั้งการสร้าง Knowledge Base, Help center, การสร้าง Communities ไปจนถึงการออกแบบ Answer bot ที่จะคอยดูแลลูกค้าของคุณได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ระบบ Zendesk ยังสามารถแสดงข้อมูลของลูกค้าที่ใช้งานส่วนของ Self-service...

Continue reading

10 Soft Skills ในการบริการลูกค้าสำหรับทีม Customer Service มีอะไรบ้าง?

ในโลกของการบริการลูกค้า (Customer Service) Soft Skills หรือทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะที่หากพนักงานมีจะเป็นข้อได้เปรียบในการทำงานก็คือ ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์กับลูกค้า เพราะการโต้ตอบกับลูกค้าไม่ว่าจะผ่านทางโทรศัพท์ อีเมลหรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ สิ่งสำคัญในการบริการลูกค้าคือพนักงานต้องสามารถเชื่อมโยงบทสนทนาให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังโต้ตอบกับคนที่ห่วงใยและใส่ใจปัญหาของพวกเขาอย่างแท้จริง แต่ถ้าพูดแค่ว่าทีม Customer Service ต้องมี Soft Skills มันอาจจะดูกว้างไปสักหน่อย วันนี้ Demeter ICT จึงมาสรุปและแบ่งทักษะที่ทีม Customer Service ต้องมี ออกมาเป็นข้อ ๆ ทั้งหมด 10 ข้อให้ทุกท่านได้เห็นภาพกันมากขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่า Soft Skills คืออะไร? สามารถดูรายละเอียดจากบทความนี้ได้เลย คลิก > https://bit.ly/37XKJwn 10 Soft Skills ที่ทีม Customer Service ต้องมี มีอะไรบ้าง? 1. การสื่อสารที่ชัดเจน (Clear communication) การสื่อสารที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการบริการลูกค้า คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรและคุณสามารถทำอะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง Tips: การพูดคุย – การพูดให้ชัดเจน พูดให้เสียงดังพอ และใช้น้ำเสียงที่สดใสจะช่วยให้คุณสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างชัดเจนและเชิงบวก          ส่งข้อความ – หากคุณเขียนข้อความหรือส่งอีเมลถึงลูกค้า ก็ควรใช้ไวยากรณ์และการสะกดคำที่เหมาะสม แล้วเลือกคำและวลีที่สื่อถึงทัศนคติที่มองโลกในแง่ดีเช่นเดียวกัน 2. ทักษะการฟัง (Listening skill) ทักษะการฟังก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าการสื่อสาร การรับฟังลูกค้าอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร? และคุณจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร? แสดงให้เห็นว่าคุณกำลังตั้งใจฟังผ่านภาษากายและการตอบสนอง สิ่งสำคัญของการบริการลูกค้าคือการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพนักงานได้ยินปัญหาของลูกค้าอย่างแท้จริง Tips: ถ้าหากคุณกำลังพูดคุยกับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือโทรศัพท์ อย่าขัดจังหวะเวลาที่ลูกค้ากำลังพูดและตอบคำถามทั้งหมดอย่างระมัดระวัง 3. การควบคุมตนเอง (Self-control) ผู้ที่ทำงานด้านบริการลูกค้าต้องสามารถจัดการกับลูกค้าทุกคนได้อย่างใจเย็น แม้กระทั่งคนที่คิดลบที่สุด คุณต้องพยายามอยู่ในความสงบและเยือกเย็นแม้ว่าลูกค้าของคุณจะไม่อยู่ก็ตาม ความอดทนและการควบคุมตนเองจะป้องกันไม่ให้คุณอารมณ์เสียและพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปสู่ลูกค้า Tips: เมื่อลูกค้าอารมณ์เสีย เมื่อลูกค้าโกรธ การพยายามลดบทสนทนาและสงบสติอารมณ์นั้นเป็นทางออกที่ดีที่สุด 4. ทัศนคติเชิงบวก (Positive attitude) ทัศนคติเชิงบวกมีส่วนช่วยในการบริการลูกค้าได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคุณอาจจะคิดว่าการมองโลกในแง่ดีหรืออารมณ์ดีในตอนที่ลูกค้ารู้สึกไม่สบายใจนั้น จะทำให้ลูกค้าบางคนรู้สึกว่าเราไม่จริงจังในการช่วยเหลือลูกค้า แต่การมองโลกในแง่ดีสามารถช่วยให้ลูกค้าคิดบวกมากขึ้นและอารมณ์เย็นลงได้ และเราก็ต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเราก็เต็มที่ในการช่วยเหลือลูกค้าอย่างจริงจังเช่นกัน...

Continue reading