อัปเดต 10 Marketing Trends สำหรับปี 2025 มีอะไรบ้าง?

นับตั้งแต่ยุคโฆษณาในหนังสือพิมพ์มาจนถึงปัจจุบันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทรนด์การตลาดมีการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค นั่นหมายความว่านักการตลาดไม่สามารถเลือกใช้วิธีการเดิม ๆ ที่เคยได้ผลในอดีตมาใช้ตลอดเวลาได้ ฉะนั้นการมองหาแนวโน้มหรือเทรนด์ใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจรักษาความได้เปรียบและวางแผนกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ในปี 2025 นี้ เราได้ทำการสรุป 10 เทรนด์การตลาดสำคัญ โดยมีทั้งที่ยังเป็นเทรนด์ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วและเทรนด์การตลาดใหม่ ๆ ที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในปี 2025 นี้ จะมีอะไรบ้าง? เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! 1. AI in Marketing เทรนด์การตลาดกับ AI ยังไปต่อด้วยกันยาว ๆ ด้วยการเปิดตัวเครื่องมือ AI ของแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ChatGPT, Gemini, Asana AI, BrazeAI™ หรือ Zendesk AI แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงอนาคตของการตลาดอย่างชัดเจน ในปี 2025 นี้ นักการตลาดจะยังคงปรับตัวกับการใช้เทคโนโลยี AI ในกระบวนการทำงานหลายส่วน ๆ และเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ มาดูกันว่านักการตลาดสามารถทำงานร่วมกับ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านไหนกันได้บ้าง? วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและคาดการณ์แนวโน้ม (Data Analysis) จากผลวิจัยของ The Work Innovation Lab พบว่า 30% ของพนักงานใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่แล้ว และจำนวนกว่าสองเท่า (62%) ต้องการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภคและลูกค้า เพราะพวกเขาเชื่อว่าข้อมูลที่ได้จาก AI และ Machine Learning สามารถช่วยให้นักการตลาดเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาที่ชาญฉลาดและตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่เสียเงินไปกับกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้าของเรา วางแผนได้ดีขึ้น ด้วยการการคาดการณ์แนวโน้มที่แม่นยำ เข้าใจพฤติกรรมของผู้ซื้อได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าและความภักดี โดยการส่งคอนเทนต์ที่เฉพาะตัวกับแต่ละคน (Personalization) ภาพจาก Report: The State of AI at Work...

Continue reading

foodora สร้างความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่าน BrazeAI™

foodora บริษัทจัดส่งอาหารที่ดำเนินกิจการกว่า 200 เมืองทั่วยุโรป เป็นผู้นำในด้านธุรกิจ Digital Quick Commerce โดยมีพันธกิจ คือการมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ รวดเร็ว และราคาที่คุ้มค่า เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญอื่น ๆ ในชีวิตพวกเขา และสามารถสั่งสิ่งที่ต้องการได้ทุกเวลาตามใจชอบ โดยไม่มีความรู้สึกผิด บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเสมือนมิตรภาพ โดยสร้างความไว้วางใจและความภักดีไปพร้อม ๆ กัน ด้วยความที่ foodora เข้าใจความต้องการของลูกค้า จึงได้ตั้งเป้าที่จะส่งมอบการสื่อสารด้วยข้อความที่มีความ Personalized กับลูกค้าแต่ละคนในเวลาที่เหมาะสม เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าในระยะยาว ความท้าทายและเป้าหมายของ foodora ความท้าทาย foodora ต้องการแพลตฟอร์มที่สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้แบบครอบคลุม เพื่อรวบรวมการสื่อสารกับลูกค้าทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว ก่อนหน้านี้พวกเขามีปัญหาด้านการสื่อสารด้วยข้อความที่ไม่ค่อยตรงกับความต้องการของลูกค้า และต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มหลายตัวที่ขาดข้อมูลเชิงลึก ส่งผลให้พลาดโอกาสและสูญเสียลูกค้าไป เป้าหมาย เป้าหมายของ foodora มีความชัดเจน คือการเพิ่มประสิทธิภาพการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement) โดยการส่งข้อความที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละคนแบบ Personalized เพื่อเพิ่มอัตรา Conversion Rate และความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงการลด Unsubscribe Rate ยกระดับการรักษาความสัมพันธ์และสร้างความภักดีที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าที่ใช้งาน foodora กลยุทธ์ทางการตลาดที่ foodora เลือกใช้ ด้วย Braze ทำให้ foodora สามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบ Cross-Channel Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านหลากหลายช่องทางที่ลูกค้าของพวกเขาอยู่ เช่น ผ่าน Email, Push Notification และ In-app Messaging นอกจากนี้พวกเขายังใช้เครื่องมืออย่าง Intelligent Timing ที่เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของ BrazeAI™ ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อเปลี่ยนการส่งข้อความแบบเดิม ๆ ตามเวลาที่กำหนด มาเป็นการส่งข้อความในเวลาที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนมากที่สุด โดย foodora เริ่มทดลองใช้ฟีเจอร์ Intelligent Timing กับลูกค้าใหม่ในออสเตรีย ช่วงที่พวกเขากำลัง Onboarding กับ Braze โดยผลลัพธ์ช่วงทดลองแสดงให้เห็นว่ามี Unsubscribe Rate...

Continue reading

Asana AI ผู้ช่วยอัจฉริยะในการบริหารงานและโปรเจกต์ของคุณ

ยินดีต้อนรับสู่ Asana AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การจัดการงานและโปรเจกต์ของคุณ ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งการทำงานอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณ บทความนี้จะแนะนำภาพรวมเกี่ยวกับฟีเจอร์และสิ่งที่ Asana AI สามารถทำได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน! เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! Asana AI คืออะไร? Asana AI คือ เครื่องมือผู้ช่วยอัจฉริยะที่ผสานเข้ากับแพลตฟอร์ม Asana เพื่อช่วยให้คุณจัดการงานและโปรเจกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ Asana AI จึงสามารถทำให้งานประจำเป็นงานอัตโนมัติ ช่วยในการสร้างและแก้ไขงาน และจัดทำสรุปข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณได้ ฟีเจอร์ของ Asana AI มีอะไรบ้าง? 1. สถานะอัจฉริยะ (Smart Status) รับข้อมูลพร้อมอัปเดตสถานะของโปรเจกต์และงานของคุณได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ติดตามข้อมูลได้ง่ายโดยไม่ต้องค้นหาข้อมูลทั้งหมดเอง 2. แชทอัจฉริยะ (Smart Chat) รับคำตอบที่มาจาก AI สำหรับคำถามเกี่ยวกับการจัดการโปรเจกต์ของคุณ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วและมีข้อมูลครบถ้วน 3. ฟิลด์อัจฉริยะ (Smart Fields) ใช้ AI ในการกรอกข้อมูลสำคัญให้อัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่ารายละเอียดงานของคุณจะครบถ้วนและอัปเดตอยู่เสมอ 4. สรุปอัจฉริยะ (Smart Summaries) รับสรุปรายงานของโปรเจกต์ งาน และพอร์ตโฟลิโอของคุณแบบกระชับ ช่วยให้เข้าใจประเด็นสำคัญโดยไม่ต้องอ่านรายละเอียดยาว ๆ 5. ตัวแก้ไขอัจฉริยะ (Smart Editor) ปรับปรุงกระบวนการสร้างและแก้ไขงานด้วยคำแนะนำจาก AI ช่วยให้เขียนคำอธิบายงานได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 6. โปรแกรมสร้างกฎอัจฉริยะ (Smart Rule Creator) สร้างรูปแบบ Workflow การทำงานของคุณให้เป็นอัตโนมัติ ด้วยกฎที่ปรับแต่งเองและขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการทำงานประจำวันได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ 7. เป้าหมายอัจฉริยะ (Smart Goals) ปรับปรุงประสิทธิภาพและทำให้การตั้งเป้าหมายมีมาตรฐานยิ่งขึ้นด้วย Smart Goals ที่วิเคราะห์เป้าหมายปัจจุบันและเสนอแนวทางการพัฒนา เช่น การเพิ่มเกณฑ์ความสำเร็จ สรุปผลกระทบ ระบุเป้าหมายหลัก สนับสนุนเป้าหมายย่อย และกำหนดทีมที่รับผิดชอบ 8. โปรเจกต์อัจฉริยะ (Smart Project)...

Continue reading

Asana in Action: Mastering Your Work Management with Asana AI

“Work Smarter, Not Harder” New! พบกับงานอีเวนต์ที่ Demeter ICT จัดร่วมกับ Asana หนึ่งในพาร์ทเนอร์ของเราเป็นครั้งแรก อีเวนต์ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของคุณให้ดีขึ้นกว่าที่เคย เตรียมพร้อมเข้าสู่โลกของ Work Management ที่ไร้รอยต่อกับงาน “Asana in Action: Mastering Your Work Management with Asana AI” มาร่วมปลดล็อคความท้าทายในการทำงานร่วมกันที่ยุ่งเหยิงสู่การทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ พร้อมเจาะลึกฟีเจอร์ของ Asana ที่กำลังมาแรงอย่าง Asana Intelligence (Asana AI) ที่จะช่วยยกระดับการทำงานของคุณให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรียนรู้จากประสบการณ์และกรณีศึกษาจากลูกค้าที่ใช้งาน Asana มาช่วยแก้ปัญหาและปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจริง รวมถึงเดโม่สาธิตการใช้งาน Asana เพื่อให้เห็นภาพการใช้งาน Asana ในรูปแบบต่าง ๆ ให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดพร้อมกิจกรรม Quiz game ที่คุณจะได้ร่วมสนุกและลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ! และช่วง Q&A ไขทุกข้อสงสัยของคุณเกี่ยวกับ Asana โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Demeter ICT และ Asana โดยตรง กับงานสัมมนาออนไลน์ Asana in Action: Mastering Your Work Management with Asana วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 – 11.30 น. บรรยายผ่านช่องทาง Google Meet (*มีทั้งบรรยายไทยและอังกฤษ*) ปิดการลงทะเบียนแล้ว ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ Highlights ที่คุณจะได้รับจากงานนี้: ทำความรู้จักกับ Asana – Work Management Platform เพื่อการบริหารงานร่วมกันและจัดการโปรเจกต์ระดับโลก เผยวิธีเปลี่ยนความท้าทายในการทำงานให้เป็นความสำเร็จด้วย Asana แบ่งปันเทคนิคและเครื่องมือที่ช่วยให้ทีมจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของลูกค้าที่ใช้งาน Asana...

Continue reading

สรุปสาระสำคัญจากงาน “Winning with Brand.com & Marketplaces”

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา DEMETER ICT ร่วมกับ Shopify จัดงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ Winning with Brand.com & Marketplaces หรือแปลเป็นไทยคือ พิชิตธุรกิจด้วยเว็บไซต์และมาร์เก็ตเพลซ ซึ่ง Shopify เป็นผู้ให้บริการเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งให้บริการร้านอีคอมเมิร์ซมากกว่า 4.6 ล้านเว็บไซต์ ใน 175 ประเทศ รวมไปถึงแบรนด์ระดับโลกอย่าง CHANEL, Nike, Nestle ก็ให้ความไว้วางใจในการใช้ Shopify ในการสร้างระบบอีคอมเมิร์ซ ในการสัมมนาออนไลน์ครั้งนี้มีวิทยากรสองท่านคือ ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ Founder & CEO ของบริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด และคุณ Soojin Jeong ตำแหน่ง Senior Partnership Manager จาก Shopify มาร่วมให้ข้อมูลในครั้งนี้ เจาะลึกพฤติกรรมผู้ซื้อสินค้าออนไลน์กับ ดร.วรัญญู ดร. วรัญญู ได้กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในปัจจุบันจะมีการแบ่งช่องทางการขายเป็น 2 แบบคือ 1. ขายในช่องทางของตนเอง เช่น หน้าร้านตนเองและเว็บไซต์ 2. ขายผ่านช่องทางของคนอื่นหรือพาร์ทเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Marketplaces อย่าง Shopee หรือ Lazada และช่องทางร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งหากกล่าวถึงเฉพาะช่องทางออนไลน์จะพบว่าจากสถิติของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ในปี พ.ศ. 2566 พบว่าช่องทางที่มีมูลค่าการขายสินค้าของผู้ประกอบการไทยมากเป็น อันดับ 1 คือ ช่องทาง Marketplaces (24.58%) อันดับ 2 คือ เว็บไซต์ของตนเอง (23.60%) อันดับ 3 คือ Social Commerce (22.5%) แต่หากเจาะลึกเฉพาะช่องทาง Marketplaces...

Continue reading

Braze x LINE OA ปลดล็อกศักยภาพทางการตลาดไปอีกขั้นผ่าน LINE ด้วย Braze ได้แล้วตอนนี้!

ในฐานะนักการตลาด คงรู้กันดีว่าการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้งานบ่อยมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ระดับโลกที่ต้องปรับตัวตามช่องทางที่มีความนิยมต่างกันในแต่ละประเทศ ถ้าพูดถึงประเทศในแถบเอเชีย LINE ก็เป็นแอปส่งข้อความยอดนิยมทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ซึ่ง LINE ไม่ได้มองแค่ว่าตัวเองนั้นเป็นแค่แอปส่งข้อความ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน ที่รวมทั้งการช้อปปิ้ง เล่นเกม ชำระเงิน และการติดตามแบรนด์ที่ชื่นชอบ โดย LINE มีเป้าหมายที่จะเป็น   “โครงสร้างพื้นฐานในชีวิต” ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมงและตลอด 365 วัน โดย Braze แพลตฟอร์มด้านการสร้าง Customer Engagement ได้มองเห็นถึงความสำคัญในการทำการตลาดผ่านช่องทาง LINE ในประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุด! Braze ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าตอนนี้ Braze สามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้แล้ว! การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในการส่งข้อความผ่านช่องทางแชทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย มาดูกันว่า Braze และ LINE OA สามารถทำอะไรร่วมกันได้บ้าง? สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าผ่านมือถือด้วย Braze และ LINE Braze ตั้งใจช่วยให้แบรนด์เติบโตด้วยการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจและมีคุณค่าในทุกการเดินทางของลูกค้า ผ่านช่องทางที่ลูกค้าชื่นชอบ นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลของตัวเองที่เก็บมาในการส่งข้อความที่น่าสนใจและเฉพาะบุคคล (Personalization) พร้อมเชื่อมโยงประสบการณ์ผ่าน LINE เข้ากับช่องทางการตลาดอื่น ๆ ให้ต่อเนื่องและสอดคล้องกัน 1. ตั้งค่าและขยายการตลาดบน LINE ได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยเครื่องมือที่สามารถตั้งค่าได้รวดเร็วและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย Braze ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อบัญชีเข้ากับ LINE ได้ทันที และสร้างแคมเปญได้อย่างง่ายดายด้วยการสร้างเทมเพลตพร้อมใส่ข้อความที่ต้องการและปรับแต่งเนื้อหาตามกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอิสระ นักการตลาดสามารถจัดการเพื่อนบน LINE ได้สะดวก สามารถอัปเดตและดูสถานะของลูกค้าได้ว่าใครสมัครรับข่าวสารบ้างหรือใครยังไม่ได้ยืนยันการสมัครสมาชิกเป็นต้น 2. สร้างความสัมพันธ์ด้วยการส่งข้อความที่ตรงใจลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ ลูกค้าที่ใช้ LINE คาดหวังให้แบรนด์มีการสื่อสารที่น่าสนใจเหมือนคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว ด้วย Braze แบรนด์ต่าง ๆ สามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อส่งข้อความที่ตรงใจผ่านเนื้อหาแบบเฉพาะบุคคล เช่น คำแนะนำสินค้า โปรโมชัน คะแนนสะสม และการแจ้งเตือน และ Braze ยังช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลต่าง ๆ เช่น...

Continue reading

[Webinar] Winning with Brand.com & Marketplaces

คุณพร้อมที่จะยกระดับธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์ของคุณไปอีกขั้นแล้วหรือยัง? คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า การขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ต่าง ๆ อย่างเช่น Shopee Lazada และการมีเว็บไซต์ของตัวเอง แบบไหนให้ประโยชน์และเหมาะกับธุรกิจของคุณมากกว่ากัน? เราขอเรียนเชิญคุณเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์สุดพิเศษกับงาน “Winning with Brand.com & Marketplaces” ที่ร่วมกันจัดขึ้นระหว่าง Demeter ICT และ Shopify เพื่อไขข้อข้องใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การขายสินค้าออนไลน์ที่ใช่สำหรับธุรกิจและลูกค้าของคุณ พร้อมเจาะลึกเทรนด์ล่าสุดและผลสำรวจเชิงลึก ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงข้อดีของการมีเว็บไซต์ Brand.com ของตัวเอง! มาร่วมเรียนรู้วิธีสร้างร้านค้าออนไลน์ที่เป็นของตัวเองและควบคุมทุกอย่างได้ด้วยปลายนิ้ว พร้อมเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนแบรนด์ของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าเหนือคู่แข่ง เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรพลาดงานนี้ด้วยประการทั้งปวง! งานสัมมนาออนไลน์ “Winning with Brand.com & Marketplaces” วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 – 15.00 น. บรรยายผ่านช่องทาง Google Meet (*มีทั้งบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ*) ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ลงทะเบียนฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย Highlights ที่คุณจะได้รับจากงานนี้: เรียนรู้กลยุทธ์การขายแบบ Unified Commerce ที่ช่วยเชื่อมต่อช่องทางการขายต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น เจาะลึกพฤติกรรมและความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบัน เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ตรงใจลูกค้า เรียนรู้วิธีเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อใช้ต่อยอดในการสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ดียิ่งขึ้น รู้ไว้ไม่ขาดทุน ศึกษาวิธีการคำนวณอัตรากำไร และเทคนิคการเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจของคุณ อยากมีเว็บไซต์ให้กับแบรนด์ต้องทำอย่างไร? เรียนรู้ขั้นตอนการเปิดตัวเว็บไซต์แบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ Speaker Varanyu Suchivoraphanpong CEO & Founder of Demeter ICT Soojin Jeong Senior Manager, Channel Partnerships, Shopify Agenda 2.00 – 2.05 PM Welcome Speech 2.05 – 2.50 PM Session1: Unified Commerce...

Continue reading

รู้จัก Kanban Boards คืออะไร? เครื่องมือสร้าง Work Management อย่างมีประสิทธิภาพ

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! Kanban Boards คืออะไร? Kanban Boards คือ เครื่องมือที่ช่วยจัดการงานทั้งหมดของโปรเจกต์หรือของบุคคลนั้น ๆ เป็นเหมือนกระดานที่แบ่งออกเป็นคอลัมน์ เพื่อแสดงขั้นตอนการทำงานของแต่ละงาน โดยแต่ละงานจะถูกแสดงเป็นการ์ด (Card) ที่ระบุรายละเอียดของงาน เช่น ชื่องาน ผู้รับผิดชอบ กำหนดเวลา เป็นต้น ช่วยให้ทีมมองเห็นภาพรวมของงานทั้งหมด ระบุคอขวดที่กำลังเป็นอุปสรรค และจัดลำดับความสำคัญของงาน การ์ดเหล่านี้จะถูกย้ายไปตามคอลัมน์ต่าง ๆ เพื่อแสดงสถานะของงานว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนใด เช่น To Do: งานที่ยังไม่ได้ทำ In Progress: งานที่กำลังดำเนินการอยู่ Done: งานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่มาของ Kanban Boards จากสายการผลิตสู่การจัดการโปรเจกต์ Kanban Boards มีต้นกำเนิดมาจากระบบการผลิตของบริษัท Toyota ในช่วงทศวรรษที่ 1940 โดย Taiichi Ohno ซึ่งเป็นวิศวกรชาวญี่ปุ่น ได้คิดค้นระบบนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในการจัดการสายการผลิต เพื่อควบคุมและจัดการงานและสินค้าคงคลังในทุกขั้นตอนของการผลิตอย่างเหมาะสมที่สุด ซึ่ง Kanban (คัมบัง) เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่าการ์ด (Card) หรือก็คือ Card Board นั่นเอง แนวคิดหลักของ Kanban คือ การใช้บัตร (Card) หรือการ์ดขนาดเล็กเพื่อแสดงถึงปริมาณงานที่แต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิตสามารถดำเนินการได้ เมื่องานหนึ่งเสร็จสิ้น บัตรนั้นจะถูกย้ายไปยังขั้นตอนต่อไป ทำให้ผู้ผลิตสามารถเห็นภาพรวมของกระบวนการผลิตทั้งหมดได้อย่างชัดเจน และช่วยให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ต่อมาแนวคิดของ Kanban ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการโปรเจกต์ (Project Management) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ เนื่องจาก Kanban สามารถช่วยให้ทีมงานเห็นภาพรวมของโครงการได้อย่างชัดเจน และช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องมือ Kanban Boards เหมาะกับใคร? Kanban Boards เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้หลากหลายและมีประโยชน์ต่อบุคคลและทีมงานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเล็ก หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปที่ต้องการจัดการงานส่วนตัว แต่ถ้าพูดถึง First Priority สำหรับทีมหรือคนที่ต้องมีไว้ใช้งาน เช่น ทีมที่ทำงานแบบ Agile: Kanban เป็นหนึ่งในวิธีการทำงานแบบ Agile...

Continue reading

5 Marketing Trends สำหรับธุรกิจ Financial Services ในปี 2024 ที่น่าจับตามอง

ธุรกิจที่ให้บริการทางด้านการเงินกำลังได้รับประโยชน์จากการใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับผลลัพธ์ที่โดดเด่น พวกเขาใช้การแบ่งกลุ่มลูกค้าที่ละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่เก็บมาจากลูกค้าเองโดยตรง (Zero-Party Data) ในการวางแผนแคมเปญการตลาดที่เฉพาะตัว (Personalized Marketing) นอกจากนี้ธุรกิจเหล่านี้ยังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั่วทั้งองค์กร ไม่ใช่แค่ฝ่ายการตลาดเท่านั้น แต่ทุกแผนกในองค์กรจะร่วมมือกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า สำหรับปี 2024 มีแนวโน้มการตลาดในด้านการเงินที่น่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งสรุปจากรายงาน Global Customer Engagement Review (CER) ของ Braze เราจะมาดูกันว่าเทรนด์การตลาดที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจที่ให้บริการด้านการเงินเหล่านี้มีอะไรบ้าง? และนักการตลาดสามารถสร้างความล้ำหน้าให้กับองค์กรของคุณให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างไร? 5 Marketing Trends สำคัญสำหรับธุรกิจ Financial Services 1. จำเป็นต้องมีเครื่องมือและทักษะที่เหมาะสม เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ธุรกิจด้านการเงินจะได้ประโยชน์จากการที่ทีมการตลาดทำงานร่วมกับทีม Data Scientists และ BI (Business Intelligence) เพราะทีมเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดเข้าใจข้อมูลลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และนำข้อมูลไปใช้ในการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำโปรโมชันที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้นหรือการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่มทักษะด้านข้อมูลให้กับนักการตลาดเองก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาทีมอื่นมากเกินไป การให้เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและแนะนำการตลาด แก่นักการตลาดก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้นักการตลาดทำงานได้ง่ายขึ้น และลดช่องว่างด้านทักษะในองค์กร 2. ใช้ช่องทางที่หลากหลายและเหมาะสมในการสื่อสารกับลูกค้า จะช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและกลับมาใช้บริการบ่อยขึ้น ข้อมูลจาก Braze บอกว่า การส่งอีเมลหรือแจ้งเตือนผ่านมือถือ (Push notification) นั้นได้ผลดีในการดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้งานบนแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ การใช้หลายช่องทางในการส่งแคมเปญไปพร้อม ๆ กัน ทั้งในแอปพลิเคชันและนอกแอปพลิเคชัน (เช่น อีเมล, SMS) แบบ Cross-Channel Messaging ก็จะยิ่งทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและอยู่กับเราได้นานขึ้นอีกด้วย 3. เริ่มให้ความสำคัญในด้านของความคิดสร้างสรรค์ของแคมเปญการตลาดที่มากขึ้น ปัญหาหลักของนักการตลาดของธุรกิจด้านการเงิน คือ ขาดเครื่องมือที่ทันสมัย ในการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดให้เป็นไปตามที่ต้องการ นักการตลาดหลายคนในวงการด้านการเงินบอกว่า เครื่องมือที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้ ไม่สามารถช่วยให้คิดไอเดียใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ตามที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งที่เป็นอุปสรรค ก็คือ เน้นผลลัพธ์ตัวเลขมากเกินไป: ธุรกิจประเภทนี้มักจะให้ความสำคัญกับตัวเลขต่าง ๆ เช่น ยอดขาย ยอดดาวน์โหลด มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับไอเดียใหม่ ๆ ที่อาจจะยังวัดผลได้ยากในตอนแรก วัดผลความคุ้มค่าของไอเดียยาก: นักการตลาดไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าไอเดียใหม่ ๆ ที่พวกเขาคิดขึ้นมานั้นจะสร้างผลกำไรให้กับองค์กรได้มากน้อยแค่ไหน...

Continue reading