Asana Features Updated ประจำเดือนกันยายน 2025

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! สำหรับ Asana Package Personal และ Basic Swimlanes on board view:  จัดการงานในมุมมองบอร์ด (Board View) ให้เป็นแนวนอนตามเซกชัน (Section), ผู้รับผิดชอบ (Assignee) หรือ Custom Fields ทำให้มองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น CSV Import improvements: ระบบจะแจ้งเตือนสถานะให้แบบเรียลไทม์ เมื่อคุณนำเข้าไฟล์ CSV เช่น เตือนเมื่อจำนวนแถวเกินกว่าที่กำหนด และส่งอีเมลแจ้งทันทีว่าข้อมูลส่วนไหนที่นำเข้าสำเร็จหรือส่วนไหนที่มีปัญหา Granular API scopes for existing apps: สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง API ที่คุณใช้อยู่ได้ละเอียดขึ้น เช่น จะให้สิทธิ์เฉพาะบางส่วนหรือให้สร้าง webhook ได้ โดย ไม่ต้องสร้างแอปใหม่ ทำให้ปลอดภัยขึ้นและควบคุมการเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น Task templates respect work schedule: ตอนที่สร้างงานจาก Task Template คุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้ระบบนับวันครบกำหนดตามเวลาการทำงานของทีมหรือไม่ เพื่อให้กำหนดการตรงกับวันทำงานจริง และไม่ชนกับวันหยุดหรือตารางอื่น ๆ Admin console dark mode: หน้า Admin console รองรับ Dark mode แล้ว Improved color customization: ระบบมีการเพิ่มและปรับโทนสีใหม่ให้ดูสวยและมีมิติมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์ ทีม หรือทั้ง Workspace Quick find and Contextual search: ค้นหางานในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ทันทีด้วย Quick find และ Contextual search ที่ช่วยค้นหาทั่วทั้งระบบ แต่เลือกกรองดูเฉพาะโปรเจกต์ที่ต้องการ ใช้ได้ทั้งใน Project, My tasks และมุมมองทั้งหมด (List, Board,...

Continue reading
visual project management

3 เครื่องมือ ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของโปรเจกต์ทั้งหมดด้วย Asana

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! วิธีการบริหารโปรเจกต์และงานของแต่ละคน แต่ละทีม แต่ละองค์กรมักมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าผู้ที่ดูแลบริหารโปรเจกต์คิดเหมือนกัน คือ การมองเห็นภาพรวมของโปรเจกต์และงานทั้งหมดในรูปแบบที่จับต้องได้ เข้าใจง่ายและชัดเจน ซึ่งการบริหารโปรเจกต์แบบให้เห็นภาพที่ชัดเจนนั้นเรียกว่า Visual Project Management คือ แนวทางการบริหารโปรเจกต์ที่ผสมผสานการทำงานเข้ากับเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้การดูภาพรวมของโปรเจกต์นั้น แสดงในรูปแบบของภาพและมุมมองต่าง ๆ ที่เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งในบทความนี้เราจะยกตัวอย่าง 3 เครื่องมือ ที่จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของโปรเจกต์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจนและง่ายมากขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม Asana จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน! 1. ไทม์ไลน์และแผนภูมิ (Timelines & Gantt Charts) หนึ่งในวิธีการดูแผนของโปรเจกต์ให้ชัดเจน คือ การทำไทม์ไลน์และแผนภูมิ (Timelines & Gantt Charts) ซึ่งจะแสดงงานทั้งหมดของโปรเจกต์ในรูปแบบกราฟแท่ง เพื่อให้เห็นได้ว่าแต่ละงานต้องเริ่มและจบเมื่อไหร่ และใช้เวลานานแค่ไหน เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่มีกรอบเวลาชัดเจนและงานต้องเสร็จตามกำหนด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ได้ดีขึ้น จัดการคนให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงและเห็นความเชื่อมโยงของงานทั้งหมด โดยตัวอย่างโปรเจกต์ที่เหมาะกับรูปแบบไทม์ไลน์และแผนภูมิ เช่น: การจัดการแคมเปญการตลาด แคมเปญการเปิดตัวสินค้า การวางแผนงานอีเวนต์ 2. กระดานคัมบัง (Kanban Boards) คัมบัง (Kanban) เป็นวิธีจัดการงานที่ใช้ “การ์ด” แทนงานแต่ละชิ้นและวางการ์ดไว้ในคอลัมน์ที่บ่งบอกถึงสถานะงานในตอนนั้น เช่น To-do → Doing → Done โดยที่เวลางานมีความคืบหน้า การ์ดก็ถูกย้ายไปตามคอลัมน์ถัดไป เพื่อทำให้ทีมมองเห็นได้ทันทีว่าตอนนี้งานอยู่ในขั้นตอนไหนของโปรเจกต์ทั้งหมด Kanban Boards เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับงานหรือโปรเจกต์ที่มีหลายขั้นตอน และต้องการติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ได้ดีกับงานแบบ Agile เช่น: การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอป (ตัวอย่าง: Backlog → In Progress → Testing → Done) การผลิตคอนเทนต์ หรือ เว็บไซต์ (ตัวอย่าง: Idea → Draft → Review → Published) การรับบรีฟและอนุมัติจากลูกค้า (ตัวอย่าง: Request...

Continue reading
Major Cineplex (Braze Customer Story)

บทสัมภาษณ์ Major Cineplex: มุ่งเป้ายกระดับประสบการ์ลูกค้า สู่การขายตั๋วผ่านแอป 100% แบบ Personalized ด้วย Braze

Demeter ICT ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเอิร์น (Sirintra Tangtrakulpaisan) จากทีม Application Growth, Cinema Marketing ของ Major Cineplex ถึงเบื้องหลังความสำเร็จในการใช้ Braze ยกระดับการจัดการข้อมูลลูกค้าและประสบการณ์แบบ Personalization พร้อมแชร์กลยุทธ์การตลาดที่ไม่ใช่แค่การ ‘ยิงแอด’ แต่คือการเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง มาดูว่าพวกเขาเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจได้อย่างไร? หากคุณกำลังมองหา Martech Tool ที่ตอบโจทย์ทั้ง Retention, Personalization และ Performance Marketing แบบเรียลไทม์ บทความนี้ห้ามพลาด! ความท้าทายและอุปสรรคของ Major Cineplex ทีมการตลาดของ Major Cinplex ได้เผชิญกับปัญหาจากแพลตฟอร์ม CDP เดิมที่ขาดความยืดหยุ่น ทำให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ยาก ไม่แม่นยำและซ้ำซ้อน ส่งผลให้การตั้งค่าแคมเปญมีข้อผิดพลาดบ่อยครั้ง อีกทั้งข้อจำกัดด้านทีม Developer และ Project Owner ทำให้ทีมการตลาดต้องตรวจสอบและแก้ปัญหากันเอง ซึ่งล่าช้าและไม่ทันต่อความต้องการของลูกค้าแบบ Real-time กลยุทธ์ของ Major Cineplex หลังใช้ Braze หลังจากเริ่มใช้ Braze ทีม Major Cineplex ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อผลักดันให้ลูกค้ามาซื้อตั๋วผ่านแอปพลิเคชันแบบ 100% โดยเน้นเปลี่ยนผู้ใช้งานที่แค่เข้ามาดูรอบหนัง (Active users) ให้กลายเป็นผู้ซื้อ (Purchaser) ผ่านกลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น การมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม และใช้ข้อมูลลูกค้าที่ได้จาก Braze ในการทำ Retargeting เพื่อลดต้นทุนโฆษณาและเพิ่มประสิทธิภาพให้แคมเปญการตลาดเป็นต้น และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์นี้ ทางทีมของ Major Cineplex ยังมีแผนใช้ฟีเจอร์ Content Cards ในการสร้าง Product Catalog และฟีเจอร์ AI Recommendation ของ Braze เพื่อแนะนำหนังหรือโปรโมชันที่ตรงใจกับลูกค้าคนนั้น ๆ แบบ Personalized ผลลัพธ์ของ...

Continue reading

Asana Features Updated ประจำเดือนสิงหาคม 2025

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! สำหรับ Asana Package Personal และ Basic Replace team licensing with user licensing in mixed domains: เปลี่ยนจากการซื้อสิทธิ์การใช้งานแบบทีมมาเป็นแบบผู้ใช้ (Users) เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่คิดค่าบริการที่ซ้ำซ้อนเพิ่มเติม ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ iOS View Switcher to Inbox: สลับมุมมองและควบคุมฟิลเตอร์ได้ทั่วทั้งในส่วนของงาน, โปรเจกต์, และกล่อง Inbox บนอุปกรณ์ iOS ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น Personalized mobile onboarding: แชร์บทบาท หน้าที่ และกรณีการใช้งานของคุณ เพื่อรับประสบการณ์ในการเริ่มต้นใช้งานแพลตฟอร์ม Asana ที่ตรงตามกับความต้องการบน iOS และ Android สำหรับ Asana Package Starter และ Premium Team sharing for custom fields: ให้ผู้ดูแลระบบ (Admins) สามารถให้สิทธิ์การเข้าถึงทั้งทีมได้ในครั้งเดียว ช่วยลดการทำงานที่ยุ่งยาก ให้การจัดการง่ายขึ้น และสนับสนุนการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Smart chat in Microsoft 365 Copilot: เข้าถึง Smart chat ของ Asana ได้โดยตรงใน Microsoft Copilot เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกของโปรเจกต์ได้ทันที ระบุปัญหาคอขวด และรับคำแนะนำจาก AI โดยไม่ต้องสลับแอปพลิเคชัน AI-powered project selection: ให้ AI ช่วยตัดสินใจและกำหนดโปรเจกต์ที่เหมาะสมสำหรับงานที่สร้างขึ้นใหม่จากกฎ (Rules) ต่าง ๆ Custom field dropdown in advanced search: แสดงฟิลด์...

Continue reading
Asana AI AI Studio

เปรียบเทียบ Asana AI และ AI Studio ต่างกันอย่างไร?

Asana ได้พัฒนาแพลตฟอร์มให้ก้าวข้ามขีดจำกัดมากกว่าแค่เครื่องมือจัดการงานและโปรเจกต์แบบเดิม ๆ ด้วยการผสานพลังของ AI เข้ามาในแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับการจัดการงานและโปรเจกต์ไปอีกขั้น ซึ่ง​ AI ในแพลตฟอร์ม Asana จะมี 2 ตัวด้วยกันคือ Asana AI และ AI Studio จึงอาจทำให้ผู้ใช้งานหลายคนสงสัยว่า ระหว่างสองตัวนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยให้กับคุณ มาเริ่มทำความรู้จักกับ AI ทั้งสองตัวของ Asana กันเลย! Asana AI คืออะไร? Asana AI คือ ฟีเจอร์ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม Asana โดยตรง ช่วยให้การทำงานประจำวันเป็นเรื่องง่ายขึ้นในหลาย ๆ ด้าน เช่น การสรุปข้อมูลของงานและโปรเจกต์ แนะนำการอัปเดตสถานะ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เสนอแนวทางการทำงานและเป้าหมายที่เหมาะสมแบบเรียลไทม์ เป็นผู้ช่วยมือขวาที่คอยทำงานอยู่เงียบ ๆ ช่วยให้คุณและทีมทำงานร่วมกันได้เร็วขึ้น เห็นภาพของงานและโปรเจกต์โดยรวมมากขึ้น Asana AI สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แพ็กเกจ Asana Starter, Advanced, Enterprise และ Enterprise+ AI Studio คืออะไร? AI Studio คือ เครื่องมือสำหรับสร้างเวิร์กโฟลว์ภายในแพลตฟอร์ม Asana ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการให้การทำงานบางอย่างเป็นไปตามโฟลว์ได้แบบอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องมานั่ง Manual ด้วยตนเอง ให้ AI Studio ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังในทีมของเรา โดยความสามารถหลักของ AI Studio มีดังนี้: สร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติด้วยภาษาที่เราใช้ได้ง่าย ๆ: พิมพ์คำสั่งเวิร์กโฟลว์ที่เราต้องการด้วยภาษาง่าย ๆ เช่น ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์คำสั่ง “ถ้ามีคำขอเข้ามาใหม่ ให้สร้างงานในโปรเจกต์ A แล้วแจ้งทีม B ให้ที” AI Studio ก็จะสร้างระบบอัตโนมัติให้ตามคำสั่งนั้นได้เลยทันที สร้าง “Smart Workflows” ที่ทำงานได้หลายขั้นตอน:...

Continue reading

Asana Features Updated ประจำเดือนกรกฎาคม 2025

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! สำหรับ Asana Package Personal และ Basic Enhanced password security: ยกระดับการป้องกันบัญชีของคุณ ด้วยการตรวจสอบรหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัยตามมาตรฐานความปลอดภัยของ FedRAMP (Federal Risk and Authorization Management Program) Smart navigation improvements: ใช้งาน Asana ได้คล่องตัวขึ้นด้วยการค้นหาและฟีเจอร์การค้นพบรูปแบบใหม่ ที่ช่วยให้คุณหาเนื้อหาที่ต้องการได้เร็วขึ้น Updated URL structure: ได้รับประสบการณ์ URL ที่สะอาดตาและเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ช่วยให้การแชร์ และบุ๊กมาร์กเนื้อหาใน Asana เป็นเรื่องง่าย Task attachment copying: เมื่อคัดลอกหรือ Duplicate งานเดิม ระบบจะคัดลอกไฟล์แนบมาด้วยอัตโนมัติ ช่วยให้ไม่ต้องแนบไฟล์ใหม่ด้วยตัวเอง และข้อมูลงานยังครบเหมือนต้นฉบับ สำหรับ Asana Package Starter และ Premium Team sharing on project templates: เพิ่มทีมเข้าในเทมเพลตโปรเจกต์ได้โดยไม่ต้องเพิ่มสมาชิกทีละคน ทำให้การตั้งค่าโปรเจกต์และการทำงานร่วมกันง่ายขึ้น https://dmit.co.th/wp-content/uploads/2025/07/Asana-Project-members.mp4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Creative workflow packages: เข้าถึงเทมเพลตเวิร์กโฟลว์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับทีมผลิตสื่อ (Creative) เช่น การรีวิวสื่อและอนุมัติไฟล์ต่าง ๆ Universal dashboard team sharing: แชร์แดชบอร์ดกับหลายทีม เพื่อให้เห็นภาพรวมความคืบหน้าของโปรเจกต์และประสิทธิภาพของทีมได้กว้างขึ้น โดยวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของแดชบอร์ดของคุณ: คลิก Share (แชร์) เชิญบุคคลหรือทีม โดยพิมพ์ชื่อ อีเมล หรือชื่อทีม เปลี่ยนการตั้งค่าการเข้าถึงเป็น ส่วนตัว (Private) หรือ มองเห็นได้ภายในองค์กร (Visible to the org) เลือกสิทธิ์การเข้าถึงของสมาชิกว่าเป็น ผู้ดูแลแดชบอร์ด (Admin) หรือ ผู้ชม (Viewer) ดูรายละเอียดเพิ่มเติม...

Continue reading
OKR with Asana

เปลี่ยนเป้าหมาย OKR ขององค์กรให้เป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ด้วย Asana

หลายองค์กรเริ่มใช้ OKR เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับเป้าหมายและผลลัพธ์ แต่ในความเป็นจริง การตั้ง OKR ให้สำเร็จไม่ใช่แค่เรื่องของการเขียนเป้าหมายให้ดูดีบนกระดาษ หากไม่มีการติดตามอย่างต่อเนื่องหรือไม่มีเครื่องมือที่ช่วยให้ทีมเห็นภาพรวมของสิ่งที่กำลังทำอยู่ ก็ยากที่จะเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ Asana เข้ามาช่วย ทำให้ OKR ไม่ได้หยุดอยู่แค่บนกระดาษ แต่สามารถเชื่อมโยงเป้าหมายระดับองค์กรเข้ากับโปรเจกต์ งาน และคนในทีมอย่างเป็นระบบ บทความนี้จะพาคุณรู้จักวิธีตั้ง OKR ให้ได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ พร้อมเทคนิคและตัวอย่างที่ใช้งานได้ทันทีด้วย Asana เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! OKR คืออะไร? OKR (Objectives & Key Results) คือ วิธีการตั้งเป้าหมายที่ช่วยเชื่อมโยง “วัตถุประสงค์” กับ “ผลลัพธ์ที่สามารถวัดได้” อย่างชัดเจน เช่น เพิ่มจำนวนผู้ใช้งานใหม่ 10,000 คนภายใน 1 ไตรมาสเป็นต้น การตั้ง OKR ในรูปแบบรายไตรมาสจะช่วยให้ทีมมีเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถโฟกัสและปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ตัวอย่าง OKR ของทีม Marketing: Objective: เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าในไตรมาสที่ 3 Key Result 1: เพิ่ม Open Rate ของอีเมลจาก 25% เป็น 40% Key Result 2: เพิ่มจำนวนผู้สมัครสมาชิกรายเดือนจาก 3,000 เป็น 5,000 ราย Key Result 3: ลด Churn Rate จาก 8% เหลือ 5% ที่มาของ OKR (Objective และ Key Result ) OKR ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1970 โดย Andy Grove ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่ Intel ได้ต่อยอดมาจากแนวคิด Management by...

Continue reading

Asana Features Updated ประจำเดือนมิถุนายน 2025

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! สำหรับ Asana Package Personal และ Basic Inbox notifications in Microsoft Teams: รับการแจ้งเตือนผ่าน Inbox ของ Asana และดำเนินการได้ทันทีจากใน Microsoft Teams จากแถบด้านข้าง ให้เข้าไปที่แชทของคุณแล้วคลิกที่แชทกับบอท Asana พิมพ์คำว่า “link project” จากนั้นคลิกปุ่ม Link project ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Multi-task manual triggers: เรียกใช้กฎ (Riles) ที่ตั้งไว้แบบ Manual พร้อมกันหลายงานได้จากแถบเครื่องมือด้านล่างในมุมมองแบบรายการ (List View) ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Improved mobile task detail UI tap states: โหลดหน้ารายละเอียดงานได้เร็วขึ้น พร้อมเอฟเฟกต์ภาพและการสั่น (haptics) และการตอบสนองที่ดีขึ้นเมื่อแตะองค์ประกอบต่าง ๆ iOS project saved tabs: จัดการมุมมองโครงการที่กำหนดเองของคุณได้โดยตรงจากอุปกรณ์ iOS ของคุณด้วยแท็บที่บันทึกโปรเจกต์ไว้ https://dmit.co.th/wp-content/uploads/2025/06/AnimatedUI-HelpCenter-Projects-Projectcustomizationandviews-001-en-US.mp4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ สำหรับ Asana Package Starter และ Premium Enhanced request approval in mobile: ตรวจสอบและตอบรับคำขอการเข้าถึงโปรเจกต์จากอุปกรณ์มือถือได้โดยตรง Custom work schedules: ปรับเวลาทำงานให้ตรงกับวันที่ทีมของคุณทำงานจริง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Refreshed AI settings page in the Admin console: เปิดใช้งาน AI ทั่วทั้งองค์กรได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว Add variables in Slack message rules:...

Continue reading
5 Features of Braze platform

สรุป 5 ฟีเจอร์เด่นของ Braze ที่ตอบโจทย์นักการตลาดยุคใหม่!

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! ในยุคที่การตลาดมีการแข่งขันสูงทั้งในเรื่อง ‘การแย่งลูกค้าใหม่’ และ ‘การรักษาฐานลูกค้าเก่า’ นักการตลาดต้องไม่หยุดแค่การ “ยิงแอด” แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาถูกใส่ใจ และทำให้อยากกลับมาซื้อหรือใช้บริการของเราอีก การที่เราจะเข้าใจความต้องการของลูกค้าและตอบสนองออกได้อย่างตรงจุดนั้น พูดกันตามตรงว่าถ้าเราไม่มีเครื่องมือหรือตัวช่วยในการจัดการมันยากมากที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่แบรนด์ระดับโลกไว้วางใจและใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบ Real Engagement ก็คือ Braze บางคนอาจเคยได้ยินชื่อ Braze มาก่อน…แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว Braze ทำอะไรได้บ้าง นอกจากแค่ส่ง Email หรือ Push Notification? บทความนี้เราสรุปแบบเข้าใจง่ายมาให้แล้วแบบเน้น ๆ กับ 5 ฟีเจอร์เด่นของ Braze ที่จะช่วยให้นักการตลาดของคุณสามารถทำ Personalized Marketing และ Retention Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากคุณอยากรู้จัก Braze ให้มากขึ้น..คลิกที่นี่ Braze คือ แพลตฟอร์ม Customer Engagement ที่ช่วยยกระดับให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้แบบตรงจุด เฉพาะตัว ในเวลาที่ใช่ ผ่านหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Email, Push Notification, In-App Message, Web Push, SMS, หรือแม้แต่แอปแชตยอดฮิตของไทยอย่าง LINE อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ 5 ฟีเจอร์เด่นของแพลตฟอร์ม Braze มีอะไรบ้าง? 1. Braze Data Platform Braze Data Platform เป็นหัวใจหลักของ Braze ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนได้แบบเรียลไทม์ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำ เช่น ลูกค้า A เพิ่งลงทะเบียนสมัครสมาชิก ลูกค้า B กำลังกดดูสินค้าชิ้นหนึ่งในแอป ลูกค้า C เพิ่มของในตะกร้าบนเว็บไซต์ แต่ยังไม่จ่ายเงิน ลูกค้า D คลิกลิงก์โปรโมชันสินค้าหนึ่งในอีเมล ลูกค้า F ไม่ได้เข้าเว็บหรือแอปเรามาเกิน 1...

Continue reading