ด้วยการรวม Zendesk Support เข้ากับ Upwork ทำให้ Tango ประหยัดต้นทุนในการซัพพอร์ตได้มากถึง 70% และลด FRT ลง 67%...
University of Lincoln
Zendesk Support เพื่อ IT Support ของมหาวิทยาลัยลิงคอล์น...
The Royal Children’s Hospital
Zendesk Support ช่วยให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น...
ทำไมต้อง Upskill และ Reskill
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคของดิจิตอล เกือบทุกองค์กรจะต้องมีการปรับตัวหรือปรับการทำงานเพื่อให้อยู่รอด และด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรต้องมี Upskill และ Reskill เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานและพัฒนาทักษะพนักงานเพื่อให้เกิดความรู้ ความสามารถที่เท่าทันกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง The World Economic Forum ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในอนาคตจะมีการโยกย้ายงาน หรืองานอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ 75 ล้าน ตำแหน่งภายในปี 2565 ใน 20 ประเทศเศรษฐกิจหลัก และในขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการสร้างหรือเพิ่ม 133 ล้าน บทบาทหรือตำแหน่งใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและดิจิตอล (The World Economic Forum, 2018) ทั้ง 2 เหตุผลนี้เองทำให้เกิดคำว่า ทำไมต้อง Upskill และ Reskill Upskill และ Reskill คืออะไร ? และทำไม ? ต้องมี Upskill คือ เป็นการเสริมและพัฒนาทักษะของพนักงานจากงานเดิม เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงาน และส่วนใหญ่เป็นการนำเทคโนโลยีหรือดิจิตอลมาปรับใช้ให้เข้ากับการทำงาน เช่น เรียนรู้เทคโนโลยีเพิ่มเติม เมื่อบริษัทนั้นนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานใหม่ Reskill คือ การสร้างทักษะใหม่ที่แตกต่างไปจากงานเดิมที่ทำอยู่ เป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อนำไปใช้กับบริบทอื่นของตำแหน่งงาน และเพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับการทำงานในยุคที่เทคโลโนโลยีและดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำไมต้อง Upskill และ Reskill 1. การทำงานที่เปลี่ยนไป (หมดยุคกระดาษอย่างชัดเจน) บริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในเรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้กับกระบวนการทำงานเดิม เช่น จากเดิมคุณอาจจะต้องบันทึกข้อมูลลงกระดาษและส่งต่อให้แผนกอื่น ๆ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปสิ่งใหม่ ๆ ก็สามารถเข้ามาแทนที่ได้ อย่างเช่น Google Workspace ที่คุณสามารถสร้างเอกสารออนไลน์และแชร์ให้กับคนอื่น ๆ ในบริษัทได้โดยที่คุณไม่ต้องพิมพ์เอกสารออกมาเพื่อนำไปวางไว้ที่โต๊ะแผนกอื่น ๆ ความจำเป็นที่ต้องใช้กระดาษหรือแฟลชไดรฟ์ ก็ลดน้อยลงไป การเรียนรู้ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและคลาวด์ก็จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นทักษะใหม่ที่ต้อง Upskill และ Reskill กับแทบทุกคน 2. เพิ่มคุณค่าในพนักงานและองค์กร สร้างโอกาสในการทำงานใหม่ ๆ และพัฒนาทุกคนในองค์กรให้เท่าทันโลกและคู่แข่ง...
Continue readingGoogle Meet ตัดเสียงรบกวนระหว่างประชุม
Google Meet ใช้ระบบ Cloud-based AI ตัดเสียงรบกวนระหว่างคุณพูดประชุม เพื่อให้การทำงานของคุณนั้นมีประสิทธิภาพและโปรมากขึ้น สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ เช่น เสียงเปิด-ปิดประตู เสียงแป้นพิมพ์ เป็นต้น ทำให้ระหว่างที่คุณพูดประชุมเสียงชัดและไม่มีเสียงรบกวนอีกต่อไป ตอนนี้รองรับแพ็คเกจ G Suite Enterprise, G Suite Enterprise for Education customers* Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ 02 030 0066...
รู้หรือไม่? Google Sheets แปลภาษาได้
คุณรู้หรือไม่ว่า Google sheets สามารถแปลภาษาได้ เพียงใช้ฟังก์ชันสั้น ๆ ใน sheets คุณก็สามารถแปลคำศัพท์หรือแปลประโยคได้โดยที่ไม่ต้องสลับหน้าต่างไปที่ Google Translate เป็นทริคง่าย ๆ ที่หลายคนนั้นไม่เคยรู้มาก่อน เพียงใส่ฟังก์ชันตามนี้! =GOOGLETRANSLATE(คอลัมน์ของคำต้นฉบับ, “รหัสภาษาของคำต้นฉบับ”, “รหัสภาษาที่ต้องการแปล”) ตัวอย่าง แปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย =GOOGLETRANSLATE(A2,”en”,”th”) ขั้นตอน เปิด Google Sheets ขึ้นมา ในคอลัมน์แรกหรือคอลัมน์ A จะใส่เป็นคำหรือประโยคที่ต้องการจะให้แปล 3. ในคอลัมน์ที่สองหรือคอลัมน์ B ถัดจากคำที่เราต้องการจะแปล ใส่ฟังก์ชัน =GOOGLETRANSLATE(A2,”en”,”th”) ซึ่งในที่นี้หมายถึงว่า ต้องการจะแปลคำในช่อง A2 ที่เป็นคำว่า Home แปลเป็นภาษาไทย 4. เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น และยังสามารถคลิกที่มุมล่างขวาเพื่อลากลงมาแปลคำอื่น ๆ ได้อีกด้วย 5. หรือจะแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ก็ทำได้ เพียงเปลี่ยนจาก th เป็นรหัสภาษาอื่น ๆ ดูได้ที่ลิงก์นี้ เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ง่ายและทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ อย่างไรก็ตามในการใช้ Translate ของ Google ศัพท์ที่ขั้นสูง หรือประโยคที่ซับซ้อน คงจะยังใช้ได้ไม่ดีมาก หากเป็นคำศัพท์ทั่วไป คำสั้น ๆ ถือว่าเป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว ลองนำไปใช้ดูกันเลย! Google Sheets G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...
The New Normal Inventory Management with G Suite: การบริหารคลังสินค้ายุคใหม่ด้วย G Suite
การจัดการคลังสินค้า (Inventory Management) เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยต้นทุนที่ต่ำ เป็นกิจกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเกือบทุกประเภท อีกทั้งยังเป็นต้นทุนพื้นฐานที่สำคัญซึ่งกระทบต่อต้นทุนรวมของผลิตภัณฑ์และการบริการ The New Normal ยุคความปกติใหม่เข้ามามีอิทธิพลและส่งผลในทุกบทบาทของธุรกิจ ในยุคที่โลกบีบให้เราต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น องค์กรสมัยใหม่จึงต้องมีการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบบูรณาการทั้งระดับกลยุทธ์ และระดับปฏิบัติการ โดยอาศัยระบบการทำงานที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย และบุคคลากรที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ต้องทำงานสอดประสานกัน เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการทำงาน พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง สามารถแข่งขันและขับเคลื่อนสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในงานสัมมนานี้ Demeter ICT ขอถ่ายทอดความรู้ในการนำเครื่องมือต่าง ๆ ของ G Suite มาประยุกต์ใช้ในการบริหารคลังสินค้า การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงาน การทำรายงานสรุปผลในแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการประยุกต์การใช้งานขั้นสูงในการสร้างแอปพลิเคชันขององค์กรได้ด้วย G Suite โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรม เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารคลังสินค้ายุคใหม่ที่ต้องมีความรวดเร็ว ยืดหยุ่น แม่นยำ ประหยัดต้นทุน และต้องสามารถนำไปปรับใช้กับการจัดการคลังสินค้าขององค์กรของท่านให้เท่าทันกับยุค New Normal ได้ ลงทะเบียน Speakers วิชชญา จงเจริญ Vice President of Google Solution Consulting อนุชา แจ่มแจ้ง Business Change Consultant Agenda 10.00 – 10.10 : 10.10 – 10.40 : 10.40 – 10.55 : 10.55 – 11.25 : 11.25 – 12.30 : Use case of online inventory management Demo: how to use Google Form, Sheets, Data Studio...
Continue readingทำงานได้ในแบบที่คุณต้องการ ด้วย G Suite
G Suite คอยพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับทุกอุปกรณ์ในการเข้าใช้งาน ทำให้คุณสะดวกสบายมากขึ้น ทำงานได้ในแบบที่คุณต้องการ ซึ่ง G Suite ได้พัฒนา Docs, Sheets, Slides บนอุปกรณ์โทรศัพท์อย่าง Android และ IOS ที่จะช่วยให้คุณดูเอกสารและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม Concept “ดูเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ทุกอุปกรณ์” คุณต้องการอ่านเอกสารหรือตรวจสอบงานขณะเดินทางหรือไม่? ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณเข้าถึงเอกสารได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ ดูสไลด์การนำเสนอได้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้เห็นภาพของงาน ส่วนใหญ่มักจะนำเสนองานผ่านการทำสไลด์ซึ่งจะทำให้ทีมเห็นภาพและสามารถตกลงกันได้ชัดเจน วันนี้คุณสามารถดูสไลด์ที่เลื่อนในแนวตั้งและสามารถซูมได้ มุมมองใหม่นี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบสไลด์ได้เร็วขึ้นและสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย Preview ลิงก์ที่ดูสะดวกมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีการแปะลิงก์ไว้เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารของเรา แต่ตอนนี้ไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอเพื่อกดดูข้อมูลที่อยู่ในลิงก์นั้นแล้ว เพราะตอนนี้สามารถคลิกลิงก์ที่แปะอยู่ในเอกสารและปรากฎข้อมูลที่อยู่ในลิงก์บนหน้าเดียวกัน ทำให้คุณอ่านเอกสารได้อย่างไม่ติดขัด ถนอมสายตาและเซฟแบตเตอรี Docs, Sheets, Slides สามารถใช้โหมด Dark Theme ได้แล้วบนโทรศัพท์คุณได้แล้ว ทำให้คุณสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยได้ง่ายขึ้นและรักษาแบตเตอรี่ได้นานขึ้น Concept “สร้างเอกสารเข้าถึงจากทุกที่” ทีมคุณสามารถทำงานเสร็จได้เร็วมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ของ G Suite เหล่านี้ Docs เขียนได้เร็วขึ้นและมีข้อผิดพลาดน้อยลง Google AI สามารถเดาประโยคหรือคำที่คุณจะพิมพ์ต่อไปได้ และจะช่วยให้คุณสามารถพิมพ์เอกสารได้เร็วขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการสะกดและไวยากรณ์ แก้ไขไฟล์ Microsoft Office ได้อย่างง่ายดาย เมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวการแก้ไขไฟล์ Microsoft Office ที่สามารถอัปโหลดและแก้ไขได้เลยแบบไม่ต้องแปลงไฟล์ ซึ่งอีกไม่นานบนโทรศัพท์ก็จะสามารถทำได้เช่นเดียวกัน แสดงความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น G Suite ได้ปรับอินเทอร์เฟซการแสดงความคิดเห็นที่ใหญ่และชัดเจนขึ้นทำให้เลื่อนดูและตอบกลับความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น มีปุ่มเข้าถึงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบกลับและ @ กล่าวถึงคนอื่น ๆ ในทีม ทำให้การแสดงความคิดเห็นง่ายยิ่งขึ้น ตอบกลับความคิดเห็นได้โดยตรงจาก Gmail คุณจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนทาง Gmail เมื่อมีการคอมเมนต์งานหรือกล่าวถึงคุณให้แชร์ไอเดียในงานนั้น ๆ คุณสามารถตอบกลับหรือแก้ไขความคิดเห็นนั้นได้โดยตรงใน Gmail เพื่อช่วยให้คุณและทีมประหยัดเวลาและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานก็ตาม G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ...
Continue readingHow to ใช้ Google Drive เพื่อการทำงานร่วมกันกับทีม
หากใครที่กำลังจะเริ่มทำงานเป็นทีมอยู่นั้น ลองดู How to ใช้ Google Drive เพื่อการทำงานร่วมกันกับทีมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย 5 วิธีง่าย ๆ ดังนี้ 1. เริ่มจากอัปโหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ใน Google Drive เริ่มต้นง่าย ๆ เพียงคลิกที่ปุ่ม “New” เพื่ออัปโหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ (สามารถรองรับไฟล์ได้มากกว่า 100 ประเภท รวมถึงไฟล์ Microsoft Offices) หรือจะลากและวางไฟล์ลงในไดรฟ์ได้โดยตรง โดยที่ไฟล์ทุกอย่างที่อัปโหลดลงไปจะอยู่บนคลาวด์และซิงค์กับทุกอุปกรณ์ของคุณแบบอัตโนมัติ 2. สร้าง Shared Drive เพื่อให้ทีมเข้าถึงข้อมูล ทางด้านซ้ายของหน้าต่างจะเห็นว่ามีไอค่อนสำหรับ Shared Drive (มีเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน Google Workspace แพคเกจ Business และ Enterprise เท่านั้น) ซึ่งเอาไว้สำหรับให้ทีมของคุณนั้นสร้าง แก้ไข อัปโหลดหรือแชร์ไฟล์ร่วมกันนั่นเอง ทำให้ทุกคนในทีมเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ๆ ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้งานรันต่อได้ไม่มีสะดุด 3. สื่อสารและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ในทีมของคุณสามารถดูการอัปโหลดไฟล์ สร้าง หรือแก้ไขเอกสารอย่าง Docs, Sheets, Slides ได้อย่างเรียลไทม์ รวมถึงคอมเมนต์งานไม่ว่าจะเป็นไฟล์ PDF หรือรูปภาพ และสามารถแท็กคนในทีมให้มาแก้ไขหรือแชร์คอมเมนต์ก็ทำได้ ทั้งนี้ทุกการคอมเมนต์ก็จะแจ้งเตือนไปยังอีเมลของคุณอย่างทันที และทุกการทำงานจะเห็นเอกสารที่ถูกแก้ไขหรืออัปเดตไปพร้อม ๆ กัน 4. ไฟล์ Microsoft Office ก็ทำงานร่วมกับไดร์ฟได้ คุณรู้หรือไม่ว่าในไดรฟ์สามารถซัพพอร์ตไฟล์ได้ถึง 100 ประเภท ซึ่งก็รวมไฟล์ Microsoft Office อยู่ด้วย โดยที่ไม่ต้องแปลงไฟล์ สามารถอัปโหลดเพื่อแชร์ให้กับทีม และแก้ไขงานร่วมกันได้ทันที ซึ่งรูปแบบเอกสารข้างในก็ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้อีกด้วย 5. ไม่ต้องห่วงเรื่องย้อนกลับไป ดูการแก้ไขได้นาทีต่อนาที ไม่ต้องห่วงเรื่องการแก้ไขแล้วกลับไปยังข้อมูลเดิมไม่ได้ ในไดร์ฟที่เก็บข้อมูลในระบบคลาวด์สามารถย้อนดูประวัติการแก้ไขได้ และดูได้ว่าใครแก้ไขอะไรไปนาทีต่อนาที หรือจะกู้คืนไฟล์ก็ไปย้อนดูที่ Trash ของไดร์ฟได้ Google Drive จะช่วยให้ทีมของคุณทำงานร่วมกันได้เร็วขึ้น ด้วยวิธีง่าย...
Continue reading