สำรวจ 8 เทรนด์การทำงานปี 2025 จาก Forbes รู้ก่อนได้เปรียบ! 

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของประชากรในตลาดแรงงาน และความคาดหวังของพนักงานที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างก็สร้างความกังวลใจให้เจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารอยู่ไม่น้อยเลย การทำความเข้าใจและตั้งรับกับเทรนด์หรือทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  ดังนั้น Demeter ICT จึงได้นำบทความจาก Forbes มาให้ทุกท่านได้สำรวจ ศึกษา และเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเทรนด์การทำงานในปี 2025 นี้ไปพร้อมกัน 1. Reskilling และ Upskilling: กุญแจสำคัญสำหรับอนาคต AI ได้เข้ามามีอิทธิพลและเปลี่ยนแปลงการทำงานไปในหลายแง่มุม ทำให้การพัฒนาทักษะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งในปี 2025 ทักษะบางอย่างอาจกลายเป็นล้าสมัยไป แต่ในขณะเดียวกันโอกาสมากมายก็กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นบริษัทที่สนับสนุนและมอบโอกาสการเรียนรู้ให้พนักงานจะสามารถดึงดูดบุคลากรชั้นนำเข้ามาร่วมพัฒนาบริษัทได้ นำไปสู่ความสำเร็จทั้งในด้านบุคลากรเองและบริษัทด้วย 2. ทำงาน 4 วัน กระตุ้น Productivity และ Work-Life Balance ได้ดี การทำงาน 4 วัน/สัปดาห์กำลังได้รับแรงผลักดันจากบริษัทหลายแห่ง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายโครงสร้างการทำงานแบบดั้งเดิมอย่างมากเลยทีเดียว ในปี 2025 บริษัทต่างๆ จะเริ่มมีการนำโมเดลนี้มาใช้มากขึ้น โดยจะยกระดับการเป็นอยู่ของพนักงานให้มี work life balance ที่ดี เพราะการมีชั่วโมงทำงานที่เข้มข้นและได้รับการพักผ่อนที่เหมาะสมจะสามารถเพิ่ม Productivity ได้ในทุกอุตสาหกรรม 3. The Gig Economy 2.0: จากงานเสริมสู่เส้นทางอาชีพ เศรษฐกิจแบบ Gig (การทำงานแบบอิสระ) จะได้รับความนิยมมากขึ้น คนที่เคยทำงานประจำก็อาจต้องการความยืดหยุ่น ความอิสระ และความท้าทายในการทำงาน คำว่า “Job for life” ก็อาจจะไม่มีอีกต่อแล้ว ฉะนั้นการทำงานแบบ Gig จึงกลายมาเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรง ซึ่งในปีหน้าจะมีบุคลากรมากความสามารถสนใจการทำงานรูปแบบนี้อย่างแน่นอน ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรประจำในสาขาต่าง ๆ เช่น บุคลากรด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare), ด้าน AI, และด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น  ด้วยเหตุนี้บริษัทเองจึงต้องปรับตัวด้วยการมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสในการทำงานแบบโปรเจกต์ที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถสูงในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 4. พลังแห่งการผสมผสาน มนุษย์และ AI ปลดล็อกศักยภาพใหม่ AI กำลังเปลี่ยนจากการทดแทนมาเป็นการเสริมศักยภาพมนุษย์ ส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเมื่อ AI...

Continue reading

Braze x LINE OA ปลดล็อกศักยภาพทางการตลาดไปอีกขั้นผ่าน LINE ด้วย Braze ได้แล้วตอนนี้!

ในฐานะนักการตลาด คงรู้กันดีว่าการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านช่องทางที่พวกเขาใช้งานบ่อยมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์ระดับโลกที่ต้องปรับตัวตามช่องทางที่มีความนิยมต่างกันในแต่ละประเทศ ถ้าพูดถึงประเทศในแถบเอเชีย LINE ก็เป็นแอปส่งข้อความยอดนิยมทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ซึ่ง LINE ไม่ได้มองแค่ว่าตัวเองนั้นเป็นแค่แอปส่งข้อความ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน ที่รวมทั้งการช้อปปิ้ง เล่นเกม ชำระเงิน และการติดตามแบรนด์ที่ชื่นชอบ โดย LINE มีเป้าหมายที่จะเป็น   “โครงสร้างพื้นฐานในชีวิต” ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมงและตลอด 365 วัน โดย Braze แพลตฟอร์มด้านการสร้าง Customer Engagement ได้มองเห็นถึงความสำคัญในการทำการตลาดผ่านช่องทาง LINE ในประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุด! Braze ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการว่าตอนนี้ Braze สามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้แล้ว! การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในการส่งข้อความผ่านช่องทางแชทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย มาดูกันว่า Braze และ LINE OA สามารถทำอะไรร่วมกันได้บ้าง? สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าผ่านมือถือด้วย Braze และ LINE Braze ตั้งใจช่วยให้แบรนด์เติบโตด้วยการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจและมีคุณค่าในทุกการเดินทางของลูกค้า ผ่านช่องทางที่ลูกค้าชื่นชอบ นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลของตัวเองที่เก็บมาในการส่งข้อความที่น่าสนใจและเฉพาะบุคคล (Personalization) พร้อมเชื่อมโยงประสบการณ์ผ่าน LINE เข้ากับช่องทางการตลาดอื่น ๆ ให้ต่อเนื่องและสอดคล้องกัน 1. ตั้งค่าและขยายการตลาดบน LINE ได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยเครื่องมือที่สามารถตั้งค่าได้รวดเร็วและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย Braze ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อบัญชีเข้ากับ LINE ได้ทันที และสร้างแคมเปญได้อย่างง่ายดายด้วยการสร้างเทมเพลตพร้อมใส่ข้อความที่ต้องการและปรับแต่งเนื้อหาตามกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอิสระ นักการตลาดสามารถจัดการเพื่อนบน LINE ได้สะดวก สามารถอัปเดตและดูสถานะของลูกค้าได้ว่าใครสมัครรับข่าวสารบ้างหรือใครยังไม่ได้ยืนยันการสมัครสมาชิกเป็นต้น 2. สร้างความสัมพันธ์ด้วยการส่งข้อความที่ตรงใจลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ ลูกค้าที่ใช้ LINE คาดหวังให้แบรนด์มีการสื่อสารที่น่าสนใจเหมือนคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว ด้วย Braze แบรนด์ต่าง ๆ สามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อส่งข้อความที่ตรงใจผ่านเนื้อหาแบบเฉพาะบุคคล เช่น คำแนะนำสินค้า โปรโมชัน คะแนนสะสม และการแจ้งเตือน และ Braze ยังช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลต่าง ๆ เช่น...

Continue reading