หากจะพูดถึงการหาซอฟต์แวร์ Call Center Solution ดี ๆ สักตัว ไม่ว่าจะอัปเกรดจากอันเดิมที่ใช้อยู่หรือหาอันใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น สิ่งหลัก ๆ ที่ต้องพิจารณาที่หลายคนจะนึกถึงเป็นอันดับแรกก็คงไม่พ้นต้องติดตั้งง่าย เทคโนโลยีทันสมัย ปรับใช้แล้วก็เชื่อมกับ CRM ตัวอื่นที่ใช้งานอยู่ได้ ฟังดูเป็นมาตรฐานที่ Call Center Software ที่ดีควรจะมี ถึงอย่างนั้นด้วยความต้องการที่ต่างกันไปตามแต่ละองค์กร การจะหาซอฟต์แวร์ที่ถูกใจได้ก็ถือว่ายากเอาการอยู่เหมือนกัน ในบทความนี้ เราจึงได้ทำการรวบรวม Call Center Software ที่มีผลคะแนนและรีวิวจากผู้ใช้งานดีเยี่ยมมาให้ทุกคนได้ดูกัน สำหรับปี 2021 นี้จะมีซอฟต์แวร์ตัวไหนน่าสนใจกันบ้าง มาดูกันเลย 1. Zendesk Zendesk มาพร้อมกับระบบเสียงที่ทรงพลัง ตอบโจทย์ความพึงพอใจของทีม Call Center ยุคใหม่ ร่วมกับ Options ที่มีให้เลือกปรับแต่งได้มากมายไม่ว่าจะผ่านส่วนขยายหรือแอป เหตุผลที่ User ชื่นชอบ Zendesk มอบประสบการณ์สนทนาที่หลากหลาย ติดตั้งแล้วใช้งานได้เลย มีระบบ Ticketing ที่แปลกใหม่ยอดเยี่ยม สามารถเชื่อมกับ CRM ตัวอื่นหรือแอปตัวอื่นได้เพื่อต่อขยายการใช้งานให้ยืดหยุ่นหลากหลายยิ่งขึ้น ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นเรื่องง่าย หัวหน้าสามารถเห็นภาพรวมทั้งหมดรวมถึงเข้ามาช่วยเหลือได้ ดังนั้นหากว่าคุณกำลังมองหาซอฟต์แวร์แบบ Out of the box ใช้งานได้ทันทีและนำไปปรับใช้ให้เข้ากับระบบการทำงานขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหรือสลับซับซ้อนมากแค่ไหน Zendesk ก็ช่วยคุณได้ “เราต้องการระบบซัพพอร์ตที่ติดตั้งแล้วใช้งานได้ทันที ก็เลยย้ายจาก Salesforce มา Zendesk.. แล้วมันก็ใช้งานได้เลยจริง ๆ อย่างถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานล่ะก็ คุณแค่ต้องพิจารณาดูฐานข้อมูลแล้วก็หาระบบที่จะเข้ากับธุรกิจมาปรับแต่งเพิ่มไปได้เลย” – Capterra review Zendesk ยังได้รับความนิยมล้นหลามในด้านของระบบ Ticket และ Automation ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน macros (กลุ่มคำสั่ง), triggers (เงื่อนไขคำสั่ง), ticket routing (ทางใบสั่ง) และ automated replies (ตอบกลับอัตโนมัติ) “ถ้ามองหาระบบ Ticket ล่ะก็ Zendesk...
Continue readingCustomer Service from Home แผนปรับ ‘บริการออนไลน์’ ท้าวิกฤตโควิด-19 ครั้งที่ 2
ในวันที่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติในทุกมิติ การใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือแม้แต่การขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงาน Work From Home อยู่บ้าน หยุดเชื้อ ช่วยชาติ ได้ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน ถึงจุดนี้ที่เราต่างต้องยอมรับแล้วว่าวิกฤตครั้งนี้ได้เร่งกระแสต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขึ้นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และการดำเนินธุรกิจรวมถึง ‘การบริการลูกค้า’ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คำถามคือ คุณพร้อมหรือยัง และพร้อมมากแค่ไหนที่จะตั้งรับความเปลี่ยนแปลงนี้ เมื่อการยึดติดกับแนวคิดหรือรูปแบบการบริการแบบเดิม ๆ ไม่สามารถช่วยให้ธุรกิจแข่งขันต่อไปได้ ก็ถึงเวลาสมควรแล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยนมัน ถึงเวลาที่จะรวมทุกช่องทางติดต่อ เมื่อการมุ่งเน้นไปที่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งไม่เพียงพออีกแล้วต่อการทำธุรกิจยุคนี้ ถึงเวลาที่ทุกข้อมูลจะต้องถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ไม่ให้ตกหล่นและมี Back Up อัตโนมัติ ถึงเวลาที่จะหยุดมุ่งเน้นที่สรรพคุณสินค้าเพียงอย่างเดียว เพราะอีกปัจจัยที่ขาดไม่ได้ก็คือการให้ความสำคัญกับลูกค้า ถึงเวลาที่การบริการและการซัพพอร์ตลูกค้าในทุกช่องทางจะต้องไม่แยกออกจากกัน ดังนั้นถึงเวลาแล้ว.. ที่จะปรับทุกการบริการให้เป็นแบบ ‘ออนไลน์’ ทำทุกอย่างให้เป็นระบบและบริการลูกค้าได้ทุกที่อย่างมืออาชีพ มาร่วมปรับทั้งหมดนี้ด้วยกันกับเรา กับงานสัมมนาออนไลน์ ‘Customer Service from Home แผนปรับบริการออนไลน์ท้าวิกฤตโควิด-19 ครั้งที่ 2’ โดยในงานสัมมนานี้เราจะพาให้คุณได้อัปเดตเทรนด์การบริการยุคใหม่ แนวโน้มเทคโนโลยีที่น่าสนใจที่กำลังมาแรงในตอนนี้ วิเคราะห์ความสำคัญของ Omnichannel พร้อมนำเสนอแนวทางปรับบริการออนไลน์ ให้ธุรกิจเชื่อมถึงกันอยู่เสมอผ่านเครื่องมือบริการลูกค้าระดับโลกอย่าง Zendesk รับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน ลงทะเบียน สิ่งที่คุณจะได้รับจากการเข้าร่วม เข้าใจผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อการบริการลูกค้า เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไรบ้าง อัปเดตเทรนด์การบริการ แนวโน้มเทคโนโลยีที่น่าสนใจ Self-service, Chat Bot, Messaging สำคัญอย่างไร คุ้มค่าแค่ไหนที่จะลงทุน เผยแนวทางการบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ วิเคราะห์ Omnichannel กับการยกระดับการบริการ จำเป็นแค่ไหนสำหรับการทำธุรกิจยุคนี้ คำแนะนำในการเลือกเครื่องมือและตัวช่วยที่เหมาะสม Agenda 19:30 – 19:40 Opening & Welcoming Speech 19:40 – 20:00 How has COVID-19 Accelerated Trends in Customer Service? เข้าใจผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อการบริการลูกค้า เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไรบ้าง อัปเดตเทรนด์การบริการ แนวโน้มเทคโนโลยีที่น่าสนใจ Self-service, Chat...
Continue reading16 ทักษะสำคัญ ที่ทีม Customer Service & Support ควรมี! มีอะไรบ้าง?
ผลกระทบจาก Covid-19 เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนที่สุดว่า ยุคดิจิทัลได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างแท้จริงแล้ว เพราะลูกค้าออนไลน์ที่มากขึ้นกว่าเดิม บทบาทของทีมบริการและซัพพอร์ตลูกค้า หรือ Customer Service & Support จึงเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในปัจจุบัน โดย ผลสำรวจ จาก Zendesk ผู้นำทางด้าน Customer Service & Support Software ระดับโลก พบว่า ลูกค้ามากกว่า 77% จะภักดีต่อแบรนด์ที่มอบประสบการณ์ที่ดี (CX) ให้กับลูกค้าและช่วยเหลือหากพวกเขาเจอปัญหาต้องการความช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้นกว่า 80% จะย้ายแบรนด์ไปหาคู่แข่งทันทีหากได้รับประสบการณ์และบริการที่แย่มากกว่า 1 ครั้ง มันบ่งบอกถึงความสำคัญของทีม Customer Service & Support เลยว่าเราไม่ควรมองข้ามมันไป การที่เราจะมอบประสบการณ์ที่ดี (CX) ให้กับลูกค้าได้นั้น เราต้องมีระบบการบริการลูกค้าที่ดีก่อน ซึ่งการบริการลูกค้าที่ดีนั้น คือ การผสมผสานระหว่างทักษะของทีมบริการที่เหมาะสมและเครื่องมือที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งวันนี้เราจะนำ 16 ทักษะ ที่ทีมบริการและซัพพอร์ตลูกค้าควรจะต้องมี เพื่อส่งเสริมให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. Empathy หรือ ความเอาใจใส่ ความเอาใจใส่เป็นทักษะที่จำเป็นต้องมีสำหรับทีม Customer Support ซึ่งมีค่ามากกว่าประสบการณ์การบริการลูกค้าซะอีก ยิ่งในตอนนี้ที่มีโรคระบาด Covid-19 ความเอาใจใส่และให้ความสำคัญกับลูกค้าถือเป็นสิ่งที่ดีมาก “ ในปี 2021 เราต้องมองเห็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง บริษัทต่าง ๆ ยังคงต้องมีความเอาใจใส่และความยืดหยุ่นมากกว่าที่เคยเป็นในอดีต ” Ben Motteram Principal and CX Expert 2. Collaboration Skills หรือ ทักษะการทำงานร่วมกัน ทีม Customer Service & Support มักจะต้องทำงานร่วมกับทีมอื่น ๆ อยู่เสมอเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง ดังนั้นทักษะในการทำงานร่วมกันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีความห่างไกลกันมากขึ้น เช่น การ Work From Home เครื่องมืออย่าง Zendesk...
Continue readingเปิดเคล็ดลับ Work From Home อย่างไร? Stay Connected ดี Work-Life Balance เยี่ยม
ทราบหรือไม่? หลังจากวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมาถึงสองปีนี้ จากการสำรวจพบว่ามี 83% ขององค์กรที่คิดว่าตนประสบความสำเร็จในการทำงานแบบรีโมทหรือทำงานทางไกล 99% ของพนักงานอยากที่จะ Work From Home อย่างน้อยตามโอกาสบางครั้งหรือตลอดชีวิต และ 68% ขององค์กรที่คิดว่าการทำงานทางไกลยิ่งผ่านไปก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายขึ้น ถึงขั้นที่ว่ามี 26.7% ที่เชื่อว่าแม้ในปีหน้าทีมก็จะยังทำงานทางไกลแบบเต็มเวลาอยู่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการ Work From Home ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งความปกติในช่วงเวลานี้ไปแล้ว กระทั่งในอนาคตข้างหน้าเองมันก็จะยังไม่หายไปไหน หากแต่ในขณะเดียวกันการทำงานทางไกลก็ใช่จะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ในบทความนี้ เราจะมาดูข้อดี-ข้อเสียของ Work From Home รวมถึงข้อแนะนำจาก Zendesk ในการแก้อุปสรรคที่ว่านี้กัน ข้อดีของ Work From Home 1. ให้ความยืดหยุ่น จากการสำรวจของ Buffer พบว่า ในบรรดาผลประโยชน์ทั้งหมดของ Work From Home หัวข้อที่พนักงานลงความเห็นว่าเป็นข้อดีสูงที่สุดก็คือความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดสรรเวลาหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ การทำงานทางไกล (Remote Working) หรือการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ช่วยให้พนักงานมีเวลาทำสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าทำผม ออกไปฝ่าการจราจรที่ติดขัดยามเช้าและยังสามารถจัดสรรสภาพแวดล้อมตอนทำงานได้ตามใจ อาจจะเปิดเพลงขณะทำงานคลอตามไปด้วยหรือตอบอีเมลทั้งที่มีแมวนอนบนตักก็สามารถทำได้ ในส่วนขององค์กรเองก็ได้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นจากการทำงานทางไกลเช่นกัน เมื่อมีความยืดหยุ่นด้านการจัดสรรเวลามากขึ้น พนักงานก็มีแนวโน้มจะมีสมาธิในการทำงานในช่วงเวลาที่ตนถนัดมากที่สุด จากการวิจัยของ Prodoscore ยังพบว่าพนักงานจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในวันอังคาร พุธ พฤหัส ตามลำดับ 2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ Prodoscore ยังสรุปผลการวิจัยได้อีกว่าพนักงานที่ทำงานทางไกล มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าที่ทำตอนอยู่ในออฟฟิศเสียอีก ข้อสรุปนี้สอดคล้องกับผลการสำรวจของ Airtasker ที่ว่าพนักงานสามารถประหยัดเวลาได้เฉลี่ยถึง 8.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จากการเดินทางไปบริษัท และพนักงานที่ทำงานทางไกลจะทำงานมากกว่าพนักงานที่ประจำอยู่ออฟฟิศเฉลี่ย 1.4 วันต่อเดือน หรือกล่าวได้ว่าพนักงานที่ทำงานทางไกล มีแนวโน้มจะประหยัดเวลาที่ใช้เดินทางมาใช้ในการทำงานให้ได้นานมากยิ่งขึ้น การทำงานทางไกลยังช่วยลดข้อขัดแย้งของพนักงานในบริษัทและช่วยให้พนักงานฟุ้งซ่านน้อยลงได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาของ UC Irvine พบว่าพนักงานมักใช้เวลาเฉลี่ย 23 นาที 15 วินาที หลังถูกทำให้เสียสมาธิ ในการกลับมาโฟกัสที่งานอีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น จากรายงานของ...
Continue readingวิธีตั้งวันหมดอายุในการเข้าถึงไฟล์เมื่อแชร์บน Google Drive
Google Drive มีฟีเจอร์หลัก คือ สามารถแชร์ไฟล์และกำหนดสิทธ์ในการเข้าถึงเอกสารได้ แต่รู้หรือไม่ว่าหากเป็นบัญชีของ Google Workspace คุณสามารถกำหนดวันหมดอายุในการเข้าถึงไฟล์ได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่บัญชีแบบ Gmail ธรรมดาไม่มี วิธีตั้งวันหมดอายุใน Google Drive เปิด Google Drive ขึ้นมา คลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการจะแชร์ จากนั้นคลิก Share 2. เพิ่มที่อยู่อีเมลของเพื่อนร่วมงาน จากนั้นคลิก Send 3. จากนั้นคลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ และคลิก Share อีกครั้ง 4. แก้ไขสิทธิ์เข้าถึงที่อยู่ข้างหลังอีเมลเพื่อนร่วมงาน จากนั้นเลือก Give Temporary Access 5. จากนั้นกำหนดวันและเวลาที่จะสิ้นสุดการให้เข้าถึงไฟล์หรือโฟลเดอร์ และกด Done 6. เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น ซึ่งเมื่อเลยวันที่กำหนดไว้ บุคคลนั้นจะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์หรือโฟลเดอร์ได้ เหมาะสำหรับใช้กับทีมชั่วคราว พนักงานสัญญาจ้างชั่วคราว หรือนักศึกษาฝึกงาน Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ Google Workspace 02 030 0066...
ส่งอีเมลลับสุดยอด พร้อมระเบิดเวลาทำลายในตัว ด้วย Gmail
จะทำอย่างไร เมื่ออีเมลที่ต้องส่งนั้นเป็นข้อมูลลับสุดยอด แต่คุณกลัวที่จะถูก Copy หรือเผยแพร่ต่อ Gmail มีโหมดข้อมูลลับ ที่คุณสามารถตั้งวันและเวลาทำลายอีเมลนั้นได้อัตโนมัติและไม่สามารถ Copy หรือ Download ข้อมูลในอีเมลได้ โหมดข้อมูลลับ เปิดเข้าไปที่ Gmail คลิก Compose อีเมลหรือเขียนอีเมล 2. จากนั้นหน้าต่างเขียนอีเมลจะเปิดขึ้นมา คลิกที่แถบเมนูด้านล่างตรงไอคอน เปิด/ปิด โหมดข้อมูลลับ 3. เมื่อเข้าสู่โหมดข้อมูลลับ จะสามารถเลือกได้ว่า อีเมลฉบับนี้จะหมดอายุภายในวันไหน เช่น 1 วัน, 1 สัปดาห์ 4. สามารถตั้งรหัสผ่านเพื่อเข้ามาดูอีเมลได้ โดยผู้รับจะได้รหัสผ่านทาง SMS (แต่ในประเทศไทยยังไม่รองรับ จึงไม่สามารถตั้งค่าได้ เบื้องต้นให้ตั้งค่า No SMS passcode ) 5. กดบันทึก 6. จากนั้นอีเมลฉบับนี้ก็จะเซ็ตวันหมดอายุขึ้นมา โดยสามารถใส่เนื้อหาหรือแนบไฟล์ได้ตามต้องการ และจะทำลายตัวเองทันทีหลังวันและเวลาที่ตั้งค่า 7. ผู้ที่ได้รับอีเมลฉบับนี้จะสามารถเปิดดูได้ตามระยะวันเวลาที่คุณตั้งค่า และไม่สามารถ Copy หรือ Download ออกไปได้ อย่างไรก็ตาม ในโหมดนี้ยังไม่สามารถป้องกันให้ผู้รับอีเมลถ่ายภาพหรือแคปหน้าจอ ดังนั้นการส่งหรือรับอีเมลก็ควรต้องระมัดระวังป้องกันไม่ให้ใครสามารถถ่ายข้อมูลออกไปได้ Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ Google Workspace 02 030 0066...
Work From Home อย่างไร? ให้ได้ประสิทธิภาพเหมือน (ดีกว่า) ที่ทำงาน
เนื่องจากในสถานการณ์ โควิด-19 ทำให้หลาย ๆ บริษัทต้องหันมา Work From Home อีกครั้ง ซึ่งไม่ง่ายเลยกับบางบริษัทที่ระบบและรูปแบบการทำงานยังไม่เอื้อต่อการ Work From Home ส่งผลให้ธุรกิจอาจเกิดความล่าช้าและสะดุดไปเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ดังนั้นในตอนนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่หลาย ๆ บริษัทจะมองหาโซลูชันใหม่ ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการทำงานแบบ Cloud System มากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีสะดุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ไหน เวลาใดก็ตาม ซึ่งปัญหาแรกของการ Work From Home เลยก็คือ เวลาลูกค้าจะติดต่อหาบริษัทไม่ว่าจะเพื่อสอบถามข้อมูล แจ้งปัญหา ต้องการความช่วยเหลือต่าง ๆ พวกเขาจะติดต่อใคร? มีคนรับเคสไหม? ใครเป็นคนรับเคส? จะดูข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างไร? เกิดเป็นคำถามเต็มไปหมด และส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่ลุกลามตามมา เพราะฉะนั้นมันคงถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบเดิม ๆ ให้เข้ากับยุคที่อะไรก็เกิดขึ้นได้แบบนี้ และ Zendesk คือคำตอบของคำถามทั้งหมด แล้ว Zendesk ช่วยเรื่องการ Work From Home อย่างไร? ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า Zendesk คือ Customer Service & Support Software อันดับ 1 จากประเทศอเมริกาที่มีลูกค้ามากกว่า 200,000 รายทั่วโลก ถ้ายกตัวอย่างในประเทศไทยก็จะมี Bitkub, Kerry, True, Uniqlo เป็นต้น พร้อมด้วยการทำงานทุกอย่างบน Cloud System แปลว่า คุณและทีมสามารถบริการ ซัพพอร์ตลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา และ Zendesk ยังสามารถรองรับได้กับทุก Device ไม่ว่าจะ Laptop, Tablet, Mobile ก็สามารถทำงานอย่างมืออาชีพได้เหมือนกัน พร้อมทั้งมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ช่วยให้การ Work From Home สมบูรณ์มากขึ้น เช่น...
Continue readingSunshine Conversations คืออะไร? ปฏิวัติการแชทล้ำสมัยด้วยบอทและ ai อัจฉริยะ
Sunshine conversation หรือ Sun-Co เป็นระบบที่ส่งข้อความด้วย AI แชทบอท และแอปพลิเคชันที่ผสานรวมสำหรับการสนทนาเชิงธุรกิจในทุกช่องทาง...
Zendesk Sunshine คืออะไร? แพลตฟอร์ม CRM ที่สนับสนุนประสบการณ์ของลูกค้า
Zendesk Sunshine หรือ Sunco เป็นแพลตฟอร์ม CRM แบบเปิดและยืดหยุ่นปรับแต่งได้ สร้างขึ้นบน Amazon Web Services (AWS) ช่วยให้คุณเชื่อมต่อและเข้าใจข้อมูลลูกค้าทั้งหมดของคุณได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด รวดเร็วทรงพลัง และให้อิสระในการสร้างสิ่งที่คุณต้องการ...