หากว่าคุณเป็นพนักงานขายที่กำลังหัวหมุนอยู่กับการจดข้อมูลลูกค้าล่ะก็ ‘เราเข้าใจคุณ’ หากว่าคุณเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่ไม่รู้จะอัปเดต Sales Pipeline ของพนักงานคนอื่นอย่างไร ‘เราก็เข้าใจคุณเหมือนกัน’ และหากว่าคุณกำลังอ่านบรรทัดนี้ด้วยความต้องการที่จะตามหาเครื่องมืออะไรสักอย่างให้เรื่องยุ่งยากทั้งหมดมันง่ายขึ้นล่ะก็ ‘คุณมาถูกทางแล้ว’ จากแบบสำรวจ 80% ขององค์กรทั้งหมด เห็นตรงกันว่า Zendesk Sell ทำให้ฝ่ายขายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนี่ก็คือเหตุผลใน 4 มุมมองว่าทำไมองค์กรของคุณถึงต้องใช้ Zendesk Sell ?Zendesk Sell รวมทุกอย่างที่พนักงานขายต้องการ ขึ้นชื่อว่าพนักงานขายก็หัวหมุนพออยู่แล้ว ไหนลูกค้าจะโทรเข้ามา ไหนจะจดบันทึก ไหนจะส่งอีเมล กว่าจะปิดดีลได้ก็ไม่รู้ว่าเผลอละเลยใครไปบ้างหรือเปล่า หมดยุคที่พนักงานขายจะต้องจดบันทึกลงสมุดโน๊ตที่แสนจะเสี่ยงต่อการทำข้อมูลสูญหายทั้งยังเหนื่อยอย่างไม่จำเป็น ระบบของ Zendesk Sell ให้พนักงานขายสามารถทำงานร่วมกันในหน้าแพลตฟอร์มเดียวแบบเรียลไทม์ ช่วยซัพพอร์ตพนักงานขายอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหน้าข้อมูลลูกค้าที่จัดระเบียบได้ทั้งหมดว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร นอกจากเรื่องจัดเก็บข้อมูลแล้ว Zendesk Sell ก็ช่วยลดงานที่ไม่จำเป็นได้มหาศาล พนักงานขายไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอไปมาระหว่าง CRM กับ Inbox เลยแม้แต่น้อย เพียงกดซิงค์อีเมลก็รับส่งอีเมลจาก Zendesk Sell ได้เลย พร้อม Tracking จำนวนครั้งที่ลูกค้าเปิดหรือคลิกอีเมลเสร็จสรรพ ในเรื่องของการนัดหมายก็ทำได้ง่ายแสนง่าย ติดตั้งแอปพลิเคชัน Zendesk Sell ลงโทรศัพท์มือถือเพื่อเข้า Google Map ไปหาลูกค้าได้ทันใจ หรือหากต้องการโทรสายหาก็เพียงกดคลิกเดียวจบก็ทำได้แล้ว ไร้กังวลว่าต้องมาคอยรายงานหัวหน้าหรือจดบันทึกไม่ทัน เพราะ Zendesk Sell ช่วยลดการซ้ำซ้อนในการบันทึกข้อมูล ทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้แม้ในโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ ‘86% ของพนักงานยขาย ใช้เวลากับงานซ้ำซ้อนน้อยลงเพราะ Zendesk Sell’ ?Zendesk Sell ทำให้หัวหน้าเห็นภาพรวมทุกอย่าง เพราะเป็นหัวหน้า พนักงานขายดีลกับลูกค้าถึงไหน วัน ๆ หนึ่งคุยกับใครบ้าง ไปที่ไหน หรือแม้แต่จะประมาณการณ์ยอดขายอย่างไรย่อมเป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ ถึงอย่างนั้นการจะอัปเดตสถานะการขายกลับเป็นเรื่องยาก Sales Stage ของพนักงานแต่ละคนกลับไม่มีมาตรฐานตรงกันเสียเลย จะออกรีพอร์ตก็ยากไปหมด Zendesk Sell ทำให้ทุกคนในฝ่ายร่วมกันกำหนด Sales Pipeline เป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมระบุตัวเลขระดับขั้นของ Sales Stage ให้ดูได้ง่าย...
Continue reading4 สิ่งสำคัญ สุดปัง! ในการให้บริการเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดี(CX)ให้กับลูกค้า มีอะไรบ้าง? มาดูกัน!
หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน กลยุทธ์ในการขายอาจเป็นเพียงการพัฒนาสินค้า/บริการให้โดดเด่น หรือ มีการให้โปรโมชันส่วนลด ซึ่งการสร้างกลยุทธ์เพียงเท่านี้ก็ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้อย่างง่ายดาย แต่ปัจจุบัน การแข่งขันในตลาดมีสูงมาก การสร้างกลยุทธ์สำหรับสินค้าและราคาอาจยังไม่พอ! ในหลาย ๆ องค์กร มีการปรับตัวและสร้างความแตกต่าง ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดี(Customer Experience หรือ CX) ให้กับลูกค้า แล้วการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทำได้อย่างไร? การสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างคุณกับลูกค้า ส่วนใหญ่จะเป็นการดูแลและการให้บริการลูกค้าที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า จนทำให้เกิดการใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จากการศึกษาและงานวิจัยมากมายพบว่า ประสบการณ์ที่ดี(CX) ของลูกค้า มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมาก เช่น งานวิจัยของ PWC รายงานว่า ลูกค้ายินดีที่จะใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับสินค้า/บริการที่มีราคาสูงกว่าปกติ หากได้รับประสบการณ์หรือบริการที่ยอดเยี่ยม ตอนนี้หลาย ๆ ท่าน คงพอจะทราบแล้วว่า สำหรับการสร้างประสบการณ์ที่ดี(CX) ให้กับลูกค้านั้นมีความสำคัญอย่างไร เดี๋ยวเรามาดู 4 สิ่งสำคัญในการให้บริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีนั้น มีอะไรบ้าง ผู้เขียนสรุปมาให้แบบสั้น ๆ ดังนี้ ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อเข้ามาจากช่องทางไหนก็ตาม ทั้งการติดต่อผ่านพนักงาน, self-service หรือแชทบอท ลูกค้าคาดหวัง จะได้คำตอบที่ครบถ้วนจากการติดต่อเข้ามาตั้งแต่ในครั้งแรกเลย ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ติดต่อฝ่ายบริการ นั่นหมายถึงลูกค้าต้องมีเรื่องที่ทำให้กำลังเดือดเนื้อร้อนใจ หรือไม่สบายใจอยู่ หากต้องรอคอยเป็นเวลานาน ไม่เป็นการส่งผลดีกับองค์กรอย่างยิ่ง หากลูกค้ากำลังเจอปัญหา เช่น ได้รับสินค้าที่ไม่ตรงกับที่สั่งซื้อไป มีการติดต่อฝ่ายบริการแต่ต้องเล่าเรื่องซ้ำกันถึง 3 รอบกับพนักงาน 3 คน เนื่องจากมีการโอนเรื่อง/โอนสายไปยังพนักงานผู้รับผิดชอบคนนั้น ๆ ทำให้ต้องเล่าเรื่องที่ไม่พอใจซ้ำ ๆ อารมณ์โกรธ/โมโห จะทวีคูณมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นคุณควรหาวิธีแก้ปัญหา เช่น ต้องมีแหล่งเก็บข้อมูลของลูกค้าที่ไม่ว่าใครก็จะเห็นข้อมูลลูกค้าชุดเดียวกันได้ เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการช่วยเหลือลูกค้ามากที่สุด ควรเปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับองค์กรได้หลากหลายช่องทาง และในแต่ละช่องทางนั้น ต้องสามารถติดต่อได้อย่างสะดวกและง่ายดาย อาทิเช่น Instant Messaging ยอดนิยม อย่าง Line OA, Facebook Messenger เป็นต้น โดย 4 สิ่งสำคัญนี้ หากมีเครื่องมือหรือตัวช่วยในการจัดการก็จะทำให้การบริการสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก โดยมีตัวช่วยที่ชื่อว่า Zendesk เป็น Customer Service Software ที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้าง 4...
Continue readingเบื้องหลังความสำเร็จของ Carsales เว็ปไซต์ขายรถยนตร์ออนไลน์จากออสเตรเลีย
พวกเราอยู่ในยุคที่ช่องทางออนไลน์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้า การสั่งอาหาร การชำระค่าบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกตามความสะดวกของแต่ละคน แต่ “การซื้อรถ” นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ สำหรับหลายๆคนใช่ไหมล่ะ? ลูกค้ามักจะเริ่มค้นหาข้อมูลรายละเอียดต่างๆของรถยนตร์ที่พวกเขาหมายตาเป็นอันดับแรกก่อน ดังนั้น Carsales จึงได้เริ่มพัฒนาระบบขายรถยนต์ในเครือ ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถจองหรือดูรายละเอียดรถได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สำหรับ “Carsales.com.au” ใช้แนวคิดง่ายๆที่ว่า “เส้นทางการซื้อรถของลูกค้า ควรเป็นไปอย่างราบรื่น” สิ่งที่ลูกค้าควรได้ คืออำนวยความสะดวกให้มากที่สุด ไร้รอยต่อ ลดความซับซ้อน ประหยัดเวลาให้เราและลูกค้า ยิ่งได้รับประสบการณ์ที่ดี ลูกค้าพึงพอใจ ก็จะซื้อสินค้าหรือบริการเราได้มากขึ้น Carsales มีแบรนด์รถชั้นนำมากกว่า 15 แบรนด์ให้บริการทั่วทั้งออสเตรเลีย นอกเหนือจากการขายรถยนตร์ผ่านเว็ปไซต์ในเครือ บริษัทก็ยังมีธุรกิจซื้อ-ขาย เรือ, จักรยาน, อุปกรณ์ตั้งแคมป์ ไปจนถึงเครื่องจักรในฟาร์มอีกด้วย และฐานลูกค้าของ Carsales มีทั้งผู้บริโภคทั่วไปจนไปถึงตัวแทนจำหน่ายรถและสินค้าต่างๆ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทาง Carsales จึงประสบกับปัญหาสำคัญด้วยกัน 3 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ ช่องทางการสื่อสารระหว่าง Carsales กับลูกค้าที่มีหลากหลายยิ่งกว่าแต่ก่อน (เช่น Email, Facebook, Twitter, Live Chat, โทรศัพท์ เป็นต้น) ซึ่งบริหารจัดการได้ยาก มีสิทธิที่จะพลาดโอกาสการซื้อขายได้ จึงต้องการรวบรวมคำถามทุกช่องทาง “ทั้งหมด” มาไว้ที่เดียว Carsales มีระบบที่ต้องเข้าไปทำงานหลายระบบ จึงอยากให้มีพื้นที่ที่ทำงานหลักของทีมออนไลน์อยู่บนระบบใดระบบหนึ่งไปเลย ไม่สามารถดูรายงาน (Report) ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขาย และข้อมูลการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคน จึงทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การติดตามการทำงานหรือการแก้ไขปัญหาใดๆ ทำได้ยากลำบาก ยิ่งพูดถึงการบริหารจัดการในเชิงการปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะไม่มีตัวเลขชี้วัดใดๆ Carsales จึงเลือกใช้ Zendesk ผู้ให้บริการโซลูชัน Omnichannel ระดับโลก เป็นทางออกที่สามารถช่วยแก้ปัญหาข้างต้น ด้วยประสิทธิ์ภาพที่เพิ่มขึ้น และ ระยะเวลาในการให้บริการที่ลดลง ทำให้ Carsales กลายเป็นเว็ปไซต์ขายรถยนต์ออนไลน์อันดับ 1 ของออสเตรเลีย ในปัจจุบัน Zendesk ช่วยทำให้สามารถจัดการคำร้องที่มีถึง 37,000...
Continue readingอัพเกรดทีม CS ของคุณได้ง่ายๆ ด้วยกลยุทธ์ Omnichannel ที่คุณอาจไม่เคยรู้!
ในปัจจุบันหลาย ๆ บริษัทต้องมีทีมที่เรียกว่า CS หรือ Customer Service & Support เพื่อดูแลลูกค้าของตัวเองกันทั้งนั้น จริงไหมครับ? เพราะว่าตอนนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่า การรักษาลูกค้าไว้ให้อยู่กับเราเป็นสิ่งที่สำคัญ (จึงได้มีตำแหน่งพวกคุณที่กำลังมาอ่านบทความของผมไงครับ ฮ่า ๆ) แต่สำหรับยุคใหม่ ยุคที่มีอะไรคล้าย ๆ กัน และมีธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ลูกค้าหรือผู้บริโภค พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้ของคู่แข่ง หรือ เลิกเพื่อไปใช้สินค้าประเภทอื่นได้อยู่เสมอ แล้วอะไรล่ะ? ที่จะช่วยให้เรารักษาลูกค้าและอยู่กับเราไปได้ตลอด ผลจากการวิจัยในหลาย ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นในไทยหรือต่างประเทศ ผลบอกว่า ปัจจัยหลักของการรักษาลูกค้าในปัจจุบัน คือ “Customer Experience (CX) หรือ ประสบการณ์ที่ลูกค้าพบเจอ นั่นเอง” บางคนอาจจะบอกว่า ไม่ใช่! แล้วคุณภาพสินค้าและราคาล่ะ? จริง ๆ ก็ยังใช่อยู่ครับ แต่เป็นเพียงแค่ส่วนนึงเท่านั้น ถ้าพูดถึง “การรักษาลูกค้า” นะครับ ย้ำนะครับ! ว่าเราพูดถึงการการรักษาลูกค้า ซึ่งหลาย ๆ คนที่ทำตำแหน่งเกี่ยวกับ CS ก็คงพอจะรู้อยู่แล้วว่า การบริการหรือการซัพพอร์ตลูกค้ามีผลต่อ CX และการตัดสินใจซื้อของลูกค้าขนาดไหน เพราะฉะนั้น วันนี้เรา Demeter ICT จึงมีกลยุทธ์ที่มีชื่อว่า Omnichannel มาแนะนำให้กับคุณ ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะเคยได้ยิน หรือ ไม่เคยได้ยินก็แล้วแต่ แต่ในวันนี้ผมจะมาอธิบายอย่างละเอียดให้กับคุณว่า มันคืออะไร? แล้วจะช่วยอัพเกรดทีม CS ของคุณได้อย่างไร? Omnichannel คือ กลยุทธ์การบริการลูกค้ารูปแบบนึง ที่จะช่วยรวบรวมช่องทางการติดต่อของลูกค้า ที่มาจากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Social Media, Email, Website, Mobile phone และอื่น ๆ อีกมากมาย ไว้ในที่เดียว โดยที่คุณไม่ต้องไปเปิดหลาย Tab หลาย Device...
Continue readingZendesk แจ้งปรับแพ็กเกจใหม่ ไฉไลกว่าเดิม!
Zendesk ปรับแพ็กเกจใหม่ นำเสนอโซลูชันการบริการแบบครบวงจร รวมทุกอย่างที่ต้องใช้ในการมอบประสบการณ์สนทนากับลูกค้า โดยจำแนกเป็น Zendesk สำหรับบริการและ Zendesk สำหรับการขาย ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวจะมีผลสามารถใช้ได้ทันทีนับตั้งแต่วันนี้ แล้วแพ็กเกจใหม่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาดูกัน Zendesk สำหรับการบริการหรือ Zendesk Suite Zendesk Suite เป็นแพ็กเกจที่รวมทุกสิ่งที่ธุรกิจต้องการเพื่อการบริการลูกค้าไม่ว่าจะเป็น Messaging, Analytics, Community forums, Collaboration และอย่างอื่นอีกมากมาย รวมครบจบไว้ในแพ็กเกจเดียว Zendesk Suite เป็นแพ็กเกจที่ผ่านกระบวนการออกแบบด้วยแนวคิดถึงความเรียบง่าย และให้ความมั่นใจว่าธุรกิจจะสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีเพื่อตอบรับความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด Zendesk Suite แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 แผนตามระดับการใช้งาน ได้แก่ Suite Team Suite Growth Suite Professional Suite Enterprise คลิกเพื่อดูรายละเอียดเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ ได้ที่นี่ Zendesk สำหรับการขายหรือ Zendesk Sell แพ็กเกจ Zendesk ที่รวบรวมฟังก์ชันระบบ Sales CRM เพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการขาย ติดตาม Pipeline และดีลของลูกค้าได้ง่าย ไม่สะดุด ตอบโจทย์สำหรับฝ่ายขายโดยเฉพาะ Zendesk สำหรับการขายมีทั้งหมด 4 แผน ได้แก่ Sell Team Sell Professional Sell Enterprise Sell Elite สามารถดูรายละเอียดเพื่อเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ ได้ที่นี่เลย FAQs รวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบ 1. แพ็กเกจใหม่นี้ส่งผลอย่างไรต่อลูกค้าปัจจุบันบ้าง? Ans ไม่ส่งผลอะไรต่อลูกค้าปัจจุบัน แพ็กเกจและราคาที่ลูกค้าปัจจุบันใช้อยู่จะยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน ทว่าหากลูกค้าต้องการจะยกระดับการบริการให้มากขึ้นก็สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Zendesk Suite อันใหม่นี้และโทร 02 030 0066 เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับฝ่ายขายของเราได้ 2. หากต่อสัญญาจะยังคงอยู่ในแผนเดิมได้อยู่หรือไม่? Ans ได้ 3....
Continue readingเจาะลึก Customer Experience ให้อะไรกับธุรกิจคุณได้บ้าง?
คุณเคยเดินเข้าร้านสะดวกซื้อแล้วเจอ ‘ชื่อ’ ของตัวเองอยู่บนขวด Coca-Cola ไหม? วันอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณอาจกดเข้า Netflix สังเกตไหมคะว่าทำไมหน้าจอของคุณกับเพื่อนถึงได้แสดงผลไม่เหมือนกันเลย? วันดีคืนดีเดินเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ Ikea แต่ไป ๆ มา ๆ กลับมาเจอตู้กดไอศกรีมเสียอย่างนั้น? แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั้งหมดเป็นแน่ เพราะหนึ่งสิ่งที่สามแบรนด์ชั้นนำมองเห็นตรงกัน ก็คือ Customer Experience หรือประสบการณ์ของลูกค้า เมื่อพูดถึง Customer Experience ในไทยเองถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรนัก ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่อง ‘ประสบการณ์ของลูกค้า’ ยังคงเป็นเรื่องที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญน้อยหรือเป็นรองลงมา ทั้งที่ในความเป็นจริงประสบการณ์ลูกค้านี่แหละ ที่ทำให้แม้แต่สินค้าที่มีฟีเจอร์คล้ายคลึงกัน ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกให้รู้แจ้ง รู้ชัดกันว่า Customer Experience ให้อะไรกับธุรกิจของคุณได้บ้าง เริ่มจากแคมเปญการตลาดอันเป็นไวรัลโด่งดังเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาห้ามพลาดอย่าง “Share a Coke” ของ Coca-Cola ย้อนกลับไปปี 2011 โค้กได้ทำการสำรวจชื่อที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในแต่ละพื้นที่ และตัดสินใจนำชื่อเหล่านั้นมาสกรีนลงในกระป๋อง แรกเริ่มเดิมทีมีทั้งหมด 150 ชื่อในออสเตรเลียเท่านั้นที่ถูกเลือก ก่อนจะเริ่มขยับขยายสเกลไปทั่วโลกในเวลาต่อมา ผลที่ได้คือรูปภาพพร้อมแฮชแทค Share a Coke ถูกแชร์ไปในโซเชียลมีเดียกว่า 500,000 ครั้ง เพียงในปีเดียวที่ทำแคมเปญนี้โค้กได้ผู้ติดตามใน Facebook เพิ่มขึ้นถึง 25 ล้านคน แม้จะเป็นแคมเปญที่มีมานานทว่าก็ยังคงใช้ได้ผลดีเยี่ยม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ Coca-Cola ก็ได้นำแคมเปญนี้มาปรับใช้ในธีม “Holiday Heroes” เพื่ออุทิศให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างหนักในภาวะโรคระบาดโควิด-19 สำหรับในไทยเองก็มีการเพิ่มชื่อยอดฮิตขึ้นมาอีกกว่า 400 แบบ ใครบ้างจะไม่ชอบความรู้สึกที่ว่า ‘นี่มันชื่อของฉันบนกระป๋องโค้ก’ หรือ ‘กระป๋องนี้มันถูกสร้างมาเพื่อฉัน’ บ้างล่ะ จริงไหม? แนวคิดแบบ Personalized หรือการตลาดแบบรู้ใจได้ถูกนำมาปรับใช้ใน Netflix Netflix ใช้เทคโนโลยี Deep Learning เพื่อแนะนำซีรีส์ที่ระบบเอไอวิเคราะห์แล้วว่าลูกค้ามีโอกาสชื่นชอบสูง ดังที่เราสังเกตได้ว่ากดเข้า Netflix ไปที่ไร ก็มักจะเจอหนังหรือซีรีส์แนวที่คุ้นตาเต็มไปหมด การจะทำเช่นนั้นได้ไม่เพียงแต่ต้องผ่านการออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีพอ ทว่ายังต้องมีระบบฐานข้อมูลที่ใหญ่พอด้วยเช่นกัน เพราะให้ความสำคัญกับข้อมูลของลูกค้า และการออกแบบประสบการณ์รับชมแบบ Online Streaming นี้เอง...
Continue readingZendesk Sunshine 4 องค์ประกอบ เพิ่ม CX ให้ประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้าแบบ out of the box
เป็นแพลตฟอร์ม CRM แบบเปิดและยืดหยุ่นปรับแต่งได้ สร้างขึ้นบน Amazon Web Services (AWS) ช่วยให้คุณเชื่อมต่อและเข้าใจข้อมูลลูกค้าทั้งหมดของคุณได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด รวดเร็วทรงพลัง และให้อิสระในการสร้างสิ่งที่คุณต้องการ...
7วิธี สร้างกลยุทธ์ประสบการณ์ลูกค้า ที่คุณไม่ควรพลาด!
มีผลสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจจำนวน 1,920 คน ถูกถามว่าสิ่งที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดต่อธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้าคือเรื่องอะไร? https://www.superoffice.com/blog/customer-experience-strategy/ หากคุณตอบว่า “Customer Experience” คุณตอบถูก! พบว่า 45.9% เกือบครึ่งของผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจทั้งหมดตอบว่า Customer Experience จะสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า และคุณไม่ต้องแปลกใจเลยที่ค่าของ Customer Experience สูง เพราะยังมีผลวิจัยจาก American Express อีกว่า 86% ของลูกค้าทั้งหมดยินดีจ่ายเงินที่มากขึ้น เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าเดิม คุณพร้อมที่จะปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าของคุณรึยัง? มาเริ่มกันเลย! Customer Experience คืออะไร? Customer Experience (หรือที่บางคนเรียกว่า CX) ถูกกำหนดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจของคุณ ตลอดทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ติดต่อเข้ามา จนไปถึงจุดสุดท้ายก็คือมีความภักดีและซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) CX ยังเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดแบบ Customer Relationship Management หรือ CRM และสิ่งที่ทำให้ CX สำคัญต่อธุรกิจอย่างยิ่ง คือ การที่ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี ทำให้มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะมาใช้สินค้าหรือบริการของคุณซ้ำ จนเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ ของคุณไปเลย https://www.superoffice.com/blog/customer-experience-strategy/ โดยที่จากการศึกษาเกี่ยวกับ CX ทั่วโลก จาก Oracle ได้มีผลสำรวจว่า 74% ของผู้บริหารเชื่อว่าเมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี ก็จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ และความภักดีต่อแบรนด์ ดังนั้น หากคุณต้องการที่จะสร้างความซื่อสัตย์ และความภักดีต่อแบรนด์ คุณก็ควรที่จะลงทุนในเรื่องของ CX เพราะฉะนั้นวันนี้ Demeter ICT จะมีวิธีสร้างกลยุทธ์ Customer Experience มาแนะนำให้ทุกท่าน 7 กลยุทธ์ สร้างประสบการณ์ของลูกค้า 1.สร้างวิสัยทัศน์ CX ที่ชัดเจน ขั้นตอนแรกของการสร้าง CX คือ การมีวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นที่ลูกค้าอย่างชัดเจน โดยที่คุณสามารถบอกและสื่อสารให้กับองค์กรของคุณรับรู้ได้ และเดินไปในทิศทางเดียวกัน โดยวิธีที่ง่ายที่สุดนั้น คุณควรกำหนดวิสัยทัศน์เป็นลายลักษณ์อักษร และแบ่งปันให้กับทุกคนในองค์กรเพื่อเป็นแนวทาง 2.ทำความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณคือใคร ขั้นตอนต่อมาคุณควรสร้าง...
Continue reading1-Stop Connections จับมือ Zendesk ยกระดับการบริการให้ลูกค้าโลจิสติกส์ทางเรือระดับโลก
ทราบหรือไม่? กว่า 90% ของสินค้าทุกอย่างที่มีการซื้อขายไปทั่วโลกล้วนต้องผ่านการขนส่ง ไม่ว่าจะทางบก ทางอากาศ หรือแม้แต่ทางทะเล เป็นสถิติที่ตอกย้ำถึงขนาด ความสำคัญ และความซับซ้อนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก แม้แต่ขณะที่คุณกำลังอ่านข้อความนี้เอง ก็มีตู้คอนเทนเนอร์กว่า 20 ล้านตู้บนท้องทะเล คอยขนส่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอย่างน้ำมัน เหล็ก ไม้ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างทีวี ของเล่น ของสิ่งทอ เรือขนส่งที่ใหญ่ที่สุดสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุตได้ถึง 18,000 ตู้ ซึ่งเพียงพอต่อการจัดเก็บรถยนตร์ 36,000 คัน หรือกระป๋องถั่วอบ 850 ล้านกระป๋อง เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เหล่านี้บรรทุกและขนถ่ายไปยังท่าเรือหลายสิบแห่งทั่วโลก ท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดจึงเปรียบได้ดั่งเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง ลังขนส่งกว่า 10 ล้านลังที่ถูกถ่ายไปมาในทุก ๆ ปี เหมือนระบบสลับซับซ้อนที่ต้องการเครื่องมือที่ชาญฉลาดมาช่วยบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุผลที่บริษัทอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าโลจิสติกส์หันมาหาบริษัทอย่าง 1-Stop Connections บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ในรูปแบบซัพพลายเชน (SAAS) ที่ช่วยให้ท่าเรือขับเคลื่อนเหมือนดั่งเครื่องจักร “เราช่วยจัดการสิ่งที่เราเรียกว่าระบบชุมชนท่าเรือ” Alex Wood, head of customer service, 1-Stop Connnections กล่าว “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนอย่างน่าเหลือเชื่อ สำคัญที่ทุกคนต้องทำงานร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่บริษัทขนส่ง บริษัทปลายทาง เอเจนซี่ขนส่งสินค้า ฝ่ายกำกับดูแล ไปจนถึงแม้กระทั่งนักบัญชี” การจะดูแลระบบงานที่สลับซับซ้อนได้ ก็ย่อมหมายความว่าโครงสร้างภายในของตัวองค์กรนั้นต้องมีความเป็นระเบียบมากพอเสียก่อน แล้วอะไรที่ทำให้ 1-Stop Connections มีระบบการทำงานที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มาหาคำตอบกัน สร้างความเรียบง่าย ให้ลูกค้าที่ซับซ้อน เพื่อจัดระเบียบสภาพการทำงานที่วุ่นวายนี้ บริษัทได้นำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการดำเนินงาน การติดตาม การรายงานและด้านความปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ 1-Stop Connections ทำทุกอย่างตั้งแต่บริหารจัดการตารางเวลาการรับสินค้า ไปจนถึงการออกการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานเทียบท่า “ลูกค้าทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และใช้โซลูชันของเราแตกต่างกันไป” Wood กล่าว “ลูกค้าสามารถผสมสานหรือจับคู่โซลูชันของเราหลายรายการตามแต่องค์กรของตน และตั้งค่าบทบาทของผู้ใช้งาน ระดับการเข้าถึง และช่วงการดูแลระบบที่แตกต่างกันได้ไม่หลักร้อยก็หลักพันคน” หากจะกล่าวให้ซับซ้อนกว่านั้น ไม่เพียงแต่ธุรกิจหลักจะดำเนินงานแบบ Business-to-Business แล้ว 1-Stop Connections ยังรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้โซลูชันของบริษัทในการสร้างระบบความปลอดภัยให้ตัวเองอีกด้วย เครื่องมือรวมหนึ่งเดียวที่จะคอยบงการทั้งหมด ด้วยลักษณะเฉพาะของธุรกิจที่เข้ากันได้ทั้งกลุ่มลูกค้าแบบ B2B...
Continue reading