ใน Google Docs ก็กด React ได้นะ

หลังจากที่เราได้แนะนำ How To ใส่ Emoji ใน Google Docs กันไปแล้ว วันนี้ Google ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ออกมาเพิ่มอีกแล้ว เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่แพ้กันทีเดียว ฟีเจอร์นี้ก็คือ การกด Reaction ใน Google Docs นั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนงานเอกสารอันน่าเบื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้น แถมยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้อีกด้วย และยังสามารถใช้ได้ในทุกแพ็กเกจเลยนะ วิธีการใส่ Reaction ใน Google Docs เปิด Google Docs แล้วไปยังหน้าเอกสารที่คุณต้องการ พิมพ์ @ ลงหน้ากระดาษ เลื่อนลงไปที่ Voting Chip      4. เลือก Emoji ที่คุณต้องการได้เลย เช่น ? 1 vote ❤️ 0 vote      5. จากนั้นผู้ใช้เอกสารแต่ละคนจะสามารถคลิกที่ Emoji เพื่อ React ได้คนละ 1 ครั้ง คุณสามารถนำฟีเจอร์ Reaction ไปใช้อย่างไรได้บ้าง ? ที่มาของชื่อ Voting Chip แน่นอนว่าคุณสามารถนำไปใช้สำหรับการโหวตหรือ Poll ได้ ใช้สำหรับการแสดงการรับรู้แบบสั้น ๆ ว่าคุณรับรู้ข้อความนี้แล้วโดยที่ไม่ต้องคอมเมนต์หรือทักข้อความบอกใน Google Chat สามารถกด Reaction บนคอมเมนต์เพื่อบ่งบอกว่าคุณเห็นด้วยกับคอมเมนต์นั้นได้ กด Reaction เพื่อเป็นกำลังใจว่าข้อความนั้นเป็นที่ชื่นชอบ และอื่น ๆ ซึ่งคุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้เองได้เลย  >> ติดตามฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Google Workspace ก่อนใคร ได้ที่ www.dmit.co.th หมวดหมู่ Blog >> ต้องการสอบถามเกี่ยวกับการใช้งานหรือสนใจใช้บริการพร้อมรับ Newsletter...

Continue reading

รู้หรือไม่? เราสามารถตอบรับการขอเข้าถึงไฟล์ได้ 2 วิธี

หนึ่งในความสามารถของ Google Workspace ที่ Google เองภูมิใจนำเสนอนั่นก็คือความปลอดภัยที่รักษาข้อมูลของผู้ใช้งาน เปรียบเสมือนมีพนักงานคอยรักษาความปลอดภัยข้อมูลตลอด 24 ช.ม. ที่สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่นการเข้าถึงข้อมูลต่างๆที่อยู่บนแอปพลิเคชันของ Google Workspace ซึ่งปกติแล้วไฟล์นั้นๆจะถูกตั้งค่าจำกัดการเข้าถึง (Restricted) เป็น default หากมีบุคคลภายนอกต้องการเข้าถึงไฟล์ ก็จะมีแจ้งเตือนไปยังเจ้าของไฟล์ให้ทำการตรวจสอบการขออนุญาตเข้าถึงไฟล์ก่อนทุกครั้ง โดยบทความนี้ จะมาแชร์วิธีการรีวิวหรือการตรวจสอบการเข้าถึงไฟล์ ซึ่งมีทั้งหมด 2 วิธีด้วยกัน วิธีที่ 1: รีวิวผ่านอีเมล ในกรณีที่มีบุคคลที่ต้องการขอเข้าถึงไฟล์ เจ้าของไฟล์จะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลเข้ามาว่ามีผู้ที่ต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึง โดยที่เจ้าของไฟล์สามารถอนุมัติหรือปฎิเสธการเข้าถึงไฟล์พร้อมให้บทบาทสิทธิ์ของไฟล์นั้นๆ ผ่านอีเมลได้เลย  วิธีที่ 2: รีวิวผ่านไฟล์ วิธีนี้เป็นอัปเดตล่าสุดของ Google ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ Docs, Slides, Sheets, PDFs และอื่นๆ ให้สามารถรีวิวผ่านไฟล์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถรีวิวผ่านอีเมลได้เพียงวิธีเดียว  เมื่อมีผู้ที่ต้องการเข้าถึงไฟล์เอกสาร เจ้าของไฟล์จะได้รับการแจ้งเตือนที่ไฟล์นั้นๆ สังเกตได้ว่าจะปรากฎจุดที่ปุ่มแชร์ของไฟล์ โดยที่เจ้าของไฟล์สามารถรีวิวการขอเข้าถึงไฟล์ รวมการให้สิทธิ์บทบาทการเข้าถึงไฟล์จากตรงนี้ได้เลย  ทำความรู้จักบทบาทสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ Viewer (ผู้มีสิทธิ์อ่าน): มีสิทธิ์ดู แต่แก้ไขหรือแชร์ไฟล์กับผู้อื่นไม่ได้Commenter (ผู้แสดงความคิดเห็น): มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นและให้คำแนะนำ แต่แก้ไขหรือแชร์ไฟล์กับผู้อื่นไม่ได้Editor (ผู้มีสิทธิ์แก้ไข): มีสิทธิ์แก้ไขไฟล์ ยอมรับหรือปฏิเสธคำแนะนำ และแชร์ไฟล์กับผู้อื่นได้ บอกเลยว่าอัปเดตครั้งนี้จะให้ช่วยการทำงานร่วมกันทั้งภายในและนอกองค์กรง่ายขึ้นแน่นอน หรือหากไฟล์ใดที่คุณต้องการจำกัดระยะเวลาการเข้าถึง คุณสามารถตั้งค่าได้ตามบทความนี้ >>> ไฟล์หมดอายุเมื่อไหร่ หมดสิทธิ์เข้าถึงทันที! เพื่อตัดสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์นั้นๆได้เลย...

โปรดทราบ! Google Meet  มีคำบรรยายภาษาไทยแล้ว พร้อมอัปเดตการแปลเพิ่มอีก 4 ภาษา 

เป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เมื่อ Google Meet ประกาศอัปเตดเพิ่มเติมภาษาในส่วนของคำบรรยาย (Closed captions) และ การแปลภาษา (Translated captions) เพราะอัปเดตรอบนี้มีภาษาไทยด้วยนะ Closed Captions Update! มาเริ่มที่การอัปเดตภาษาของคำบรรยายหรือแคปชันกันก่อนเลย โดยล่าสุดมีเพิ่มเติมขึ้นมาอีก 7 ภาษา จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 13 ภาษา ซึ่งหนึ่งในภาษาที่เพิ่มมานั้นคือภาษาไทยนั่นเอง! การเปิดใช้งานคำบรรยายสามารถช่วยให้การประชุมนั้นราบรื่นยิ่งขึ้น ในกรณีที่ผู้พูดพูดเร็วเกินไป หรือการที่เราไม่สันทัดในการฟังภาษานั้นๆ อาจทำให้จับฟังคำไม่ทัน หรือกรณีที่ไม่สะดวกในการเปิดเสียงการประชุม เป็นต้น  วิธีตั้งค่าคำบรรยายในการประชุม วิธีเปิด/ปิดคำบรรยาย ไปที่ Google Meet เข้าร่วมการประชุม  เลือกเปิด/ปิดคำบรรยายที่แถบด้านล่าง วิธีเปลี่ยนภาษาคำบรรยาย คลิกที่ Menu > เลือก Setting > เลือก Captions เลือกภาษา เพิ่มเติม: ภาษาที่คุณเลือกจะเป็นค่าเริ่มต้นจนกว่าคุณจะเปลี่ยนแปลง ถึงแม้อัปเดตภาษาไทยของรอบนี้จะเป็น beta ทางทีมงานของเราได้ลองใช้งานเปิดฟีเจอร์คำบรรยายที่เป็นภาษาไทยดูแล้ว บอกได้เลยว่าการทำงานของฟีเจอร์นี้ค่อนข้างจับคำไทยได้ดีถึง 90% เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะมีการพูดภาษาอังกฤษบ้างไทยบ้าง ฟีเจอร์นี้ก็จะเปลี่ยนเป็นคำบรรยายเป็นภาษานั้นๆให้เลยอัตโนมัติ Translate captions Update! ต่อมาเรามาดูการอัปเดตของการแปลภาษากันบ้าง นั่นก็คือ Google Meet ได้มีการเพิ่มเติมภาษาของการแปลขึ้นมา 4 ภาษา จากเดิมมี 7 ภาษา โดยสามารถแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาเหล่านั้นได้อัตโนมัติ   วิธีตั้งค่าการแปลภาษาในการประชุม ไปที่ Google Meet เข้าการประชุม  คลิกที่ Menu > เลือก Setting > เลือก Captions เปิด Translate captions เลือกภาษาคำบรรยายที่ Language of the Meeting เลือกว่าต้องการแปลเป็นภาษาใดที่ Translate to เพิ่มเติม: Translate captions นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่ใช้ Business...

Continue reading

Forrester ยก Google ขึ้นแท่นผู้นำด้าน Data Security Platform Q1 2023

Google Cloud เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ หลายองค์กรได้ปรับเปลี่ยนการทำงานมาอยู่รูปแบบออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้  ดังนั้น Google จึงได้มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างแน่นหนา ที่จะสามารถช่วยให้ข้อมูลถูกจัดเก็บและเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย ทำให้องค์กรสามารถตรวจสอบและควบคุมส่วนต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ….นี่แหละกลยุทธ์ที่สำคัญของ Google  และด้วยระบบการป้องกันและรักษาความปลอดภัยนี้เอง ทำให้ The Forrester Wave™ ยก Google Cloud ให้เป็นผู้นำด้าน Data Security Platforms Q1 2023 นวัตกรรมการรักษาความปลอดภัย คือ จุดแข็งของ Google ที่ไม่มีใครเทียบได้ Google นั้นให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของการเก็บข้อมูลออนไลน์เป็นอันดับหนึ่ง เริ่มจากการนำกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยมายกระดับธุรกิจเชิงพาณิชย์และองค์กรภาครัฐทุกแห่งสู่ Cloud-Native Security ที่ใช้การประมวลข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน AI และ Machine Learning ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลฝั่งองค์กรและฝั่ง End users ได้รับการปกป้องอย่างครบถ้วน  ไม่เพียงแค่นั้น เทคโนโลยี Data Loss Prevention (DLP) ของ Google ยังทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการข้อมูลได้แบบ Real-time ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ และสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย ในบทวิจัยของ Forrester ได้กล่าวว่า “Google นั้นโดดเด่นในเรื่องของนวัตกรรมอย่างมาก ตัวอย่างเช่น AI และ Machine Learning, การพัฒนานวัตกรรมภายในองค์กร, การร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ (การประมวลผล, การควบคุม, และการจัดการบน Cloud service เป็นต้น)” ทุกการใช้งานมีความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า infoType detectors – กลไกการตรวจจับข้อมูลอ่อนไหว ทำให้ Google สามารถเก็บรักษาข้อมูลความลับอันถือเป็นสินทรัพย์ขององค์กรได้ทั้งใน Google Chrome Enterprise และใน Google Workspace (Gmail & Drive) เช่น ข้อมูลการผลิต ข้อมูลการวิเคราะห์ต่าง ๆ...

Continue reading

แชร์วิธีการเชื่อมต่อกราฟใน Google Sheets, Docs, Slides เข้าด้วยกันแบบ Real-time

พอกันทีกับการที่ต้องคอยแก้ไขข้อมูลไปมา พอกันทีกับการสร้างกราฟใหม่อยู่ตลอด พอกันทีกับการที่ต้องคอย Screenshot หน้าจอแล้วไปวางในไฟล์อื่น วันนี้คุณจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลและใช้กราฟตัวเดียวกันจาก Google Sheets, Docs, Slides ได้เลยทันที ! ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อนอีกต่อไป เพียงแค่เปลี่ยนจากการเลือกประเภทของกราฟ (Bar, Column, Line, Pie) เป็นการเลือกกราฟจาก Sheets แทน ….นี่คือขั้นตอนแบบรวบรัดนะ แต่สำหรับใครที่ต้องการเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่าต้องไปที่ไหน ? ทำอย่างไร ? เราได้แบ่งขั้นตอนการแทรกกราฟไว้ ดังนี้ ขั้นตอนการนำกราฟจาก Google Sheets มาที่ Docs และ Slides คุณต้องสร้างข้อมูลและสร้างกราฟใน Google Sheets ให้เรียบร้อยเสียก่อน  เปิด Google Docs หรือ Google Slides  ไปที่ Insert (แทรก) > Chart เลือก From Sheets     4. เลือกไฟล์ Sheets ที่มีกราฟที่คุณต้องการ เพียงเท่านี้เป็นอันเรียบร้อย ! วิธีทำให้ข้อมูลในกราฟเชื่อมต่อกันแบบ Real-time เมื่อคุณเปลี่ยนข้อมูลในตารางใน Google Sheets จะเห็นว่ากราฟใน Sheets มีการอัปเดตแบบอัตโนมัติ แต่ใน Docs และ Slides ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ให้คุณทำตามนี้ เปิด Docs หรือ Slides แล้วไปที่ Chart บนหน้ากระดาษของคุณ จากนั้นให้คุณคลิก Update ที่มุมบนขวาของกราฟนั้น ๆ  เพียงเท่านี้คุณก็สามารถนำกราฟมาเชื่อมต่อกันได้แบบ Real-time แล้วง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะทำงานเอกสารหรืองานนำเสนอก็ไม่ต้องคอยนำเข้ากราฟทุกครั้งที่แก้ไขข้อมูลเหมือนที่เคยทำมา ลืมการทำงานแบบเดิม ๆ ไปได้เลย !  ติดตาม Demeter ICT...

Continue reading

ไฟล์หมดอายุเมื่อไหร่ หมดสิทธิ์เข้าถึงทันที!: วิธีตั้งค่าวันหมดอายุไฟล์ใน Google Drive 

Google Drive ได้อัปเดต API ในการตั้งค่ากำหนดเวลาการเข้าถึงไฟล์ โดยก่อนหน้านี้มีการอัปเดตการแชร์ไฟล์ใน My Drive ล่าสุด! ได้มีการอัปเดต API นี้ ใน Shared Drives แล้ว การทำโปรเจกต์ในบางครั้งอาจไม่ได้เป็นการประสานงานหรือทำงานร่วมกันกับบุคคลในองค์กรเพียงเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีบุคคลที่สามหรือบุคคลนอกองค์กรร่วมโปรเจกต์ครั้งนั้นด้วย หากโปรเจกต์นั้นมีความจำเป็นที่ต้องแชร์ไฟล์ข้อมูลไปยังผู้ร่วมงานภายนอกองค์กรด้วยแล้ว คุณอาจจะอยากจำกัดเวลาในการเข้าถึงไฟล์นั้นเมื่อโปรเจกต์สิ้นสุดลง ซึ่งแน่นอนว่าคุณสามารถตั้งค่าระยะเวลาการเข้าถึงไฟล์ได้ ด้วย Google Drive API : Setting an Expiration Date วิธีตั้งค่าวันหมดอายุไฟล์/โฟลเดอร์ เข้าไปที่ Google Drive เลือกไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่ต้องการแชร์ แล้วคลิก Share ใส่อีเมลผู้รับ แล้วเลือกบทบาทของสิทธิ์การเข้าถึง  คลิกที่ลูกศรลง เลือกวันที่และเวลาหมดอายุของไฟล์นั้น หากต้องการนำวันที่หมดอายุออก ให้คลิกนำวันที่หมดอายุออก แล้วกด Done กด Send เพื่อส่ง Tips การตั้งค่าวันหมดอายุไฟล์: คุณสามารถตั้งค่าวันหมดอายุไฟล์ให้กับบทบาทสิทธิ์ที่เป็น viewers, commenters, editors, และ published viewers (หากไฟล์นั้นรองรับบทบาทผู้มีสิทธิ์อ่านเอกสารที่เผยแพร่) การตั้งค่าวันหมดอายุโฟลเดอร์: คุณสามารถตั้งค่าวันหมดอายุไฟล์ให้กับบทบาทสิทธิ์ที่เป็น viewers and commenters เท่านั้น  ความสะดวกของฟีเจอร์นี้ก็คือเมื่อจบโปรเจกต์แล้วไฟล์นั้นจะถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงอัตโนมัติหลังจากการตั้งค่า โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องตามลบการเข้าไฟล์ในภายหลังเหมือนก่อน ฉะนั้นก่อนแชร์ไฟล์ออกนอกองค์กรทุกครั้งอย่าลืมจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงและตั้งค่าวันหมดอายุไฟล์​ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาความปลอดภัยและป้องกันผลกระทบต่างๆที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้กับแพ็กเกจ Google Business Standard, Business Plus, Enterprise Essentials, Enterprise Essentials Plus, Enterprise Standard, Enterprise Plus, Education Fundamentals, Education Standard, the Teaching and Learning Upgrade and Education Plus ...

ยกระดับความปลอดภัยจาก Spam บน Google Drive

ยกระดับความปลอดภัย จาก Spam บน Google Drive หากพูดถึงระบบการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ Google ที่มีระบบ Safety บนโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในระบบปลอดภัยที่สุดในโลก โดยการตรวจหาภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตแบบอัตโนมัติที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม จากอดีตถึงปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Google ได้รับการพัฒนาด้านการป้องกันความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Google Workspace อย่างระบบความปลอดภัยบน Gmail ที่ทำหน้าที่ตรวจหาอีเมลฉบับขาเข้าโดยอัตโนมัติว่าอีเมลฉบับไหนมีแนวโน้มไม่พึงประสงค์หรือดูท่าทีว่าไม่ปลอดภัยต่อผู้รับอีเมลก็จะทำการดึงอีเมลฉบับนั้นไปไว้ในโฟลเดอร์ Spam ทันที อัปเดต! เพิ่มระบบความปลอดภัยสำหรับ Google Drive ล่าสุด Google Drive ก็มีอัปเดตการป้องกันความปลอดภัยบนไดรฟ์เช่นกัน โดยมีการเพิ่มโฟล์เดอร์ Spam เข้ามาไว้สำหรับให้เจ้าของไดร์ฟแยกไฟล์ที่ไม่ต้องการหรือคาดว่าไม่ปลอดภัย และเมื่อเจ้าของไดรฟ์ทำการย้ายไฟล์ไปยังโฟล์เดอร์ Spam แล้ว  ก็จะไม่สามารถรับการแจ้งเตือน คอมเมนต์ จากไฟล์นั้นได้ รวมถึงไฟล์นั้นจะไม่ปรากฎบนไดรฟ์อีกต่อไป ซึ่งฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2566 วิธีแยกไฟล์ไปยัง Spam บน Google Drive เข้าไปที่ Google Drive คลิกที่ Shared with Me  เลือกไฟล์ที่ต้องการ สามารถเลือกแบบหลายไฟล์พร้อมกันได้ โดยการทำเครื่องหมายถูกที่หน้าชื่อไฟล์นั้นๆ   คลิกขวาไฟล์ที่เลือกแล้วคลิก Report หรือเลือกลากไฟล์ที่ต้องการไปที่โฟลเดอร์ Spam ได้เช่นเดียวกัน เลือกเหตุผลที่ต้องการ report เพื่อรายงานไปยัง Google เพื่อตรวจสอบการละเมิดนโยบาย โดยมีหัวข้อดังนี้  Spam or fraud  สแปมหรือการฉ้อโกง Disturbing or inappropriate content การรบกวนหรือเนื้อหาไม่เหมาะสม Copyright violation การละเมิดลิขสิทธิ์ Child endangerment เป็นภัยต่อเด็ก Other ilegal activity อื่นๆที่ผิดกฎหมาย    6. ทำเครื่องหมาย ✓ หากต้องการบล็อคอีเมลเจ้าของไฟล์   7. คลิก Report เป็นอันเสร็จสิ้น Tips...

Continue reading

Draft หรือ Final แค่ Docs ไฟล์เดียวจบ

Draft หรือ Final แค่ Docs ไฟล์เดียวจบ พอกันที! กับการเซฟงานเอกสารหลายเวอร์ชั่น Customer Success Story… กรณีศึกษาเรื่องราวความสำเร็จจากการใช้งาน Google Workspace โดยลูกค้าผู้ใช้งานจริง เสียเวลาไปเท่าไหร่กับกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อน โดยเฉพาะไฟล์เอกสาร ที่ต้องมีการแก้ไขปรับไปมาอยู่หลายหน เชื่อได้เลยว่าเกือบทุกองค์กร ไม่แผนกใดก็แผนกหนึ่งต้องประสบปัญหานี้อยู่แน่นอน อย่างตัวอย่างเรื่องจริงจาก Customer Success Story ขององค์กรที่เกี่ยวกับ Manufacturing แห่งหนึ่ง … กระบวนการทำงานเดิม ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของพนักงานตำแหน่ง Communication Specialist จากบริษัทการผลิตแห่งหนึ่ง ขอใช้นามสมมุติว่านิพิธ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนักสื่อสารให้กับคนในองค์กร ทุกครั้งเมื่อเขาจะประกาศเรื่องใดๆให้ทุกคนในองค์กรรับรู้ เขาจำเป็นต้องร่างเนื้อหานั้นๆบน Word และต้องส่ง draft แนบไปกับอีเมล ให้กับผู้บริหาร review ตรวจสอบความถูกต้องก่อนทุกครั้ง แน่นอนว่าไม่ได้จบที่ไฟล์เดียว บ่อยครั้งที่ผู้บริหาร ต้องเดินทางไปดูงานยังสาขาอื่นๆ เขาจะทำการตรวจสอบเอกสารได้ก็ต่อเมื่อเปิด laptop เท่านั้น ทำให้ระยะเวลาการ review ช้าลงไปด้วย ที่แย่ไปกว่านั้นคือหลายครั้งที่ผู้บริหารไม่สามารถเข้าดู draft ได้ เนื่องจากติดปัญหาด้านการเข้าถึง หรือ access ไฟล์ และมีหลายครั้งที่ผู้บริหารต้องทำการตรวจสอบแก้ไขรายละเอียดผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งหลังจากนิพิธได้รับ comment เขาต้องนำมาปรับแก้ไขให้เป็น final และต้องส่งให้หัวหน้าทีม review ฉบับ final อีกครั้ง ก่อนทำการเผยแพร่ จะเห็นได้ว่ากระบวนการทำงานของนิพิธเป็นไปค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากระยะเวลาของกระบวนการทำงานค่อนข้างยาวนาน ไม่ใช่ส่งผลกระทบแต่ตัวเขาเท่านั้น แต่พนักงานทุกคนในองค์กรก็ได้รับผลกระทบเนื่องจากได้รับข่าวสารล่าช้าเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าผลเสียไม่ได้มีเท่านี้แน่นอน… หลังปรับกระบวนทำงานด้วย Google Workspace แล้วชีวิตการทำงานของนิพิธก็พลิกเปลี่ยนไปเลย หลังจากองค์กรของเขาเริ่มนำ Google Workspace มาใช้ และเมื่อเขารู้ว่า Google Workspace มีเครื่องมือที่ช่วยการทำงานเขาได้…  Features ที่นิพิธผู้เป็น Communication Specialist หยิบมาใช้ในกระบวนการทำงานของเขา นั่นก็คือ Google Docs และ Google Drive...

Continue reading

ปรับโฉมฟีเจอร์ Location picker ช่วยจัดการย้ายไฟล์บนไดร์ฟให้เร็วกว่าเดิม

ปรับโฉมฟีเจอร์ Location picker จัดการย้ายไฟล์บนไดร์ฟให้เร็วกว่าเดิม มาแล้ว! location picker หรือ เครื่องมือเลือกตำแหน่งการย้ายไฟล์ โฉมใหม่! ของ Google Drive เป็นการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ UI บนเบราว์เซอร์  ที่จะช่วยให้คุณเลือกจัดการไฟล์หรือโฟล์เดอร์ไปยังตำแหน่งปลายทางที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่ารูปแบบเดิม รูปแบบ location picker ใหม่เป็นอย่างไร? แถบบนของหน้าต่าง location picker จะมี 3 หัวข้อให้คุณเลือก นั่นคือ Suggestion (แนะนำ), Starred (ที่ติดดาว) และ All location (พื้นที่ทั้งหมด) เพื่อให้คุณเข้าถึงโฟล์เดอร์ที่ต้องการจะย้ายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แสดงรายละเอียดเส้นทางของไฟล์ไปยังโฟล์เดอร์ที่ย้าย และหากโฟล์เดอร์ที่คุณเลือกนั้นเป็นโฟล์เดอร์ว่าง จะปรากฎด้วยรูปภาพโฟล์เดอร์ว่างเปล่า หรือหากคุณอยากจะสร้างโฟล์เดอร์ใหม่ก็ทำได้เช่นเดียวกัน หากในแถบ Suggestion ได้แสดงโฟล์เดอร์ที่คุณคาดว่าไม่น่าเกี่ยวข้อง คุณสามารถทำการลบโฟล์เดอร์นั้นออกจากการแนะนำได้เลย เมื่อเสร็จสิ้นการย้ายไฟล์ จะแสดงรายละเอียดที่แถบสีดำด้านล่างซ้าย ว่าคุณได้ย้ายไฟล์ไปที่โฟล์เดอร์นั้นเรียบร้อยแล้ว หากไฟล์ที่คุณมีเป็นไฟล์ชนิด “view only (สำหรับดูเท่านั้น)” จะไม่สามารถทำการจัดการย้ายไฟล์ได้ เนื่องจากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของไฟล์ดังกล่าว วิธีการโอนย้ายไฟล์ ด้วย location picker รูปแบบใหม่ ใน 3 ขั้นตอน คลิกขวาที่ไฟล์ที่ต้องการจะโอนย้าย เลือก > Move to 2. เลือกที่แถบ Suggestion, Starred, หรือ All location ได้ตามต้องการ แล้วเลือกโฟล์เดอร์ปลายทางที่ต้องการจะย้ายไฟล์   3. คลิก Move เป็นอันเสร็จสิ้นการย้ายไฟล์ และ จะแสดงรายละเอียดที่แถบสีดำด้านล่างซ้าย ว่าคุณได้ย้ายไฟล์ไปที่โฟล์เดอร์นั้นเรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่า สำหรับการอัปเดตของ location picker ซึ่งการใช้งานก็จะคล้ายๆกับรูปแบบเดิมเลย เพียงแต่มีแถบ  Suggestion, Starred, และ All location เพิ่มขึ้นมา โดย Google บอกอีกว่าการพัฒนานี้ก็เพื่อให้เข้าถึงไฟล์นั้นๆได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว...

Continue reading