ส่องเทรนด์ WeChat OA เพื่อธุรกิจ รุก ตลาดจีน

WeChat Official Account (WeChat OA) เป็นเครื่องมือการสื่อสารทางการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการเติบโตในประเทศจีน ซึ่ง WeChat Official Account  เป็นบริการสำคัญสำหรับด้าน Digital Marketing และโซเชียลมีเดียยอดนิยมที่ชาวจีนใช้กันอย่างแพร่หลาย ในปัจจุบัน WeChat ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากได้ครองพื้นที่โซเชียลมีเดียในประเทศจีน  ชึ่งนายกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ใช้ WeChat มีอยู่ราวๆ 963 ล้านคนทั่วโลก โดย 90% ใช้ WeChat ในชีวิตประจำวันทุกวัน และมีถึง 80% ของผู้ใช้  WeChat ที่ติดตาม WeChat Official Account  ของแบรนด์ต่างๆ นี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารไปถึงกลุ่มลูกค้าชาวจีน  (เป็นตัวกลางเชื่อมธุรกิจจากไทยสู่จีน) WeChat Official Account  จึงเป็นบริการที่สำคัญในการสร้างเเบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เเละช่วยกระตุ้นการขายเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ จากการสำรวจโดย Asia Travel Club พบว่ามีกราฟที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ จำนวนผู้ใช้งานรวม จาก 50 ล้านคน ในปี 2012 ปัจจุบันยอดผู้ใช้งานของ WeChat กระโดดขึ้นมาแตะหลักประมาณ 1.17 พันล้านคน เรียบร้อยแล้วในช่วง Q1 ของปี 2020 นอกจากนี้ มีการบันทึกว่าในปี 2019 มีจำนวนการส่งข้อความต่อวันสูงถึง 4.5 หมื่นล้านข้อความต่อวันเลยทีเดียว  ข้อมูลของผู้ติดตามบัญชี WeChat Official Account จากการสำรวจของ QuestMobile 2019 พบว่ามีผู้ติดตามบัญชีอย่างเป็นทางการของ WeChat Official Account มีสัดส่วนผู้ใช้ที่ติดตามเป็นผู้ชายกว่า 57.2% เมื่อเทียบกับผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงมีเพียง 53.3%  นอกจากนี้ในการสำรวจของ QuestMobile ยังพบว่าผู้ใช้งานบัญชี WeChat Official Account...

Continue reading

จะทำอย่างไร เมื่อธุรกิจต้องกลับมา WFH อีกครั้ง Google Workspace ช่วยได้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 กลับมาเป็นที่กังวลใจอีกครั้งหลังจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลดการแพร่ระบาดของเชื้อ หลายธุรกิจประกาศให้พนักงานกลับมา Work From Home อีกครั้ง เช่นเดียวกับ Demeter ICT ที่ครั้งนี้ก็ได้ให้พนักงานทุกท่าน WFH จนถึงสิ้นปี และได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Google Workspace (ชื่อเดิม G Suite) มาช่วยให้การทำงานแบบ WFH ราบรื่นขึ้น ซึ่ง Google Workspace จะช่วยในการทำงานแบบ WFH ได้อย่างไร มาติดตามกันเลย 1. ติดต่อสื่อสารและติดตามการทำงานได้ไม่สะดุด ผ่าน Gmail และ Chat นอกจากการส่งอีเมลผ่าน Gmail แล้ว ในหน้าต่างเดียวกันคุณสามารถใช้ Google Chat เพื่อส่งข้อความหรือติดต่อกับพนักงานทุกคนได้ ไม่ว่าจะสร้างแชทเดี่ยวหรือกลุ่มแยกเป็นแผนก และข้อความที่คุณรับส่งกันจะถูกซิงค์ไว้ไม่ว่าจะเข้าผ่านเว็บเบาว์เซอร์หรือแอปในโทรศัพท์ข้อความก็ไม่หาย นอกจากนี้ข้อความที่ไม่ได้เปิดอ่านสามารถตั้งแจ้งเตือนไปทางอีเมลได้อีกด้วย ฟีเจอร์ใน Chat ยังสามารถสร้าง Task การทำงานต่าง ๆ ไว้ในกลุ่มได้ เพื่อให้คุณติดตามงานได้ง่ายขึ้นและทุกคนสามารถติดต่อกันได้ง่ายขึ้นแม้ต้องทำงานอยู่บ้าน 2. ประชุมออนไลน์ด้วย Google Meet และนัดหมายด้วย Calendar ทุกที่คงจะหนีไม่พ้นกับการประชุม ซึ่ง Google Meet เป็นหนึ่งในแอปที่ช่วยให้คุณสามารถจัดประชุมหรือจัดสัมมนาออนไลน์ได้ โดยเข้าร่วมเข้าร่วมการประชุมได้สูงสุดถึง 250 คน และแถมยังฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ ๆ เพิ่มมาอีก เช่น เปลี่ยนพื้นหลังการประชุม สร้าง Polls และ Q&A เพื่อไม่ให้พลาดทุกการประชุมคุณสามารถนัดหมายการประชุมทุก ๆ ครั้งด้วย Calendar ที่สามารถดูตารางของเพื่อนร่วมงานในองค์กรหรือบุคคลนอกองค์กรได้ว่าช่วงเวลาไหนสามารถนัดประชุมได้  3. ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ เครื่องมือที่จะทำให้คุณสามารถสร้างหรือแก้ไขเอกสารบนไฟล์เดียวกันแบบเรียลไทม์ได้ ก็คือ Docs, Sheets, Slides จุดเด่นของเครื่องมือตัวนี้คือ สามารถทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์สูงสุดถึง 100 คน เพียงแค่คุณมีอินเทอร์เนตก็สามารถเข้าถึงไฟล์ได้ทุกที่ที่ต้องการ คุณสามารถแชร์เอกสารให้กับใครก็ได้เพื่อให้มีสิทธิ์ในการดูหรือแก้ไขเอกสารนั้น และสามารถแสดงความคิดเห็นบนเอกสารนั้น ๆ หรือแท็ก...

Continue reading

วิธีรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือ BCP ด้วย Zendesk

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับคำว่า BCP หรือ Business Continuity Plan กันก่อน.. BCP หรือ Business Continuity Plan คือ แผนรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ทางบริษัทไม่ได้เตรียมการณ์เอาไว้ จนทำให้การทำงานต้องหยุดชะงักไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเหมาะกับในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ที่ไม่มีใครรู้ว่า โควิด-19, ฝุ่น PM2.5, ภัยไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ อีกมากมาย จะกลับมาเล่นงานคุณหรือธุรกิจของคุณเมื่อไหร่ จะให้พนักงาน Work from home ก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นวันนี้ทุกคนควรทำความรู้กับ BCP ให้มากขึ้น และเตรียมแผนรับมือของคุณให้พร้อมกันเถอะ ซึ่งแต่ละบริษัทก็อาจจะมีผลกระทบที่ต่างกันออกไป ดังนั้นแผนของ BCP ก็ต่างกันไปด้วย แต่เรื่องที่เราจะพูดถึงในครั้งนี้จะเน้นไปที่การบริการลูกค้า ที่ทุกคนจะพบเจอเรื่องแรก ๆ การรับเรื่อง หรือการติดต่อกับลูกค้า เรื่องนี้ยากที่สุดสำหรับธุรกิจที่ยังพึ่งพิงกับระบบสื่อสารแบบเดิม ๆ ต้องมีพนักงานไปที่ออฟฟิศ ถ้าเข้าออฟฟิศไม่ได้ ลูกค้าก็ติดต่อไม่ได้ หรือลูกค้าแจ้งเรื่องเข้าเบอร์มือถือพนักงานสักคนแต่ไม่รู้ว่าจะสื่อสารอย่างไร เคสนี้แนะนำว่ารีบไปหาระบบที่สามารถทำงานบน Cloud ได้ เผื่อในอนาคตเกิดมีการต้องเข้าออกออฟฟิศไปมา หรือย้ายออฟฟิศ ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ อยู่ที่ไหนพนักงานก็ยังสามารถทำงานได้ และการรับเรื่องลูกค้าจากหลายช่องทาง เช่น Social Media ต่าง ๆ ในกรณีที่การรับโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวเอาไม่อยู่ เพราะมีสายเข้ามามาก หรือพนักงานมาไม่ได้ ก็ต้อง Work From Home ในการ Support หรือให้บริการลูกค้าให้ได้ ระบบ Omnichannel Customer Service เช่น Zendesk ที่รวบรวมช่องทางการติดต่อไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ไลน์ เฟซบุ๊ค อีเมล ฯลฯ เข้ามาที่จุดเดียว และสามารถส่งงานต่อ Tracking งานได้ ว่ามีเคสค้างเท่าไหร่ Performance ของการทำงานเป็นยังไงบ้าง ใครติดต่อเข้ามาเยอะ เรื่องอะไร ฯลฯ ก็ควรจะมี เอาไว้เป็นเครื่องมือในการให้บริการลูกค้าได้แบบต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตามก็สามารถบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพได้ เหมาะแก่การรับมือในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต...

Continue reading

รู้ไว้ก่อนตกเทรนด์ Machine Learning ก็ใช้ใน Customer Service ได้นะ

Machine Learning ในแง่ของการบริการลูกค้ามักถูกใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในอีกระดับหนึ่งที่สูงกว่า และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ต เครื่องมือ Customer Analytics ที่มุ่งเน้นการซัพพอร์ตร่วมกับเทคโนโลยี Machine Learning เองกำลังได้รับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมักเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ง่ายและประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมต่างๆ ล่าสุด Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2021 กว่า 15% ของการมีปฏิสัมพันธ์ในการบริการลูกค้าจะถูกรับมือด้วย Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์) โดยสมบูรณ์ ทว่าสวนทางกับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีความกังขาเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีเอไอ โดยเฉพาะ Machine Learning  ในบทความนี้ เราจะมาเคลียร์ข้อกังขาในแง่ของการใช้ Machine Learning ร่วมกับการบริการลูกค้ากัน ส่งต่อข้อมูลเชิงลึก ก่อนอื่น มาดูคำจำกัดความของ Machine Learning กันก่อน : Machine Learning เป็นประเภทหนึ่งของเทคโนโลยีเอไอที่ใช้อัลกอริทึมหลายชั้นเพื่อ “เรียนรู้” จากการประมวลผลข้อมูล ในขณะที่ปัญญาประดิษฐ์เป็นคำที่ใช้โดยทั่วไปในการจำลองความฉลาดของมนุษย์ Machine Learning จะเกี่ยวข้องกับวิธีการที่เครื่องได้รับข้อมูล เข้าใจกฎระเบียบการทำงานในแบบที่ควรจะเป็น และวิธีการที่จะประมวลผลดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป แอปพลิเคชัน Machine Learning ที่ใช้งานแล้วได้ผลดี มักจะเป็นเชิงอุตสาหกรรมที่มีการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือมีขั้นตอนที่จำเป็นต้องใช้การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด จริงอยู่ที่สมองของคนเราอาจไม่สามารถรองรับข้อมูลมหาศาลได้เท่าอัลกอริทึม แต่ก็แน่นอนว่ามีสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดีกว่าอย่างการรับมือกับลูกค้าที่อารมณ์เสียโดยตรง ในส่วนแง่ของประสิทธิภาพการบริการลูกค้านั้น เจ้าหน้าที่ซัพพอร์ตที่เป็นคนจริงๆ แล้วก็มีข้อมูลครบแน่น ก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับการบริการลูกค้ามากกว่าอยู่ดี มุ่งเน้นที่ Self-Service จากแบบสำรวจพบว่า 81% ของลูกค้าจะชอบหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ซัพพอร์ต ดังนั้นในหลายๆ องค์กรจึงได้มีการเพิ่มบริการ Self-Service ด้วยหวังว่าจะสามารถส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้นได้ หนึ่งในวิธีการที่ง่ายที่สุดในการทำ Self-Service ก็คือการสร้างระบบฐานความรู้ Self-Service เป็นกรณีที่มีการใช้งานแอปพลิเคชัน Machine Learning เข้าช่วยที่พบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Chatbots, Virtual Assistants และเครื่องมือเสริม AI อื่นๆ ที่สามารถ “เรียนรู้” และจำลองการโต้ตอบเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าได้ บางแอปพลิเคชันก็นิยมใช้เป็น Deep Learning ซึ่งเป็น Machine Learning ที่ประมวลผลได้ลึกซึ้งยิ่งกว่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานได้มากขึ้น แล้ว...

Continue reading

Google Chat คืออะไร ทำความรู้จักหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้สื่อสารในองค์กร

หลายท่านที่ใช้ Google Workspace คงจะเคยได้เห็นหรือได้ยิน Google Chat มาแล้วบ้าง นั่นก็เพราะ Google กำลังจะทำการรีแบรนด์จาก Google Hangouts เป็น Google Chat แบบเต็มรูปแบบในปีหน้าหรือปี 2564 นั่นเอง และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Google Chat ที่เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ติดต่อสื่อสารในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Google Chat คืออะไร และทำอะไรบ้าง ไปดูกันเลย Google Chat คืออะไร ? Google Chat คือ หนึ่งในเครื่องมือของ Google Workspace ที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร หรือแชท กับคนในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้งานเหมือนกับการส่งข้อความในไลน์ แต่ความแตกต่างคือ Google Chat จะใช้ที่อยู่อีเมลของเพื่อนร่วมงานในองค์กรของคุณในการติดต่อ และจุดแข็งของ Google Chat ก็คือ ข้อมูลทั้งหมดจะเก็บไว้บน Cloud ซึ่งจะไม่เปลืองพื้นที่ในคอมพิวเตอร์หรือในโทรศัพท์ และที่สำคัญมีความปลอดภัยสูงระดับโลก Google Chat ทำอะไรได้บ้าง ? สามารถแชทกับเพื่อนร่วมงานได้ไม่ว่าจะเดี่ยวหรือกลุ่ม นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อการทำงานกับเครื่องมือต่าง ๆ ของ Google Workspace อย่าง Google Drive Google Calendar และ Google Meet ซึ่งหากคุณใช้เครื่องมือเหล่านี้อยู่แล้ว จะทำให้คุณนั้นทำงานร่วมกันในองค์กรได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้น มากไปกว่านั้น Google Chat ยังมีฟีเจอร์เด็ด ๆ น่าใช้อีกมากมาย อ่านเพิ่มเติมคลิก   อีกทั้ง Google Chat สามารถใช้งานได้ในเบราว์เซอร์ของคอมพิวเตอร์และในแอปโทรศัพท์อย่าง Android และ iOS ซึ่งข้อความทั้งหมดจะทำการซิงค์โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์ใดหรือแม้จะสลับอุปกรณ์ใช้ข้อความก็จะไม่หายไป และเมื่อคุณเข้ากลุ่มก็สามารถดูข้อความย้อนหลังในกลุ่มนั้นที่คุยกันไว้ได้  สัญลักษณ์ Google Chat สัญลักษณ์ คำอธิบาย ดูข้อมูลเพิ่มเติม ค้นหาบุคคล คำ...

Continue reading

แก้ไขไฟล์งาน Offices ที่แนบจาก Gmail ใน Docs, Sheets, Slides ง่าย ๆ เพียงคลิกเดียว

เพื่อให้ง่ายต่อการเปิด แก้ไข และทำงานร่วมกันบนไฟล์ Microsoft Offices ที่รับส่งใน Gmail ทาง Google Workspace ได้ออกฟีเจอร์ใหม่ให้กับผู้ใช้งาน โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์ เพื่อนำมาแก้ไข แล้วอัปโหลดขึ้นไปใหม่เพื่อที่จะส่งอีเมล แต่สามารถคลิกเพื่อเปิดแก้ไขไฟล์ใน Google Docs, Sheets, Slides และแนบไฟล์ตอบกลับอีเมลได้เลยทันที  ซึ่งมีตั้งแต่แพ็กเกจ Google Workspace Business Starter, Business Standard, Business Plus, Enterprise Standard, and Enterprise Plus โดยมีฟีเจอร์ที่เพิ่มมา ดังนี้  เมื่อได้รับไฟล์ที่แนบมาจาก Gmail คุณสามารถเปิดไฟล์เพื่อแก้ไขเอกสารข้างในได้ง่าย ๆ เพียงคลิกแค่ครั้งเดียวจากตัวไฟล์ โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดออกมา และเอกสารในไฟล์ยังคง Format เดิม แม้ว่าจะเป็นไฟล์ของ Microsoft หรืออื่น ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกัน ลดเวลาการแปลงไฟล์  และลดขั้นตอนการดาวน์โหลด  ง่ายต่อการแนบไฟล์เพื่อตอบกลับอีเมลหลังจากที่แก้ไขใน Docs, Sheets, Slides ได้ทันที โดยคลิกที่ File > Email > Reply with This File เป็นฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้การทำงานคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากคุณไม่ต้องบันทึกงานลงไดร์ฟหรือลงคอมพิวเตอร์ เพื่ออัปโหลดและตอบกลับอีเมล แต่คุณสามารถคลิกเพื่อส่งอีเมลพร้อมทั้งแนบไฟล์ได้เลยทันที  2 ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานร่วมกันกับไฟล์นามสกุลอื่น ๆ โดยเฉพาะไฟล์ของ Microsoft Offices ที่มีการรับส่งใน Gmail กันอย่างมาก ซึ่ง Google Workspace เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อที่จะทำให้เกิดการยืดหยุ่นต่อการทำงานร่วมกันมากที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด  Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ 02-030-0066...

How to อัพเกรดการบริการลูกค้าด้วย Experience Data

ก่อนอื่นหากใครไม่รู้ว่า Experience Data คืออะไร? คลิกเลย ซึ่งการที่เรามี Experience Data(X-Data) ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถนำข้อมูล X-Data มาปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ มันก็อาจจะเสียเปล่า ดังนั้นวันนี้ Demeter ICT จะมาบอกถึงการนำเอา X-Data มาปรับใช้ในธุรกิจเพื่อเป็นการอัพเกรดการบริการของคุณ และสามารถสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าได้ ติดตามตัวชี้วัด และ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรก็แล้วแต่ ต้องมาจากการวัดผลที่สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นทีมบริการลูกค้าก็มีตัววัดผลที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าหลายตัว เพื่อดูความพึงพอใจของลูกค้าและนำเอาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และนำมาปรับใช้ให้ดีกว่าคู่แข่งได้ ดังนี้ Net Promoter Score(NPS) คะแนนผู้สนับสนุนสุทธิ คือ คะแนนที่จะวัดความภักดีของลูกค้าด้วยการที่ถามว่า คุณจะแนะนำ องค์กรA, สินค้าB หรือ บริการC ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักของคุณหรือไม่ Customer Satisfaction(CSAT) ความพึงพอใจของลูกค้า คือ คะแนนที่จะวัดความพึงพอใจว่า ลูกค้ามีความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการที่ได้รับในระดับใด Customer Effort Score(CES) คะแนนความพยายามของลูกค้า คือ คะแนนที่จะวัดความสะดวกในการใช้งานไม่ว่าจะด้วย การบริการหรือตัวสินค้าเอง แก้ปัญหาก่อนที่ส่งผลกระทบต่อกำไร หากคุณมีข้อมูล X-Data ของลูกค้า คุณจะสามารถรู้ถึงอารมณ์ของลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด และสามารถแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่เราจะควบคุมไม่ได้ และจะส่งผลถึงฟีดแบคหรือกำไรต่อไป ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้ารายหนึ่งได้ซื้อสินค้าหรือบริการของเราไปแล้วเกิดมีปัญหา เราสามารถตรวจสอบ Social Media ได้ทันทีหากมีการกล่าวถึงคุณ เพื่อเป็นการยับยั้งปัญหาก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาด ปรับแต่งกระบวนการทำงาน และฝึกอบรมภายใน เมื่อคุณเก็บข้อมูล X-Data มากขึ้น คุณจะเริ่มเข้าใจ อารมณ์ ความคิด และความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นคุณสามารถนำเอาข้อมูล X-Data มาปรับกระบวนการทำงานบางอย่างขององค์กรให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ พร้อมทั้งเทรนพนักงาน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พบเจอและให้เข้าใจถึงปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น หากมีลูกค้าติดต่อมาหาคุณถามคำถามเดียวกันบ่อย ๆ คุณก็อาจจะเพิ่มตัวเลือกการช่วยเหลือตัวเอง(Self Service) กับคำถามนี้เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เป็นการช่วยทั้งลูกค้าและตัวพนักงานเองด้วย ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูล X-Data ก็จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือที่มาช่วยให้การเก็บข้อมูลของคุณง่าย สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่ง Zendesk ก็เป็นหนึ่งในซอฟท์แวร์หรือเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยตอบโจทย์นี้ให้กับคุณได้ และยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่คุณอาจไม่เคยรู้...

Continue reading

GCash

ผู้ให้บริการ E-Wallet ชั้นนำของฟิลิปปินส์ GCash ร่วมงานกับ Zendesk พัฒนาประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับลูกค้ากว่า 20 ล้านคน...

Facebook จับมือ Zendesk เสริมสร้างประสบการณ์การสนทนาที่ทรงพลัง

หากพูดถึงโซเชียลมีเดียที่เป็นที่นิยมรู้จักกันทั่วโลก เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องมีตัวเลือก ‘Facebook’ อยู่ต้นๆ อย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่ในด้านการให้ข่าวสารความบันเทิงของโลกโซเชียลเท่านั้น Facebook ได้กลายเป็นฐานสำคัญในการต่อยอดธุรกิจ โดยปัจจุบันพบว่ามีแอคเค้าท์ธุรกิจถึงกว่า 40 ล้านรายที่แอคทีฟในระบบ Messenger ในขณะที่ใน WhatsApp เองก็มียอดที่ทะยานขึ้นถึง 164% ในแถบละตินอเมริกา ส่วน Instagram ก็เพิ่งจะเปิด API ธุรกิจเป็นครั้งแรกเมื่อเวลาไม่นานมานี้ Facebook เลือก Zendesk เป็น CX Partner หลักในการจัดสรรด้านการสนทนาและการซัพพอร์ตลูกค้าผ่าน Messaging การจับมือร่วมงานกันนี้ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเชื่อมการเข้าถึงระหว่างกันได้ง่าย และส่งผลให้การตอบกลับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ Messaging ของ Facebook ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram และ WhatsApp สามารถทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น การร่วมมือกันเหล่านี้ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมเกี่ยวกับผู้ติดตาม การทำธุรกรรมทางโซเชียล และการแก้ไขปัญหาด้านการบริการลูกค้าต่างๆ และนอกเหนือกว่านั้น Zendesk กับ Facebook จะทำงานร่วมกันในการพัฒนาศักยภาพของโปรดักส์ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Facebook ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Messenger API สำหรับ Instagram และหลักการทำงานของ WhatsApp ที่จะช่วยให้ธุรกิจที่ใช้ WhatsApp ดำเนินกิจการได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ระบบ Social Messaging ที่ดีกว่าเดิม แอป Messaging เป็นแอปที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนในเรื่องของความสะดวกสบาย มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้แอปส่งข้อความเป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสารกับทั้งเพื่อนและครอบครัว จากสถิติทั่วโลกพบว่า กว่า 175ล้านคนเคยมีประสบการณ์ติดต่อแอคเค้าท์ธุรกิจมาแล้วใน WhatsApp และมีผู้ใช้งานกว่า 100ล้านคนที่ส่งข้อความไปมาระหว่างกันทุกวัน โดย Zendesk จะเข้ามาช่วยให้สามารถตั้งค่าบทสนทนาใน WhatsApp, Messenger และ Instagram จาก Admin Center ควบคู่ไปกับช่องทางโซเชียลอื่นๆ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะสามารถตอบกลับและแก้ไขปัญหาคำร้องได้รวดเร็ว การร่วมมือกันของ Zendesk กับ Facebook ยังทำให้มั่นใจในการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพของระบบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น  นอกจากนี้ แพลตฟอร์มของ Zendesk...

Continue reading