Koening & Bauer บริษัทผลิตแท่นพิมพ์ระดับโลก สร้างการทำงานร่วมกันของพนักงานทั่วโลกด้วย Google Workspace

Koenig & Bauer ผู้ผลิตแท่นพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและเป็นผู้บุกเบิกที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมได้นำ Google Workspace มาใช้เพื่อช่วยให้พนักงานทั่วโลกทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ผลลัพธ์ของการใช้ Google Workspace พนักงาน 4,000 กว่าคน ทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์ รองรับทุกการแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์แม้อยู่ทางไกล อย่างมีประสิทธิภาพ  ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดผ่าน Google Meet  รวมทีมทั่วโลก บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยด้วยอีเมลองค์กรอย่าง Gmail และการเข้าถึงข้อมูลบน Google Drive ช่วยลดต้นทุนในเรื่องของค่าบริการต่าง ๆ และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออื่น จุดเริ่มต้นของการใช้ Google Workspace Koenig & Bauer เป็นบริษัทแรกที่พิมพ์หนังสือพิมพ์ด้วยเครื่องจักรไอน้ำ ผลิตแท่นพิมพ์ที่สามารถพิมพ์กระดาษได้ทั้ง 2 หน้า ผลิตแท่นพิมพ์ออฟเซ็บแบบสี่สีและเครื่องพิมพ์มัลติคัลเลอร์สำหรับใช้พิมพ์ธนบัตรเป็นที่แรกของโลก ปัจจุบันมีทั้งสำนักงานใหญ่และบริษัทย่อยอยู่หลายแห่งทั่วโลก แต่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับพันธกิจที่มุ่งมั่น คือ คิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการพิมพ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่สูงเกินความคาดหมาย ด้วยพันธกิจนี้เอง Koenig & Bauer ต้องการสะท้อนให้เห็นถึง DNA ของธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่เพียงแต่สินค้าของบริษัท แต่ในทุกด้านของธุรกิจตั้งแต่การบริการลูกค้า ไปจนถึงวิธีการทำงานของพนักงาน   ซึ่งจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ดีกว่าในการสื่อสาร แบ่งปันแนวคิดและใช้ทำงานงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดทั้งพนักงานในโรงงานหรือบริษัท Pain Point ที่สามารถแก้ได้ด้วย Google Workspace Pain Point หลัก ๆ ของ Koenig & Bauer คือ หลายทีมมีการใช้อีเมลในการรับส่งหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล บางครั้งสมาชิกในทีมไม่ได้รับอีเมลหรือติดตามงานไม่ทัน เอกสารไม่อัปเดตและล่าช้า จึงทำให้การตรวจสอบหรือการอนุมัติก็ช้าตามไป ซึ่งการแชร์ไอเดียและความรู้ เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้นวัตกรรมดำเนินต่อ นอกจากนี้กระบวนการทำงานก่อนหน้านี้ไม่สนับสนุนวิธีการทำงานแบบยืดหยุ่น จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของ Koenig & Bauer ในการมองหาเครื่องมืออย่าง Google Workspace ที่สามารถตอบสนองโซลูชันที่เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การใช้เครื่องมือบนคลาวด์เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเป็นหนึ่งเดียวกัน ใช้ Google Meet และเครื่องมือต่าง ๆ...

Continue reading

1-Stop Connections จับมือ Zendesk ยกระดับการบริการให้ลูกค้าโลจิสติกส์ทางเรือระดับโลก

ทราบหรือไม่? กว่า 90% ของสินค้าทุกอย่างที่มีการซื้อขายไปทั่วโลกล้วนต้องผ่านการขนส่ง ไม่ว่าจะทางบก ทางอากาศ หรือแม้แต่ทางทะเล เป็นสถิติที่ตอกย้ำถึงขนาด ความสำคัญ และความซับซ้อนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก แม้แต่ขณะที่คุณกำลังอ่านข้อความนี้เอง ก็มีตู้คอนเทนเนอร์กว่า 20 ล้านตู้บนท้องทะเล คอยขนส่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอย่างน้ำมัน เหล็ก ไม้ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างทีวี ของเล่น ของสิ่งทอ เรือขนส่งที่ใหญ่ที่สุดสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุตได้ถึง 18,000 ตู้ ซึ่งเพียงพอต่อการจัดเก็บรถยนตร์ 36,000 คัน หรือกระป๋องถั่วอบ 850 ล้านกระป๋อง เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เหล่านี้บรรทุกและขนถ่ายไปยังท่าเรือหลายสิบแห่งทั่วโลก ท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดจึงเปรียบได้ดั่งเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง ลังขนส่งกว่า 10 ล้านลังที่ถูกถ่ายไปมาในทุก ๆ ปี เหมือนระบบสลับซับซ้อนที่ต้องการเครื่องมือที่ชาญฉลาดมาช่วยบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุผลที่บริษัทอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าโลจิสติกส์หันมาหาบริษัทอย่าง 1-Stop Connections บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ในรูปแบบซัพพลายเชน (SAAS) ที่ช่วยให้ท่าเรือขับเคลื่อนเหมือนดั่งเครื่องจักร “เราช่วยจัดการสิ่งที่เราเรียกว่าระบบชุมชนท่าเรือ” Alex Wood, head of customer service, 1-Stop Connnections กล่าว “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนอย่างน่าเหลือเชื่อ สำคัญที่ทุกคนต้องทำงานร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่บริษัทขนส่ง บริษัทปลายทาง เอเจนซี่ขนส่งสินค้า ฝ่ายกำกับดูแล ไปจนถึงแม้กระทั่งนักบัญชี” การจะดูแลระบบงานที่สลับซับซ้อนได้ ก็ย่อมหมายความว่าโครงสร้างภายในของตัวองค์กรนั้นต้องมีความเป็นระเบียบมากพอเสียก่อน แล้วอะไรที่ทำให้ 1-Stop Connections มีระบบการทำงานที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มาหาคำตอบกัน สร้างความเรียบง่าย ให้ลูกค้าที่ซับซ้อน เพื่อจัดระเบียบสภาพการทำงานที่วุ่นวายนี้ บริษัทได้นำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการดำเนินงาน การติดตาม การรายงานและด้านความปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ 1-Stop Connections ทำทุกอย่างตั้งแต่บริหารจัดการตารางเวลาการรับสินค้า ไปจนถึงการออกการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานเทียบท่า “ลูกค้าทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และใช้โซลูชันของเราแตกต่างกันไป” Wood กล่าว “ลูกค้าสามารถผสมสานหรือจับคู่โซลูชันของเราหลายรายการตามแต่องค์กรของตน และตั้งค่าบทบาทของผู้ใช้งาน ระดับการเข้าถึง และช่วงการดูแลระบบที่แตกต่างกันได้ไม่หลักร้อยก็หลักพันคน” หากจะกล่าวให้ซับซ้อนกว่านั้น ไม่เพียงแต่ธุรกิจหลักจะดำเนินงานแบบ Business-to-Business แล้ว 1-Stop Connections ยังรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้โซลูชันของบริษัทในการสร้างระบบความปลอดภัยให้ตัวเองอีกด้วย เครื่องมือรวมหนึ่งเดียวที่จะคอยบงการทั้งหมด ด้วยลักษณะเฉพาะของธุรกิจที่เข้ากันได้ทั้งกลุ่มลูกค้าแบบ B2B...

Continue reading

Google Workspace Tips! ปรับแท็บ Chat ใน Gmail

ตอนนี้ผู้ใช้งาน Google Workspace สามารถลดย่อ หรือขยายแท็บ Google Chat ใน Gmail ได้แล้ว เมื่อเปิดบนเว็บเบราว์เซอร์ วิธีนี้ช่วยให้ติดตามการสนทนาที่สำคัญที่สุดได้ง่ายขึ้นและไปยังการแชทที่เกี่ยวข้องได้เร็วขึ้น  Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ 02 030 0066...

จัดการรายการราคาและ SKU ในธุรกิจอุตสาหกรรมได้เเบบ Real time ด้วย Google Sheets

Google Sheets คือ เอกสารรูปแบบ spreadsheet พร้อมฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ ในการทำข้อมูลเชิงลึก ทำงานร่วมกับทุกคนได้ทุกเมื่อ และในทุกที่ที่ต้องการ ซึ่งมีลักษณะการทำงานคล้ายกันกับ Microsoft Excel คือสามารถสร้าง Column, Row เเละใส่ข้อมูลลงไปใน Cell เพื่อคำนวณสูตรต่างๆได้  การใช้ Google Sheet จะช่วยให้ทุกคนทำงานได้ง่ายขึ้นโดยการเเชร์เนื้อหาร่วมกันเเบบ Real Time ทำให้ประหยัดเวลาในการรวบรวมข้อมูลของพนักงานเเต่ละเเผนกมาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวคือ สามารถเเชร์ให้ทุกคนมาอยู่ใน Sheet เเละทำงานเป็นทีมได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งระบบจะบันทึกข้อมูลเเบบอัตโนมัติทั้งหมด นอกจากนี้เเล้วยังสามารถเเก้ไขไฟล์ได้ทุกเมื่อเเบบ Real Time ธุรกิจอุสาหกรรมส่วนมากมีปัญหาในเรื่องของการรวบรวมข้อมูล ต้องเอาข้อมูลมาจากหลายฝ่ายมารวมกัน จึงทำให้เกิดการทำงานที่ล่าช้า เเละไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการอัพเดทรายการราคา และ SKU ที่ต้องใช้ร่วมกันในหลายแผนก เช่น แผนกขาย แผนกการผลิต แผนกคลังสินค้า แผนกจัดซื้อ ฯลฯ การใช้แพลตฟอร์ม Google Sheet สามารถมาช่วยเเก้ปัญหานี้ได้ โดยพนักงานสามารถเก็บบันทึกข้อมูลการกำหนดราคาสำหรับเเผนกต่าง ๆ และ SKUs ใน Google Sheets spreadsheet ใน Drive ทำให้พนักงานจัดระเบียบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจวางแผนข้อมูลในอนาคต จากนั้นแชร์ spreadsheet ข้อมูลให้กับพนักงานแผนกอื่น ๆ เพื่อที่พนักงานทุกเเผนกสามารถเข้าไป ตรวจสอบเนื้อหา อัปเดตข้อมูล เเละสามารถเช็ครายการราคาได้ตามต้องการเเบบ Real Time  ลดการเกิดปัญหาการทำงานที่ผิดพลาด นอกจากนี้เเล้ว ยังสามารถแชท และแสดงความคิดเห็นกับบุคคลใน Sheets เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เเละไม่เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อน  ตัวอย่าง การจัดรายการราคาและ SKU ของร้านค้าใน Sheets การทำงานด้วย Google Sheets พนักงานสามารถสร้าง แก้ไข และทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ แม้ในบางช่วงเวลาที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ประโยชน์จากการใช้ Google Sheets ที่ช่วยในการจัดการายการราคาและ...

Continue reading

1-Stop Connections

1-Stop Connections เลือก Zendesk ให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับการบริการที่ดีที่สุดทั้งจากฝ่ายซัพพอรต์ การตลาด การเงิน และฝ่ายขาย นำไปสู่คะแนน CSAT ที่ทะยานขึ้น 12%...

Demeter ICT 1 ใน 3 ของเอเชียที่ได้เป็น Master Zendesk Partner

เมื่อปลายปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด หรือ Demeter ICT CO.,LTD ได้รับการเลื่อนขั้นการเป็น Partner กับทาง Zendesk เป็น Master Partner แล้ว ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 3 ของเอเชีย ร่วมกับประเทศญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ทั้งนี้ยังเป็น Master Partner เพียง 1 เดียวของ APAC อีกด้วย โดยที่หลาย ๆ ท่านอาจจะงงว่า Master Partner คืออะไร จริง ๆ แล้วทาง Zendesk ได้แบ่ง Partner เป็น 3 ส่วน คือ Affiliate Partner, Select Partner และ Master Partner ซึ่งมันก็คือ เป็นการรับรองอย่างหนึ่งจากทาง Zendesk ว่าเราได้ทำตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทาง Zendesk ตั้งเอาไว้ได้สำเร็จตามขั้นไหนบ้าง เมื่อเราถึงประวัติระหว่าง Demeter ICT กับ Zendesk ได้เป็น Partner ร่วมกันช่วงปลายของปี 2017 จนถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลาราว ๆ 4 ปีกว่า ๆ เราได้ทำงานร่วมกันไม่ว่าจะด้วยความช่วยเหลือของลูกค้า และการ Training การใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะในประเทศ หรือ นอกประเทศไทย ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น และ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในหลากหลายธุรกิจ ซึ่งจากผลตอบรับจากลูกค้าทุก ๆ ท่านก็ทำให้เรา Demeter ICT...

Continue reading

7 ตัวอย่างการบริการลูกค้าที่ไม่ดี + วิธีแก้ไข

ธุรกิจส่วนใหญ่ ยอมรับว่าการบริการลูกค้ามีบทบาทสำคัญในการเติบโตและการพัฒนาของบริษัท “การบริการลูกค้าที่ไม่ดี” สามารถส่งผลกระทบมากกว่าที่คุณคิด 81% ของลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น เนื่องจากการบริการลูกค้าที่ไม่ดี56% ของลูกค้า จะบอกต่อประสบการณ์ที่ไม่ดีให้คนอื่นได้รู้ (ที่มา : WalkerInfo)บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าถึง 5 เท่า ธุรกิจส่วนใหญ่ ยอมรับว่าการบริการลูกค้ามีบทบาทสำคัญในการเติบโตและการพัฒนาของบริษัท แล้วทราบหรือไม่ว่า “การบริการลูกค้าที่ไม่ดี” สามารถส่งผลกระทบมากกว่าที่คุณคิด 81% ของลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น เนื่องจากการบริการลูกค้าที่ไม่ดี56% ของลูกค้าจะบอกต่อประสบการณ์ที่ไม่ดีให้คนอื่นได้รู้ (ที่มา : WalkerInfo)และบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าถึง 5 เท่า วันนี้ Demeter ICT ได้รวบรวมตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดของ”การบริการลูกค้าที่ไม่ดี” ที่ธุรกิจต่างๆควรทราบ และแนะนำขั้นตอนในการแก้ไข รวมถึงเรียนรู้วิธีที่ FINN MOBILE ใช้ Zendesk Support, Guide และ Chat เพื่อให้การสนับสนุนผู้ใช้แอพส่งข้อความ LINE กว่า 30 ล้านคน 7 ตัวอย่างของการบริการลูกค้าที่ไม่ดี 1. ปล่อยให้ลูกค้ารอนาน (ไม่สามารถให้การสนับสนุนแบบเรียลไทม์) “การตอบกลับทันที” เป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อลูกค้ามีคำถาม ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการ Support แบบเรียลไทม์แบบ 24/7 จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า สร้างลูกค้าที่ภักดีและช่วยเพิ่มรายได้ ต้องแก้ไขอย่างไร? แชทสด (Live Chat) และ แชทบอท (AI chatbots) : เป็นช่องทางการสื่อสารที่ดีที่สุดในการให้การสนับสนุนแบบเรียลไทม์ ยังช่วยในการเริ่มต้นการสนทนาเชิงรุกกับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ทีม Customer service ของ FINN MOBILE ใช้ Zendesk Chat (Live Chat) ของ Zendesk เนื่องจากช่วยให้เจ้าหน้าที่ตอบคำถามของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ (Agent) สามารถช่วยเหลือลูกค้าได้หลายรายพร้อมกัน และไม่จำกัดเวลาในการสนทนา  1. ปล่อยให้ลูกค้ารอนาน (ไม่สามารถให้การสนับสนุนแบบเรียลไทม์)“การตอบกลับทันที” เป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อลูกค้ามีคำถาม ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการ Support แบบเรียลไทม์แบบ...

Continue reading

Zendesk Sell ระบบบริหารงานขายที่ใช้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย

หากว่าคุณเป็นหนึ่งในคนทำธุรกิจที่มี Pain Points เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ติดตามการทำงานของฝ่ายขายยาก ไม่รู้ว่ารับเรื่องลูกค้าถึงไหนแล้ว ประมาณการณ์ยอดขายให้แม่นยำไม่ได้ เพราะข้อมูลกระจัดกระจายกันไปหมด ข้อมูลลูกค้าสะเปะสะปะ ไม่เป็นที่เป็นทาง จะดู Sales Pipeline ก็ยาก คุณหันไปปรึกษาคุยงานกับฝ่ายขาย แต่แล้วก็พบว่าทางฝ่ายขายเองก็ประสบปัญหา มี Pain Points ยาวเหยียดไม่ต่างกัน ลูกค้าเข้ามาหลายช่องทาง กว่าจะบันทึกข้อมูลลงเครื่องก็แสนจะยุ่งยาก ไม่มีเครื่องมือช่วยที่แน่นอน บริหารจัดการไม่ได้ ประสานงานกันไม่ดี ไม่รู้ Sales Stage หรือ Customer Journey ว่าลูกค้าติดต่อผ่านใครมาก่อนบ้างแล้ว วัดผลการทำงานยาก ประเมินยอดขายก็ยาก เพราะไม่มีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ทำรายงาน ในทุก Pain Points แทบจะมีคำว่า ‘ยาก’ อยู่เต็มไปหมด ดูเผิน ๆ อาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทราบหรือไม่อะไรที่เหมือนเล็กน้อยแบบนี้เองที่ทำให้การทำงานขาดความเป็นระบบ ไม่เป็นมืออาชีพ และยังตัดโอกาสล่มดีลจนสูญเสียยอดขายที่ควรจะได้อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จัก Zendesk Sell ซอฟต์แวร์ Sales CRM ช่วยบริหารจัดการงานขายแบบครบวงจร มีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องดีไซน์เรียบง่ายแต่ฟังก์ชันครบครัน ให้การบริหารงานขายของคุณง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยกัน 01 ไม่พลาดทุกการติดต่อ ระบบอีเมลอัจฉริยะ แจ้งเตือนแบบพุชเรียลไทม์ให้คุณติดต่อลูกค้ากลับได้ถูกเวลา เก็บทุกข้อมูลเหตุการณ์ลงใน Zendesk Sell ทันทีไม่ว่าลูกค้าจะส่งข้อความจากอีเมลหรือช่องทางอื่นที่เชื่อมกับ Zendesk Sell มาพร้อมระบบที่จะช่วยจัดเก็บเอกสารหรือการติดต่อทุกอย่าง ให้คุณนำข้อมูลมาหาแนวทางในการเพิ่มยอดขายให้บริษัทได้ รวมถึงสร้าง Template อีเมลแบบไร้ข้อจำกัด ลดเวลาการทำงานซับซ้อนที่ไม่จำเป็น 02 ต่อสายตรงหาลูกค้าในไม่กี่คลิก ระบบโทรสายที่จะทำให้ชีวิตของฝ่ายขายง่ายขึ้น ต่อสายหาลูกค้าง่าย ๆ ในไม่กี่คลิก เก็บรวบรวมทุกประวัติการโทรและบันทึกทุกอย่างที่คุณได้พูดคุยกับลูกค้าไว้อย่างละเอียดไม่มีตกหล่น จะนำข้อมูลมาอ้างอิงในภายหลังหรือนำมาจุดบกพร่องเพื่อพัฒนาตนเองก็สามารถทำได้ พร้อม Call Analytics ที่ช่วยออกรายงานเป็นผลการชี้วัดให้อย่างทันท่วงที 03 อยู่ที่ไหนก็เชื่อมถึงกันได้ ตอบโจทย์วิถีชีวิต New Normal เพราะระบบของ Zendesk Sell สามารถซิงค์ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแอปพลิเคชัน Zendesk ไว้ใช้ในองค์กร เชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่น...

Continue reading

4 วิธีเข้าร่วมประชุมออนไลน์ใน Google Meet ครบทุกช่องทาง

1. เข้าผ่านเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชัน Google Meet วิธีเข้าร่วมประชุมออนไลน์ใน Google Meet วิธีแรกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด โดยคุณสามารถเข้าผ่านเว็บเบราว์เซอร์ meet.google.com ได้โดยตรงหรือเข้าผ่านทางแอปพลิเคชัน Google Meet  ที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง Android และ IOS ซึ่งคุณสามารถสร้างการประชุมขึ้นเองหรือเข้าร่วมประชุมในหน้านี้ได้ทันที  2. เข้าผ่าน Gmail หากคุณใช้ Gmail ในการรับส่งอีเมลเป็นประจำอยู่แล้ว Google Meet ได้รวมอยู่ในหน้า Gmail ของคุณเรียบร้อย เพียงแค่มองไปยังแถบด้านซ้ายของจอ จะพบกับแถบ Google Meet ที่มี New Meeting และ My Meeting โดยที่คุณสามารถสร้างหรือเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ได้เหมือนเข้าเว็บเบราว์เซอร์ อีกทั้งยังมีรายละเอียดในวันประชุมนั้น ๆ ว่ามีกี่การประชุม และใครบ้างที่เข้าร่วม เพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างตอบโจทย์ ในแอปพลิเคชัน Gmail ได้รวม Google Meet ไว้ในแอปเดียวกัน ถ้าหากไม่มีแอป Google Meet คุณก็สามารถเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ได้โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปเพิ่ม 3. เข้าผ่าน Calendar อีกหนึ่งวิธียอดฮิตนั่นก็คือ การเข้าร่วมประชุมออนไลน์ผ่าน Google Calendar โดยส่วนใหญ่องค์กรมักจะใช้เพื่อนัดหมายการประชุม โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถดูตารางการประชุมหรือสร้างนัดหมายไม่ให้ชนกับคนอื่น ๆ ได้และสามารถส่งคำเชิญการประชุมออนไลน์ผ่านอีเมลของทุก ๆ คน ซึ่งกดเพียงแค่คลิกเดียวก็สามารถเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ได้เลย 4. ไม่มีแอปหรืออินเทอร์เน็ตก็เข้าผ่านการโทรด้วยระบบ Dial-in ระบบ Dial-in เป็นการโทรเข้าที่ประชุมออนไลน์ คนที่ใช้บัญชี Google Workspace เท่านั้นที่จะสามารถสร้างการประชุมออนไลน์แบบให้มีการโทร Dial-in ได้ แต่คนที่เข้าร่วมสามารถเป็นบัญชีทั่วไปหรือบัญชี Google Workspace ก็ได้ โดยหมายเลขโทรศัพท์และ PIN จะอยู่ในนัดหมาย Calendar หรือคำเชิญในอีเมล  ทั้ง 4 วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ใน Google Meet ทุกช่องงานได้ง่าย ๆ เพราะทุกการใช้งาน Google...

Continue reading