อยากใช้ Google Workspace ไม่มีขั้นต่ำ แค่ 1 บัญชีก็สมัครได้เลย เพียง 137.50 บาท /บัญชี/เดือน หรือ 1,650 บาท/ปี* ในแพ็กเกจเริ่มต้น คุณก็ได้รับฟีเจอร์ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลระดับสูงสุดตามมาตรฐานสากลของ Google อย่างแน่นอน *หมายเหตุ: ราคาโปรโมชันสำหรับผู้ใช้งาน 20 บัญชีแรก มาดูกันว่า ถ้าคุณซื้อ Google Workspace 1 บัญชี คุณจะได้รับอะไรบ้าง? 1. หากมีโดเมนแล้ว คุณก็สามารถมีอีเมลเป็นของบริษัทได้เลยทันที หากบริษัทของคุณมีการจดชื่อโดเมนมาแล้ว คุณก็สามารถมีอีเมลภายใต้ Google Workspace ได้เลย หรือหากคุณยังไม่มีการจดโดเมน คุณก็สามารถจดพร้อม Google Workspace ได้เช่นกัน ซึ่งการใช้อีเมลด้วยชื่อโดเมนของบริษัทจะช่วยให้คุณดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น sales@dmit.co.th เรียนรู้เกี่ยวกับโดเมนเพิ่มเติมได้ที่นี่ 2. เข้าถึงแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ได้อย่างหลากหลาย หากคุณเคยใช้เวอร์ชันฟรีมาก่อนก็อาจจะรู้สึกว่า ‘ทำไมต้องซื้อ Google Workspace ในเมื่อเวอร์ชันฟรีก็มีหลายแอปพลิเคชันให้ใช้อยู่แล้ว?’ ดังนั้นเพื่อให้คุณได้เห็นความแตกต่าง เราจึงได้จัดทำตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้ Google Workspace Company Gmail with Domain Google Drive (เริ่มต้นที่ 30 GB) Google Calendar Google Chat Google Meet Google Docs Google Slides Google Sheets Google Forms Google Sites Groups Gemini for Google Workspace Chat with Google AI (Gemini Pro) AppSheet NotebookLM (Plus) Free Gmail...
Continue readingAsana Features Updated ประจำเดือนมีนาคม 2025
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! สำหรับ Asana Package Personal และ Basic Cross-platform syncing of draft comments in iOS: การซิงค์ความคิดเห็นที่คุณร่างเอาไว้บน iOS ข้ามแพลตฟอร์มระหว่างมือถือและเว็บไซต์ เพื่อให้คุณเห็นความคิดเห็นของคุณที่ร่างไว้บนทุกอุปกรณ์ Inbox notifications in Microsoft Teams: ผู้ใช้งาน Asana สามารถได้รับการแจ้งเตือนผ่าน Microsoft Teams ได้โดยตรงใน Inbox จาก Asana จากแถบด้านข้าง เข้าถึงแชทของคุณและคลิกที่แชทกับบอท Asana พิมพ์ “link project” คลิกปุ่ม Link project จากนั้นบอท Asana จะขอให้คุณเลือกโปรเจกต์ที่ต้องการเชื่อมโยง เลือก My Tasks แล้วคลิก Link เพื่อเริ่มรับการแจ้งเตือนส่วนตัว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีการมอบหมายหรือยกเลิกการมอบหมายงานให้คุณ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ Project views in Microsoft Teams desktop app: สร้างการมองเห็นความคืบหน้าของโปรเจกต์ร่วมกัน โดยที่สมาชิกในทีมไม่ต้องออกจาก Microsoft Teams ได้โดยมีขั้นตอนดังนี้ ในการฝัง (Embed) โปรเจกต์ Asana ใน Microsoft Teams ให้คลิกที่ปุ่ม + เพื่อเพิ่มแท็บใหม่ ค้นหา “Asana” และติดตั้งแท็บแอป Asana สำหรับช่องทางนั้น เลือกโปรเจกต์ที่คุณต้องการฝัง (Embed) คุณสามารถเลือกที่จะส่งการแจ้งเตือนโปรเจกต์จาก Asana ไปยังช่องทางนี้ได้ และการแสดงผลโปรเจกต์แบบ Embed สามารถใช้งานได้เฉพาะในแอป Microsoft Teams เวอร์ชัน Desktop เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่ สำหรับ Asana Package Starter...
Continue reading5 ขั้นตอน ยกระดับโฟลว์การทำงานของทีม Project Management
ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนจะเข้าใจว่าการบริหารโปรเจกต์ (Project Management) คือ การควบคุมและกำหนดเวลาของโปรเจกต์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การบริหารโปรเจกต์กลับมีขอบเขตที่กว้างกว่านั้นมาก ซึ่งในบทความนี้เรามีคำแนะนำง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจ 5 ขั้นตอนของการบริหารโปรเจกต์ได้อย่างครบถ้วน การเข้าใจวงจรของการจัดการโปรเจกต์จะช่วยให้คุณปรับปรุงกระบวนการภายใน และด้วยการนำเครื่องมือที่ช่วยบริหารจัดการโปรเจกต์ จะยิ่งช่วยยกระดับการทำงานของคุณให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น 5 ขั้นตอน การยกระดับการทำงานของทีม Project Management มีอะไรบ้าง? PMBOK® หรือ Project Management Body of Knowledge คือคู่มือที่รวบรวมความรู้และทักษะในการบริหารจัดการโปรเจกต์ จัดทำโดย Project Management Institute หรือ PMI โดยเนื้อหาในคู่มือจะเจาะลึกขั้นตอนการจัดการโปรเจกต์ทั้ง 5 ขั้นตอน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ที่ต้องการพัฒนาความรู้และทักษะด้านการบริหารจัดการโปรเจกต์ 1. การเริ่มต้นโปรเจกต์ (Project initiation) ในช่วงเริ่มต้นของโปรเจกต์ ทีมจะต้องกำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ของโปรเจกต์ ระบุผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมศึกษาถึงความเป็นไปได้ และจัดทำเอกสารโปรเจกต์เพื่อให้สมาชิกในทีมเข้าถึงข้อมูลและสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย โดยทีมส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นด้วยการประชุมหรือศึกษาความเป็นไปได้ของโปรเจกต์ นอกจากการนำเสนอแนวคิดเบื้องต้นของโปรเจกต์แล้ว คุณควรระบุถึงประโยชน์ ต้นทุน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโปรเจกต์ รวมถึงตัวชี้วัดความสำเร็จอื่น ๆ ตามเกณฑ์ที่องค์กรของคุณใช้ พร้อมสรุปรายละเอียดสำคัญของโปรเจกต์ เช่น เป้าหมาย งบประมาณ และระยะเวลา จะช่วยให้ทีมเข้าใจขอบเขตงานและใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโปรเจกต์ได้ง่ายขึ้น 2. การวางแผนโปรเจกต์ (Project planning) ขั้นตอนแรกของการวางแผนโปรเจกต์คือการกำหนดเป้าหมายของโปรเจกต์ในแต่ละส่วนงานให้ชัดเจนโดยคุณสามารถใช้แผนงานที่ได้รับความนิยมเหล่านี้ SMART Goals เป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ ทำได้จริง เกี่ยวข้อง และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน วิธีนี้ช่วยให้ทีมสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ วางแผนโปรเจกต์ และติดตามความคืบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ CLEAR Goals เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เน้นการทำงานร่วมกันและความยืดหยุ่น โดยมีเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งเหมาะกับทีมที่มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา OKR (Objectives & Key Results) เป็น framework ที่มุ่งเน้นการจัดวางเป้าหมายในระดับองค์กร โดยเริ่มจากวัตถุประสงค์ในภาพรวมและกำหนดโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ OKR จะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นภาพรวมขององค์กรได้อย่างชัดเจน มีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้...
Continue readingจากมือใหม่สู่มือโปร: 3 เคล็ดลับพัฒนาทักษะ AI ในองค์กรแบบก้าวกระโดดจาก Google
สำหรับองค์กรแล้ว Gen AI จะไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมืออีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่คอยช่วยเหลือในการสร้างเนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยในการตัดสินใจ และทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉะนั้นแล้วการเรียนรู้การใช้ Gen AI ให้เชี่ยวชาญ ย่อมส่งเสริมให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างราบรื่น และดึงศักภาพของ AI ออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนองค์กรใดที่เพิ่งเริ่มต้นนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ผู้ใช้งานอาจพบกับความท้าทายในการสื่อสารกับ AI ให้เข้าใจตรงกับความต้องการ หรือผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คาดหวัง อาจก่อให้เกิดความรู้สึกว่า AI เป็นเครื่องมือที่ใช้งานยากและไม่มีความสามารถช่วยในการทำงานเท่าที่ควร ดังที่คุณ Tony Majewski (Google Workspace Growth Strategy and Solutions, Americas Lead) ผู้เชี่ยวชาญจาก Google ได้ให้คำแนะนำว่า “การใช้ Generative AI ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกแปลกๆและไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนกับการเริ่มฝึกใช้กล้ามเนื้อมัดใหม่ๆ ที่ต้องได้รับการฝึกฝนและพัฒนา บวกกับได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องควบคู่ไปด้วย ย่อมสร้างความแข็งแกร่งในทักษะของตนเองได้ในที่สุด” บทความนี้เราจะมาแชร์เทคนิคการใช้ AI กับ “3 เคล็ดลับพัฒนาทักษะ AI ในองค์กรแบบก้าวกระโดดจาก Google” แม้จะเป็นมือใหม่ก็ทำตามได้ง่ายๆ หากพร้อมแล้ว มาปลดล็อกศักยภาพในการใช้งาน AI องค์กรให้เต็มประสิทธิภาพกันเลย… 1 สร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทดลอง การทดลองเป็นหัวใจสำคัญในการใช้ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นองค์กรควรจะมีการขับเคลื่อนให้พนักงานได้ลงมือใช้ AI ในการทำงานจริงๆ สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานด้วย AI เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้และเก็บเกี่ยวเทคนิคให้ได้มากที่สุด เพราะการไม่ทดลองเลยจะทำให้พลาดโอกาสในการต่อยอดและปรับปรุงการทำงาน ซึ่งช่วงแรกของการทดลองอาจไม่ได้เป็นตามแผนเสมอไป และอาจทำให้พบได้กับ ”ความล้มเหลว” แต่นั่นคือจุดสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานได้ตั้งคำถามและหาข้อผิดพลาดเพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะการใช้ AI ให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต คำแนะนำ: สำหรับการทดลองเบื้องต้น ควรทดลองกับโปรเจกต์เล็กๆภายในองค์กร เพื่อเลี่ยงการได้รับผลกระทบในวงกว้าง 2 เรียนรู้ AI ด้วยการปฏิบัติจริง การเรียนรู้ AI ไม่สามารถทำได้เพียงแค่การอธิบายเพียงเท่านั้น แต่การลงมือปฏิบัติจริงจะทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสและสร้างความคุ้นเคย ซึ่งการฝึกฝนซ้ำๆ ก็จะก่อให้เกิดเป็น Gen AI...
Continue reading3M ปรับปรุงการบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบ Udesk
ที่มาของการปรับเปลี่ยน ในยุคของคลื่นเทคโนโลยีใหม่ อุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิมทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในการเติบโตและเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางช่วงเวลาสำคัญนี้ บริษัทต่างๆ กำลังมองหาวิธีการรับมือกับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป 3M ได้มีแนวคิดในการยกระดับการบริการลูกค้า และได้เลือกโซลูชั่นส์ของ Udesk ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการ ซึ่ง 3M เลือกโซลูชั่นส์ของ Udesk เนื่องจากโซลูชั่นส์ของ Udesk สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงการบริการโดยเฉพาะในภาคธุรกิจการผลิต ซึ่งเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริการในภาคการผลิตมีดังต่อไปนี้ 1. การยกระดับการบริการด้วยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิมมีแนวโน้มในการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อสร้างมาตรฐานการทำงานและการเติบโตที่ยั่งยืน 2. ประสิทธิภาพของการโทรออกมีความจำเป็นเร่งด่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพของการโทรออก โดยเฉพาะในกรณีของการคัดกรองซัพพลายเออร์ผลิตภัณฑ์ การคัดกรองลูกค้าที่มีศักยภาพ และการแจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ 3. มาตรฐานของสคริปต์การโทรการกำหนดมาตรฐานของสคริปต์การโทรออกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความสม่ำเสมอและประสิทธิภาพในการสื่อสาร ความต้องการของภาคธุรกิจคือโซลูชันที่ช่วยลดภาระของการฝึกอบรมการใช้งานสคริปต์ โซลูชันส์ของ Udesk ในการยกระดับกระบวนการให้บริการ 1. สคริปต์การโทรออกอัตโนมัติUdesk ได้รวบรวมสคริปต์การโทรออกกว่า 30 ชุด โดยปรับให้เหมาะสมกับแต่ละกรณี เช่น การคัดกรองซัพพลายเออร์ผลิตภัณฑ์ การคัดกรองลูกค้าที่มีศักยภาพ และการแจ้งเตือนกิจกรรม จุดเด่นคือการใช้ Voicebot แบบอัตโนมัติในการโทรออกที่กำหนดเฉพาะสำหรับแต่ละสถานการณ์ ซึ่งช่วยให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติและลดภาระงานของพนักงานลงอย่างมาก 2. ประสิทธิภาพจากระบบ Voicebotการใช้ Voicebot โทรออกของ Udesk ทำให้ปริมาณงานที่ต้องใช้คนลดลงถึง 70% ผู้ใช้งานสามารถ ‘กำกับดูแล’ หุ่นยนต์ได้ ทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ทรัพยากรบุคคลสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์ได้ ผลลัพธ์ที่ได้ อัตราการโทรออกสำเร็จ: มากกว่า 65% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสคริปต์อัตโนมัติในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อัตราลูกค้าที่มีความสนใจ: สูงถึง 20% ซึ่งบ่งชี้ว่าสคริปต์อัตโนมัติสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรุป โซลูชั่นส์ของ Udesk ในการให้บริการสคริปต์การโทรออกอัตโนมัติ ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิมในทันที แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอีกด้วย ทดลองใช้ Udesk ฟรี สอบถาม ราคา Udesk ติดต่อบริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการระบบ Udesk ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ – Udesk Thailand Partner ซอฟต์แวร์เพื่อการบริการ ขาย และเชื่อมต่อข้อมูลสำหรับทุกธุรกิจ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด – Your Business Transformation Partner ผู้ให้บริการ...
Continue readingมาปักหมุดข้อมูลสำคัญที่ทีมต้องทราบ บน “บอร์ด” ใน Google Chat กันเถอะ
หากต้องการติดตามข่าวสารหรือประกาศจากบุคคลถึงกลุ่มคนจำนวนมากโดยเฉพาะในองค์กร สถานที่แรกที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้นกระดานประชาสัมพันธ์ แต่สำหรับองค์กรที่ใช้งาน Google Workspce สามารถติดประกาศบน “บอร์ด” ใน Google Chat ได้เลยในที่เดียว โดยฟีเจอร์ ”บอร์ด (Board)” ใน Google Chat นั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ของการแจ้งอัปเดตข่าวสารหรือข้อความสำคัญ เพื่อให้สมาชิกในแต่ละ Spaces สามารถติดตามและเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ในที่เดียวอย่างสะดวกและรวดเร็ว สร้างความเข้าใจในข้อมูลที่ตรงกัน ลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของทีม ฟีเจอร์ “บอร์ด” ใน Google Chat สามารถทำอะไรได้บ้าง ปักหมุดและแชร์ข้อมูลสำคัญ สามารถปักหมุดข้อความ ไฟล์ และลิงก์สำคัญเพื่อให้สมาชิกใน Spaces เข้าถึงได้รวดเร็ว AI Resource Suggestion Gemini (AI จาก Google) จะช่วยแนะนำไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับงานของคุณ เพื่อให้คุณปักหมุดข้อมูลสำคัญได้อย่างครบถ้วน ใช้ฟีเจอร์ “บอร์ด” จะช่วยให้การทำงานดีขึ้นอย่างไร ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานได้มากขึ้น: เวลาทำงาน เรามักต้องสลับไปดูข้อมูลจากหลายที่ (เช่น อีเมล ไฟล์ แชท) ซึ่งทำให้เสียสมาธิและใช้เวลามากขึ้น โดยบอร์ดจะช่วยแก้ปัญหานี้ ในการเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นไว้ในที่เดียว ทำให้เราไม่ต้องสลับแอปไปมา เข้าถึงไฟล์และข้อความต่างๆที่ต้องการได้ง่าย: ข้อมูลสำคัญ เช่น ไฟล์ ลิงก์ ข้อความ จะถูกเก็บและแสดงไว้ในบอร์ด ทำให้ทุกคนในทีมเข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา สร้างแหล่งข้อมูลเดียวป้องกันการสับสนของข้อมูล:Project manager สามารถใช้บอร์ดเป็นที่เก็บไฟล์เอกสาร แผนงาน หรือลิงก์สำคัญของ Project ทำให้มั่นในใจได้ว่าทุกคนในทีมจะเห็นข้อมูลเดียวกัน สามารถใช้สร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ในทีมขนาดย่อมได้: สามารถใช้บอร์ดเป็นที่รวมข้อมูลที่ทีมใช้บ่อยๆ เช่น คู่มือการทำงาน ลิงก์เครื่องมือ หรือข้อมูลลูกค้า ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว วิธีเปิดใช้งานฟีเจอร์ “บอร์ด” ใน Google Chat ล็อกอินเข้าใช้งานที่ Google Chat เปิดการสนทนาที่ Direct Message หรือ Space ใดก็ได้ ให้คลิกไอคอน Board ที่ด้านขวาบน วิธีปักหมุดข้อความ...
Continue readingUber บอกลา Third Party: ใช้ AppSheet & App Script เข้ามาทรานส์ฟอร์มการทำงานด้วยตนเอง
Uber Technology บริษัทผู้บุกเบิกบริการเรียกรถรับ-ส่งผู้โดยสารและบริการจัดส่งอาหารด้วยแอปพลิเคชันจากประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 108 ประเทศทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นธุรกิจแพลตฟอร์มด้านการบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ ด้วยเหตุนี้ Uber Application จึงกลายมาเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจถอยหลังไม่ได้ เนื่องจาก Uber มีจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่า 120 ล้านคน/เดือน หรือ 21 ล้านเที่ยว/วัน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมหาศาลที่ Uber จะต้องพัฒนาแอปพลิเคชันให้รองรับจำนวนและความต้องการของผู้ใช้บริการให้ได้ ดังนั้นเพื่อให้ Uber ได้ครองใจลูกค้าต่อไป Uber จึงได้ตัดสินใจทรานส์ฟอร์มธุรกิจด้วยการเปลี่ยนจาก UI Third Party มายัง AppSheet เพื่อสร้าง พัฒนา และจัดการแอปพลิเคชันได้ด้วยตนเอง ปัญหาของ Uber คืออะไร? การจ้าง Third-Party ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูง เครื่องมือที่มีการใช้อยู่ไม่สามารถซัพพอร์ตการใช้งานตามที่ Uber ต้องการได้ เช่น การจัดการแบบกลุ่มและการเข้าถึงบัญชี Google Workspace การเริ่มต้นใช้งานเครื่องมือสำหรับผู้ใช้ใหม่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องผ่านหลายขั้นตอน ทำให้การเรียนรู้วิธีการใช้งานและคำสั่งต่างๆ ใช้เวลานาน Uber แก้ไขปัญหานี้อย่างไร? Uber ต้องการแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานที่สามารถตั้งค่าฟังก์ชันต่างๆ เองได้ จึงได้เข้าร่วมงาน AppSheet Hackathon เพื่อเรียนรู้การใช้ AppSheet และ Apps Script เข้ามาแทนที่โซลูชันจาก Thrid Party ซึ่ง AppSheet ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เท่านั้น ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Google Workspace และ Apps Script ได้อีกด้วย โดยภายใน 6 เดือน Uber ก็สามารถออกแบบกระบวนการทำงานเพื่อจัดการงานต่างๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด ผลลัพธ์จากการใช้งาน AppSheet และ Apps Script Uber สามารถลดต้นทุนในการจ้าง Third Party ด้าน UI ได้เกือบ 98% ระบบอัตโนมัติช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาได้มากกว่า 95% ซึ่งทีม...
Continue readingEX & CX Excellence 2025: Driving Effective Enterprise Service Management with Freshworks
Driving Effective Enterprise Service Management with Freshworks วันอังคารที่ 11 มีนาคม 2025 เวลา 13.30 – 16.30 น. ณ Victor Club, Sathorn Square (BTS ช่องนนทรี) งานอีเวนต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงาน รับจำกัดเพียง 30 ที่นั่งเท่านั้น! ปิดลงทะเบียนแล้ว Driving Effective Enterprise Service Management with Freshworks วันอังคารที่ 11 มีนาคม 2025 เวลา 13.30 – 16.30 น. ณ Victor Club, Sathorn Square (BTS ช่องนนทรี) ลงทะเบียนเข้าร่วมฟรี Employee Experience + Customer Experience → ประสิทธิภาพ รายได้ และการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร ขอเรียนเชิญเข้าร่วมอีเวนต์สุด Exclusive ที่จะพาคุณเจาะปัญหา เปลี่ยน EX และ CX ให้โดดเด่นในปี 2025 กับงาน ‘EX & CX Excellence 2025: Driving Effective Enterprise Service Management with Freshworks’ งานสัมมนาสุดพิเศษที่ร่วมกันจัดขึ้นจาก Demeter ICT และ Freshworks เพื่อที่จะช่วยให้คุณไขทุกข้อข้องใจเรื่องของการปรับปรุงประสบการณ์พนักงานและลูกค้า พร้อมรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ?คุณจะได้อะไรจากงานนี้? แถลงไขทุกปัญหา เรียนรู้วิธีปรับปรุงประสบการณ์พนักงานและลูกค้าให้โดดเด่น พร้อมสำหรับปี 2025 ✅ แถลงไขทุกปัญหา เรียนรู้วิธีปรับปรุงประสบการณ์พนักงานและลูกค้าให้โดดเด่น...
Continue readingวิธีโอนย้ายไฟล์จาก OneDrive ไปยัง Google Drive ทำได้ง่ายนิดเดียว
สำหรับองค์กรที่มีการเปลี่ยนค่ายใช้งานระบบอีเมลองค์กรจาก Microsoft มายัง Google และต้องการย้ายข้อมูลไฟล์และโฟลเดอร์ (Migration) ที่อยู่ใน Microsoft OneDrive มาไว้ที่ Google Drive สามารถทำได้ง่ายๆในไม่กี่คลิกเท่านั้น พนักงานก็สามารถรอรับไฟล์ได้เลย! อัปเดตจาก Google! ผู้ดูแลระบบขั้นสูง (Super admin) ของระบบ Google Workspace ในองค์กรท่านจะสามารถย้ายข้อมูลจาก OneDrive มายัง Google Drive ได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น โดยสามารถย้ายไฟล์ของผู้ใช้งานพร้อมกันถึง 100 บัญชี ได้ในคราวเดียวกัน (รองรับพื้นที่จัดเก็บไฟล์เริ่มต้นที่ 30 GB หรือมากกว่า 5 TB/ บัญชีผู้ใช้งานแพ็กเกจ Google Workspace) และยังสามารถแชร์สิทธิ์การเข้าถึงไฟล์ต่างๆได้อีกด้วย มากไปกว่านั้น Google ได้เพิ่มเติมฟีเจอร์ที่ช่วยควบคุมและจัดการการย้ายข้อมูลได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นให้กับผู้ดูแลระบบ ดังนี้ กำหนดช่วงเวลาของไฟล์ที่ต้องการย้าย สามารถเลือกย้ายเฉพาะไฟล์ที่อยู่ในช่วงวันที่ที่ต้องการ เช่น ต้องการย้ายเฉพาะไฟล์ที่สร้างหรือแก้ไขระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2567 เป็นต้น เลือกยกเว้นรูปแบบไฟล์บางประเภทหรือไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถตั้งค่าให้ระบบข้ามการย้ายไฟล์บางประเภทได้ เช่น ไม่ต้องการย้ายไฟล์วิดีโอ ไฟล์รูปภาพ หรือไฟล์นามสกุล .exe นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดขนาดไฟล์สูงสุดที่ไม่ต้องการย้ายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ Bandwidth มากเกินไปหรือปัญหาในการโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ อนุญาตให้ Google จับคู่ผู้ใช้ต้นทางและปลายทางโดยอัตโนมัติ ปกติแล้วการย้ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มมักจะต้องมีการสร้าง “แผนที่ข้อมูลประจำตัว” (Identity map) เพื่อจับคู่บัญชีผู้ใช้ระหว่างสองระบบ นั่นก็คือบัญชี OneDrive กับบัญชี Google Drive ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย เพราะ Google จะพยายามจับคู่บัญชีผู้ใช้ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากในการตั้งค่าได้มากทีเดียว ข้อควรทราบ: ระบบอัตโนมัติของ Google อาจไม่สามารถจับคู่บัญชีผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง 100% ในบางกรณี ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบผลการจับคู่บัญชีผู้ใช้ทุกครั้งเพื่อลดความผิดพลาด วิธีการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูล จาก Microsoft OneDrive ไปยัง Google...
Continue reading