ซื้อ Google Workspace กับ Partners แตกต่างจากการซื้อโดยตรงอย่างไร

ซื้อ Google Workspace กับ Partners แตกต่างจากการซื้อโดยตรงอย่างไร?

Google Workspace ซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานที่ ณ ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือที่ใคร ๆ ก็ต่างให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากเจ้าตัว Google Workspace นี้ถูกสร้างและพัฒนาให้ตอบโจทย์การทำงานในยุคดิจิทัลที่จะเน้นการทำงานแบบบนคลาวน์ คือการใช้เทคโนโลยีมาสร้างสื่อออนไลน์เพื่อช่วยในการทำงานให้ได้มากที่สุด ยืดหยุ่น ใช้งานง่าย มีหลากหลายแอปพลิเคชันให้เลือกใช้และใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา และแน่นอนว่าหากท่านกำลังบทความนี้อยู่ นั่นก็แสดงว่าท่านคือหนึ่งคนที่กำลังสนใจซอฟต์แวร์ตัวนี้อยู่ใช่หรือเปล่า?  ดังนั้นวันนี้ Demeter ICT จึงขอถือโอกาสพาทุกท่านมาทำความรู้จัก Google Workspace ว่าการซื้อผ่าน Partners แตกต่างจากซื้อโดยตรงอย่างไรทั้งในแง่ของราคา การออกใบกำกับภาษี การให้บริการ และช่องทางการติดต่อ อีกทั้งเราจะพาทุกท่านมาดูด้วยว่าแต่ละแอปพลิเคชันสามารถทำอะไรได้บ้าง มีฟังก์ชันเจ๋ง ๆ เด็ด ๆ อะไรซ่อนอยู่ มาดูกันเลย! 1. ความแตกต่างในแง่ของราคา หากพูดถึงความต่างในเรื่องราคาของแต่ละแพ็กเกจ Demeter ICT หนึ่งใน Google Cloud Premier Partner ขออนุญาตแจ้งว่าราคาที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์นั้นเป็นราคาอย่างเป็นทางการจากทาง Google Workspace ดังนั้นไม่ว่าท่านจะซื้อโดยตรงหรือผ่าน Partners ก็จะมีราคาเท่ากัน แต่โปรโมชันที่ท่านได้รับนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ Partners และแพ็กเกจที่ท่านเลือกใช้  ซึ่งหากท่านต้องการได้รับสิทธิ์โปรโมชัน ท่านจำเป็นต้องใช้บริการ Google Workspace ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สามารถดูแพ็กเกจได้ที่เว็บไซต์ www.dmit.co.th หรือติดต่อสอบถามราคาเพื่อให้ทีมฝ่ายขายเช็คโปรโมชันกับทาง Google Workspace มาได้ที่ Facebook: Demeter ICT หรือโทร 02-030-0066 2. ซื้อ Google Workspace ผ่าน Partners ท่านสามารถขอใบกำกับภาษีได้ นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่สำคัญมาก ๆ ที่ลูกค้าหรือบริษัทในประเทศไทยตัดสินใจใช้บริการกับทาง Demeter ICT เพราะหากท่านซื้อ Google Workspace ผ่านทางทีม Google โดยตรงท่านจะไม่สามารถขอใบกำกับภาษีและเอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้  ดังนั้นการเลือกใช้บริการจาก Partners อย่าง Demeter ICT จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก หากท่านใดสนใจใช้บริการกับเรา ก็สามารถติดต่อได้ตามช่องทางที่ให้ไว้ในข้อ 1...

Continue reading

ถอดบทเรียนแก้ปัญหาและสร้างการบริการให้ชนะใจลูกค้า จากงานสัมมนา Quickstart to Customer Service Success

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมาทาง Demeter ICT ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ ‘Quickstart to Customer Service Success: สร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จด้านการบริการ เจาะปัญหาพาธุรกิจพิชิตใจลูกค้าด้วย Zendesk’ เนื้อหาภายในงานเป็นอย่างไรนั้น ในบทความนี้เราก็ได้นำมาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกัน ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลย Session 01: A Guide To Customer Service Success เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน จะบริการลูกค้าให้ดีก็ต้องปรับตัวตาม นับตั้งแต่ COVID-19 พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปหลายอย่าง ดังที่เรามักจะได้เห็นแนวคิดเรื่องเทรนด์ผู้บริโภคหรือการสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ปรากฏตามหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง สิ่งหนึ่งที่ตรงกันไม่ว่าจะเป็นรายงานไหนคือลูกค้ามีความคาดหวังต่อแบรนด์สูงขึ้น และเรื่องของการบริการลูกค้าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นเช่นกันในการที่ลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ ลูกค้าหันมาติดต่อกับองค์กรธุรกิจผ่านช่องทางที่ลูกค้าใช้ในการคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว นั่นก็คือช่องทาง Social Messaging เช่น Whatsapp, LINE, Facebook Messenger, Twitter ฯลฯ เป็นเหตุทำให้ธุรกิจเพิ่มช่องทาง Social Messaging มากขึ้น เพื่อรองรับการติดต่อเข้ามาของลูกค้า เมื่อลูกค้าออนไลน์มากขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะติดต่อกับภาคธุรกิจนอกเวลาทำงาน โดยผ่านช่องทางออนไลน์หรือ Social Messaging เพราะลูกค้าคาดหวังข้อมูลหรือคำตอบในเวลาที่คิดออก แต่พบว่าหลายธุรกิจไม่ได้รองรับวิธีการในการรับมือลูกค้าหลังเวลาเลิกงาน ซึ่งหลายธุรกิจแก้ปัญหาด้วยการนำเอาเครื่องมือที่สามารถให้ลูกค้า Self Service ได้ ไม่ว่าจะเป็น Help Center หรือแชทบอทเข้ามาให้บริการมากขึ้น ทว่าจากแนวโน้มนี้เององค์กรจึงประสบปัญหา (Pain Points) ด้านการบริการลูกค้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าเข้ามาหลายช่องทาง แม้องค์กรจะเพิ่มช่องทางที่หลากหลายในการเข้าถึงลูกค้า แต่ก็ยังไม่สามารถให้บริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลหรือแบบ Personalized ได้ เนื่องจากไม่มีระบบเก็บข้อมูลลูกค้าหรือต้องทำงานหลายระบบ ทำให้ข้อมูลกระจัดกระจายกัน ยกตัวอย่างเช่น นายเอต้องการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของแบรนด์แห่งหนึ่ง จึงได้ทักแชทไปในไลน์ เมื่อเล่าปัญหาของตนจบกลับพบว่าเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอยู่นอกเหนือขอบเขตให้บริการ ต้องส่งอีเมลไปแจ้งฝ่ายซัพพอร์ตทางอีเมล นายเอจึงต้อง ‘เล่าปัญหาซ้ำอีกรอบ’ ทางอีเมล รอจนกระทั่งมีการตอบกลับถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ  Pain Points ของนายเอที่เป็นลูกค้า คือการที่ต้องเล่าปัญหาซ้ำ ๆ และต้องรอเจ้าหน้าที่ตอบกลับนาน ซึ่งอ้างอิงจากเทรนด์ของลูกค้ายุคปัจจุบันที่กว่า 61% ของลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นทันทีหากได้รับประสบการณ์ย่ำแย่แม้เพียงครั้งเดียว และสิ่งที่ลูกค้ามองว่าเป็นประสบการณ์แย่มากที่สุดก็คือการเล่าปัญหาซ้ำ...

Continue reading

Google ประกาศเลิกให้บริการ G Suite legacy (free edition) เตรียมอัปเกรดเป็น Google Workspace ได้ง่ายๆที่ ดีมีเตอร์ ไอซีที

Google Apps Standard Legacy หรือ G Suite Legacy Free Edition คืออะไร? Google Apps Standard Legacy หรือ G Suite Legacy Free Edition คือ ชุดเครื่องมือหรือชุดแอปพลิเคชันเพื่อการทำงานออนไลน์จาก Google Cloud ซึ่งแรกเริ่มรู้จักกันในชื่อ Google Apps และกลายเป็น G Suite รุ่นใช้งานฟรี หรือเวอร์ชันฟรี (free edition) ที่หลาย ๆ ท่านได้ใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนั่นเอง Google ประกาศยกเลิกการให้บริการ Google Apps Standard (Legacy) หรือ G Suite Legacy (free edition) เตรียมอัปเกรดเป็น Google Workspace เท่านั้น! หากท่านไม่ได้อัปเกรดระบบอีเมลให้เสร็จสมบูรณ์ อีเมลเดิมของท่านจะถูกระงับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2022 เป็นต้นไป การประกาศเลิกให้บริการดังกล่าวส่งผลให้ผู้ที่ใช้งานบัญชี Google Apps Standard Legacy หรือ G Suite Legacy free edition อยู่และไม่ทำการอัปเกรดเป็น Google Workspace หรือ Backup ข้อมูลของท่านภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2022 ท่านจะไม่สามารถใช้งานต่อได้และข้อมูลของท่านจะหายไปอย่างถาวร โดย Google Workspace เป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่มาอีกครั้งจาก G Suite และให้บริการชุดแอปพลิเคชันเพื่อการทำงานร่วมกันบนคลาวด์ เช่น Google Docs, Sheets, Slides, Forms, Drive และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถูกพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า...

Continue reading
งานสัมมนา Empowering The Digital Workplace: ทรานส์ฟอร์มองค์กร ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วย Google Workspace

Empowering The Digital Workplace: ทรานส์ฟอร์มองค์กร ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วย Google Workspace

วิกฤตโควิด-19 สร้างผลกระทบหนักให้กับผู้คนบนโลก และค่อนข้างแน่ชัดว่า ไวรัสร้ายนี้จะยังอยู่กับโลกไปอีกนาน จากการกลายพันธุ์หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นนอกจากธุรกิจจำเป็นต้อง “เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19” การมองวิกฤตเป็น “โอกาส” ยังเป็นอีกมุมมองบวกที่สำคัญ เพื่อการสร้างโอกาสนั้น “ทรานส์ฟอร์เมชัน” (Transformation) หรือการปรับรูปแบบการทำธุรกิจโดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในองค์กรจึงไม่ใช่แค่เรื่องที่ธุรกิจ “ควรทำ” แต่กลายเป็นเรื่องที่ธุรกิจ “ต้องทำ” ไปเสียแล้ว เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า ให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้ชัดว่าเทรนด์เทคโนโลยีและรูปแบบการทำงานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Work from Home เรื่อยมาจนถึง Hybrid Work หรือเทรนด์การทำงานยุค New Normal ไปจนถึง Next Normal เป็นต้น ฉะนั้นการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะกับรูปแบบการทำงานขององค์กรหรือธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทรานส์ฟอร์มเป็นอย่างมาก โดยในฐานะผู้ประกอบการอย่าง ดร.วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ (CEO & Founder, Demeter ICT) ได้ให้มุมมองต่อเทรนด์การทำงานไว้ว่า “โควิด-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ “การปรับ” หรือ “ทรานส์ฟอร์ม” องค์กรให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน ในแง่การนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน การปรับโครงสร้างธุรกิจ การแสวงหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ การปรับรูปแบบการทำงาน รวมไปถึงการปรับวัฒนธรรมการทำงานรับมาตรฐานใหม่ของโลกเร็วขึ้นหลายเท่าตัว ถึงแม้ว่าจะมีความยากในการดำเนินการในช่วงแรก แต่ก็เป็นสิ่งที่องค์กรหรือภาคธุรกิจต้องปรับตัว และเชื่อว่าถ้าบริษัทนำเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลที่เหมาะสมมาใช้งานให้ถูกที่ ถูกเวลา เพิ่มศักยภาพใหม่ ๆ พร้อมกับการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Hybrid Working ที่ผสมผสานรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เมื่อมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์รูปแบบการทำงานดังกล่าวแล้ว พนักงานในองค์กรก็จะสามารถปรับตัวกันได้อย่างดีในที่สุด” มาร่วมทรานส์ฟอร์มธุรกิจของคุณไปพร้อมกับเราตั้งแต่วันนี้ กับงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Empowering The Digital Workplace: ทรานส์ฟอร์มองค์กร ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วย Google Workspace” เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุนในการทำงานขององค์กร โดยจำแนกออกเป็น การสร้าง Knowledge Centralization เพื่อให้บุคลากรในองค์กรมีความรู้และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือวิธีการทำงานตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ การส่งเสริมการทำงานแบบ Hybrid Work ด้วยแอปพลิเคชันจาก Google Workspace  การลดขั้นตอนการทำงานด้วย AI Automation เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและลดขั้นตอนการทำงานของ User ให้ดีขึ้น ลงทะเบียนสำรองที่นั่ง ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการเข้าร่วมงาน...

Continue reading
Job tracking by Building block in Googles-

Project? งานสำคัญ? ติดตาม Status ได้ง่าย ๆ ด้วย Google Docs ฟังก์ชันไม่ลับแต่หลายคนไม่รู้!

คุณเหนื่อยไหมที่ต้องคอยตามงานอยู่บ่อย ๆ ? อยากรู้เมื่อไรก็ต้องแช็ตหรือส่งอีเมลไป ต้องคอยถาม คอยตาม คอยเช็ก เรื่องพวกนี้หลายคนอาจจะมองว่าไม่ได้มีผลอะไรในการทำงานมากนัก แต่จริง ๆ แล้วการที่ต้องคอยตามความคืบหน้าของแต่ละโปรเจกต์หรือของแต่ละคนนั้นทำให้คุณต้องเสียเวลาในการทำงานอื่นไปด้วย มิหนำซ้ำยังทำให้คุณต้องทำงานซ้ำไปซ้ำมา คุยแล้วคุยอีก วนไปอยู่แบบนี้เรื่อย ๆ นั่นเอง แต่รู้หรือไม่ว่า Google Docs ก็มีฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณสามารถ Track งานได้ง่าย ๆ ด้วยฟังก์ชัน Building blocks ซึ่งเป็นตาราง Track งานแบบอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องสร้างเอง เมื่อไรก็ตามที่คุณต้องการดู Status ของงาน ก็เพียงแค่เข้ามาในไฟล์นี้ได้เลย ไปดูกันว่า Building blocks จะช่วยคุณเช็ก Status ได้อย่างไรบ้าง? ก่อนอื่นเลยถ้าคุณยังไม่รู้ว่าฟังก์ชันนี้อยู่ตรงไหนให้กดไปที่ Insert (แทรก) เลือก Building Blocks จากนั้นจะมีเมนูให้เลือกดังนี้ Meeting note, Email draft, Product roadmap, Review tracker, Project assets, และ Launch content tracker ซึ่งวันนี้เราจะโฟกัสกันที่ 4 ตัวหลังเพราะเป็นฟังก์ชันสำหรับการ Track โปรเจกต์โดยตรง Product roadmap Product roadmap จะมีหน้าตาแบบที่คุณเห็นด้านบน เริ่มต้นจาก Project, Status, Related files, และ Notes ซึ่งตารางนี้ Google Docs จะสร้างให้คุณโดยอัตโนมัติ โดยคุณสามารถเลือกสถานะของโปรเจกต์ แนบไฟล์งานได้ หรือแม้กระทั่งหากคุณต้องการจะเพิ่มผู้ที่รับผิดชอบโปรเจกต์นั้น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เหมาะสำหรับการเช็ก Status ตามความคืบหน้าโปรเจกต์แบบทั่วไป Review tracker ต่อมาที่ Review tracker หลายคนอาจจะสับสนอยู่เล็กน้อยว่ามันต่างจาก Product roadmap อย่างไร? ความแตกต่างก็คือ...

Continue reading

Quickstart to Customer Service Success: สร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จด้านการบริการ เจาะปัญหาพาธุรกิจพิชิตใจลูกค้าด้วย Zendesk

“หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาแนวทางแก้ปัญหา (Pain Points) หรืออยากจะเริ่มต้นบริการลูกค้าอย่างเป็นระบบ สามารถเก็บข้อมูล ทำรีพอร์ตวัดผล สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า นี่คืองานสัมมนาออนไลน์ที่คุณไม่ควรพลาด” ทุกวันนี้คือยุคของ Digital Transformation เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ธุรกิจก็ต้องดำเนินการให้เหมาะสมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ช่วงหลังมานี้เราจึงมักได้ยินเรื่องของการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในองค์กรไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเก็บข้อมูลลูกค้า ส่งต่อข้อมูลระหว่างทีม หรือสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) กันบ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อย ๆ  การทรานฟอร์มธุรกิจและการสร้างการบริการลูกค้าที่ดีล้วนต่างเป็นมาตรฐานที่ธุรกิจจำเป็นต้องมี ทว่าการปรับตัวให้ทันและมีระบบที่ตรงต่อความต้องการจริงก็ยังคงเป็นเรื่องยากและท้าทาย  ด้วยแนวคิดนี้ Demeter ICT จึงได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ “Quickstart to Customer Service Success: สร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จด้านการบริการ เจาะปัญหาพาธุรกิจพิชิตใจลูกค้าด้วย Zendesk” งานสัมมนาที่จะพาคุณเจาะทุกประเด็นของการบริการลูกค้าให้บรรลุผลตั้งแต่กลยุทธ์ วิธีการ และการปรับใช้เทคโนโลยีให้ได้ผลลัพธ์ดั่งที่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็น Guide: แนวทางแก้ปัญหาและสร้างการบริการให้ชนะใจลูกค้า  Solution Tour: ทำไมถึงต้องเป็น Zendesk และ Zendesk ตอบโจทย์คุณอย่างไร? และไปให้ถึง Goal กับ Demeter ICT: แนะนำวิธีการปรับใช้เทคโนโลยีให้ได้ผลลัพธ์จริงและบริการของ Demeter ICT ที่จะช่วยวางระบบให้การสร้างการบริการลูกค้าของคุณง่ายขึ้นในเวลาเพียง 5 วัน วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 เวลา 14.00 – 15.30 น. ลงทะเบียนสำรองที่นั่ง ลงทะเบียนสำรองที่นั่ง สิ่งที่คุณจะได้รับจากการเข้าร่วม รู้ถึง Pain Points และวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุด เข้าใจ Pain Points ของการบริการตลอดจนขั้นตอนว่าจะแก้ปัญหาและสร้างการบริการลูกค้าที่บรรลุผลอย่างไรได้บ้าง แนวทางปรับเปลี่ยนการบริการให้ประสบความสำเร็จ เข้าใจวิธีการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาในแต่ละช่องทางอย่างมืออาชีพ การพลิกกระบวนการทำงานที่ไซโลให้ทันสมัย รับกับเทรนด์การทำงานในยุคปัจจุบัน แนวทางในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ทำความรู้จัก Zendesk สาธิตการใช้งานจริงและ Q&A ตอบทุกคำถาม ทำความรู้จัก Zendesk อันดับ 1 Digital Customer Service ที่มีผู้ใช้งานกว่า 170,000 รายทั่วโลกทั้ง...

Continue reading

รวมสุดยอดเคล็ดลับสร้าง Help center อย่างไร? ให้ประสบความสำเร็จ!

Help center หรือศูนย์ช่วยเหลือที่หลาย ๆ คนเคยพบเจอบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ คือการบริการลูกค้าแบบ Self-service รูปแบบหนึ่งที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมมากของลูกค้าในต่างประเทศ แต่ทำไมในประเทศไทยลูกค้าถึงไม่ค่อยนิยมใช้ระบบ Help center กัน ทุกคนเคยสงสัยไหมครับ? ทุกคนรู้หรือไม่ว่าจากผลสำรวจของ Zendesk (CX Trends) พบว่าลูกค้ากว่า 69% ชอบช่วยเหลือหรือหาคำตอบด้วยตนเอง (Self-service) เพราะว่ามันรวดเร็วและสะดวกที่สุด ฉะนั้นหรือจริง ๆ แล้วเรามีอะไรที่ทำพลาดไป ทำให้ระบบ Help center หรือการบริการลูกค้าแบบ Self-service ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับบริษัทและลูกค้าในประเทศไทยมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าระบบ Help center ของคุณยังไม่น่าสนใจพอหรือยังไม่ตอบโจทย์ของลูกค้ารึเปล่า? ซึ่งวันนี้ Demeter ICT มีเคล็ดลับวิธีการสร้างระบบ Help center ให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับภาพตัวอย่างระบบ Help center ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จมาฝากทุกคนกัน เคล็ดลับสร้างระบบ Help center ให้ประสบความสำเร็จ! 1. วางแผนกำหนดเป้าหมาย การวางแผนและกำหนดเป้าหมายจะช่วยบอกคุณได้ว่า คุณต้องการ Help center ไปช่วยในเรื่องใดของธุรกิจ? หากคุณกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะช่วยให้การสร้างระบบ Help center ง่ายยิ่งขึ้น เช่น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบการบริการตนเองและต้องการแบ่งเบาปริมาณงานของทีม Customer Service หรือไม่? หรือต้องการระบบฐานความรู้ของบริษัทหรือ Knowledge base ที่เก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทเพื่อเป็นฐานข้อมูลให้พนักงานในองค์กรสืบหาข้อมูลเป็นต้น 2. มุ่งเน้นที่ประสบการณ์และสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการ สิ่งที่คุณต้องคำนึงต่อมาหลังจากการกำหนดเป้าหมายแล้ว คือ ผู้ใช้งานต้องการอะไรบนระบบ Help center ของคุณบ้าง? เช่น คำตอบหรือวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เข้าใจง่ายและทำได้เอง การจัดระเบียบเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจนค้นหาได้ง่าย มีช่องการค้นหาบทความได้ทุกเรื่องที่ต้องการ เป็นต้น ทำอย่างไรก็ได้ให้การใช้ Help center เป็นเรื่องง่ายไม่ยุ่งยากเพราะถ้าหากว่า Help center ของคุณไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ใช้งานได้ อาจจะทำให้เขาเข้ามาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแล้วไม่เข้ามาอีก 3. ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีส่วนร่วม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่ได้พบเจอกับลูกค้า มักจะเข้าใจถึงความต้องการและปัญหาที่ลูกค้าพบเจอมากที่สุด...

Continue reading
แพ็กเกจ Google Workspace

ซื้อ Google Workspace แพ็กเกจไหนดี? เลือกไม่ถูก วันนี้มีคำตอบ!

ใช้ Google Workspace แพ็กเกจไหนดี? คำถามนี้คงเป็นคำถามที่หลายบริษัทต่างครุ่นคิดอยู่บ่อยครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ Google Workspace เพราะ Google Workspace นั้นมีหลายแพ็กเกจให้เลือกมากมาย ซึ่งแต่ละแพ็กเกจก็จะมีฟังก์ชันแตกต่างกันไป รวมถึงค่าใช้จ่ายก็ต่างกันด้วย แล้ว…จะเลือกแพ็กเกจไหนดีล่ะ? ดังนั้นวันนี้ Demeter ICT จึงได้ทำสรุปมาเบื้องต้นเพื่อให้คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจเลือกแพ็กเกจให้เหมาะสมต่อการใช้งานได้คุ้มค่ามากที่สุด  เน้นการใช้งานทั่วไป (รับ- ส่ง Email) หากคุณไม่เน้นการใช้งานด้านใดเลย เพียงแต่ต้องการใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น เช่น การรับ-ส่ง Email, ใช้ Google Docs, Google Sheets, และ Google Slides แบบเบื้องต้น ก็สามารถเลือกใช้งานแพ็กเกจ Business Starter หรือ Business Standard ได้ เพราะแพ็กเกจนี้มีค่าบริการเริ่มต้นที่ 137.5 บาทและ 330 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน ซึ่งถือว่าคุ้มมาก ๆ นอกจากราคาที่คุ้มค่าแล้วยังจะได้รับบริการจาก Demeter ICT ตลอดการใช้งานอีกด้วย ไม่ว่าจะใช้บริการกี่บัญชีหรือแพ็กเกจไหน เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญให้บริการแบบทั่วถึงแน่นอน เน้นการใช้งาน Google Meet หากคุณเน้นด้านการประชุมเป็นส่วนมาก เราขอแนะนำให้คุณเลือกแพ็กเกจอ้างอิงตามจำนวนผู้ใช้งานและผู้เข้าร่วมประชุม Business Starter – รองรับได้ 100 คน (ไม่สามารถบันทึกการประชุมได้) Business Standard – รองรับได้ 150 คน Business Plus และ Enterprise – รองรับได้ 500 คน ทั้งนี้ฟังก์ชันในการประชุมก็จะมีให้เลือกใช้มากมาย เช่น Q&A, Polls, Whiteboard, Breakout rooms (การแบ่งห้องย่อย), และการบันทึกการประชุม ซึ่งฟังก์ชันเหล่านี้จะมีในทุกแพ็กเกจ เว้นแต่แพ็กเกจ Business Starter ที่จะไม่สามารถบันทึกการประชุมได้ และหากคุณใช้ Gmail แบบฟรี (ส่วนตัว)...

Continue reading

Zendesk Package for Starter แพ็กเกจสุดคุ้มให้คุณพร้อมใช้ Zendesk ใน 5 วัน ประหยัด 30%

การจะนำซอฟต์แวร์สักตัวมาปรับใช้ในองค์กรไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะออกแบบ ขึ้นระบบ ศึกษาการใช้งาน แถมยังไม่แน่ใจอีกว่า ซอฟต์แวร์ตัวนั้น ๆ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้จริงไหม จะช่วยแก้ปัญหาในการทำงานของพนักงานได้จริงหรือเปล่า หรือคุ้มค่ามากแค่ไหน? Demeter ICT ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการ Zendesk เข้าใจในปัญหานี้ดี เราจึงได้ออกแบบแพ็กเกจใหม่สุดคุ้มสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน Zendesk เรียกได้ว่าหากคุณกำลังมองหาระบบสำหรับการบริการลูกค้า แต่ไม่อยากกังวลในเรื่องกระบวนการดำเนินงานที่ยาวนานล่ะก็ คุณได้มาถูกทางแล้ว เพราะแพ็กเกจนี้ คุณจะได้ Zendesk ไปพร้อมใช้งานใน 5 วัน โดยที่คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ? ในบทความนี้เราจะมาดูรายละเอียดของ ‘Zendesk Package for Starter’ หรือ ‘Zendesk แพ็กเกจสำหรับผู้เริ่มต้น’ กัน ทำไม Zendesk Package for Starter ถึงพิเศษ? ต้องขอเกริ่นก่อนว่า แพ็กเกจ Zendesk โดยทั่วไปจะมีด้วยกับ 2 แพ็กเกจ ได้แก่ Zendesk for service หรือ Zendesk สำหรับบริการ และ Zendesk for sell ซึ่งก็คือ Zendesk สำหรับการขาย และใน 2 แพ็กเกจนี้ก็จะแยกออกไปอีก 4 ระดับตามรายละเอียดฟีเจอร์ ได้แก่ Suite Team, Suite Growth, Suite Professional และ Suite Enterprise เรียกได้ว่าแบ่งแพ็กเกจตามประเภทการใช้งานชัดเจนเลยก็ว่าได้ สำหรับแพ็กเกจ Zendesk Package for Starter นี้จะเน้นไปที่จุดประสงค์ด้านการบริการเช่นเดียวกับแพ็กเกจ Zendesk for service ทว่าก็ยังมีส่วนที่แตกต่างกัน 1. Zendesk Package for starter มัดรวมทั้ง License และการบริการของ Demeter ICT...

Continue reading